นับจากนามของเซียวเฉินปรากฏบนผังชางหวง ศิษย์สำนักในต่างเต็มไปด้วยคำถามต่อเื่นี้ แต่มีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าอาจารย์ใหญ่เป็ผู้เปลี่ยนด้วยตนเอง ต่อให้เป็เช่นนี้ก็ยังมีคนคาดเดาและไม่พอใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เหมือนเดิม
เซียวเฉินเป็เพียงขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้า มีสิทธิ์อะไรมาเหยียบย่างเข้าสู่สามสิบอันดับแรกบนผังชางหวง
คนที่ไม่พอใจเหล่านี้ มีขั้นตานฟ้ารวมอยู่ด้วย
แต่ติดขัดที่หน้าตาของอาจารย์ใหญ่ พวกเขาจึงไม่แสดงออก แต่สีหน้าที่ทุกคนมองเซียวเฉินบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
ส่วนเซียวเฉินไม่มีโอกาสได้รับรู้อารมณ์ของทุกคน เขาเริ่มฝึกวิชาในที่พักซึ่งอาจารย์ใหญ่จัดให้ตนเองในสำนักในทันที เพราะเขารู้ว่ายังมีเื่สำคัญอีกเื่หนึ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ
นั่นคือการกลับไปล้างแค้นที่ตระกูลเนี่ย!
แม้ว่าตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่มี ด้วยความสามารถที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต่อให้เป็ผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับสูงสุดก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ดูจากพร์ของเขาแล้ว วันนั้นคงอยู่อีกไม่ไกล!
เซียวเฉินไม่ย่างเท้าออกจากห้องเป็เวลาห้าวันติดต่อกัน
เขาฝึกวิชาอย่างต่อเนื่องในที่พักของตนเอง เพราะเขาเพิ่งเข้าสู่นิรวาณขั้นสองเท่านั้น ระดับขั้นยังไม่ถือว่ามั่นคงนัก ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาห้าวันนี้เพื่อทำให้ระดับขั้นเสถียร
ส่วนหงสาานิรวาณบรรลุนิรวาณขั้นสองแล้ว คัมภีร์หงสาานิรวาณก็พัฒนามาจากเคล็ดวิชาหลายชนิด ทั้งเคล็ดวิชาขั้นนิลและเคล็ดวิชาขั้นสูง!
แข็งแกร่งกว่าเคล็ดวิชาก่อนหน้านี้ของเซียวเฉินมากนัก
เซียวเฉินอดยิ้มไม่ได้ “หงสาานิรวาณแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ หากฝึกฝนถึงนิรวาณขั้นห้าขั้นหก จะพัฒนาเป็เคล็ดวิชาขั้นฟ้า ขั้นเหนือฟ้า และเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นหรือไม่?”
เซียวเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งพลุ่งพล่าน ดูจากสภาพการณ์แล้วก็มิใช่ว่าเป็ไปไม่ได้
ครึ่งเดือนต่อมา เซียวเฉินก็ยังฝึกบำเพ็ญโดยไม่ได้ออกจากห้องดังเดิม เนื่องจากเขาจำเป็ต้องดูดซับเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นและ้าความสามารถที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
ตูม!
หลังเสียงะเิตูมภายในร่าง เซียวเฉินก็ย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้า เขาระบายลมหายใจ เวลาครึ่งเดือนนี้นับว่าไม่เสียเปล่า
“สิ้นเปลืองผลึกเสวียนไปไม่น้อย”
เซียวเฉินมองผลึกเสวียนนับร้อยก้อนบนพื้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ แต่เขาไม่เสียดายเลยสักนิด เนื่องจากทั้งหมดคือสิ่งที่ค้นได้จากตัวลู่เหิงและเฟิงอวิ๋นเสียง
ตอนนี้ในแหวนเก็บของของเซียวเฉินยังมีผลึกเสวียนระดับล่างอย่างน้อยสองพันก้อน ผลึกเสวียนระดับกลางห้าร้อยก้อน ผลึกเสวียนระดับบนสามสิบก้อน แถมยังมีเคล็ดวิชาขั้นนิลระดับกลางสองเล่ม ทั้งหมดนี้เป็ของเฟิงอวิ๋นเสียง
นับดูแล้ว เซียวเฉินก็ถือว่าเป็เศรษฐี
ต้องรู้ก่อนว่า ผลึกเสวียนระดับบนหนึ่งก้อนจำเป็ต้องใช้ผลึกเสวียนระดับล่างห้าร้อยก้อนมาแลกเปลี่ยน ส่วนผลึกเสวียนระดับกลางหนึ่งก้อนจำเป็ต้องใช้ผลึกเสวียนระดับล่างสามร้อยก้อนมาแลกเปลี่ยน เมื่อคำนวณแล้ว ตอนนี้เซียวเฉินก็มีสมบัติเป็ผลึกเสวียนสามหมื่นห้าพันกว่าก้อน
คิดๆ แล้ว เซียวเฉินก็ลอบยินดี
เซียวเฉินเดินออกจากที่พักเพื่อท่องทัศนาสำนักใน แต่กลับได้ยินเสียงไม่เป็มิตรหลายเสียง
“เซียวเฉินมีความสามารถแค่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าถึงกับขึ้นอันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงได้ ถ้าเื่นี้แพร่ออกไปแล้วพวกเ้าจะเชื่อหรือไม่?”
“แน่นอนว่าไม่เชื่อ เขาคู่ควรหรือ หากมิใช่เพราะอาจารย์ใหญ่ เขาจะอยู่ในอันดับที่ยี่สิบสามมาได้หนึ่งเดือนหรือ? คงถูกคนอัดลงมานานแล้ว”
“ได้ยินว่าเขาเอาแต่หลบอยู่ในที่พัก ไม่ออกมาตลอด ข้าว่าเขากลัวจึงไม่กล้าออกมา ไม่ต่างอะไรกับเต่าหดหัวจริงๆ ไม่รู้ว่าทำไมอาจารย์ใหญ่จึงพาเขาเข้าสำนักใน เขาคู่ควรหรือ”
อารมณ์ดีๆ ของเซียวเฉินหายไปจนหมด
สีหน้าเย็นเยียบลง
“คู่ควรหรือไม่ ก็ไม่ใช่เื่ที่พวกเ้าตัดสินใจได้”
ผู้คนตรงนั้นหันหน้ามามองเซียวเฉิน แต่ละคนอึ้ง จากนั้นก็เอ่ยอย่างดุร้าย “เ้าเป็ใคร พวกเราคุยกันอยู่ เ้ามาสอดทำไม? ไสหัวไปเสีย...”
สีหน้าของเซียวเฉินเย็นเยียบลงอีกหลายส่วน
พวกเขาไม่รู้ว่าเซียวเฉินเป็ใครจึงพูดจาส่งเดช โอหังเหิมเกริม วอนโดนอัดตรงนี้
“ข้าคือเซียวเฉินที่พวกเ้าเอ่ยถึง!”
เซียวเฉินเอ่ยช้าๆ ท่วงท่าเ็ายิ่งขึ้น
“เ้าคือเซียวเฉิน?” คนผู้นั้นเบิกตาโต
จากนั้นเอ่ยยิ้มๆ ทันที “เซียวเฉิน พวกเรากำลังตามหาเ้าไปทั่ว อยู่ดีๆ เ้าก็พาตัวเองมาอยู่ตรงนี้ พอดีเลย เ้ายึดครองอันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงมาหนึ่งเดือนแล้ว เวลานี้สมควรเปลี่ยนคนได้แล้ว”
เซียวเฉินมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเ็า “พวกเ้ายังไม่คู่ควร”
ผู้คนตรงนั้นมีสีหน้าอัปลักษณ์ทันควัน
พลังเสวียนปะทุทั่วร่าง
คนทั้งสามต่างมีความสามารถขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้า เซียวเฉินอดหัวร่อหยันไม่ได้ สมัยตนเองอยู่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าก็เอาชัยขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าได้ ตอนนี้ตนเองย่างเข้าขั้นตานฟ้า อย่าว่าแต่ขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าเลย แม้แต่ผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้าก็ไม่เกรงกลัว
เห็นพวกเขาคิดจะลงมือ เซียวเฉินก็กำลังปรารถนาอยู่พอดี
“อย่าหาว่าข้ารังแกพวกเ้าเลย พวกเ้าเข้ามาพร้อมๆ กันเถอะ” เซียวเฉินเอ่ยเรียบๆ คนทั้งสามหน้าแดงก่ำทันที เหมือนถูกหยามเกียรติ
“เซียวเฉิน เ้าโอหังเกินไปแล้ว” ว่าแล้วคนทั้งสามก็สบสายตาแล้วลงมือพร้อมกัน เซียวเฉินยิ้ม ไร้ยางอายแล้วยังหาข้ออ้างให้ตนเองอีก
ตูม!
เคล็ดวิชาของคนทั้งสามจู่โจมพร้อมกัน แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
“หมัดแดนเถื่อน”
“กระบี่ทลายดารา”
“ฝ่ามือเร่งอัคคี”
เซียวเฉินหัวร่อหยัน สีหน้าลึกล้ำ พลังเสวียนในมือกลายเป็แสงรัศมีดารา จากนั้นฝ่ามือดุจแก้วหลากสีเปล่งประกายงดงาม ทรงอานุภาพดั่งเบิกภูผา แม้แต่อากาศก็สั่นะเืส่งเสียงปะทุออกมา
“ดัชนีแก้วแสงเสวียน!”
เซียวเฉินจิ้มดัชนี พริบตาก็ทำลายการโจมตีของคนทั้งสาม พวกเขาส่งเสียงร้องโหยหวน กระบวนท่านี้ของเซียวเฉิน ทะลุข้อมือของพวกเขา โลหิตสดกระฉูดเป็สายแล้วไหลลงมาตามแขน
เซียวเฉินขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับต้น ใช้กระบวนท่าเดียวเอาชนะผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับกลางสามคน
ทำให้คนที่ผ่านไปมาตะลึงงันอยู่ตรงนี้
ดวงตาทอแววใสุดขีด
“อ๊าอ๊า...มือของข้า...” คนทั้งสามกุมแขนร้องโอดโอยไม่หยุดหย่อน แต่เซียวเฉินกลับไม่คิดจะปล่อยพวกเขาไป ในเมื่อพวกเขาทำผิดก็ต้องจ่ายค่าตอบแทน
เซียวเฉินวาดมือ ใช้ฝ่ามือเดียวฟาดคนปลิวไป ฟันในปากคนผู้นั้นหลุดกระเด็นสี่ห้าซี่และกระอักโลหิตสดออกมาไม่ขาดสาย ล้มฟุบกับพื้น พูดไม่ออก
อีกสองคนเห็นแล้วก็มีสีหน้าพรั่นพรึง
เดิมทีพวกเขานึกว่าเซียวเฉินรังแกง่าย คิดไม่ถึงว่าจะน่ากลัวปานนี้ พวกเขาสามคนรับกระบวนท่าเดียวของเซียวเฉินไม่ได้
ตูม!
ตูม!
เซียวเฉินเตะติดต่อกันสองที คนทั้งสองก็ปลิวไปพร้อมกัน กระดูกสันอกหัก กระอักโลหิตสดออกมาไม่หยุด สภาพที่คนทั้งสามร่วงลงไปกองกับพื้นอเนจอนาถยิ่งนัก ทำให้ผู้ที่ได้เห็นหวาดกลัว
“ต่อไปพวกเ้าควบคุมปากของตนเองให้ดี ไม่เช่นนั้นข้าจะทำแทนเอง” เซียวเฉินเอ่ยเสียงเ็า สายตาเสมือนหล่มน้ำแข็ง ทำให้ทั้งสามคนซึ่งเดิมทีเหิมเกริมกลับตัวสั่นสะท้าน ร้องขอความเมตตาไม่หยุด จากนั้นโซซัดโซเซหนีไป
เซียวเฉินกวาดตามองทุกคน แล้วส่งเสียงช้าๆ
“ข้ารู้ว่าพวกเ้าไม่ยินยอมที่ข้ายึดครองอันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวง แต่ข้าขอบอกพวกเ้าไว้ตรงนี้ นี่คือสิ่งที่ข้าได้มาด้วยตนเอง เฟิงอวิ๋นเซียวซึ่งเดิมทียึดครองตำแหน่งนี้ถูกข้าสังหารไปแล้ว หากใครไม่ยอมรับหรือคิดว่ามีความสามารถมากกว่านี้ก็มาหาข้าได้ ข้าเซียวเฉินจะไม่ปฏิเสธผู้มาเยือน”
เสียงของเซียวเฉินดังก้องทั่วสำนักใน
“แต่ข้าเซียวเฉินไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ ต่อไปหากข้าได้ยินคนนินทาลับหลังอีก พวกเ้าจงภาวนาว่าอย่าให้ข้าพบเห็น ไม่เช่นนั้นสามคนเมื่อครู่คือจุดจบของพวกเ้า ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ตาม”
ที่นั่นเงียบกริบทันที
ทุกคนหวาดกลัววิธีการอันแข็งกร้าวและทรงพลังของเซียวเฉิน วิธีการอันดุดันเมื่อครู่และความสามารถที่แข็งแกร่งแก้ไขความเข้าใจที่มีต่อเซียวเฉินเสียใหม่
น้ำเสียงของเซียวเฉินหยุดอยู่เนิ่นนาน ไม่มีใครก้าวเข้ามาท้าสู้เซียวเฉินอีก เขาหันกายจากไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ศึกนี้ ทำให้เซียวเฉินเลื่องชื่อทั่วสำนักในอีกครั้ง
คนเดียวสามารถสู้ผู้เข้มแข็งขั้นตานฟ้าหนึ่งชั้นฟ้าระดับกลางได้ถึงสามคน กระบวนท่าเดียวกวาดเรียบ ศึกนี้สร้างความมั่นคงให้กับตำแหน่งของเซียวเฉินบนผังชางหวงโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครกล้ามาท้าสู้อีก
เื่นี้ย่อมปิดบังบุคคลระดับสูงในสถานศึกษาชางหวงไม่ได้ ฟังมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เล่า ใบหน้าของจั๋นอวี่ก็เผยรอยยิ้ม “เด็กคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ”
“แน่สิ นี่คือคนที่ข้าเลือกเชียวนะ” ใบหน้าของมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ประดับด้วยรอยยิ้ม