‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น’
หนุ่มผมยาวกับกลุ่มลูกน้องต่างก็ตะลึงจนตาค้าง ราวกับถูกเสกให้กลายเป็หิน
ขนาดเถารั่วเซียงก็ยังตกอยู่ในอาการมึนงงเช่นกัน
“น้องชาย โปรดอย่าถือสาฉันเลย ได้โปรดช่วยชีวิตฉันด้วยเถอะ”
คำว่า ‘น้องชาย’ เรียกเสียฟังแล้วขนลุกเลย แต่ด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจด้วยความจนปัญญา เพราะตอนนี้ ในสมองของฮานซานฉางมีเพียงคำว่า “พิษสารหนู” เมื่อเขารู้ว่าตัวเขาเองถูกพิษสารหนูนั้น เขาใจนใบหน้าซีดเซียว
ด้วยการแพทย์ในยุคปัจจุบันนี้ พิษสารหนูไม่ถือเป็พิษที่ร้ายแรงมาก เพราะพิษที่ร้ายแรงมากกว่าพิษสารหนูมีมากมายหลายชนิด แต่ฮานซานฉางไม่ได้มีความรู้มากมายนัก ไซยาไนต์ ก๊าซซาริน โรคระบาดสัตว์ พิษที่ร้ายแรงเหล่านี้ เขายังไม่เคยได้ยินมาก่อน ความรู้เื่พิษที่เขามี มีเพียงความรู้ที่เคยได้รับจากละครในโทรทัศน์เท่านั้น ซึ่งในละครย้อนยุคจากโทรทัศน์นั้น “พิษสารหนู” ถือเป็ยาพิษที่ร้ายแรงเกือบที่สุดแล้ว เพราะฉนั้น เมื่อฮานซานฉางได้ยินว่าตนถูกพิษสารหนู ขาทั้งสองข้างก็รู้สึกอ่อนแรงในทันที
เขายังจะคิดถึงเื่ภาพลักษณ์อยู่อีกได้อย่างไร เขาตระหนักได้ทันทีว่าฉินหลางเป็โอกาสสุดท้ายที่จะทำให้เขามีชีวิตรอดได้ จึงใช้คำว่า “พี่น้อง” กับฉินหลางทันที
ช่วยไม่ได้ ภาพลักษณ์ของลูกพี่ใหญ่แม้จะสำคัญ แต่มันก็สำคัญไม่เท่าชีวิตของเขา
พิษสารหนู!
จู่ๆ ฮานซานฉางก็นึกถึงฉากในละครทีวีขึ้นมาทันที พวกที่ถูกพิษสารหนูล้วนตายด้วยอาการเืออกตามทวารทั้งเจ็ด และตายอย่างทุกข์ทรมาน ในใจเขาราวกับกำลังมีเืไหล
ในฐานะที่เป็ลูกพี่ใหญ่ “ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล” ฮานซานฉางยังไม่อยากต้องมาตายด้วยวัยเพียงแค่นี้
เขาฆ่าคนแค่เพียงพยักหน้า แต่เมื่อเขาก้มหัวเรียกฉินหลางว่า “พี่น้อง” แล้ว ฉินหลางจะปล่อยให้เขาตายโดยที่ไม่ช่วยเหลือได้อย่างไร เพราะไม่ว่าอย่างไรเสีย ฮานซานฉางก็แค่ช่วยออกหน้าให้ลูกสมุนของตนเท่านั้น โทษไม่ถึงตาย
ฉินหลางจึงหยุดเดินแล้วหันไปบอกกับฮานซานฉางว่า “รีบไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ มันยังทัน”
ฮานซานฉางคิดว่าฉินหลางยังโกรธเคืองเื่ที่หนุ่มผมยาวได้หาเื่เขาก่อนหน้านี้ จึงรีบตะคอกใส่หนุ่มผมยาว “เ้าผมยาว! ไสหัวมาทางนี้—”
หนุ่มผมยาวมีหรือจะกล้าขัดคำสั่งของฮานซานฉาง เขาจึงรีบเร่งเดินเข้าไป ทันทีที่มาถึงก็โดนฮานซานฉางตบเข้าอย่างจัง แต่ทว่าั้แ่ที่ได้ยินฮานซานฉางเรียกฉินหลางว่า “พี่น้อง" หนุ่มผมยาวก็รู้แล้วว่าผลต้องออกมาเป็แบบนี้ เขารู้ว่าตบนี้ ฮานซานฉางทำไปเพื่อรับผิดชอบต่อเื่ของฉินหลาง หนุ่มผมยาวอยู่ในวงการนี้มานานหลายปี มีหรือจะไม่รู้ว่าลูกผู้ชายต้องรู้จักเอนอ่อนไปตามสถานการณ์ จึงก้มหัวรับผิดกับฉินหลางและเถารั่วเซียงด้วยท่าทางนอบน้อม เห็นดังนั้นลูกสมุนทั้งสองคนของหนุ่มผมยาวก็รีบเร่งมาขอโทษกับทั้งคู่ด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเดียวกัน พวกเขาแทบจะคุกเข่าให้ทั้งคู่เลยด้วยซ้ำ
“ฉินหลาง ช่างเถอะ” เถารั่วเซียงไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้ฮานซานฉางมีท่าทีนอบน้อมกับฉินหลางมากขนาดนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ค่อยชื่นชอบสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่
“ในเมื่อน้าเถาของฉันพูดแบบนี้แล้ว เื่นี้ฉันจะไม่ถือสาอีก ฮานซานฉาง นายไปตรวจดูที่โรงพยาบาลก่อน ดูว่านายถูกพิษแล้วจริงหรือเปล่า ถ้าหากว่าโรงพยาบาลไม่สามารถถอนพิษให้นายได้ นายค่อยมาหาฉัน!”
คำพูดของฉินหลางแสดงออกอย่างชัดเจน ลูกน้องของฮานซานฉางจึงไม่กล้าที่จะขัดขวางเถารั่วเซียงกับฉินหลางไม่ให้เดินจากไป
ระหว่างทางกลับโรงเรียน เถารั่วเซียงถามฉินหลางขึ้นว่า “ฉินหลาง ฮานซานฉางเป็มาเฟียชื่อดังในย่านนี้ นายจัดการเขายังไง เขาถึงได้นอบน้อมมากขนาดนี้?”
“เขาไม่ได้กลัวผม แต่เขากลัวตาย” ฉินหลางเล่าเื่ที่ฮานซานฉางถูกพิษสารหนูให้เถารั่วเซียงฟังจนจบ
“เขาโดนพิษสารหนูแล้วจริงๆ เหรอ?” เถารั่วเซียงถามด้วยความใ “ฉันคิดว่านายหลอกเขาเสียอีก นายดูออกได้ยังไง?”
“เหอะ... ขนาดคุณเป็สิวในที่ลับผมยังดูออกเลย แล้วนับประสาอะไรกับฮานซานฉางที่ถูกพิษมานาน” ฉินหลางพูดพลางหัวเราะ “ผมเรียนการแพทย์แผนจีนกับอาจารย์มานานหลายปี ถ้าแค่นี้ยังดูไม่ออกล่ะก็ คงจะขายหน้าอาจารย์ตายเลย”
ถ้าหากตาเฒ่าพิษรู้ว่าฉินหลางเรียกเขาว่าแพทย์แผนจีน คงต้องด่าฉินหลางแน่ๆ เพราะตาเฒ่าพิษเกลียดการรักษาคนอื่นมากๆ เขาชอบทำสิ่งที่ตรงกันข้ามมากกว่า
“เป็อย่างนี้นี่เอง แพทย์แผนจีนของเราลึกซึ้งมาก ดูไปแล้วนายคงศึกษาจนช่ำชองไม่น้อยเลย!” เถารั่วเซียงชื่นชมอย่างอดไม่ได้
“ใช่ครับ บอกตามตรง วิชาการแพทย์ของผมล้ำลึกมากกว่าแพทย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังหลายคนเสียอีก” ฉินหลางพูดอย่างไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน
“เฮ้ ชมนายไปแค่สองคำ นายก็ผยองเลยเหรอ” เถารั่วเซียงสบถ ก่อนจะมีท่าทีราวฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ “จริงสิ อาจารย์ซุนคงไม่เป็ไรใช่ไหม?”
“สบายใจเถอะ ซุนปอน่ะ เขาหนีหางจุกตูดไปตั้งนานแล้ว” ฉินหลางสบถด้วยความไม่สบอารมณ์
ทั้งสองเดินมาถึงใต้ตึกหอพักของเถารั่วเซียงั้แ่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ฉินหลางยังไม่มีท่าทีที่จะหยุดเดิน เถารั่วเซียงรู้ว่าเ้านี่น่ะ หน้าด้านมากจึงต้องออกปากไล่ให้ฉินหลางกลับไป “ฉินหลาง ดึกมากแล้ว วันนี้เธอเพิ่งมาเรียนเป็วันแรก รีบกลับไปเก็บของที่หอพักของเธอเถอะ”
“นี่ยังไมถึงสองทุ่มเลย ผมคิดว่าน้าเถาจะชวนขึ้นไปดื่มกาแฟบนห้องเสียอีก” ฉินหลางพูดด้วยความเสียดาย “จริงสิ เบอร์โทรศัพท์ของคุณเบอร์อะไร เผื่อผมมีปัญหาอะไรจะได้ขอความช่วยเหลือจากคุณได้ จริงสิ เอาเบอร์โทรศัพท์ของซุนปอให้ผมด้วยนะ”
เถารั่วเซียงจนปัญญา จึงเอาเบอร์มือถือของตัวเองให้ฉินหลาง จากนั้นจึงขับไล่ให้เขากลับไปจนสำเร็จ ก่อนที่เขาจะกลับไป ฉินหลางยังหันมาบอกกับเถารั่วเซียง “น้าเถา การดื่มสุราทำลายสุขภาพ ต่อไปคุณต้องดื่มให้น้อยๆ หน่อยนะ!”
เถารั่วเซียงยิ้มบางๆ แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินขึ้นไปบนตึกทันที
ฉินหลางหาห้องสี่ศูนย์เก้าจนเจอ เขาพบว่าจ้าวกันพักอยู่ห้องพักเดียวกับเขา
เวลานี้จ้าวกันกำลังนอนใช้โน๊ตบุ๊คเล่นเกมอยู่บนที่นอน
“ฉินหลาง—อาจารย์เถารั่วเซียงเป็น้าสาวของนายจริงๆ เหรอ” จ้าวกันเป็คนที่ค่อนข้างจะสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้าน
ฉินหลางพยักหน้า “แล้วคนอื่นล่ะ?”
“ถามได้ คนอื่นก็ต้องไปเรียนทบทวนแล้วน่ะสิ” จ้าวกันตอบกับฉินหลาง
ฉินหลางมองไปยังที่นอนของตัวเองที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรสักอย่าง จึงถามกับจ้าวกันว่า “ไม่มีใครปูที่นอนให้ฉันเลยเหรอ?”
จ้าวกันมองฉินหลางด้วยความประหลาดใจราวกำลังมองมนุษย์ต่างดาว “เชี่ย!นายคิดว่าตัวเองเป็คุณชายหรือไง ถึงต้องมีคนมาปูที่นอนให้? ฉันก็กำลังสงสัยอยู่เลย ว่าทำไมนายถึงยังไม่ปูที่นอน แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหน?”
“นั่นสิ นอนที่ไหนดี?” เหมือนฉินหลางจะตระหนักขึ้นได้ว่ามีปัญหา
แสงแวบผ่านในสมองของฉินหลาง แล้วเขาก็นึกออกอย่างรวดเร็ว จึงหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรหาซุนปอ “อาจารย์ซุนครับ ผมฉินหลางนะครับ... วันนี้ผมปูที่นอนไม่ทัน คุณช่วยหาที่นอนให้ผมหน่อยสิครับ”
จ้าวกันตะลึง พลางพูดในใจ.. ฉินหลางนี่เท่ชะมัด กล้าโทรไปสั่งอาจารย์ประจำชั้นตัวเองให้หาที่นอนให้
ตอนนี้ซุนปอเพิ่งกลับมาถึงโรงเรียนด้วยความยากลำบาก เมื่อได้รับโทรศัพท์จากฉินหลางเขาก็เืขึ้นหน้าทันที พูดในใจ... นี่แกคิดว่าตัวเองเป็ใคร ทำไมบิดาต้องหาที่นอนให้แกด้วย เขาจึงปฏิเสธฉินหลางทันที
“ซุนปอ—”
ในเมื่อไว้หน้าแล้วไม่รับเอง ฉินหลางจึงหันมาเรียกชื่อของเขาแทน “คงไม่อยากให้พวกคนที่หาเื่พวกเราวันนี้ไปหาเื่นายต่อหรอกมั้ง? จะให้ฉันบอกพวกเขาไหมว่านายชื่ออะไร นามสกุลอะไร เบอร์โทรอะไร?”
ซุนปอไม่อยากเจ็บตัวอีก จึงจำยอม “มีห้องรับรองแขกอยู่ในละแวกโรงเรียน เดี๋ยวฉันจะโทรจองห้องให้”
“ต้องขอบคุณอาจารย์ซุนด้วยนะครับ” ฉินหลางวางสาย
“นายเท่ชะมัดเลย!” จ้าวกันพูดกับฉินหลางด้วยความชื่นชม มาโรงเรียนวันแรกก็มีหน้ามีตาขนาดนี้แล้ว ได้กินข้าวกับอาจารย์สาวที่สวยที่สุดในชีจง แล้วยังสามารถบอกให้อาจารย์ประจำชั้นตัวเองโทรจองห้องพักให้อีก ในสายตาของจ้าวกันแล้ว ฉินหลางนับเป็เพื่อนที่น่าคบอย่างมาก!
ไม่นานนัก ฉินหลางกับจ้าวกันก็สนิทสนมกัน ฉินหลางถึงได้ทราบว่าความจริงแล้วจ้าวกันก็เป็หนึ่งในคณะกรรมการนักเรียน เพราะเขาเป็ประธานชมรมบทกวี ถึงแม้ว่าชมรมนี้นั้น รวมจ้าวกันแล้วจะมีสมาชิกไม่ถึงสิบคน ด้วยความที่ตอนนี้ผ่าน่ที่จะใช้บทกวีจีบสาวไปแล้วนั่นเอง
จ้าวกันอัธยาศัยดีมาก เขาคุยกับฉินหลางจนหมดเวลาทบทวนหนังสือ
ฉินหลางเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว จึงออกจากหอพักไปยังห้องรับรองพิเศษที่ซุนปอจองเอาไว้ และทันทีที่นั่งลงบนที่นอน เสียงข้อความในมือถือก็ดังขึ้น เขามีข้อความใหม่
“ศิษย์รัก อย่าลืมกินยา ฝึกวรยุทธิ์ด้วยล่ะ นอกจากนี้ ในเมื่อเธอไปเมืองเซี่ยหยางแล้ว ก็ช่วยงานอาจารย์สักเื่เถอะ ช่วยรับ่งานทั้งหมดของอันเต๋อเซิ่งให้หน่อย ทำให้เขาไม่เหลืออะไรสักอย่าง แล้วค่อยพาเขามาหาฉัน!”
ข้อความนี้ถูกส่งมาจากตาเฒ่าพิษ ฉินกลางคิดทบทวนสักครู่ ก่อนจะตอบกลับไป “สาเหตุล่ะ?”
ตาเฒ่าพิษไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
นี่เป็สิ่งที่ฉินหลางคาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้ว เขาศึกษาอยู่กับตาเฒ่าพิษมาราวๆ ห้าปี ฉินหลางรู้จักนิสัยของตาเฒ่าพิษดี ดูท่าเื่ของอันเต๋อเซิ่งนั้น ฉินหลางคงต้องไปสืบหาด้วยตัวเองแล้วล่ะ
จากนั้น ฉินหลางก็โยนโทรศัพท์ไปที่ข้างตัว ก่อนจะหยิบยาพิษสีแดงในกระเป๋าสีขาวออกมากิน
รู้สึกแสบร้อนในท้อง ยาพิษเม็ดนี้สามารถฆ่าช้างทั้งตัวได้โดยง่าย แต่สำหรับฉินหลางแล้ว มันทำได้เพียงให้เขารู้สึกแสบร้อนราวกับเพิ่งกินพริกปีศาจไปอย่างไรอย่างนั้น
แค่นี้เอง!
จากนั้น ฉินหลางก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนที่นอน เข้าฌานฝึกวรยุทธิ์อย่างรวดเร็ว ฤทธิ์ของยาพิษถูกร่างกายของเขาค่อยๆ ดูดซึมไปจนหมด