ชายหนุ่มที่ไม่มีผู้ใดพบเจอมาก่อนได้ทำให้หวังหยุน ซึ่งเป็ผู้เชี่ยวชาญแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายยอมก้มหัวให้เขา บางทีอาจมีเพียงดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างเจียงเฉินเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้
ในขณะนั้น มีศิษย์นอกสองคนเดินลงมา เมื่อพวกเขาพบเห็นเจียงเฉิน พวกเขาก็เข้าไปต้อนรับพวกเขาทันที
"ศิษย์พี่เจียง ท่านสะสางเื่ของท่านเสร็จแล้ว! รวดเร็วยิ่งนัก"
"ขอต้อนรับศิษย์พี่เจียงเฉินสู่นิกายเซวียนอี้!ข้าหวังว่าศิษย์พี่เจียงเฉินจะเป็คนชี้นำพวกเราในอนาคต!"
ทั้งสองได้คารวะต่อเจียงเฉิน ด้วยสิ่งนี้เท่ากับว่าสถานะของเจียงเฉินได้ถูกยืนยันแล้ว เหล่าศิษย์ที่ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างมองสำรวจเจียงเฉินั้แ่หัวจรดเท้า
"โอ้ ์! เขาคือเจียงเฉินจริงๆหรือเนี่ย เขายังเยาว์วัยนัก บางทีเขาอาจจะอายุเพียง 15-16 ปีเท่านั้น"
"ข้าได้ยินมาว่าเขาได้สังหารหลิงอ้าวและหลี่หวู่ซวงในขณะที่ระดับการบ่มเพาะของเขาอยู่แค่เพียงแก่นแท้มนุษย์ขั้นต้นเท่านั้น!ชายคนนี้ดูเปราะบางและดูเป็คนเ้าสำอาง ยากที่จะคิดได้ว่าเขาจะลงมือได้โหดร้ายถึงเพียงนั้น"
"ลดเสียงหน่อย ศิษย์พี่เจียงเป็ว่าที่ผู้นำศิษย์นอกเราในอนาคต ในอีกหนึ่งปีจากนี้เขาจะต้องสู้กับหนานเป่ยเฉา เขาจะต้องได้รับความสนใจจากเหล่าบุคคลระดับสูงเป็แน่"
"ว้าว! ศิษย์พี่เจียงช่างหล่อเหลาซะเหลือเกิน มันคงจะดีไม่น้อยหากเขายังไม่มีคนรู้ใจ"
"เงียบไปซะ! เ้าไม่เคยส่องกระจกชะโงกดูใบหน้าตนอะไรหรืออย่างไร แหกตาของเ้าดูที่สาวน้อยชุดสีม่วงข้างๆศิษย์พี่เจียงเฉินซะ นางคือศิษย์พี่เยี่ยนเฉินหยวี่ หากศิษย์พี่เยี่ยนเป็หงส์ ห่านป่าเช่นเ้าจะเทียบอะไรได้!มีเพียงสตรีเช่นนางเท่านั้นที่คู่ควรกับศิษย์พี่เจียง!"
..............
ศิษย์โดยรอบต่างพูดคุยเื่นี้อย่างดุเด็ดเผ็ดมัน แม้ว่าจะแอบคุยกันอย่างเงียบๆ แต่เจียงเฉินมีการรับรู้ที่ดีเยี่ยม เขาได้ยินทุกคำพูดที่พูดออกมา จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะหัวเราะออกมาแล้วส่ายหัว ไม่คิดเลยว่าก่อนเขาจะมาถึงนิกายเซวียนอี้ เขาจะกลายเป็คนดังไปซะแล้ว
ชัดเจนว่าชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายออกมาจากศิษย์นอกที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี นิกายเซวียนอี้นั้นกว้างใหญ่ แต่ด้วยเหตุการณ์ใหญ่อย่างการแข่งขันประจำปีแคว้นฉี โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง แม้แต่ศิษย์ระดับต่ำที่สุดก็ได้ทราบถึงผลการแข่งขัน
"เอาล่ะ เอาล่ะ จัดการเื่ของพวกเ้าเองเถอะ ศิษย์พี่เจียงเดินทางมาไกล ข้าจะพาเขาไปยังที่พัก ในอนาคตหากใครมีปัญหาเื่การบ่มเพาะพลัง ศิษย์พี่เจียงจะเป็ผู้ชี้นำพวกเ้าเอง "
หวังหยุนโบกมือไปให้เหล่าศิษย์ในนิกาย จากนั้นเขาก็นำทางเจียงเฉินไปยังด้านใน
ตลอดทางได้พบเหล่าศิษย์น้อยใหญ่ที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันจำนวนหนึ่ง หลังจากได้เห็นเจียงเฉิน พวกเขาต่างมาทักทายอย่างมีความสุข ศิษย์ของนิกายเซวียนอี้ไม่มีใครโง่ การประจบเจียงเฉินอาจจะได้ประโยชน์หรือไม่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ แต่แน่นอนว่ามันไม่ผิด
ไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ของเขากับาาปีศาจน้อยฮันหยานและกวนอี้หยุน แค่เพียงวิถีของเจียงเฉินคือทำทุกอย่างโดยลำพัง ก็สมควรได้รับการชื่นชม
"เ้าหนู ข้าคาดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะกลายเป็คนที่มีชื่อเสียงเช่นนี้...แม้แต่ชื่อเสียงของข้าบิดาผู้นี้ยังถูกเ้าบดบังซะมิด เ้าไม่เกรงอกเกรงใจข้าเลยจริงๆ"
หวงต้าพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"หากเ้าไม่มีเื่จะพูด ก็หุบปากไปซะ"
เจียงเฉินถลึงตามองหวงต้า ถ้าเ้าหมานี่ทำตัวดีๆในนิกายเซวียนอี้ เขาจะขอบคุณมันมาก
"เ้าหมาน้อย ตอนนี้พวกเราอยู่ภายในนิกายเซวียนอี้ เ้าไม่ควรทำตัวไร้เหตุผลนะเ้าคะ"
เยี่ยนเฉินหยวี่ลูบหัวของหวงต้าและเตือนมัน
เมื่อตามหวังหยุนมาได้สักระยะหนึ่ง ก็ได้มาถึงเขตที่พักของศิษย์สายนอก
เขตที่พักนี้มีไว้สำหรับศิษย์สายนอก ตั้งอยู่ภายในเทือกเขา เรียงรายไปด้วยบ้านพักอย่างดีและสิ่งก่อสร้างรูปทรงโบราณ
"ศิษย์พี่เจียง นี่คือเขตที่พักของพวกเราศิษย์นอก รูปแบบของบ้านพักและสิ่งก่อสร้างนั้น ได้เชื่อมต่อกับชีพจรพลังงาน โดยปกติแล้วบ้านพักหลังหนึ่งจะพักร่วมกันหกคน มีเพียงศิษย์แก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายที่สามารถมีบ้านพักเป็ของตัวเอง เมื่อพวกเขาทะลวงเข้าสู่แก่นแท้์ก็สามารถเลื่อนขั้นเป็ศิษย์ฝ่ายในได้"
หวังหยุนพูดขึ้น
"แล้วมีใครบ้างที่อาศัยอยู่ที่เดียวกับข้า?"
เจียงเฉินถามพร้อมรอยยิ้ม
"ศิษย์พี่เจียง ท่านล้อข้าเล่นแล้ว แม้ว่าท่านจะยังไปไม่ถึงแก่นแท้มนุษย์ขั้นปลายแต่ด้วยความสามารถของท่าน ด้วยตัวคนเดียวท่านสามารถจัดการศิษย์นอกได้ทุกคน ดังนั้น ศิษย์พี่กวนอี้หยุนถึงได้มีคำสั่งพิเศษให้พวกเราจัดเตรียมที่พักที่ดีที่สุดให้กับศิษย์พี่เจียง"
หวังหยุนได้พาเจียงเฉินเดินผ่านเขตที่พักไปด้านหลังเขตที่พัก ได้มีบ้านพักชั้นยอดตั้งอยู่บนยอดของหุบเขา ตั้งแยกออกมาจากเขตที่พัก รอบๆมีทั้งูเาและแม่น้ำ มีกระทั่งน้ำตกอยู่ใกล้ๆช่างเป็ที่ที่น่าประทับใจ มีพลังหยวนฟ้าดินที่อุดมสมบูรณ์ ปราศจากเสียงดังรบกวนจากเขตที่พัก สถานที่แห่งนี้เหมาะแก่การบ่มเพาะพลังเป็อย่างมาก
"ว้าว...ที่แห่งนี้งดงามเหลือเกินเ้าค่ะ!"
เยี่ยนเฉินหยวี่ยืนอยู่บนยอดเขา นางสามารถเห็นทิวทัศน์ได้ทั่วทั้งูเาเซวียนอี้ ความรู้สึกที่ได้เห็นูเาเล็กน้อย มันทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
บ้านพักแห่งนี้มีห้องทั้งหมดสามห้องด้วยกัน นอกจากเจียงเฉินและเยี่ยนเฉินหยวี่ แม้แต่หวงต้าก็ยังมีห้องของมันเอง สมกับที่ได้รับการดูแลดีเป็พิเศษในหมู่ศิษย์นอก
เมื่อเปิดประตูเข้าไปได้พบกับห้องที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย นอกจากเตียง ก็มีเบาะรองนั่งสีทองตั้งอยู่กลางห้องของเขา
"ศิษย์พี่เจียง เบาะรองนั่งนี้สามารถใช้ในเชื่อมต่อโดยตรงกับชีพจรพลังงานใต้ดิน เมื่อบ่มเพาะพลังบนเบาะรองนั่งนั้นจะช่วยให้บ่มเพาะพลังได้มากขึ้นสองเท่าโดยใช้เวลาเพียงครึ่งเดียว"
หวังหยุนได้อธิบาย เบาะรองนั่งที่พิเศษเช่นนี้กวนอี้หยุนได้เตรียมขึ้นมาให้เจียงเฉินโดยเฉพาะ ในหมู่ศิษย์นอกทั้งหมดนอกจากฮันหยานแล้ว มีเพียงเจียงเฉินเท่านั้นที่ได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้
"อืม ไม่เลวเลยทีเดียว ศิษย์พี่กวนช่างใจกว้างจริงๆ"
เจียงเฉินผงกหัว ในใจเขารู้สึกขอบคุณกวนอี้หยุนเป็อย่างมาก ที่พักก็ได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
"ศิษย์พี่เจียง ท่านพอใจกับที่นี่หรือไม่?"
หวังหยุนถามด้วยรอยยิ้ม
"อืม ไม่เลว หวังหยุน เ้าบ่มเพาะพลังด้วยทักษะบ่มเพาะใดรึ?"
เจียงเฉินมองไปยังหวังหยุน
หวังหยุนดถึงกับสะดุ้ง เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเจียงเฉินถึงได้ถามเกี่ยวกับทักษะที่เขาบ่มเพาะ
"ศิษย์พี่เจียง ข้าบ่มเพาะด้วยทักษะจากตำรา 'ทลายคลื่น' ของนิกายเซวียนอี้ มันเป็ทักษะบ่มเพาะขั้นมนุษย์ระดับสูงขอรับ"
หวังหยุนตอบ
"เ้าพูดโกหก เ้าไม่ได้บ่มเพาะพลังจากตำรา 'ทลายคลื่น' "
เจียงเฉินดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่หวังหยุน
แต่ท่าทีของหวังหยุนได้แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เขาที่ยืนอยู่นิ่งๆไม่ได้เผยพลังออกมาแม้แต่น้อย แต่เจียงเฉินบอกได้ว่าเขาไม่ได้บ่มเพาะพลังจากตำรา 'ทลายคลื่น'
"เช่นนั้นข้าจะถามเ้าว่า สามเดือนที่ผ่านมา เมื่อตกกลางดึก 'จุดเคลื่อนพลัง' ของเ้าเ็ปราวกับถูกเข็มทิ่มแทงใช่รึไม่? และไม่กี่วันที่ผ่านมาความเ็ปได้รุนแรงขึ้นจนแทบทนไม่ไหวใช่รึไม่?"
เจียงเฉินถาม
ในตอนนี้ท่าทีของหวังหยุนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่จ้องไปยังเจียงเฉิน เขาถามด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"ท...ท่าน ท่านรู้ได้อย่างไร?"
"ฮึ่ม...คิดจะโกหกข้างั้นรึ? ในเมื่อเ้าบ่มเพาะพลังผิดพลาด แล้วยังไม่พูดความจริง ด้วยสภาพของเ้าในตอนนี้ ข้าคิดว่าอีกแค่ไม่เกินสองเดือนก่อนที่เ้าจะตายอย่างแน่นอน พูดมาซะว่าเ้าบ่มเพาะทักษะอะไร?"
เจียงเฉินแค่นเสียงเ็า หากไม่ใช่เพราะว่าพฤติกรรมที่หวังหยุนได้แสดงออกในวันนี้ เขาคงจะไม่สนใจ
ตุบ!
เมื่อได้ยินว่าเขาจะตกตายในอีกสองเดือน หวังหยุนถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเฉิน โดยไม่กล้าที่จะปิดบังสิ่งใดๆอีก เขาพูดออกมา
"ศิษย์พี่เจียง ท่านเป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง เพียงแค่ท่านมองก็สามารถบอกอาการของข้าได้ ท่านพูดถูกข้าได้ใช้ 'ทักษะทลายคลื่น' นั้นเพื่อปกปิดเพียงเท่านั้น ข้าได้บ่มเพาะด้วยทักษะขั้นปฐีระดับกลาง ทักษะนี้เรียกว่า 'ศิลาเมฆา' ระหว่างที่ข้าเดินทางได้พบกับทักษะบ่มเพาะนี้โดยบังเอิญ ทักษะขั้นปฐีมีค่ามากยิ่งกว่าทักษะขั้นมนุษย์ ข้าจึงอดใจไม่ไหว เริ่มบ่มเพาะมัน ทักษะนี้เป็ทักษะที่แปลกเสียจริง ข้าไม่รู้ว่ามันมีอะไรผิดพลาด แต่เมื่อสามเดือนก่อน เริ่มรู้สึกเ็ปที่ 'จุดเคลื่อนพลัง' ราวกับถูกเข็มทิ่มแทง และในวันนี้ความเ็ปมันแทบจะทนไม่ไหว ได้โปรด ศิษย์พี่เจียง ข้าขอร้องท่าน โปรดช่วยชีวิตข้าด้วย!"
หากก่อนหน้านี้เขาคงรู้สึกแค่เพียงหวาดกลัวเจียงเฉิน แต่ในตอนนี้เขาได้เทิดทูนบูชาเจียงเฉินราวกับเทพเซียน
"โคจรทักษะ 'ศิลาเมฆา' ของเ้าซะ"
เจียงเฉินพูดอย่างไร้อารมณื
"ขอรับ!"
หวังหยุนไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ทันใดนั้นเขาเริ่มโคจรทักษะ 'ศิลาเมฆา' ลมหนาวได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายมารเล็กน้อย เจียงเฉินมองเขาอย่างละเอียด และในขณะที่หวังหยุนกำลังโคจรทักษะ 'ศิลาเมฆา' เจียงเฉินก็ได้พบประกายมารอยู่ภายในตาของเขา นี่เป็สัญญาณของผู้จะเป็บ้า
"หยุด"
เจียงเฉินบอกให้หวังหยุนหยุดโคจร และพูดออกมา
"ทักษะ 'ศิลาเมฆา' โดยตัวมันเองเป็ทักษะบ่มเพาะที่ใช้พลังหยินและความหนาวเย็น แม้ว่ามันจะไม่ถือว่าเป็ทักษะฝ่ายดี แต่มันก็ไม่ใช่ทักษะสายมารนอกรีต เพียงแต่ว่าเ้าฝึกฝนผิดเส้นทาง จึงทำให้แปรเปลี่ยนเป็ทักษะสายมาร เมื่อแรกเริ่มเดิมทีเ้าได้ทักษะ 'ศิลาเมฆา' เ้าได้ดูดซับปราณหยินฟ้าดินในตอนกลางคืน และเ้าก็ได้ดูดซับปราณมาร เข้าไปจำนวนหนึ่ง เมื่อบ่มเพาะทักษะ 'ศิลาเมฆา' ด้วยวิธีการนี้ทำให้เ้าเร่งการบ่มเพาะได้อย่างรวดเร็ว แต่เพราะว่าสิ่งนี้ จึงเป็สาเหตุที่เ้าทำลายตนเอง"
"ศิษย์พี่เจียงผู้เกรียงไกร ได้โปรดช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่เจียง!"
หวังหยุนโขกหัวต่อเจียงเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกต่อเจียงเฉินคือความเคารพนับถือ เขาได้โคจรทักษะ 'ศิลาเมฆา' เพียงครั้งเดียว เจียงเฉินสามารถบอกได้ว่าเขาได้บ่มเพาะพลังอย่างไร หวังหยุนรู้สึกราวกับตนเองเป็มนุษย์โปร่งใส เมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงเฉินเขาไม่อาจปกปิดความลับใดๆได้
ในใจของหวังหยุน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ชายหนุ่มอีกต่อไป แต่เป็ผู้าุโที่มีวิชาสูงส่ง ที่สามารถทำสิ่งใดก็ได้ ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำทำให้เขารู้สึกถึงความร้ายแรงของทักษะที่เขากำลังบ่มเพาะอยู่
"ลุกขึ้นเถิด แล้วเดินมาหาข้า"
เจียงเฉินพูด
หวังหยุนลุกขึ้นยืนแล้วขยับเข้าไปใกล้เจียงเฉิน และยืนอย่างสุภาพข้างหน้าเจียงเฉิน ราวกับเขาเป็เด็กที่ทำผิด
"ข้าบอกเ้าแล้วมิใช่รึ ทักษะ 'ศิลาเมฆา' โดยตัวของมันเองเป็ทักษะที่ใช้พลังหยินและความหนาวเย็น แต่ไม่ใช่ทักษะสายมาร หากเ้าได้บ่มเพาะทักษะ 'ทลายคลื่น' เป็รากฐาน จากนั้นเ้าก็เริ่มฝึกฝนทักษะ 'ศิลาเมฆา' แล้วนี่แหละคือปัญหา ที่แย่กว่านั้นเ้าได้เลือกวิธีการบ่มเพาะที่ไม่สมควรเลือก จากนี้ไป เ้าต้องหยุดบ่มเพาะทักษะ 'ทลายคลื่น' และเริ่มบ่มเพาะทักษะ 'ศิลาเมฆา' ด้วยวิธีธรรมดาเสีย และห้ามเ้าไปดูดซับปราณหยินโดยเด็ดขาด"
หลังจากเจียงเฉินพูดจบ เจียงเฉินก็ได้ชี้นิ้วของเขาออกมารวดเร็วดั่งสายฟ้าฟาด มันได้จิ้มลงไปใน 'จุดเคลื่อนพลัง' อย่างแม่นยำ ร่างกายของหวังหยุนรู้สึกถึงไอร้อนพุ่งออกจากร่างกายของเขา ภายใต้ผลกระทบนี้ได้ทำให้ความเ็ปที่เกิดขึ้นกับ 'จุดเคลื่อนพลัง' หายเป็ปลิดทิ้ง
เมื่อไอร้อนได้จางลง ทันใดนั้นหวังหยุนก็รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ความรู้สึกผิดปกติใน 'จุดเคลื่อนพลัง' ราวกับถูกเข็มทิ่มแทงหายไปโดยสมบูรณ์ ทำให้เขากลับคืนสู่สภาพเดิม
"เ้าจงบ่มเพาะทักษะ 'ศิลาเมฆา' ตามที่ข้าได้บอกไป แล้วเ้าจะไม่รู้สึกเ็ปใน 'จุดเคลื่อนพลัง' ของเ้า ด้วยความสามารถของเ้าอย่างมากเพียงครึ่งปีเ้าสามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตแก่นแท้์และเลื่อนขั้นกลายเป็ศิษย์ชั้นใน"
เจียงเฉินพูด
ตุบ!
หวังหยุนคุกเข่าลงบนพื้นอีกครั้ง แล้วพูดออกมา
"ศิษย์พี่เจียง ท่านได้ช่วยชีวิตข้าเอาไว้! ข้าหวังหยุนผู้นี้คงไม่อาจทดแทนได้แต่นับจากนี้เป็ต้นไปชีวิตของหวังหยุนผู้นี้เป็ของศิษย์พี่เจียง!ไม่ว่าศิษย์พี่เจียงจะให้ข้าทำอะไร และไม่ว่าจะเป็เื่ใดข้าก็จะทำให้สำเร็จลุล่วง ไม่ให้ท่านต้องเป็กังวล ! "
