บทที่ 60 ท่านพี่หลี่อยากมีลูกกับข้าหรือ?!
สามวันต่อมา
หน้าจวนมู่หรงมีรถม้าจอดนิ่งอยู่
โรงทานยังคงเปิดทำการเช่นเคย บุตรหลานตระกูลมู่หรงจำนวนมากต่างออกมาส่งพวกเขา
“เซียวเอ๋อร์ เ้าจงฝึกฝนกับสหายหลี่น้อยให้ดีนะ เข้าใจไหม?”
“หากขาดแคลนสิ่งใด ก็ให้บอกกับทางบ้าน”
มู่หรงไห่ยืนกอดอกที่หน้าประตู ริ้วรอยบนใบหน้าฉายแววเมตตา ยามนี้เขาไม่ได้เคร่งขรึมดังเช่นแรกพบ กลับดูคล้ายชายชราธรรมดาผู้หนึ่งเท่านั้น
“ทราบแล้วขอรับท่านปู่”
มู่หรงเซียวพยักหน้าอย่างจริงจัง
เขามองไปรอบตัว ก่อนจะเกาศีรษะอีกครั้ง
“ศิษย์พี่หลี่ล่ะขอรับ?”
“ข้ามาแล้ว”
เสียงหนึ่งมาตามลม แต่เสียงยังไม่ทันมาถึง ร่างของเขาก็พลันปรากฏตัวขึ้นแล้ว
มู่หรงเซียวหันกลับไป พลันพบว่าหลี่โม่ยืนอยู่หน้ารถม้าั้แ่เมื่อใดไม่ทราบ เสื้อผ้าพลิ้วไหวไปตามลมเบาๆ อย่างเงียบงัน
“ฝีเท้าเงาวายุ?”
เขาตกตะลึงไปชั่วครู่ ศิษย์พี่หลี่จะรู้เคล็ดวิชาฝีเท้าประจำตระกูลระดับสูงของพวกเขาได้อย่างไร?
“ข้ามอบเคล็ดวิชานี้ให้สหายหลี่น้อยเพียงแค่สามวันเท่านั้นเอง”
มู่หรงไห่เผยสีหน้าแสดงความชื่นชม เมื่อครู่สหายหลี่น้อยแสดงวิชาออกมาได้อย่างชัดเจน แสดงว่าได้ฝึกฝนจนช่ำชองแล้ว ดูเหมือนเขาจะเหมาะกับเคล็ดวิชาฝีเท้านี้มาก ทั้งยังเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ความสามารถในการเรียนรู้ของเขายอดเยี่ยมนัก
“ศิษย์พี่หลี่ ท่านใช้เวลาสองสามวันนี้ศึกษาฝีเท้าเงาวายุหรือขอรับ? ไม่แปลกใจเลยที่ไม่เห็นท่าน”
“ก็ไม่ทั้งหมด”
หลี่โม่ส่ายหน้าเล็กน้อย สำหรับฝีเท้าเงาวายุนั้น เขาฝึกฝนจนถึงขั้นแตกฉานแล้วั้แ่วันแรก พร์ด้านวิชาฝีเท้าของเขานั้นค่อนข้างธรรมดา เขาเพียงใช้‘ความเข้าใจในวิถีแห่งยุทธ์’มาเติมเต็มข้อจำกัดความธรรมดาก็เท่านั้น
“โอ้ ใช่แล้ว ยังมีที่ต้องฝึกฝนอีก” มู่หรงเซียวดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
หลี่โม่เล่นแหวนในฝ่ามือ พลางยิ้มโดยไม่กล่าววาจา ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาว่าจะทำอย่างไรให้กลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์โลกยังคงอยู่ในแหวนโบราณ เื่นี้มิใช่เื่ง่ายเลย ต้องใช้พลังงานมหาศาล หลี่โม่ใช้ยาเม็ดระดับหกอักษรเพื่อฟื้นฟูพลังกายและใจไปมาก โชคดีที่ท้ายที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ
ปัจจุบัน แหวนโบราณภายใต้การชี้นำของหลี่โม่ ได้ทิ้ง'ร่องรอย'ของเมล็ดพันธุ์โลกไว้สำเร็จ
“ท่านปู่ พวกเราไปแล้วนะขอรับ”
“ท่านผู้เฒ่ามู่หรง ไว้พบกันใหม่นะขอรับ”
หลี่โม่โบกมือออกไปนอกรถ รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัว ผู้เร่ร่อนและขอทานที่มารับอาหารริมทางเงยหน้ามองรถม้า ใบหน้าที่ชินชากลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาทุกคนต่างรู้ดี แม้ท่านนักบุญหลี่จะจากไป โรงทานก็จะยังคงเปิดอยู่ ตามที่เขาให้คำมั่นไว้
“ท่านนักบุญหลี่โปรดดูแลสุขภาพด้วยขอรับ!”
“หากร่ำรวยขึ้นในอนาคต ข้าจะต้องสร้างศาลเทพเ้าให้ท่านอย่างแน่นอน!”
“ขอให้ท่านประสบความสำเร็จในวิถีแห่งยุทธ์นะขอรับ!”
เมื่อได้ยินเสียงขอบคุณจากสองข้างทาง เป็ครั้งแรกที่ถูกผู้คนมากมายมองว่าเป็ความหวัง หลี่โม่รู้สึกถึงอารมณ์ประหลาดที่ปั่นป่วนอยู่ในอก เขาถอนหายใจยาวๆ แล้วปิดม่านรถ
“รบกวนไปที่ตรอกหนีเจี่ยวสักครู่”
“ได้เลยขอรับ”
สารถีรีบตอบรับ ยามนี้คำพูดของคุณชายหลี่ เขาไม่อาจละเลยได้แล้ว แม้แต่คุณชายของตระกูลยังต้องเคารพต่ออีกฝ่ายเลย
ตรอกหนีเจี่ยว
ในบ้านพัก แม้ยังคงมีของเก่าๆ วางกองอยู่มากมาย แต่ก็ไม่ได้ดูไร้ชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว สามวันนี้ หลี่โม่มาที่นี่ทุกวัน และทุกครั้งที่มา ก็จะทำอาหารให้พวกเขากินด้วย
“วันนี้ท่านพี่หลี่ทำไมยังไม่มาเลยนะ?”
“วันนี้ท่านพี่หลี่จะนำลูกอมเสียบไม้มาด้วยไหม?”
“ข้าอยากกินหลูต่ากุน...”
“พวกเ้าเอาแต่กินๆ”
ขณะที่เหล่าขอทานน้อยกำลังยุ่งอยู่ภายในลานบ้าน พลันเด็กใบ้ก็ส่งเสียงอ้อแอ้ “อ้าบาอ้าบา” ขึ้น
เขามีหูที่ไวที่สุด เหล่าขอทานน้อยต่างพากันวิ่งออกไปที่หน้าลานบ้าน แน่นอน เสียงรถม้ามาถึงแล้ว
“ท่านพี่หลี่!”
“วันนี้จะทำไก่ห่อใบบัวย่าง และเนื้อย่างให้พวกเ้า ทำง่ายมาก ต่อไปพวกเ้าก็ทำกันเองได้”
หลี่โม่เข้ามา ทักทายพวกเขาตามปกติ ่นี้เขาคุ้นเคยกับเด็กน้อยกลุ่มนี้เป็อย่างดีแล้ว
“อะ...อรุณ...อรุณสวัสดิ์”
เจียงชูหลงทักทายอย่างเอียงอาย ใบหน้ายังคงจงใจทำให้มีรอยเปื้อนคล้ายแมวลาย จนไม่อาจมองเห็นสีหน้าของนางได้ชัดเจน เสียงของนางมีพลังขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร่างกายของนางฟื้นฟูขึ้นมากแล้ว
“ข้า...มาช่วยท่าน...หั่นผัก”
“ดีเลย”
หลี่โม่สะบัดหยดน้ำออกจากมือ ทว่ารออยู่นานกลับไม่เห็นเจียงชูหลงลงมือทำอะไร เสียงอันอ่อนแอของนางก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าไม่...ไม่มีมีด...”
“นี่ไง”
หลี่โม่ปลดกระบี่เพลิงสีชาดจากเอวส่งให้นาง
ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่เพลิงสีชาดที่ปกติเ็าต่อเขา วันนี้กลับมีชีวิตชีวาอย่างประหลาดเมื่ออยู่กับเจียงชูหลง ราวกับแมวเห็นต้นแคตนิป มันเชื่อฟังนางเป็อย่างยิ่ง สั่งให้หั่นอะไรก็หั่นตาม อาวุธลี้ลับอันล้ำค่าจึงถูกใช้เป็มีดหั่นผักชั่วคราวไปโดยปริยาย
“นี่...นี่นี่...ท่านใช้สิ่งนี้หั่นผักเชียวหรือ?”
มู่หรงเซียวเห็นดังนั้นก็ตะลึงจนพูดตะกุกตะกัก
“คือ...มันไม่ค่อย...สะดวกนัก”
“กระบี่เล่มนี้...ไม่ค่อยดี”
เจียงชูหลงตอบกลับอย่างตะกุกตะกัก
มู่หรงเซียว “!”
หลี่โม่ “...”
ตรรกะขององค์หญิงช่างประหลาดยิ่งนัก ข้าวสารเพียงหนึ่งถุง เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงก็ทำให้นางอ้าปากค้าง มองว่าเป็ของล้ำค่า ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับอาวุธลี้ลับ หรือขนนกเพลิง กลับปฏิบัติต่อมันราวกับเป็ของธรรมดา
ครั้งหนึ่ง เขาจึงสนทนากับนางด้วยความสงสัย
“คนไม่กินข้าว...จะตายนะ...”
“แล้วเงินล่ะ?”
“เงิน...สามารถซื้อ...ซื้อข้าวได้...”
“เ้าไม่คิดว่ากระบี่เล่มนี้แลกเงินได้มากมายหรอกหรือ?”
“ได้หรือ? แต่ก่อนข้า...เคยเห็นมากมาย...ดีกว่านี้อีก...”
รวมถึงยาเม็ด และสมบัติอื่นๆ นางกลับมองว่าเป็ของธรรมดาสามัญ อาจเป็เพราะของล้ำค่าสำหรับคนธรรมดาเหล่านี้ กลับเป็ของที่นางเคยเห็นเป็ประจำ ดังนั้นนางจึงไม่รู้เื่สามัญสำนึกของคนทั่วไปเลย เช่นเมื่อวานนางเก็บตุ๊กตาได้หนึ่งชิ้น พอหลี่โม่ซ่อมให้ นางก็ดีใจราวกับได้สมบัติล้ำค่าแห่งยุคสมัย ช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก กล่าวได้ว่านางเป็ผู้ที่ไม่เคยเห็นโลกภายนอกอย่างแท้จริง
ไม่นานหลังจากนั้น อาหารก็ทำเสร็จ แต่ครั้งนี้หลี่โม่กลับไม่ได้กินข้าวพร้อมกับพวกเขา หากแต่เรียกเจียงชูหลงมาข้างตัว แล้วหยิบกระดาษออกมาจากอกเสื้อ
“นี่คือโฉนดที่ดินของบ้านร้างหลังนี้ ต่อไปพวกเ้าก็จะไม่ใช่คนเร่ร่อนหรือขอทานอีกแล้ว แต่จะเป็เ้าของที่นี่”
“เ้า...เ้าของ?”
เจียงชูหลงรับโฉนดมาอย่างงุนงง พับมันอย่างระมัดระวัง ก่อนจะสอดเข้าไปในถุงผ้าที่ใส่ขนนกเพลิงไว้
“แล้วก็สิ่งนี้”
หลี่โม่หยิบแหวนลายสนโบราณออกมาจากอกเสื้อ สวมมันลงบนนิ้วมือที่บอบบางของนางโดยไม่กล่าวอะไร
เจียงชูหลง “!”
ท่านแม่เคยบอกว่า แหวนมักจะเป็ของหมั้นหมาย!
บุรุษมอบสิ่งนี้แก่สตรี แสดงถึงความรักใคร่ หากยอมรับ ก็หมายความว่าทั้งสองได้ตัดสินใจเื่สำคัญของชีวิตร่วมกันแล้ว และยังหมายถึง...จะมีลูกน้อยด้วย
รับแหวน = จะมีลูกน้อย
เจียงชูหลงคิดเช่นนั้น
ท่านพี่หลี่นั้นหล่อเหลา สง่างาม และอ่อนโยน ทั้งยังเล่าเื่ตลกให้ฟังได้ ทำอาหารได้อีกด้วย...
แต่ว่า...แต่ว่านางยังไม่พร้อมเลยนะ!
ถ้าปฏิเสธ เขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆ...
“ยัยพูดติดอ่าง?”
เจียงชูหลงที่อยู่ตรงหน้า หยุดนิ่งราวกับเครื่องจักรที่หยุดชะงักไปชั่วขณะ แม้จะมีรอยเปื้อนบนใบหน้า ก็ยังเห็นได้ว่าใบหน้าของนางนั้นแดงก่ำ
หลี่โม่โบกมือไปมาตรงหน้านางอย่างงุนงง
“ท่านพี่หลี่...นี่นี่นี่...นี่คือ...”
“โอ้ สิ่งนี้ก็ได้รับมอบหมายให้นำมาให้เ้าเช่นกัน”
เขาโยนความผิดให้ยัยก้อนน้ำแข็งทันที ของที่ยัยก้อนน้ำแข็งให้ไป นางน่าจะยอมรับใช่ไหม?
“ที่แท้...เป็เช่นนี้เอง...”
เจียงชูหลงผ่อนคลายร่างกายลง แต่ก็ดูหม่นหมองลงไปเล็กน้อย หัวใจที่สงบลงแล้ว กลับรู้สึกว่างเปล่าราวกับขาดอะไรบางอย่างไป
“ถ้าอย่างนั้นข้าไปแล้วนะ”
“ท่าน...จะไปไหนหรือ?”
“กลับสำนักชิงเยวียน แต่ไม่ต้องห่วง อีกไม่นานข้าก็จะกลับมา”
มองเด็กหนุ่มเดินไปถึงหน้าประตู กล่าวลาด้วยรอยยิ้ม
เจียงชูหลงเม้มริมฝีปาก มองเขาเดินออกไปทีละก้าว ไม่รู้ว่าความกล้ามาจากไหน นางพลันะโขึ้นว่า
“ท่านพี่หลี่...เดี๋ยวสิ”
“ท่านยัง...ยังไม่เคยเห็น...หน้าตาของข้าเลยนะ”