เสียงของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วในยามนี้พาให้ฮูหยินเยวี่ยตกตะลึง ถึงกับลืมที่จะแยกแยะว่าเสียงนั้นคือเสียงผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่ ส่วนการตอบสนองของเยวี่ยเจาหรานก็ไม่ถือว่าช้านัก เขาโยนตะไบเล็บในมือลงแล้วลุกยืนขึ้น
เยวี่ยเจาหรานขึ้นหยิบผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมมาผืนหนึ่ง แล้วปิดรูจมูกของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างรวดเร็ว พลางตบหัวไหล่ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังสะอึกสะอื้นไม่หยุดเบาๆ ราวกับกำลังดูแลผู้ป่วยอัมพาตท่อนล่างอย่างไรอย่างนั้น เมื่อทำพอเป็พิธีแล้วจึงเอ่ยปลอบอีกครั้ง “เด็กดีๆ มาสั่งน้ำมูกก่อน อย่าร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาเลอะอย่างนั้นสิ”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็ถือว่าเชื่อฟัง นางพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ อย่างน่าเอ็นดู แล้วสั่งน้ำมูกใส่ในผ้าเช็ดหน้านั้นอย่างไร้ปรานี เยวี่ยเจาหรานเองก็ชื่นชมในความเด็ดเดี่ยวในการสั่งน้ำมูกของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมากทีเดียว เอ่ยชมอยู่ในใจแล้วช่วยนางเช็ดน้ำมูกอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงเงยหน้าหันไปยังมารดาของตนที่ตะลึงค้างไปแล้ว
“ท่านแม่ ทางนี้จัดการเสร็จแล้วข้าจะพานางกลับจวนเยี่ยน จะไม่ก่อปัญหาให้กับบ้านเราอีกแน่นอนขอรับ”
ฮูหยินเยวี่ยรีบพยักหน้า อาจเพราะรู้ตัวแล้วจริงๆ ว่าขุนพลน้อยเยี่ยนที่ลูกชายของตนแต่งด้วยผู้นี้ช่างวุ่นวายยิ่งนัก จนแทบอยากจะส่งเ้าตัวกลับไปเสียเดี๋ยวนั้น ไม่อยากจะให้อยู่ต่ออีกแม้ชั่วครู่เดียว
“ได้ ถ้าเช่นนั้นทางนี้ยกให้เ้าก็แล้วกัน...” ฮูหยินเยวี่ยเอ่ยตอบ แล้วจึงหมุนตัวเดินไปที่ประตู เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจหนักๆ ทีหนึ่ง จากนั้นจึงช่วยประคองผู้ป่วยสั่งน้ำมูกอีกครั้ง แต่เขากลับได้ยินไอเบาๆ ของฮูหยินเยวี่ยที่ยังเดินไปไม่ไกล จนทำให้เยวี่ยเจาหรานต้องเงยหน้ามองไปอย่างอดไม่ได้
ยังไม่ทันถามมารดาว่าหยุดอยู่ทำไม ฮูหยินเยวี่ยก็เอ่ยออกมาเองอย่างรู้ตัว “ลูกแม่ เ้านี่ไม่เลวเลยจริงเชียว”
และที่น่าขำที่สุดก็คือ ฮูหยินเยวี่ยนั้นเอ่ยชื่นชมไปพลางยกนิ้วโป้งให้เขาอย่างยกย่องไปพลาง ดูออกได้ว่าพึงพอใจในตัวเยวี่ยเจาหรานอย่างมากจริงๆ ที่รักษาพรหมจรรย์ของตนไว้ได้และยังขึ้นอยู่เหนือลูกชายของคนอื่นอีกด้วย
เยวี่ยเจาหรานไร้การตอบสนองไปชั่วครู่ สีหน้างุนงง แต่เมื่อมองแววตาที่เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อของมารดาตนแล้ว เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยอย่างหนักแน่น เอ่ยตอบ “โชคดีที่ได้ท่านแม่สอนสั่งมาอย่างดี”
……
สอนสั่งมาอย่างดี? มารดาสอนลูกชายให้ไปทำมิดีมิร้ายสตรีมีสกุล เช่นนี้เรียกว่าสอนสั่งมาดีอย่างนั้นหรือ? เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ยังไม่ตื่นเต็มตาดีนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดนั้นก็โมโหจนอยากตีคนขึ้นมา นางยกมือขึ้นอย่างแน่วแน่ ฉวยโอกาสตอนที่เยวี่ยเจาหรานมัวเอ่ยชื่นชมกันไปมากับมารดาของตนอยู่นั้น บีบเนื้อที่เอวของเยวี่ยเจาหรานเอาไว้ แล้วออกท่าไม้ตาย...
“อ๊าก——!”
เยวี่ยเจาหรานที่โดนหยิกจุดมิ่งเหมิน [1] อย่างกะทันหันไม่อาจทานทน เขาร้องเสียงแหลมออกมา แต่ก็ไม่สามารถดึงให้มารดาที่รีบสาวเท้าหนีไปนั้นหันกลับมามองได้เลย เหลือเพียงเสียงร้องโหยหวนดังระงม
“เ้าทำอะไรน่ะ! ละอายใจต่อน้ำมูกที่ข้าช่วยสั่งบ้างหรือไม่?!” เยวี่ยเจาหรานนวดคลึงเอวของตนอย่างเ็ป พร้อมโยนผ้าเช็ดหน้าที่ห่อน้ำมูกของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทิ้งด้วยความโมโห ทำท่าทางที่คิดไปเองว่าดุร้ายมากแล้วหันไปต่อว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว
ทว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด นางที่ตื่นตัวขึ้นมาพอสมควรแล้วในยามนี้นั้น จมอยู่ในความโกรธเกรี้ยวและแค้นเคืองที่สูญเสียความบริสุทธิ์
“สั่งน้ำมูก? เ้าเคยเห็นคนเ้าชู้คนไหนได้มีสัมพันธ์กับคนนั้นคนนี้ไปทั่วเพราะเขาช่ำชองการช่วยคนอื่นสั่งน้ำมูกหรืออย่างไร?!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วระบายความคับแค้นของตนเองออกมาราวกับะุปืนยิงรัว นางดึงผ้าไหมผืนใหม่มาผืนหนึ่งแล้วสั่งน้ำมูกอย่างรุนแรง...
“บ้าเอ๊ย! นั่นมันผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ที่ข้าเพิ่งจะซื้อมาจากร้านหรูอวี้ที่ถนนตะวันตกนะ งานปักนี้ แพรต่วนนี้ เ้าเอามาสั่งน้ำมูกอย่างนั้นหรือ?! เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเ้า...”
เยวี่ยเจาหรานมองผ้าเช็ดหน้าผืนใหม่ของตนที่ถูกเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วแย่งไปสั่งน้ำมูก ก็โกรธจนเหมือนจะกรีดร้องออกมา… ทว่าตัวเขาเองก็แปลกใจเช่นกันว่า ชายแท้คนหนึ่งอย่างตนนั้นเหตุใดจึงเสียอาการเช่นนี้เพียงเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง? หรือว่าจะเคยชินกับการเป็ผู้หญิงไปแล้วจริงๆ...?
ไม่ๆๆ เนื่องจากความคิดนี้ช่างน่ากลัวเกินไป เยวี่ยเจาหรานจึงบังคับตัวเองให้ยอมรับเหตุผลที่รู้สึกโกรธไปว่า น่าจะเป็เพราะผ้าเช็ดหน้ามันแพงเกินไป...
คงไม่มีใครคาดคิดว่าเื่ตลกที่เกิดซ้ำไปซ้ำมามาตลอดเช้านี้จะจบลงเพราะผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง ในทำนองเดียวกัน ก็คงไม่มีใครรู้ว่า ละครตลกร้ายจอั์ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานนั้น ผลสุดท้ายจะดำเนินไปในทิศทางใด และจะจบลงเช่นไร
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่เสียเนื้อเสียตัวในตลกร้ายที่เหมือนกับยิงเสียประตูตัวเองนั้นได้กลายเป็เื่จริง แม้พายุลูกนี้จะรุนแรงเพียงใด ก็ไร้ซึ่งหนทางแก้ไข ไม่มีทางทำอะไรได้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำได้เพียงขุ่นเคืองอยู่ในใจและฝืนยอมรับมัน
สำหรับเื่นี้ เห็นได้ชัดว่าเยวี่ยเจาหรานไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลย อย่างแรกตนก็ไม่ได้เสียเปรียบ แถมยังเหมือนกับได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ อีกต่างหาก อย่างที่สองความสามารถในการยอมรับความจริงของเยวี่ยเจาหรานนั้นชัดเจนว่าแข็งแกร่งกว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไม่น้อย อาจเป็เพราะหลังจากที่ทั้งสองพัวพันกัน เื่บ้าบอคอแตกทั้งที่คาดการณ์ได้และไม่อาจคาดถึงนั้นมีมากมายเกินไป หากใช้เวลายอมรับยากเย็นไปเสียทุกเื่ เกรงว่าคงเหนื่อยตายไปเสียก่อน ด้วยเหตุนี้เยวี่ยเจาหรานที่มองเหตุการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่งนั้น จึงไม่รู้สึกโศกเศร้าอ่อนไหวกับเื่พวกนั้นอีก
หลังจากจัดการกับความยุ่งเหยิงในห้องแล้ว เยวี่ยเจาหรานก็คลำไหมลายเมฆอันประณีตบรรจงบนแขนเสื้อกว้างของตนเบาๆ แล้วลูบหัวเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างปลอบใจ
“เก็บของเสร็จแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
เยวี่ยเจาหรานในวันนี้นั้น ช่างเหมือนกับผู้ชายอบอุ่นดีๆ คนหนึ่ง อาจเพราะเขาเข้าใจะเิลูกใหญ่จากการเสียตัวอย่างฉับพลันของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว จึงเกิดมโนธรรมในใจได้ทันเวลา และปกปิดเอาไว้
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วได้ยินดังนั้นก็เงยหน้าซึมกะทือขึ้นมา ท่ามกลางดวงตาที่เหม่อลอยนั้นฉายความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างยากจะปิดบัง นางปิดปากแน่นไม่เอ่ยแม้แต่คำเดียว เยวี่ยเจาหรานอับจนหนทาง จึงได้แต่ยักไหล่แล้วอุ้มเ้าตัวขึ้น
“เห็นแก่เ้าในวันนี้ ข้าจะอุ้มเ้ากลับก็แล้วกัน”
เมื่อเจอเข้ากับการกระทำเหนือคาดของเยวี่ยเจาหราน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นกลับไม่เอ่ยคำสบถออกมาอย่างว่านอนสอนง่ายซึ่งหาได้ยาก นางยอมรับความสุขนี้อย่างเงียบๆ เหลือเพียงแขนสองข้างอันปวดร้าวและคำจิกกัดอย่างแข็งกร้าวสุดท้ายของเยวี่ยเจาหราน “เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เ้าหนักชะมัด”
……
เยวี่ยเจาหรานพาเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่กึ่งมีสติขึ้นรถม้าไปอย่างยากลำบากแล้ว ก็ยังต้องรักษาใบหน้าพ่อแม่ของตนด้วย เขาลงจากรถแล้วอำลาแต่ละฝั่งซ้ายขวา กระทั่งดวงตะวันหยุดอยู่กึ่งกลางท้องฟ้า เวลาผ่านไปครึ่งวันอย่างรวดเร็ว ในที่สุดรถม้ากลับจวนของเยี่ยนและเยวี่ยทั้งสองก็แล่นไปบนเส้นทาง
“หากข้าไม่ได้ลงมาจากเขาหัวซาน ข้าก็จะไม่ได้แต่งกับเ้า หากข้าไม่ได้แต่งกับเ้า ข้าก็ไม่ต้องไปแสดงการรำกระบี่ที่งานฉลองของฮ่องเต้ หากข้าไม่ได้ไปรำกระบี่ที่งานฉลองของฮ่องเต้ ข้าก็ไม่ต้องพาเ้ากลับบ้านพ่อแม่บ้าบออะไรนี่ หากข้าไม่ได้พาเ้ากลับมาคารวะบ้านฝ่ายหญิง ข้าก็จะไม่ได้ดื่มเหล้ากับพ่อเ้า หากข้าไม่ได้ดื่มเหล้ากับพ่อเ้า ข้าก็จะไม่ได้ดื่มเยอะจนร้องเพลงสะเปะสะปะ หากข้าไม่ได้ดื่มเยอะจนร้องเพลงสะเปะสะปะ ข้าก็จะไม่ได้หลับนอนกับเ้า...”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่ดูเหมือนจะไม่มีสติสตังเอ่ยคำพูดยาวเป็พรวนนั้นออกมาเป็รอบที่หก ในใจของเยวี่ยเจาหรานก็เริ่มรู้สึกเสียใจที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจร่ำเรียนวิชาการต่อสู้มาเสียหน่อย เพราะหากเขาตั้งใจเรียนกังฟูมาั้แ่แรกล่ะก็ ตอนนี้ก็คงสามารถซัดใส่ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ คนนี้ให้สลบสักหมัด จะได้ไม่ต้องฟังนางพูดพล่ามไม่รู้จบ...
เชิงอรรถ
[1] จุดมิ่งเหมิน (命门) หรือจุดประตูชีวิต ทางการแพทย์แผนจีนเป็ตำแหน่งที่กักเก็บชี่ก่อนกำเนิด เป็แหล่งกำเนิดและรากฐานของชีวิต อยู่ตรงแนวกึ่งกลางกระดูกสันหลังบริเวณเอว ที่ร่องใต้ข้อต่อกระดูกบั้นเอวข้อที่ 2
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้