ตอนนั้นเองที่เซี่ยโหวอู่ชำเลืองมองฉินอู๋ซวงด้านข้าง ส่งสายตาให้ ราวกับว่าตัดสินใจเด็ดขาดบางอย่าง เขาตะเบ็งลั่น “มัวนิ่งอยู่ทำไม สู้สิ...”
เอ่ยจบ ดาบยาวในกำมือก็เสือกออกไป ชิงลงมือก่อนในฉับพลัน
ฟิ้ว!
ไอดาบเป็สายผ่านอากาศสู่หลินนั่ว
แรงลมโหมกระพือ
การกระทำเช่นนี้ปั่นป่วนจุดสมดุลอันบอบบางในพริบตา
หลินนั่วหลบคมดาบแวบไวเสมือนสายฟ้า สองตาะเิแววตัดสินใจ เขากัดฟันแล้วหัวเราะเย็นพลางว่า “เฮอะๆ คิดว่าจะหลอกสำนักหงส์ฟ้าได้งั้นหรือ? พวกเ้ามัวรออะไรอยู่ ลงมือเลย!”
าพลันปะทุ
เจิ้งข่าย ติงหลีโยวและตู่ชาสามคนผู้สีหน้ามืดมนเกือบจะลงมือพร้อมกันในขณะนั้น
พวกเขากลัวเ่ิูจะฆ่าแน่นอนอยู่แล้ว
ทว่าไม่ได้หมายความว่า พอเผชิญหน้ากับสี่คนรวมฉินอู๋ซวงด้วยนี่ พวกเขาจะล่าถอยเสียหน่อย
เพราะศิษย์จากหงส์ฟ้าเชื่อมั่น ว่าเหล่าคณาจารย์าุโของสำนักกวางขาวต้องมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ผ่านภาพสะท้อนอักขระอยู่ นั่นก็ยิ่งแสดงว่าไม่มีทางถอยกลับได้อีกแล้ว สภาพการณ์มาถึงขั้นนี้ ใครถอยไปก้าวหนึ่งก็เท่ากับความขายขี้หน้าและขี้ขลาดตาขาว
“รวมพลังป้องกันศัตรู”
ฉินอู๋ซวงะโลั่น ดาบไร้ขอบเขตในมือสั่นสะท้านขึ้นมา อักขระสีเงินอ่อนลอยรวนขึ้นมา ดั่งัเงินโอบล้อมพันรอบตัวดาบ พลังขึ้นลงดุเดือด เขาเป็หนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดจากสำนักกวางขาวตรงหน้า การลงมือคราวนี้ต้องเปี่ยมด้วยกำลังและอำนาจเป็แน่ ท่วงท่าแห่งผู้กล้าแกร่งสำแดงออกมาชัดแจ้ง
“เฮอะๆ...” เจิ้งข่ายหัวเราะพลางกวาดไม้เท้าั์ในกำมือตัวเองเข้ารับการจู่โจมจากฉินอู๋ซวง
สองร่างสู้ศึก
ฝุ่นควันตลบอบอวล
เซี่ยโหวอู่และหลินนั่วสู้ได้ทีหนึ่ง ก็เจอผู้ถือไพ่ต่ำกว่าเสียแล้ว
เซี่ยโหวอู่ถูกโจมตีจนกระเด็นไปล้มโครมอยู่ต่อหน้าสองสตรีตระกูลซ่ง
หลินนั่วเยื้องกรายเข้าใกล้เตรียมฆ่าด้วยรอยยิ้ม
“ช่วยข้าด้วย...” เซี่ยโหวอู่ร้องลั่น ขอความช่วยเหลือจากอิสตรีทั้งสองนาง
วงล้อมแห่งาผันมาที่ฟากเด็กสาวตระกูลซ่งแล้ว
ซ่งชิงหลัวรู้ว่าศึกนี้ไม่อาจหลีกลี้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางตบไหล่่เี่ิ บอกให้ระวังตัว นางแบมือเรียวออก อาวุธิญญาชิงหลัวปรากฎขึ้น หน่ออ่อนและต้นกล้าเขียวมรกตกลายเป็เถาวัลย์ดั่งัอสรพิษ ดุจสายฟ้าสีเขียวบินรี่ออกไป เปิดปฐมบทจู่โจม
เถาวัลย์สีเขียวจากหนึ่งกลายเป็สอง จากสองเป็สาม สามเป็สิบ ราวกับงูเหลือมบ้าพันสังหารอย่างคลุ้มคลั่ง
่เี่ิตัวน้อยกระตุ้นกำลังภายใน เปลวไฟโคจรอารักขารอบกาย ช่วยเหลือซ่งชิงหลัว ลูกไฟสองดวงโหยหวนผ่านภา นำพาพลังงานรุ่มร้อนแผดเผาปิดตายทางหนีของหลินนั่ว
หลินนั่วความเร็วเหลือล้น กายแวบไปมากลางอากาศเป็ภาพหลอกตา เขาโยนเซี่ยโหวอู่ทิ้งแล้วตรงไปฆ่าดรุณีสองนาง
เซี่ยโหวอู่หล่นลงบนพื้น เดินโซซัดโซเซแต่ไม่คิดจะกลับไปต่อสู้ กลับถอยไปตั้งหลักรอบสมรภูมิรบช้าๆ ตามองรอบด้าน สำรวจอีกสองคนที่เหลือว่าจะกระทำอย่างไร
ติงหลีโยวและตู่ชาทั้งสอง ยังไม่คิดจะลงมือทำอะไรในทันที
เพราะถูกเ่ิูฆ่าไปหลายครั้ง ใจของทั้งสองจึงยังบอบช้ำอยู่บ้าง คอยระแวดระวังด้วยความเร็ว กลัวจะเหมือนคราวที่แล้วๆ มาซึ่งาามารเย่โรยตัวลงมาจากฟากฟ้าราวกับเทพ ลงมือสังหารอย่างฉับพลัน สภาพแบบนั้นเรียกง่ายๆ ว่าฝันร้ายดีๆ นี่เอง สำหรับติงหลีโยว ตู่ชาและศิษย์สำนักหงส์ฟ้าในที่นี้แล้ว สิ่งที่กวนใจพวกเขามากที่สุดก็คือเ่ิู ศิษย์จากกวางขาวคนอื่นนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ขอเพียงมั่นใจว่าเ่ิูไม่เผอิญเดินอยู่ใกล้ๆ นี้ พวกเขาก็เชื่อมั่นในชั่วนาทีนั้นว่าจะสามารถฆ่าศิษย์กวางขาวทั้งสี่คนนี้ได้แน่นอน...
“ขอแค่ข้าหนีไปเทวรูปปกปักได้ก่อนเถอะ เท่านั้นก็ปลอดภัยเต็มร้อยแล้ว แต่ว่า หากสองคนนั้นไม่ลงมือ ข้าก็หนีไม่รอดอยู่ดี...” เซี่ยโหวอู่ั์ตาเป็ประกาย พอเห็นติงหลีโยวและตู่ชาไม่ยอมลงมือแล้วก็บังเกิดความร้อนใจอย่างไม่อาจห้าม โดยเฉพาะกับตู่ชา ที่เขาถูกฆ่าสายฟ้าแลบสองครั้งติด ล้วนทำให้ความกดดันในใจพุ่งพล่านอย่างสูง เขารู้อยู่แก่ใจว่าในขอบเขตห้าร้อยเมตรนี้ ตนหมดหนทางจะสลัดเ้าตู่ชาไม่ให้ตามล่าได้
นอกเสียจากว่าตู่ชาจะถูกกักล้อม
เซี่ยโหวอู่เริ่มประมาณการในใจช้าๆ
เขาเลือกทางเดินดีแล้ว ส่งสายตาให้ฉินอู๋ซวงอีกทางหนึ่ง จากนั้นก็คว้าดาบยาวกำไว้ ท่าทีจะออกแรงช่วยอย่างชัดเจน เด็กหนุ่มเดินไปใกล้วงสู้รบสามคนระหว่างสองพี่น้องซ่งและหลินนั่ว ดาบคมรับการจู่โจมหลายครั้ง...
“ระวัง!”
เซี่ยโหวอู่หายใจหอบเหนื่อยเมื่อมาถึงข้างๆ ซ่งชิงหลัว ทักทายเป็กระษัย
ซ่งชิงหลัวอยากจะพูดบางอย่าง ฉับพลันสีหน้าเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป มุมปากคลี่เป็ยิ้มชั่วช้า ฝ่ามือตีหลังซ่งชิงหลัวเต็มแรง นางตั้งตัวไม่ทันจึงถูกฝ่ามือนั้นจู่โจมจนลอยลิ่วสู่ตู่ชาและติงหลีโยวที่อยู่ห่างออกไป...
“เ้าทำอะไรน่ะ?” ่เี่ิตะลึงงัน
ในยามฉุกละหุก เด็กหญิงตัวเล็กจิตใจบริสุทธิ์ไม่อาจโต้ตอบอะไรได้เลย
“ข้าน่ะไม่ได้โง่ขนาดจะมาตายเป็เพื่อนพวกเ้าที่นี่หรอกนะ ข้าตายมาสองครั้งแล้ว ข้ารู้ดีว่ารสชาติมันเป็อย่างไร...” เซี่ยโหวอู่ยิ้มโฉด เขาเงื้อมืออีกครั้ง กำลังภายในะเิทะลัก ตบร่างเล็กของนางลอยไปหาหลินนั่ว เสียงพลังกัมปนาท ทุกอย่างกระทำอย่างไม่คิดเห็นใจ
ความเปลี่ยนแปลงน่าตะลึงครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้ตัวที่สุด
คนในสมรภูมิอึ้งกันหมด
่เี่ิและซ่งชิงหลัวไม่คาดคิดเลย
หลินนั่ว ตู่ชาและติงหลีโยวสามคนก็นึกไม่ถึงเช่นกัน
และซ่งชิงหลัวที่ลอยมานั้น ตู่ชาและติงหลีโยวก็ลงมือตามสัญชาตญาณ ไอกระบี่น่าสะพรึงเรืองรอง กระบี่ทรงพลังคมกริบฟันอากาศธาตุะเิระเบ้อ ซ่งชิงหลัวที่ไร้หนทางหลบหนีถึงจะกระตุ้นชิงหลัวจนถึงขีดสุดก็ทำได้แค่ต้องปะทะกันซึ่งๆ หน้าเท่านั้น คมดาบเต็มไปด้วยโลหิต ร่างอรชรถูกจู่โจมเต็มเปา แม้แต่เสียงร้องสักแอะยังไม่มี กลายเป็หมอกเืสาดซัดในอากาศ
และ่เี่ิเองก็าเ็เช่นกัน
พอนางถูกจู่โจมจนกระเด็นก็มาถูกสนับดาบของหลินนั่ว เอวราวกับถูกเสียดแทงจนเป็รูโบ๋
เืสดไหลท่วม
ขณะเดียวกันนั้น เซี่ยโหวอู่ก็ได้ลุแก่แผนชั่วที่ตนวางไว้มานานสำเร็จ
เขาเหมือนหมาข้างถนนกระโจนหางจุกตูดไปใต้เทวรูปปกปักอย่างไม่คิดชีวิต แม้แต่หลินนั่วที่คอยระวังภัยในมุมมืดมาตลอดยังนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเื่พรรค์นี้ขึ้น หลังเื่ไม่คาดฝันจนดึงสติกลับมาไม่ทัน เซี่ยโหวอู่ก็ถือโอกาสหนีเป็หมาสวะจนตรอก เข้าไปในเขตคุ้มครองของเวทรูปปกปักอย่างเอาเป็เอาตาย ปลอดภัยในสถานที่นั้นชั่วคราว...
คนที่สองซึ่งมีปฏิกิริยา กลับเป็ฉินอู๋ซวง
ตอนที่เซี่ยโหวอู่ลงมือนั้น ฉินอู๋ซวงก็เหมือนรู้กันดี เขาแผดเสียงโกรธขึ้งแล้วะเิพลังที่แข็งแกร่งที่สุดออกมา ดาบไร้ขอบเขตและไม้เท้ายาวปะทะกันรุนแรง เซี่ยโหวอู่ยืมพลังที่สะท้อนกลับมานั้นสั่นลอยออกมาร้อยเมตร โกยไม่คิดชีวิตสู่ทิศทางของเทวรูปปกปัก สองร่างที่ร่วงหล่นดังดาวหาง เข้าสู่เขตของเทวรูปปกปัก!
ศิษย์ชั้นสูงสองคนนี้ พ้นจากความลำบากในพริบตา
สมรภูมิวินาทีนั้น มีความเงียบเสมือนตายซากเข้าปกคลุม
หลินนั่วและศิษย์จากหงส์ฟ้าทั้งหลายหลังสิ้นความอึ้งเพียงครู่แล้ว ต่างก็มองหน้ากันไปมา ใบหน้าล้วนมีแววนึกไม่ถึง
นี่...มันเื่บ้าอะไรกัน?
ตัวเป็ถึงศิษย์ของหนึ่งในสิบยอดสำนัก พวกเขาไม่ได้ร่วมศึกใหญ่ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนี้เป็ครั้งแรกแน่นอนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ ได้พบเจอคู่ต่อสู้แตกต่างกันมากมาย แล้วก็พบสถานการณ์ฉับพลันคาดไม่ถึงมานักต่อนัก ทว่าที่ผ่านมาก็ไม่เคยพบเคยเห็น การกระทำน่าขายขี้หน้า ขี้ขลาด หักหลังได้แม้แต่เพื่อนตัวเองอย่างนี้มาก่อน
ศิษย์สำนักหงส์ฟ้ารู้อย่างแจ่มแจ้ง ว่าเื่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ต้องมีเบื้องสูงของสำนักกำลังจับตามองอยู่
ศิษย์สำนักกวางขาวไกลๆ สองคนนั่น กระทำเื่ทั้งหมดนี้ได้อย่างไร้ความเกรงกลัว หลบหนีไปอยู่ใต้เทวรูป กล้าแม้แต่ยิ้มดีใจ ราวกับชนะศึกแล้วก็ไม่ปาน หรือคนพวกนี้จะเป็พวกโง่บรมสมองพิการกระนั้นหรือ?
เขากล้าทำเื่หักหลังสังหารเพื่อนตัวเองได้ลงคอ?
หรือเขาจะไม่กลัวว่าเมื่อการแข่งใหญ่ครานี้จบลงไปแล้วจะเจอบทลงโทษของสำนักกวางขาว?
หรือจะกลายเป็ว่า สำนักกวางขาวไม่ลงโทษการกระทำเช่นนี้?
หลินนั่วเก็บสนับดาบกลับ ถอยกลับลอยตัวด้วยสีหน้าแปลกประหลาด พลังอำนาจของสนับชัดเจนยิ่ง าแหนักหนาขนาดนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้ได้กลับบ้านเก่า ไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
ฟิ้ว!
สายเืกระฉอกออกมาจากาแกลางอกดรุณีน้อย ราวกับน้ำพุพวยพุ่ง
ร่างกายของนางกำลังสั่นเทิ้มบางเบา
นางดูเหมือนจะเค้นกำลังทุกส่วนที่มีเพื่อที่จะไม่ล้มลงไป ก่อนหันหลังกลับมาอย่างยากเย็น กายเล็กสะโอดสะองเอนไหวเหมือนต้นหลิวไร้ที่พึ่งพิงยามมรสุม เืสดทำปฐีเป็สีเื ดวงตางดงามบริสุทธิ์ไร้ราคี ส่วนหนึ่งในแววตานั้นโกรธเกรี้ยว มองเซี่ยโหวอู่ที่หนีไปใต้เทวรูปแล้วถาม ขึ้น“เ้า...เพื่ออะไร?”
เซี่ยโหวอู่เพียงยิ้มชั่ว
“เ้า...พี่ชิงหยู ต้องไม่ปล่อยเ้าแน่”
ตอนที่เอ่ย แววตาของดรุณีน้อยก็วับวามด้วยสีสันไร้ที่มา
ทว่าเซี่ยโหวอู่กลับยิ้มพึงใจ “อย่างน้อยก่อนที่ศึกใหญ่นี้จะจบลง เขาก็ไม่มีทางรู้เื่ที่เกิดขึ้นนี้ได้ รอศึกเสร็จสิ้น ทุกอย่างก็สายไปแล้วเถอะ...เฮยๆ อีกอย่างนะ เ้าตายในเงื้อมมือศัตรู มิใช่ข้าฆ่าเ้านี่...เ้าก็แค่ลูกโทนโดดเดี่ยว ซ่งชิงหลัวก็เป็แค่ลูกสาวของหัวหน้าเครือการค้าเครือเดียว จะเป็จะตายก็ไม่เห็นต้องเครียดเคร่งเลย ยังไม่นับที่ไม่ได้ตายจริงด้วยนะ”
“เ้า...คนเลว...ชั่วช้า...” สีเือ่อนจางค่อยๆ ปกคลุมดวงตาที่เคยใสของนาง ร่างกายพลันสั่นสะท้านกะทันหัน เหมือนจะเป็ปฏิกิริยาของการาเ็สาหัสและเสียเืมาก แล้วก็เหมือนจะเป็การเปลี่ยนแปลงน่าประหลาดจากภายในร่าง นางด่าด้วยถ้อยคำที่ตนคิดว่าหยาบช้าที่สุดแล้ว “เ้าต่ำทราม!”
“ต่ำทรามหรือ?” เซี่ยโหวอู่หัวเราะเย็น “พอเถอะน่า เ้าเลิกด่าเสียเถอะ เ้าจะตายอยู่รอมร่อแล้วนะ ข้าไม่หารือกับคนตายหรอก”
“ข้า...” ร่างกายนางยิ่งสั่นแรงขึ้นไปอีก
โกรธเกรี้ยว
ชิงชัง
ความโกรธและเกลียดชังที่ไม่เคยมีมาก่อนบัดนี้พื้นที่ใจของนางจนหมดดวง
นางมีความรู้สึกที่ยากจะควบคุมไว้ได้ อยากจักบุกเข้าไปหาไอ้สารเลวต่ำช้านั่น ฉีกมันเป็ชิ้นๆ ฉีกทีละนิดๆ จนกลายเป็เศษสวะ ในใจราวมีเปลวไฟผลาญเผา อกราวกับมีบางสิ่งะเิออกมา
จากนั้น เื่ไม่คาดฝันก็ย่างกรายมาถึง
สองตานั้นปกคลุมด้วยสีเืแดงฉานอย่างหมดจด
เป็สีสันเข้มข้นดั่งโลหิตจริง
สีของการทำลายล้างและดับสูญ
ั์ตานางไม่เหลือส่วนขาวหรือลูกตาดำ เบ้าตาแผ่ลำแสงสีแดงออกมาสองสาย กลิ่นอายน่ากลัวเสมือนมัจจุราชเยื้องกรายมาเข่นฆ่าชีวันบนโลกหล้า ตอนที่สีแดงปกคลุมนี้เอง ราวกับมีอสูรพิสดารบางตัวที่แอบซ่อนในร่างเล็กถูกปลุกขึ้นมา พลังทำลายล้างบานสะพรั่ง ทำคนตัวสั่นงันงกอย่างห้ามไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้