ชายชรานั้นแค่นเสียงเ็าเร่งเร้าพลังลมปราณ ใส่แขนเสื้อจากนั้นโบกสะบัดใส่ใต้เท้าพลังลมปราณสาดใส่กองทรายกุยทรายทั้งหมดขึ้นข้างบนกวาดใส่ อวี้เทียนเฉิน ไท้หยูและเนี่ยนซู ตัวเขาะโปราดขึ้นจากหลุมทรายกู่ร้องเสียงกังวานโถมร่างเตะกวาดใส่ท่อนล่างของอวี้เทียนเฉิน อวี้เทียนเฉินตบมือที่ข้างเอว อาภรณ์ที่สวมใส่บังเกิดแสงสว่างวาบจากนั้นอาภรณ์แข็งขึ้น เท้าของชายชราพอเตะใส่กับเสียงเคร้งคล้ายเตะใส่แผ่นเหล็กหนา อวี้เทียนเฉินไม่ะเืแม้แต่น้อย
ยามนั้นเสียงขวับขวับขวับของลูกเกาทัณฑ์ยิงใส่ที่ด้านข้าง ชายชราปลดปล่อยลมปราณในอากาศคล้ายมีมือที่มองไม่เห็นคุมลูกเกาทัณ์ทั้งสามดอกยิงใส่อวี้เทียนเฉิน
อวี้เทียนเฉินใช้ยันต์เขียนทับใส่อาภรณ์ให้เป็เหล็กกล้า ดังนั้นทั้งร่างหนักอึ้งยิ่งใน่ระยะสั้นๆ ยังขยับไม่ได้ เกาทัณฑ์ทั้งหมดพุ่งใส่ใบหน้า
ไท้หยูที่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นพลันโบกมือขวา นิ้วชี้นิ้วกลางทำท่าคีบเหมือนตะเกียบก็ดึงลูกเกาทัณฑ์นั้นวกเลี้ยวกลับมากล่าวคำ
“ขอยืม” จากนั้นซัดใส่ที่ด้านหลัง เกาทัณฑ์ที่แฝงพลังของคนสองคนรุนแรงยิ่งพุ่งใส่คนที่ซ่อนตัวที่ด้านหลัง ไท้หยูะโคำว่า “พวกเราสลับกัน” พลางะโปราดไปทางด้านนั้น เนี่ยนซูก็พุ่งจู่โจมใส่หญิงสาวสุดยวนยั่วนั้น ไม่ทันเห็นว่าเนี่ยนซูล้วงมือไปในถุงแพรที่ข้างเอวั้แ่เมื่อใด เพียงได้ยินเสียงแหลมเล็กหวีดหวิวที่อากาศเกิดประกายดุจสายฟ้าขึ้นแวบหนึ่งอาวุธลับรูปดาวห้าแฉกก็พุ่งใส่ใบหน้าทรวงอกของอีกฝ่าย
หญิงสาวนั้นแค่นเสียงดังเหอะ อาภรณ์ที่แบบบางถูกลมปราณแผ่พุ่งใส่แขนเสื้อยืดยาวรวบขึ้นปัดป่ายใส่อาวุธลับทั้งหมด เสียงติงติงติงดังหลายครา อาภรณ์ที่เบาบางนั้นกลายเป็แข็งขึ้นมา อาวุธลับทั้งหมดถูกปักเอาไว้
ทันใดเนี่ยนซูหัวเราะหึในลำคอ ตบมือสองข้างเข้าด้วยกันเสียงเปรี้ยะดังขึ้นเนี่ยนซูกล่าวว่า “แปรเปลี่ยน” อาวุธลับทั้งหมดที่ปักอยู่พลันหลอมละลายจากนั้นยืดยาวรวมกัน เนี่ยนซูกล่าวคำ “ทิ่มแทง” เหล็กเหลวที่หลอมละลายรวมเป็ของแหลมคมคล้ายตอไม้แหลมพลันแทงออก
เสียงเปรี้ยงอาภรณ์ที่แข็งตัวของหญิงสาวผู้นั้นถูกแทงใส่ร่างผละไปด้านหลังเล็กน้อย ตอไม้เหล็กนั้นก็แหลกสลายเป็ผุยผง หญิงสาวมีเืออกมุมปากสีหน้าพลันเปลี่ยนเป็โกรธเกรี้ยวพลันตวาดว่า
“บุรุษเหม็นเน่ายังไม่ลงมืออีก” พลางฉีกแขนเสื้อออกมาแถบหนึ่งถือด้วยมือซ้าย แขนเสื้อนั้นกอปรเป็กระบี่ใสมองทะลุเล่มหนึ่ง นางพลันขว้างกระบี่ใสออก มือขวาประกบเป็ปางมือชี้ใส่เนี่ยนซู กระบี่ที่กอปรจากแขนเสื้อกลับแผ่จิตสังหารรุนแรงแสบผิวออกมา นางกลับฝึกอาวุธคู่กายเป็ผ้าแพรที่สวมใส่
เนี่ยนซูหยิบอาวุธลับเป็เหล็กก้อนกลมออกมากล่าวคำ “แปรเปลี่ยน” เหล็กก้อนในมือก็กลายเป็ของเหลวสร้างเป็แผ่นเหล็กหนาใหญ่ต้านปะทะกับกระบี่ใส เสียงเปรี้ยะ เมื่ออาวุธทั้งสองปะทะกันแผ่นเหล็กของเนี่ยนซูมีรอยแตกร้าว กระบี่ใสหม่นแสงลงเล็กน้อย
เนี่ยนซูพลันซัดก้อนกลมสี่ก้อนใส่พื้น เสียงเพล้งเมื่อแผ่นเหล็กของนางแตกออก เนี่ยนซูประกบมือ ก้อนเหล็กที่ตกใกล้ที่สุดพลันกลายเป็แท่งเหล็กหนาเท่าต้นขาของนางพุ่งขึ้นฟ้า แทงใส่กระบี่ใสจนกระเด็น พร้อมกันนั้นก้อนกลมอีกสามก้อนพลันตกล้อมหญิงสาวผู้นั้นพลันเปลี่ยนเป็โซ่หนาสามเส้น พุ่งใส่ราวกับอสรพิษคิดจะพันธนาการร่างของนางเอาไว้
หญิงสาวนั้นกรีดร้องออกมาเห็นชัดๆ ว่าโซ่กำลังจะพุ่งม้วนพันร่าง ทันใดเนี่ยนซูพลันกรีดร้องออกมาะโถอยหลังหลายครา ที่ใต้เท้าและต้นขามิทราบมีตะขาบสีแดงสีเขียวคลานขึ้นมาั้แ่เมื่อใด ตะขาบสองตัวกัดใส่ต้นขาของนางเขี้ยวแหลมคมนั้นเป็สีหม่นแสงนับว่ามีพิษรุนแรงยิ่ง เนี่ยนซูได้แต่ละความสนใจจากหญิงสาวนั้นตวัดอาวุธลับออกสองดอกปักใส่ตะขาบทั้งสองตัวตาย
ทันทีที่เนี่ยนซูเลิกประกบมือละสายตาจากหญิงสาว โซ่เหล็กที่กำลังจะรวมตัวกันก็หมดสภาวะหล่นเคร้งลงกับพื้น อาภรณ์ส่วนที่ถูกตะขาบกัดเปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำเขี้ยวพิษไม่สามารถแทงทะลุเนื้อผ้าลงไปได้ อาภรณ์ที่เนี่ยนซูใส่เป็ของวิเศษชิ้นหนึ่ง
สายศิลป์สรรค์สร้าง แม้เป็สายที่พิสดารพลิกแพลงได้มากที่สุด ทว่าในการต่อสู้นับว่ายุ่งยากอย่างยิ่ง สายผู้สร้างนอกจากสามารถปรุงโอสถปรุงสมุนไพรยังถนัดการสร้างแปรสภาพสิ่งของทุกสิ่ง ยิ่งระดับสูงก็ยิ่งทรงอานุภาพ
ยกตัวอย่างเช่นที่เนี่ยนซูใช้ออก นางเพียงพกก้อนเหล็กก้อนเล็กเมื่อซัดพุ่งใช้พลังก็สามารถเปลี่ยนก้อนเหล็กนั้นเป็วัตถุที่ตนเองเคยหลอมสร้าง ทว่ามีข้อแม้ที่เมื่อจะแปรสภาพเนี่ยนซูต้องประกบปางมือทั้งต้องจดจ้องอยู่กับก้อนเหล็กมิอาจเบนสายตาออก ซึ่งอันที่จริงสายผู้สร้างไม่เหมาะเป็สายต่อสู้อยู่แล้ว ที่พวกเขาถนัดที่สุดคือการสร้างอาวุธของวิเศษ
ในระดับรับแสงปราณ หลอมจิต ทั้งสองระดับนี้สำหรับผู้สร้างจะเป็การปูรากฐานในการหลอมสร้าง ที่ทำได้เพียงสามารถหลอมโอสถปรุงยาเปลี่ยนแปลงเส้นลมปราณเป็ปราณร้อน เมื่อเป็ระดับรวมกายจะมีความสามารถในการใช้ลมปราณละลายสิ่งของ ทว่ามีระยะที่จำกัดสิ่งที่หลอมละลายได้ก็เล็กอย่างยิ่ง
เมื่อถึงระดับจิตไร้ขอบระยะแล้ว ขนาดสิ่งของที่หลอมสร้างได้จึงยิ่งเยอะและกว้างขึ้น เมื่อเป็ระดับเทพปรากฏสิ่งที่หลอมสร้างออกมาแม้ว่าจะเป็เพียงดินก้อนจะเป็ถูกยกระดับให้แข็งแกร่งยิ่งกล้าเหล็กกล้าด้วยลมปราณผู้สร้าง เมื่ออยู่ในระดับเซียนนิรันดร์คิดหลอมสิ่งใดล้วนทำได้ทั้งสิ้น
ทว่าข้อเสียใหญ่ที่สุดของสายผู้สร้างคือสิ้นเปลืองลมปราณอย่างยิ่ง หากเป็นักสู้สายผู้สร้างมิอาจต่อสู้ยืดเยื้อ ในด้านต่อสู้ยืดเยื้อต้องยกให้เป็สายยุทธ์เท่านั้น
ไท้หยูพอพุ่งปราดไปทางด้านหลังแลกเปลี่ยนศัตรูกับเนี่ยนซูก็สังหารระดับรวมกายที่บดบังคนผู้นั้นอยู่ด้านหลังไปสามคน แหวกฝูงศพที่ยืนตายเ่าั้ออกก็พบเกี้ยวหลังหนึ่งจอดเอาไว้ เกี้ยวสีแดงมีขนาดเล็กอย่างยิ่ง เล็กกว่าปกติหลายเท่าคาดว่าเพียงสามารถให้ทารกน้อยอายุห้าหกขวบเข้าไปนั่งเล่นผู้ใหญ่เข้าไปมิได้
ดังนั้นสร้างความสงสัยอย่างยิ่ง กลิ่นอายเย็นเยียบอ่อนหยุ่นสายหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากภายในเกี้ยวแดง แสดงว่าศัตรูอยู่ด้านใน
ท่ามกลางเสียงขวับขวับและโอดครวญของคนตาย เกี้ยวสีแดงหลังนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดยิ่ง ราวกับมิได้อยู่ท่ามกลางสมรภูมิ กลับเป็เกี้ยวงานมงคลก็มิปาน นี่เป็กลิ่นอายอ่อนหยุ่นสายนั้น
“ผู้ฝึกเต๋าที่พบได้ยาก” ไท้หยูกล่าวอย่างยิ้มแย้ม ได้พบพานคู่ต่อสู้ที่แตกต่างแล้ว ครุ่นคิดขึ้นในใจว่าอีกฝ่ายเป็สายเต๋า เช่นนั้นตนเองจะใช้วิชาสายเต๋าจัดการกับมัน ทันใดได้ยินเสียงกรีดร้องของเนี่ยนซูดังขึ้นที่ด้านหลังจากนั้นสังเกตเห็นตะขาบสีสันสดใสสองตัวนั้นพลันเข้าใจ
ที่แท้คนในเกี้ยวทำเป็ไม่สนใจตนเองทว่าแท้จริงควบคุมสัตว์พิษลอบโจมตีเนี่ยนซูลงมือช่วยเหลือพวกพ้อง คาดว่าทันทีที่หญิงสาวนั้นะโว่า “บุรุษเหม็นเน่ายังไม่ลงมืออีก” คนในเกี้ยวนี้ก็ปลดปล่อยสัตว์พิษออกมา ตอนแรกชายชรานั้นกล่าวว่า “พิษไม่ได้ผล” คาดว่าคนในเกี้ยวนี้ลอบปล่อยพิษที่จู่โจมทำร้ายพวกเรา
ทันใดนั้นพลันมีเสียงโหยหวนดังจากรอบทิศ ไท้หยูกวาดตามองแวบหนึ่งเห็นมือปราบที่ถือเกาทัณฑ์ฉวยดอกไม้บนกำแพง ปรากฏโลหิตไหลหลั่งทั้งใบหน้า เจ็ดทวารเป็สายน้ำสีดำข้นคลั่ก ร่างสั่นสะท้านชักดิ้นชักงอตกจากหลังคาและกำแพงตกตายเกือบทั้งหมด
พิษที่ปล่อยไม่ได้ผลกับพวกไท้หยูทั้งสาม ทว่ายอดฝีมือที่ต่ำกว่านั้น มือปราบทั้งหมดนั้นสูดเข้าไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยระดับรวมกายและหลอมจิตเมื่อพิษออกฤทธิ์ก็ตกตายในทันที มือปราบทั้งหมดตกตายพร้อมกัน ทว่าเหล่ายอดฝีมือในชุดชาวบ้านเ่าั้กลับไม่เป็อะไร คาดว่าคงกินยาต้านพิษเอาไว้แล้ว ยามนั้นสถานการณ์พลันกลับกลายเป็หลายสิบคนกลุ้มรุมสามคน
ไท้หยูหางคิ้วกระตุกเห็นเกี้ยวแดงพลันหม่นแสง สีแดงนั้นหลุดลอกคล้ายกลายเป็แสงที่อากาศกลายเป็ผีเสื้อจากนั้นสลายเป็ผุยผง
“วิชาคุมิญญาของสายเต๋า”
พิษทั้งหมดนี้ถูกปล่อยจากิญญาลักษณ์ผีเสื้อ เกี้ยวแดงหลังนี้จอดอยู่ทางทิศใต้พอดีเป็ทางต้นลมพัดผ่าน อาศัยพิษที่เป็พลังจากิญญาไร้กลิ่นไร้สีไม่อาจััได้ สามารถสังหารมือปราบทั้งหมดไปได้ตัวคนยังไม่ปรากฏออกมา นับเป็ฝีมืออันน่ากลัวนัก
สายเต๋ามุ่งเน้นที่การฝึกิญญา ดั่งที่ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งเคยบอกเอาไว้ เมื่อเป็ระดับสูงสุดแม้นกายเนื้อตายแล้วแต่คนยังไม่ตายเพราะิญญาสามารถออกจากร่าง
ในระดับรับแสงปราณของสายเต๋าเพียงฝึกจิตให้รู้สึกถึงิญญาของตนเอง เมื่อเป็ระดับหลอมจิตจะสามารถมองเห็นิญญาของตนเอง สามารถใช้พลังิญญาเพิ่มหรือลดลมปราณทั้งของตนเองและผู้อื่น สามารถใช้จิตในการสื่อสารกับสัตว์เล็กสัตว์น้อย ในขั้นนี้หากเป็ผู้ที่มีปฏิภาณเฉียบแหลมสามารถรู้แจ้งได้จะมีส่วนช่วยในการยกระดับในอนาคต
เมื่อฝึกถึงระดับรวมกายในขั้นนี้ผู้ฝึกเต๋าจะสามารถมองเห็นิญญาในโลก ทั้งิญญาคนตายิญญาอาฆาตภูตผีและิญญาธรรมชาติ
ในระดับรวมกายสามารถขังิญญาเอาไว้เป็ทาสิญญารับใช้ ในระดับรวมกายทาสิญญายังมีความสามารถน้อยนิด เมื่อถึงขึ้นระดับจิตไร้ขอบทาสิญญาจะสามารถเรียกคืนความสามารถในอดีต ซึ่งสามารถเรียกใช้ได้เท่าใดขึ้นอยู่กับความเข้าใจการรู้แจ้งในิญญาของผู้ใช้ ยังสามารถถอดิญญาทาสใส่ในสิ่งของและสัตว์ แมลง
เมื่อเป็ระดับเทพปรากฏิญญาตนเองสามารถออกจากร่าง ท่องได้ไกลนับพันลี้ สามารถต่อสู้ได้ด้วยการใช้ิญญา ิญญาทาสจะได้รับการฟื้นคืนสติปัญญาเมื่อครั้งมีชีวิตครึ่งหนึ่งกลายเป็ิญญาที่มีความนึกคิดของตนเอง หากนำิญญาทาสใส่ในสัตว์และแมลง สัตว์และแมลงเ่าั้จะได้ความสามารถของิญญาทาส อย่างเช่นมดธรรมดาทว่าใส่ิญญาทาสผู้ฝึกยุทธ์เข้าไป มดตัวนั้นก็จะกลายเป็มดที่สามารถใช้ลมปราณได้
เมื่อเป็ระดับเซียนนิรันดร์ ิญญาสามารถอยู่ได้แม้นว่าร่างกายถูกทำลายไปแล้ว เมื่อแยกิญญาออกจากร่างยังสามารถควบคุมร่างกายให้ต่อสู้ ิญญาก็แยกสู้พร้อมกัน นับเป็สายที่ขัดหลักเกณฑ์ธรรมชาติที่สุด
“ผู้ฝึกเต๋าเ้าลวดลายยิ่งนัก” หากมิใช่ร่างของเขายังมิได้ฝึกร่างพิษเขาจะใช้พิษสนองคืนศัตรูที่เบื้องหน้า วิชาเต๋าของเขาไม่มีิญญาทาส ทว่าสายเต๋านอกจากิญญาทาสยังมีวิชาที่หลากหลายยิ่ง ในด้านความเข้าใจและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิชาทั้งหมดบนโลก นับว่าเขาในตอนนี้เหนือผู้อื่นไม่เป็รองใคร