“เสี่ยวหลาน เธอกลับมาแล้วหรือ?”
นานๆ ครั้งเซี่ยเสี่ยวหลานจะได้พักผ่อนอยู่บ้าน เธอจึงอาสาเดินไปส่งเทาเทาที่โรงเรียนขณะเดินผ่านประตูบ้านตระกูลเฉิน ก็เจอกับเฉินชิ่งที่ใบหน้าแสดงถึงความยินดีเรียกไว้
“อือ โรงเรียนหยุดสุดสัปดาห์หรือ? เนื้อหาที่ฉันให้พี่อ่านทบทวนเป็อย่างไรบ้าง?”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้พบกับเฉินชิ่งหลายวันแล้ว ก่อนจากเขตอันชิ่งไป เธอได้ให้บทเรียนสรุปเองบางส่วนแก่เขาไว้เฉินชิ่งไม่มีคนคอยแนะแนว ดังนั้นผลลัพธ์จะดีหรือไม่จึงพูดได้ยาก
“เนื้อหามีประโยชน์มาก วิธีช่วยจำในการท่องคำศัพท์ที่เธอว่าสุดยอดจริงๆแม้ระยะเวลาที่ฉันเรียนจะไม่นานนัก หากพยายามต่อไปต้องมีการพัฒนาที่ก้าวะโแน่นอน...ว่าแต่เสี่ยวหลาน เมื่อวานมีคนมาขวางฉันที่ประตูหน้าโรงเรียนพูดบางสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”
เฉินชิ่งรู้สึกว่าพฤติกรรมของตนช่างเหมือนแม่บ้านปากยื่นปากยาวยิ่งนัก แต่มีคนเจตนาร้ายิ่ประมาทเซี่ยเสี่ยวหลานถ้าเขาไม่กล่าวเื่นี้ออกมา เซี่ยเสี่ยวหลานจะมีความระแวดระวังได้อย่างไร
“เป็เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งใช่หรือไม่?”
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าคงเป็เซี่ยหงเซี๋ย
เซี่ยต้าจวินเป็คนไม่มีความคิดหวังจินกุ้ยและเซี่ยหงเซี๋ยก็น่าจะไม่ฉลาดเฉลียว ล้วนเป็อาวุธในมือของคนอื่นคนฉลาดโดยแท้จริงมักจะหลบซ่อนอยู่หลังม่านตลอด คอยเอาเปรียบจนกว่าจะหมดสิ้นประโยชน์อีกทั้งยังมีชื่อเสียงดีงาม เช่นครอบครัวเซี่ยจื่ออวี้ น้องชายแท้ๆของเซี่ยจื่ออวี้เพิ่ง 10 ขวบจึงยังไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะดีหรือร้ายแต่ไม่ว่าเป็เซี่ยจื่ออวี้ เซี่ยฉางเจิงหรือจางชุ่ย ก็คือคนฉลาดแกมโกงทั้งหมดของบ้านตระกูลเซี่ย!
เฉินชิ่งรู้สึกประหลาดใจ “เธอรู้จักเขาด้วยหรือ?”
“มีอะไรที่ไม่รู้จักกัน คงจะเป็ลูกพี่ลูกน้องของฉันนั่นแหละ! คนตระกูลเซี่ยไม่มีทางมีความสุขที่เห็นฉันใช้ชีวิตเป็อย่างดี ฉันจะขยันและก้าวหน้าทำให้พวกเขารับไม่ได้จนต้องอดกลั้นเอาไว้เอง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานตอบด้วยความกระตือรือร้น เฉินชิ่งคิดว่าเป็เื่ใหญ่มากทว่าในใจของเธอราวกับเื่นี้ไม่ควรค่าให้แม้แต่กล่าวถึง
“แต่ถ้าเขาก็พูดซี้ซั้วกับคนอื่นด้วย...”
เฉินชิ่งไม่มีทางปล่อยให้ชื่อเสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานได้รับความเสียหายมุมมองต่อความถูกผิดของวัยรุ่นนั้นแยกแยะขาวดำออกจากกันโดยสิ้นเชิงคนตระกูลเซี่ยพล่ามเื่เหลวไหล มิใช่เป็การข่มเหงตระกูลหลิวซึ่งมีสมาชิกน้อยกว่าหรือ? ถ้าตระกูลเซี่ยคิดเช่นนั้นก็ผิดแล้ว คนหมู่บ้านชีจิ่งรักใคร่สามัคคีกัน ทุกคนในหมู่บ้านคือผู้สนับสนุนของเซี่ยเสี่ยวหลานสำหรับเื่นี้ เฉินชิ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจ!
เซี่ยเสี่ยวหลานมีแผนการของตนเอง และไม่สะดวกอธิบายรายละเอียดแก่เฉินชิ่งจึงได้แต่ตอบกำกวมกลับไป
“ฉันรู้ว่าพี่เป็ห่วงฉัน แต่ตอนนี้หน้าที่สำคัญอันดับแรกคือตั้งใจเรียนเพื่อต่อสู้กับการสอบเกาเข่าปีหน้าพี่ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานให้แก่คนที่ไม่สำคัญหรอก ส่วนฉันหรือ? ตัวตรงไม่กลัวเงาเอนเอียง [1] คุณครูของอีจงไม่ยกเลิกคุณสมบัติการเข้าสอบของฉันด้วยเหตุนี้ก็เพียงพอแล้วฉันคิดว่าตระกูลเซี่ยไม่มีน้ำยาที่จะมาทำลายการเรียนของฉันได้หรอก!”
เฉินชิ่งตะลึงงัน
วาจาของเซี่ยเสี่ยวหลานแสดงออกถึงจิตใจอันกว้างใหญ่ทำเอาเฉินชิ่งละอายเพราะรู้สึกด้อยกว่า
กังวลเพียงเพราะข่าวลือเล็กน้อยหรือ?
คนตระกูลเซี่ยมีคุณสมบัติแบบนั้นที่ไหนกัน!
“ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับเธอมาก ขอเพียงคะแนนของเธอมั่นคงไปตลอด ใครในเซี่ยนอีจงก็ล้มเธอไม่ได้!”
ความคิดอ่านของเฉินชิ่งได้เปิดกว้างสว่างไสวในบัดดล
การกระทำที่จงใจให้ร้ายเซี่ยเสี่ยวหลานของคนตระกูลเซี่ยนั้นไร้ค่าไปโดยปริยายเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสอบติดปริญญาตรี หรือแม้แต่อาจสอบได้ปริญญาตรีชั้นนำด้วยซ้ำโรงเรียนย่อมคุ้มครองประโยชน์ของนักเรียนแน่นอน หากเซี่ยนอีจงยืนหยัดอยู่ฝั่งเซี่ยเสี่ยวหลานคนตระกูลเซี่ยก่อความวุ่นวายไปทุกหนแห่งจะมีผลอะไรได้?
ครอบครัวเกษตรกรจากหมู่บ้านต้าเหอ ไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเซี่ยนอีจงและไม่มีทางยับยั้งเซี่ยเสี่ยวหลานในการเข้าร่วมสอบเกาเข่าปีหน้าได้
ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย อาชีพในอนาคตก็แบ่งสรรจัดการโดยรัฐคนตระกูลเซี่ยทำได้เพียงยืนกระทืบเท้าอยู่ข้างๆ เท่านั้น ยอมไม่ได้หรือ? ยอมไม่ได้ก็มีแต่ต้องทนเอาไว้!
ต่อให้ตระกูลเซี่ยมีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งเป็บุคคลผู้สำคัญดุจหงส์ฟ้าทองในชนบท ทว่าลาจากตระกูลเซี่ยและหมู่บ้านต้าเหอไปเซี่ยจื่ออวี้ทั้งไร้สิทธิ์และอำนาจจะอาศัยสิ่งใดสร้างความเดือดร้อนแก่เซี่ยเสี่ยวหลานกัน?
เฉินชิ่งไม่ได้โง่เง่า เขามีปู่เฉินวั่งต๋าที่ประสบการณ์ชีวิตช่ำชองอยู่ทั้งคนเฉินชิ่งมีความหวังที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ภายใต้ระดับการศึกษาแบบนี้ของเขตอันชิ่งสติปัญญาของเขาย่อมอยู่เหนือมาตรฐานเฉลี่ย ทว่าแม้เขาฉลาดมากสักเพียงใด เขาก็เป็เพียงชายหนุ่มชนบทผู้ไม่เคยออกจากเขตอันชิ่งวิสัยทัศน์ที่คับแคบจำกัดความคิดอ่านของเขา เมื่อเขา้าช่วยเหลือเซี่ยเสี่ยวหลานวิธีที่คิดได้คือการใช้ความรุนแรงบังคับตระกูลเซี่ยให้จำนนเท่านั้น
คำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานเปิดระบบความคิดของเขาให้กว้างขึ้นขอแค่ยอดเยี่ยมเพียงพอ ไม่ว่าคนตระกูลเซี่ยจะพูดหรือทำอะไร ล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเซี่ยเสี่ยวหลานเลยแม้แต่น้อยในทางกลับกันหลังจากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย ก็จะเป็อิสรเสรีดั่งใจหวัง ตอนนั้นตระกูลเซี่ยจะรู้สึกกังวลเองว่าในอนาคตเซี่ยเสี่ยวหลานจะจัดการพวกเขาอย่างไร!
คำกล่าวที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของเซี่ยเสี่ยวหลานกล่อมเฉินชิ่งจนเคลิบเคลิ้มแววตาที่ชายหนุ่มมองเธอสะท้อนความยินดีและชื่นชม เซี่ยเสี่ยวหลานอุทานขึ้นอย่างใและรีบร้อน “เกือบลืมไป ฉันต้องส่งเทาเทาที่โรงเรียน พวกเราค่อยคุยกันใหม่นะ!”
เฉินชิ่งอ้าปากค้าง อยากถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่าเธอจะไปโรงเรียนวันไหน แต่เธอกลับจูงเทาเทาเดินไปไกลแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานส่งเทาเทาถึงประตูเล็กของโรงเรียนประถม หลิวจื่อเทายังเป็เด็กซุกซนเ้าเล่ห์อยู่ๆ ก็ถามเซี่ยเสี่ยวหลาน
“พี่ พี่เฉินชิ่งอยากคบหากับพี่ใช่หรือไม่?”
เซี่ยเสี่ยวหลานบีบหน้าเขา “เป็เด็กเป็เล็กสนใจเยอะแยะจริงพี่ไม่ได้อยากคบกับพี่เฉินชิ่ง เราอย่าพูดเรื่อยเปื่อยกับคนอื่นเข้าล่ะ”
หลิวจื่อเทาทำทีลับๆ ล่อๆ มองไปรอบๆ ว่าไร้ผู้คน ซุกหน้าอยู่ข้างหูเซี่ยเสี่ยวหลานพลางบอกเล่าเื่บางอย่าง “เมื่อวานอาเฉินแอบถามผมว่าพี่ไปไหนแล้ว ถ้าบอกเขาก็จะให้ลูกกวาด แต่ผมบอกว่าไม่รู้!”
เซี่ยเสี่ยวหลานลูบศีรษะของเทาเทา “เข้าไปเรียนเถอะพี่รู้ว่าเทาเทาฉลาดที่สุด!”
เทาเทาได้รับคำชมหนึ่งประโยค รีบเข้าโรงเรียนอย่างว่านอนสอนง่าย
รอยยิ้มของเซี่ยเสี่ยวหลานค่อยๆ หายไปจากใบหน้า
สะใภ้ใหญ่เฉินเอื้อเฟื้อ อัธยาศัยดี แต่มีนิสัยชอบซุบซิบเวลานี้ยังไม่มีความคิดร้ายต่อเซี่ยเสี่ยวหลาน ทว่าสะใภ้ใหญ่เฉินไม่เข้าใจว่าอะไรคือขอบเขตของการคบค้าสมาคมระหว่างมนุษย์ไม่เข้าใจว่าความเป็ส่วนตัวคืออะไร เพราะอยู่ใกล้เกินไปสะใภ้ใหญ่เฉินจึงคิดว่าเธอสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเซี่ยเสี่ยวหลานได้?
ความหวังของเซี่ยเสี่ยวหลานในการย้ายไปอาศัยที่ซางตูยิ่งเพิ่มสูงมากขึ้น หมู่บ้านชีจิ่งเล็กมากเกินไป ไม่มีทางพัฒนาที่ดีกว่านี้แน่นอน
เธอคือ ‘เซี่ยเสี่ยวหลาน’ เป็ผู้ไม่ขึ้นตรงกับใคร ต่อให้เธอชอบเฉินชิ่ง เธอก็ไม่ยินยอมแบกฉลาก ‘ลูกสะใภ้ตระกูลเฉิน’ ในเร็ววันแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่มีความรู้สึกชายหญิงต่อเฉินชิ่งแล้วทำไมต้องเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในหมู่บ้านทั้งวัน ทำให้บ้านเฉินเข้าใจผิดโดยเปล่า?
ไม่รู้ว่าหูหย่งไฉช่วยเธอหาบ้านที่เหมาะสมได้หรือยังหวังว่าเสื้อไหมพรมที่มอบให้ไปตัวนั้นจะเกื้อกูลได้
ภรรยาของหูหย่งไฉโปรดปรานเซี่ยเสี่ยวหลานมากทีเดียว
หญิงสาวชนบทที่มาพบญาติโดยไม่ทราบเหตุผลโดยปกติแล้วภรรยาของหูหย่งไฉไม่ยินดีตอบรับเธอกลัวว่าญาติมิตรผู้ยากจนจะมาเยือนเพื่อเอาเปรียบแต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่คนเช่นนั้นเธอมาเยือนไม่ใช่เพราะ้าผลประโยชน์ใด แต่มาเพื่อมอบผลประโยชน์ให้ด้วยซ้ำ!
ญาติมิตรหรือไม่ไม่สำคัญ ไปมาหาสู่กันบ่อยครั้งยังสนิทสนมกว่าญาติได้
ภรรยาของหูหย่งไฉรับเสื้อไหมพรมไว้ย่อมเบิกบานใจ ตอนกลางคืนก็หมุนตัวหน้ากระจกยิ่งผ่านไปยิ่งชอบเสื้อไหมพรมตัวนี้ ช่างเหมาะสมกับอากาศของ่นี้เหลือเกินวันต่อมาเธอจึงใส่ไปทำงาน ถึงหน่วยงานก็ดีเยี่ยมเหลือเกิน เห็นศัตรูตัวฉกาจในห้องสำนักงานก็สวมใส่เสื้อแบบเดียวกันแค่สีสันไม่เหมือนกันเท่านั้น
ภรรยาของหูหย่งไฉไม่สบอารมณ์ ศัตรูคู่อาฆาตเองก็เช่นกัน
“เธอว่าสายตาคู่นี้ของฉันไม่เลวสินะ แต่การกระทำของเธอนั้นเร็วไปหรือเปล่า?”
ภรรยาหูหย่งไฉส่งเสียงหึออกมา “ถ้ารู้เร็วว่าเธอมีอยู่ตัวหนึ่งฉันก็ไม่ใส่มันแล้ว! อย่างไรเสียก็เป็ของที่คนอื่นให้มา...”
ศัตรูคู่อาฆาตกลับตกตะลึง กึ่งเชื่อกึ่งสงสัย “เสื้อไหมพรมตัวละ 35 หยวน ใครให้เธอกันล่ะ?”
เสื้อไหมพรมตัวนี้ราคา 35 หยวนเชียวหรือ?!
ที่ใส่อยู่บนร่างกายคือเสื้อไหมพรมที่ไหนกัน เป็ต้าถวนเจี๋ย [2] ชัดๆ ภรรยาหูหย่งไฉเสียใจที่เมื่อครู่บอกช้าเกินไป พอถามจากปากศัตรูคู่แค้นแล้วเสื้อไหมพรมนี้คือเสื้อแบบใหม่จากหยางเฉิง เป็สินค้าส่งออกโดยแท้จริงเมื่อวานมีคนขนเงินมาก็ยังซื้อสินค้ายอดนิยมไม่ได้เลย ในใจของภรรยาหูหย่งไฉจึงรื่นเริงบันเทิงอย่างสุดซึ้ง
เมื่อกลับถึงบ้านเธอชมเซี่ยเสี่ยวหลานซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับหูหย่งไฉไม่เพียงแต่เร่งเร้าหูหย่งไฉรีบหาบ้านแทนเซี่ยเสี่ยวหลานตนเองก็ลงมือสอบถามคนรู้จักใกล้ตัว เป็การช่วยเหลือเช่นเดียวกัน ทว่าความใส่ใจในความคืบหน้านั้นต่างกันเซี่ยเสี่ยวหลานยังรอไม่ถึงวันที่โจวเฉิงกลับจากเซี่ยงไฮ้ เธอก็ได้พบกับบ้านใหม่ที่ตน้าจะเช่าแล้ว
เชิงอรรถ
[1] 身正不怕影子斜 ตัวตรงไม่กลัวเงาเอนเอียง หมายถึงคนเที่ยงตรงไม่ว่าทำสิ่งใดย่อมไม่รู้สึกหวาดหวั่น ไม่กลัวคำนินทาว่าร้ายของคนอื่น
[2] ต้าถวนเจี๋ย หมายถึง ธนบัตรจำนวนสิบหยวน