เหนียนอีหลานชะงักไปเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเื่ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวรอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหายไปในทันที
"ข้าไม่ได้สอน"เหนียนอีหลานขมวดคิ้ว เหตุใดนางจะต้องไปสอนเหนียนยวี่บรรเลงฉินด้วย?
แต่ไหนแต่ไรมา ยามที่นางเรียนดีดฉิน นางไม่เคยปล่อยให้เหนียนยวี่มาอยู่ข้างๆมีแค่ตอนที่เรียนรู้จนเป็แล้ว ถึงได้มาเล่นฉินต่อหน้าเหนียนยวี่ก็แค่เสพสุขจากการที่เหนียนยวี่ได้แต่มองและอิจฉาชื่นชมนาง
นางรู้ว่าเหนียนยวี่โหยหาสิ่งที่บรรดากุลสตรีทำกันเพราะฉะนั้นนางยิ่งต้องไม่ให้เหนียนยวี่ได้สมหวัง
เพราะรู้ว่าเหนียนยวี่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับััทางด้านดนตรีเพราะเยี่ยงนั้น นางจึงลากเหนียนยวี่ให้มาร่วมแสดงในงานเลี้ยงฉีเฉี่ยวด้วยทว่ากลับนึกไม่ถึงเลยว่า...
"เช่นนั้นเหตุใดนางถึงเล่นได้?" หนานกงเยวี่ยเชื่อคำพูดของเหนียนอีหลาน ทว่าในเมื่อเป็เช่นนี้เื่ที่นางเล่นฉินได้ก็ยิ่งฟังดูแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
จากที่เห็นเมื่อวานเหนียนยวี่ไม่เพียงแค่เล่นฉินเท่านั้น ทว่าฝีมือการดีดฉินเองก็ไม่เลวเช่นกัน
หนานกงเยวี่ยครุ่นคิดอย่างรอบคอบเื่การแข่งขันฉินเมื่อวานยิ่งนางใคร่ครวญมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกรู้สึกแปลกใจมากขึ้นเท่านั้น
ตอนที่สายฉินของอีหลานขาดจิตใจนางมีแต่เื่าแของอีหลาน ไม่ได้สนใจคิดเื่อื่นเลย ยามนี้เมื่อมาคิดดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนการรับมือไม่ทันของอีหลาน อาจจะเป็เหนียนยวี่ที่บีบบังคับ...
ความคิดการคาดเดานี้ผุดขึ้นในหัว ร่างกายของหนานกงเยวี่ยชะงักงันอย่างอดไม่ได้
เหนียนยวี่คนนั้น...มีฝีมือเพียงนี้จริงๆ หรือ?
"เหนียนยวี่..." หนานกงเยวี่ยขบเขี้ยวกับชื่อนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยามนั้นมารดาของเหนียนยวี่เองก็เก่งกาจด้านฉินเช่นเดียวกัน...
ราวกับมีความทรงจำในอดีตมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวนาง ดูเหมือนเพราะความเกลียดชังใบหน้าของหนานกงเยวี่ยจึงแปรเปลี่ยนเป็ดุร้ายขึ้นมาทันที
“เหนียนยวี่คนนี้ พวกเราคงต้องมาพิจารณากันใหม่”น้ำเสียงของหนานกงเยวี่ยเคร่งขรึมจริงจังอย่างเห็นได้ชัด เหนียนอีหลานที่ฟังอยู่กลับมีท่าทีไม่สนใจและยกยิ้มอย่างผ่อนคลาย “หากนางตายไปแล้วเล่า? คนตายไปแล้ว จะเปลืองสมองไปกับเื่ของนางทำไม?"
"ผู้ใดตายหรือ?"
เหนียนอีหลานเพิ่งเอ่ยจบก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางประตู นางหันมองไปทางผู้มาเยือน รอยยิ้มชะงักค้างไปทันที
เอ้อเปี่ยวเกอ...
เมื่อหนานกงฉี่เดินเข้ามาในลานเซียนหลานก็เห็นรอยยิ้มแข็งค้างของเหนียนอีหลาน
รอยยิ้มหรือ?
เขาคิดว่าหลังจากที่เกิดเื่เมื่อวานเปี่ยวเม่ยผู้นี้ของเขาน่าจะหดหู่ ซึมเศร้าแต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่านางจะยังดูสุขใจเช่นนี้?
นี่ไม่เหมือนท่าทางนิสัยของนางเลย
นอกเสียจาก...มีเื่ดีงามบางอย่างที่ทำให้อารมณ์นางแปรเปลี่ยน
"ผู้ใดตายหรือ?" หนานกงฉี่เดินเข้ามาใกล้ และเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งในดวงตาแฝงอารมณ์ยิ้มแย้มคู่นั้น ดูเหมือนจะอบอุ่นสงบนิ่งทว่าความเฉลียวฉลาดที่ฉายชัดกลับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
เหนียนอีหลานฉีกยิ้ม เก็บอาการอย่างรวดเร็วขมวดคิ้วและกล่าวว่า "อะไรคือผู้ใดตายหรือ? เอ้อเปี่ยวเกอ เพิ่งจะหัววัน ท่านก็เอ่ยเื่ไม่ดีออกมาเช่นนี้อีหลานกลัวนะ”
กลัวหรือ?
หนานกงฉี่เลิกคิ้วยิ่งรู้สึกแน่ใจขึ้นไปอีกว่าเปี่ยวเม่ยผู้นี้ตั้งใจปิดบังเื่อะไรบางอย่างจากเขา
ปิดบังเขาหรือ?
ในเมื่อตั้งใจปิดบัง หนานกงฉี่จึงไม่ได้ไล่เรียงซักไซ้ต่อส่วนหนานกงเยวี่ยก็ไตร่ตรองคำพูดของเหนียนอีหลาน และเข้าใจอะไรบางอย่าง
ตายงั้นหรือ?
เหนียนยวี่ตายไปแล้วหรือ?
"ยวี่เอ๋อร์ น้องสาวเ้าอยู่ที่ใด?" จู่ๆ หนานกงฉี่ก็เอ่ยปากขึ้น สายตาสำรวจไปทั่ว ราวกับกำลังมองหาร่างของคนผู้นั้น
เหนียนอีหลานมองความหวังที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหนานกงฉี่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อมาหาเหนียนยวี่งั้นหรือ?
"ผู้ใดจะไปรู้เล่า วันนี้ข้าตื่นขึ้นมาั้แ่เช้าก็ยังไม่เห็นนางเลยบางทีอาจจะออกไปข้างนอกแล้ว" เหนียนอีหลานเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
หึ เป็อย่างที่คิด เอ้อเปี่ยวเกอของนางผู้นี้เกรงว่าคงจะถูกนางจิ้งจอกเหนียนยวี่ใช้เสน่ห์ยั่วยวนให้หลงใหลเข้าเสียแล้วภาพเงาร่างของเหนียนยวี่ผุดขึ้นในหัวของเหนียนอีหลาน
เหนียนยวี่คนนั้นแท้จริงแล้วมีดีมาจากที่ใดกันแน่!
ทำให้ท่านอ๋องมู่ชำเลืองมองมาที่นางได้และตอนนี้แม้แต่หนานกงฉี่เองก็...
นางรู้ว่าเปี่ยวเกอของนางคนนี้ นอกจากสนใจเื่กิจการและการฝึกม้าแล้วก็ไม่มีสิ่งใดที่จะดึงดูดความสนใจของเขาได้อีกทว่าท่าทีของเขาที่ตั้งตารอเหนียนยวี่นั้น...
ในใจเหนียนอีหลานรู้สึกไม่ยินยอม
โชคดียิ่งนัก...
เมื่อนึกถึงเื่ที่สวนร้อยสัตว์ในใจเหนียนอีหลานก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาทันทีโชคดีที่เมื่อคืนนางไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากเอ้อเปี่ยวเกอ มิฉะนั้นเื่นี้คงพังพินาศไปอีกเื่แน่
“ออกไปข้างนอกหรือ?” ในดวงตาของหนานกงฉี่ฉายแววความผิดหวังสายหนึ่งที่ยากสังเกตพาดผ่าน
"เกิดเื่แล้วเ้าค่ะเกิดเื่แล้ว วังหลวง...เกิดไฟไหม้"
ขณะที่กำลังครุ่นคิดทันใดนั้นก็มีเสียงร้องะโดังขึ้นมาจากข้างนอก ได้ยินคำสองคำว่า “วังหลวง” คนทั้งสามในลานเซียนหลานต่างก็หันมองไปตามทิศทางของวังหลวงพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
ควันไฟที่พวยพุ่งนำมาก่อนจากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกโหมตามมาไม่ขาดสาย แม้จะเป็เวลากลางวัน ทว่าเปลวเพลิงที่ลุกโหมก็ยังชัดเจนเป็อย่างยิ่ง
มีเื่อะไรเกิดขึ้นในวังหลวงงั้นหรือ?
หนานกงฉี่ขมวดคิ้ว เหนียนอีหลานผงะไปครู่หนึ่งทว่าเพียงครู่หนึ่งมุมปากของนางกลับค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นมา
เหนียนยวี่เอ๋ยเหนียนยวี่ เปลวเพลิงในวังหลวงในยามนี้เกี่ยวข้องกับเ้าหรือไม่?
หึ หากเกี่ยวข้องขึ้นมาจริงๆท่านปู่์คงไม่ปล่อยให้นางได้มีชีวิตต่อไปแน่!
เรือนหรูอี้
จ้าวอิ้งเสวี่ยที่เพิ่งกลับมาถึงห้องเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหวข้างนอกก็รีบเร่งออกมาดู ควันหนาทึบที่พุ่งลอยสูงรวมถึงเปลวไฟสีแดงฉาน ราวกับจะย้ำเตือนนางถึงเื่ราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น
ความเ็ปจากไฟที่แผดเผาประหนึ่งจะกลับมาโอบล้อมนางไว้
ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ใบหน้าที่เสียโฉมก็ยิ่งดูดุร้าย
"อ๊า..." ทันใดนั้นเสียงแหบแห้งของจ้าวอิ้งเสวี่ยก็แผดร้องะโลั่นแม้กระทั่งผิงเอ๋อร์เองก็ผงะหวาดกลัว กำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อค้นหาทว่ากลับพบว่าท่านหญิงหันหลังกลับไปแล้วและเดินมุ่งหน้าไปทางหออี๋ชุนอีกฝั่ง...
ในวังหลวง ยามนี้วุ่นวายโกลาหล
ข่าวการหายตัวไปของฮองเฮาอวี่เหวินเมื่อคืน ไม่ได้ป่าวประกาศออกไปอย่างโจ่งแจ้งนัก
ทว่าเปลวเพลิงยามนี้ กลับเป็สิ่งที่เปิดเผยเื่ออกไปให้รับรู้
อวี่เหวินเจี่ยและอวี่เหวินหรูเยียนเมื่อได้ยินข่าวก็เร่งรีบเข้าวังในยามนี้ทั้งคู่กำลังเดินทางไปยังตำหนักชีอู๋
ณ ตำหนักฉางเล่อ
ไม่รู้ว่าเหตุใด หลีอ๋องจ้าวเยี่ยนผู้ซึ่งตื่นเช้าจนเป็นิสัยวันนี้กลับตื่นสายยิ่งนัก จนกระทั่งฉางไทเฮาทำวัตรเช้าตามปกติ นางออกมาจากห้องพระหลีอ๋องจ้าวเยี่ยนถึงเพิ่งได้ออกมาจากห้อง
"เสด็จแม่ ขอพระองค์ทรงมีพลานามัยที่แข็งแรงนะพ่ะย่ะค่ะ" จ้าวเยี่ยนเดินไปที่ด้านหน้าของฉางไทเฮาและโค้งคำนับด้วยความเคารพ
ฉางไทเฮาตอบสนองเสียงหนึ่งดูเหมือนนางจะได้ยินเสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก ฉางไทเฮาขมวดคิ้ว เมื่อเห็นฉินกูกู แม่นมส่วนตัวเดินเข้ามาทางนี้"เกิดเื่อะไรขึ้น?"
"ทูลตอบไทเฮาเพคะฝ่าาทรงรับสั่งให้เผาสวนร้อยสัตว์เพคะ..."
ฝ่าารับสั่งให้เผาสวนร้อยสัตว์งั้นหรือ?
ฝ่าาเขา...้าทำลายสวนร้อยสัตว์งั้นหรือ?
ร่างของฉางไทเฮาสั่นไหวเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกตเห็นได้ทว่าเพียงครู่หนึ่งก็กลับมาข่มกลั้นอารมณ์ลงไปยังเบื้องลึกของจิตใจได้อีกครั้งและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "อืม ข้ารับรู้แล้ว แล้วเพราะเหตุใดฝ่าาถึงได้สั่งเผาสวนร้อยสัตว์หรือ?"
ฉางไทเฮามองไปยังทิศทางของตำหนักชีอู๋ ที่นั่นเปลวเพลิงได้ลุกไหม้สว่างวาบขึ้นมาแล้ว
"เพราะ...เป็เพราะฮองเฮาหายไปเพคะดูเหมือนว่า...เหมือนว่านางเข้าไปในสวนร้อยสัตว์เพคะ"ฉินกูกูเล่าเื่ที่ได้ยินมาให้ฉางไทเฮาฟัง
"อะไรนะ? ฮองเฮานาง..." ใบหน้าฉางไทเฮามืดมนขึ้นมาทันทีในที่สุดก็มีระลอกคลื่นสั่นไหวเล็กน้อยในน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา “เื่นี้เกิดขึ้นั้แ่เมื่อใดเหตุใดถึงไม่มีผู้ใดบอกข้าเลย”
จ้าวเยี่ยนมองดูความกังวลในดวงตาของฉางไทเฮาดวงตาหรี่ลง เมื่อค่ำคืนก่อน เขารู้ว่าฮองเฮาอวี่เหวินหายตัวไป แต่ไม่นึกเลยว่านางจะเข้าไปในสวนร้อยสัตว์
หากเป็สวนร้อยสัตว์...
จ้าวเยี่ยนใคร่ครวญถึงอันตรายในสวนร้อยสัตว์ แม้จะไม่มีสัตว์ป่าทว่าป่าพุ่มหนามที่เปลี่ยนแปลงไปร้อยแปดพันเก้าและคาดเดาไม่ได้นั้นอาจขังนางไว้จนตายได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ฮ่องเต้หยวนเต๋อจะรับสั่งให้เผาป่า
แม้เผาป่าแล้วอย่างไร?
หากฮองเฮาอวี่เหวินยังติดอยู่ในป่าพุ่มหนาม...
“ไทเฮาทรงเข้านอนแต่หัวค่ำดังนั้นบ่าวจึงมิกล้ารบกวน...”
ฉินกูกูยังไม่ทันเอ่ยจบ ก็พบว่าฉางไทเฮากลับเร่งรีบเดินออกไปจากตำหนักฉางเล่อแล้ว
จ้าวเยี่ยนตระหนักถึงอะไรบางอย่างจึงรีบเดินตามฉางไทเฮาไปด้วยทันที