การกระทำของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง อยู่ในความคาดหมายของฉางไทเฮา ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทุ่มเทเปลืองสมองถึงเพียงนั้น ทว่านางจะรู้ได้อย่างไรว่า ทุกสิ่งที่ทำมานั้นมิได้อยู่ในการควบคุมของนาง
งิ้วในวันนี้จนถึงท้ายที่สุด อย่างไรก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกคนตระกูลหนานกงได้สมหวังแน่!
อย่างที่คิด ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเข้าไปในกระโจม กวาดสายตาค้นหาอย่างรวดเร็ว
ภายในกระโจมเล็กๆ สามารถมองเห็นทุกอย่างด้วยการมองเพียงปราดเดียว ทว่าในกระโจมหลังนี้ นอกจากร่างกระดูกเหม็นเน่าตรงมุมกระโจม ไหนเลยจะมีสิ่งอื่นใดอีก?
ร่างของเหนียนอีหลานเล่า?
เห็นได้ชัดว่าควรจะอยู่ที่นี่ ทว่าเหตุใด...
ชั่วขณะหนึ่ง คำถามมากมายผุดเข้ามาในหัวของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง นางหันไปมองหนานกงฉี่ด้านข้างด้วยสายตาเฉียบคม ไร้เสียงเอ่ยถาม
หนานกงฉี่เองก็มีใบหน้ามืดมนเช่นกัน เมื่อคืนเขาได้รับสัญญาณอย่างชัดเจนตามที่ตกลงไว้ ร่างของอีหลานจะต้องอยู่ในกระโจม เพื่อรอให้พวกเขามาตามแผนในวันนี้ ทว่า...
ผู้ที่คิดแผนการได้ชาญฉลาดเช่นหนานกงฉี่ ก็รับมือไม่ทันกับสถานการณ์อันกะทันหันเยี่ยงนี้เช่นกัน
“หรือว่า...มีคนเจอก่อนเรา...” หนานกงฉี่ลดเสียงลง เขากล่าวไม่จบ ทว่าความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง หากฮองเฮาอวี่เหวินเจอก่อนว่าอีหลานตายไปแล้ว นางย่อมไม่มีทางทิ้งร่างของอีหลานไว้ที่นี่แน่
ในยามนี้คนที่รออยู่ด้านนอกมากมาย และทุกอย่างต่อจากนี้...
“หึ ต่อให้เป็เช่นนั้น วันนี้นางก็ต้องส่งตัวเหนียนอีหลานมา!” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงคำรามในลำคอเบาๆ ดวงตาหรี่ลง ในใจครุ่นคิด วันนี้เพื่อตำแหน่งแม่ทัพหลวง ข้าจะไม่ถอยกลับไปง่ายๆ แน่!
ผ่านไปนานมากแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังคงไม่ออกไปนอกกระโจม ผู้คนจึงไม่แน่ใจสถานการณ์ภายในกระโจม
‘นางกำนัลน้อย’ ในฝูงชนเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่าง คนฉลาดเช่นนาง ในใจมั่นใจแล้วว่าเหนียนอีหลานไม่ได้อยู่กระโจมหลังนี้จริงๆ ไม่เช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงคงจะเคลื่อนไหวนานแล้ว
เป็เช่นนี้ นางกำนัลน้อยกลับยิ่งสงสัยในปฏิกิริยาของฮองเฮาอวี่เหวิน เหนียนอีหลานควรจะอยู่ในนี้ถึงจะถูก ทว่าเหตุใด...
คนเฉลียวฉลาดเช่นนางได้กลิ่นผิดปกติในเื่ราวอย่างรวดเร็ว ยามที่กำลังไตร่ตรอง สายตากวาดมองผู้คนโดยไม่ตั้งใจ นางัับางสิ่งได้ทันที ร่างกายของนางกำนัลน้อยพลันสั่นเทาเล็กน้อยจนมิอาจสังเกต
หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนเล่า?
เมื่อครู่นี้จ้าวเยี่ยนยังอยู่ในกลุ่มฝูงชน เหตุใดยามนี้ถึงไม่เห็นเขาแล้ว?
ในเวลาเช่นนี้ บุรุษผู้นั้นกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน เื่นี้มีบางอย่างผิดแปลกไป นางกำนัลน้อยครุ่นคิดลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงฉวยจังหวะยามที่ความสนใจของทุกคนอยู่กับสถานการณ์ในกระโจม ลอบออกไปจากฝูงชนอย่างเงียบเชียบ เพื่อออกไปข้างนอกสวนร้อยสัตว์
ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นนางกำนัลน้อยที่ออกไป นางกำนัลน้อยเพิ่งจะออกไปได้ไม่กี่ก้าว ด้านหลังพลันมีเสียงร่ำไห้ทุกข์ใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงดังแว่วออกมา...
“เหนียนอีหลานเล่า? เหนียนอีหลานของข้าเล่า?” เสียงร่ำไห้อย่างโศกเศร้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ดังมาพร้อมกับคำถาม ทันทีที่ออกมาจากกระโจม นางก็ตรงไปยังเบื้องพระพักตร์ของฮองเฮาอวี่เหวิน “ฮองเฮาเพคะ พระนางมิใช่ตรัสว่าอีหลานอยู่ข้างในหรือเพคะ? เหตุใดถึงไม่มีเล่าเพคะ? ฮองเฮาเพคะ อีหลานล่วงเกินพระนาง แน่นอนว่าย่อมมีความผิด ทว่าพระนางเองก็ไม่สามารถ... มิใช่ว่าพระนางทรง...”
นางกำนัลน้อยผู้นั้นฟังอยู่ ทว่ายิ่งห่างออกไปไกลเสียงก็ยิ่งเบาลง
นอกกระโจม ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงทรุดลงบนพื้นอย่างสิ้นหวังและทุกข์ทรมาน พลางจ้องมองฮองเฮาอวี่เหวิน ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนถึงที่สุด
นางกล่าวเื่ล่วงเกินออกมาอย่างไม่หลบเลี่ยง จากการคาดเดา ฮองเฮาอวี่เหวินคงไม่้าให้เื่สวนร้อยสัตว์ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแน่
"เกิดอันใดขึ้น?"
คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงทำให้ผู้คนคาดเดาส่งเดช ฮองเฮาอวี่เหวินสีพระพักตร์มืดมนลงทันใด กล่าวตัดบทฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงด้วยเสียงดุดัน “ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง จำสถานะของเ้าไว้ เื่บางเื่มิใช่จะให้เ้าพูดจาส่งเดช”
ด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำให้แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงตื่นใเล็กน้อย ทว่าลึกลงไปในดวงตาอันผ่านโลกมามากคู่นั้นกลับเป็ปกติอย่างรวดเร็ว
บางเื่มิควรพูดส่งเดช ทว่าในยามนี้เห็นได้ชัดว่าเหนียนอีหลานตายไปแล้ว แต่กลับไม่อยู่ในกระโจม ในเวลานี้ นางจึงมีเพียงเดิมพันเดียวเท่านั้น
เดิมพันว่าเหนียนอีหลานตายไปแล้ว และเดิมพันว่าฮองเฮาอวี่เหวินเอาร่างของอีหลานออกไป!
ไม่ว่าอย่างไร ข้าจะต้องบีบคั้นให้ฮองเฮาอวี่เหวินส่งอีหลานมา แผนการนี้ของข้าจึงจะดำเนินต่อไปได้!
“หม่อมฉันสมควรตายเพคะ หม่อมฉันลืมตัวจนเสียกิริยา ทว่าฮองเฮาเพคะ อีหลานเข้ามาในวังหลายวันแล้ว จิตใจของพวกเราพะวงกันอย่างยิ่ง ขอฮองเฮาโปรดประทานอนุญาต และขอพระเมตตาฝ่าาพระราชทานพระบัญชาให้หม่อมฉันได้เจออีหลานด้วยเถิดเพคะ” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงโค้งคำนับฮองเฮาอวี่เหวินและฮ่องเต้หยวนเต๋อ ความหมายในถ้อยคำนั้นชัดเจนอย่างยิ่ง
นาง้าบีบคั้นให้ฮองเฮาอวี่เหวินส่งตัวเหนียนอีหลานออกมา!
ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินจะปล่อยให้นางเล่นงานได้อย่างไร?
“เหนียนอีหลานเข้ามาในวังหลายวัน และในหลายวันมานี้ เปิ่นกงสั่งให้หมอหลวงไปตรวจดูาแนางทุกวัน นางได้รับการดูแลจากเปิ่นกงอย่างดี ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกังวลเยี่ยงนี้ กลัวว่าเปิ่นกงจะกินเหนียนอีหลานเข้าไปหรือไร? หึ นึกไม่ถึงเลยว่า ฮูหยินผู้เฒ่าจะไม่เคยเชื่อใจเปิ่นกง!” ฮองเฮาอวี่เหวินหัวเราะแ่เบา กล่าวตำหนิติเตียนอย่างชัดเจน
"ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันไม่ใช่ไม่เคยเชื่อใจฮองเฮานะเพคะ เพียงแต่ฮองเฮา..." ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอ่ยปากต่อ ทว่ายังไม่ทันกล่าวจบ กลับถูกขัดบทอย่างเ็า
“ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนล่วงเกินฮองเฮาอย่างไร เปิ่นกงเองก็แจ่มแจ้งยิ่งยวด ความผิดที่เหนียนอีหลานก่อไว้เมื่อวันนั้น ต่อให้บั่นคอนางยังมิถือว่ามากเกินไป ไม่เพียงแค่นั้น หากซักไซ้ไล่เลียงให้ละเอียด ตระกูลหนานกงของท่านเองก็น่าจะเกี่ยวข้องด้วย ทว่าฮองเฮาทรงมีเมตตา จึงลงโทษนางสถานเบาเท่านั้น ทั้งยังพานางเข้าวังมาดูแลรักษา ฮองเฮาทรงช่วยเหลือคุณหนูใหญ่สกุลเหนียนอย่างดีที่สุดแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไม่วางใจเช่นนี้ แม้แต่เปิ่นกงเองก็ยังรู้สึกว่า ยามนั้นฮองเฮามิควรเห็นแก่ตระกูลหนานกง ควรจะสั่งบั่นคอนางเสีย จึงจะสมควร”
น้ำเสียงเฉียบขาดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอดังเข้าสู่โสตประสาทของผู้คน ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้านอย่างมิอาจบรรยาย
ทุกคนหันไปมององค์หญิงใหญ่ชิงเหอพร้อมเพรียงกัน นางที่อยู่ในชุดหรูหรากล่าวถ้อยคำดุดันเยี่ยงนี้ ความน่าเกรงขามจึงไม่ด้อยไปกว่าฮองเฮาอวี่เหวินแม้แต่น้อย รัศมีอันสูงส่งแผ่ซ่านออกมาอย่างเป็ธรรมชาติ
คำพูดขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ เปรียบเสมือนมีดคม ทุกถ้อยคำเสียดแทงเข้าหัวใจของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงอย่างไร้ความปรานี ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรู้ว่าควรจะรับมือฮองเฮาอวี่เหวินอย่างไร จึงจะบีบคั้นให้ฮองเฮาส่งตัวอีหลานมา นางทุ่มหมดหน้าตัก ทว่ากับองค์หญิงใหญ่ชิงเหอ นางกลับต้องระวังให้มาก
ตลอดมาฐานะขององค์หญิงใหญ่ในเป่ยฉีนั้นไม่ธรรมดา ยิ่งในยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์ หากคำพูดของตนรุนแรงเกินไปจนกระทบนางเข้า และทำให้ทารกในครรภ์มีอันเป็ไปขึ้นมา เช่นนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ตระกูลหนานกงวางแผนคงต้องล้มเหลว และคงถึงขั้นที่คนตระกูลหนานกงทุกคนต้องได้รับโทษ
ทารกในครรภ์ของนางล้ำค่ายิ่งกว่าจ้าวอิ้งเสวี่ยแห่งจวนจิ้นอ๋องมาก!
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงรู้ว่าตนเองไม่สามารถปะทะคารมได้ ทว่าการโจมตีในวันนี้จะต้องดำเนินต่อไป
ทันใดนั้น ร่างของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงพลันอ่อนยวบ อาการวิงเวียนศีรษะพุ่งเข้ามา ทั้งร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย โงนเงนไม่มั่นคง...
ผู้คนรอบข้างซึ่งคอยเฝ้ามองล้วนตกตะลึง ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงอายุมากแล้ว หากหายใจไม่ทัน...
ฮองเฮาอวี่เหวินและฮ่องเต้หยวนเต๋อขมวดคิ้ว ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกำลังจะล้มลง หนานกงเลี่ยกับหนานกงฉี่ สองพ่อลูกก้าวมาข้างหน้าพร้อมกัน ใน่เวลาสั้นๆ ดุจแสงแปลบยามฟ้าแลบ พวกเขาเข้าไปประคองรับฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงที่เกือบจะล้มลงไปกับพื้น
"ท่านแม่..."
"ท่านย่า..."
ทั้งสองรู้สึกกังวลและเป็ห่วง แขนของหนานกงเลี่ยรองศีรษะของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงไว้ ทว่าแม้เป็เช่นนี้ก็ยังคงไม่ช่วยปลุกสติของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกลับมา ใบหน้าผู้เฒ่าซีดเผือด ดวงตาทั้งสองข้างว่างเปล่า สติดูเหมือนจะเลือนหายไป ทว่าปากยังคงพึมพำไม่หยุด “อีหลาน... อีหลาน... ข้า...หรือจะไม่ได้แล้ว แต่อีหลาน...ข้าไม่วางใจเลย!”