บทที่ 7: สัญญาณจากผู้ควบคุม
ค่ำคืนนั้น ในขณะที่ข่าวลือเื่ "สุราแสงจันทร์" ของตระกูลจ้าวเริ่มถูกปล่อยออกไปสร้างความสงสัยใคร่รู้ให้ผู้คนในเมืองหลวงตามแผนของิซัวหลง... ณ อีกมุมหนึ่งของเมือง ความเคลื่อนไหวของอำนาจมืดก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเงียบเชียบ
โรงกลั่นสุราตระกูลจางเป็เพียงโรงกลั่นขนาดเล็กที่ดำเนินกิจการกันภายในครอบครัว แม้จะไม่ยิ่งใหญ่ แต่ เฒ่าจาง ผู้เป็เ้าของก็มีความภาคภูมิใจในฝีมือการหมักสุราดอกเบญจมาศที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ เขากล้าที่จะลงแข่งขันในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อหวังชัยชนะ แต่เพื่อหวังให้ชื่อเสียงของตระกูลเป็ที่รู้จักและพอจะลืมตาอ้าปากได้บ้าง
คืนนั้น เฒ่าจางและลูกชายกำลังชื่นชมไหสุราที่ดีที่สุดที่พวกเขาตั้งใจจะส่งเข้าประกวด แสงเทียนสาดส่องให้เห็นรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของสองพ่อลูก
ทันใดนั้น ประตูไม้ที่ปิดสนิทก็ถูกกระแทกเปิดออกอย่างรุนแรงจนบานพับแทบหลุด!
ปัง!
ร่างสูงใหญ่ของ หวังเฟิง และร่างปราดเปรียวของ หวังหยู๋ ก้าวเข้ามาในโรงกลั่นราวกับพญามัจจุราช แววตาของพวกมันเ็าและไร้ความปรานี ลูกชายของเฒ่าจางคว้าท่อนไม้ขึ้นมาป้องกันตัวอย่างลนลาน แต่ก็ถูกหวังเฟิงเตะเพียงครั้งเดียวจนกระเด็นไปกระแทกกับชั้นวางของ
“พวกเ้าเป็ใคร! ้าอะไร!” เฒ่าจางะโเสียงสั่น
หวังหยู๋เดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า เขายิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น “ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่าที่นี่มีสุราชั้นดีที่หาญกล้าจะลงแข่งกับนายท่านของข้า... เลยอยากจะมา ‘ชิม’ สักหน่อย”
พูดจบ เขาก็เดินตรงไปยังไหสุราดอกเบญจมาศที่เฒ่าจางรักดั่งชีวิต เฒ่าจางพยายามจะเข้าไปขวางแต่ก็ถูกหวังเฟิงจับแขนไพล่หลังและกดลงกับพื้นอย่างง่ายดาย
“อย่า! นั่นมัน...นั่นมันชีวิตของข้า!” เฒ่าจางร้องคร่ำครวญ
หวังหยู๋ไม่สนใจ เขาเปิดฝาไหสุราออก กลิ่นหอมของดอกเบญจมาศลอยฟุ้งไปทั่วห้อง “หอมดี...น่าเสียดาย”
สิ้นคำพูด เขาก็หยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ ภายในบรรจุผงสีดำที่มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง เขาเทมันทั้งหมดลงไปในไหสุราทันที!
ซ่า...
ของเหลวสีอำพันใสบริสุทธิ์ค่อยๆ เปลี่ยนเป็สีดำคล้ำและส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างน่าสะอิดสะเอียน สุราที่ใช้เวลาหมักบ่มมาแรมปีถูกทำลายลงในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
“ไม่นะ! ไม่!” เฒ่าจางมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่แตกสลาย น้ำตาไหลอาบใบหน้าที่เหี่ยวย่น
หวังหยู๋โยนไหเปล่าทิ้งอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหันมาพูดกับเฒ่าจางด้วยน้ำเสียงที่เย็นะเืกว่าลมหนาวนอกหน้าต่าง “นี่เป็เพียงการทักทาย... สมรภูมิสุราแห่งต้าิ มีที่ว่างสำหรับราชสีห์เพียงตัวเดียวเท่านั้น หากยังดึงดันที่จะลงแข่งขัน... ครั้งต่อไป สิ่งที่จะถูกทำลายอาจไม่ใช่แค่สุราของเ้า”
ทั้งสองหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงความพินาศและเสียงร้องไห้คร่ำครวญของสองพ่อลูกที่สิ้นหวัง
วันรุ่งขึ้น ณ โรงกลั่นสุราตระกูลจ้าว
บรรยากาศการทำงานเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ทุกคนต่างมีความหวังกับ "เหม่าไถพันลี้รำพันจันทรา" และข่าวลือที่โจหลิวปล่อยออกไปก็เริ่มสร้างกระแสในตลาดได้เป็อย่างดี
ทว่าความหวังนั้นก็ถูกขัดจังหวะด้วยการมาถึงของโจหลิวที่วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องประชุม
“คุณหนู! แย่แล้วขอรับ!”
“มีเื่อะไรโจหลิว” จ้าวลู่ซื่อถามด้วยใจคอไม่ดี
“โรงกลั่นของเฒ่าจาง... เมื่อคืนนี้ถูกคนบุกทำลายขอรับ! ไหสุราที่จะใช้ลงแข่งขันถูกทำลายจนหมดสิ้น ตอนนี้เฒ่าจางประกาศถอนตัวจากการแข่งขันแล้ว!”
ทุกคนในห้องนิ่งอึ้งไปกับข่าวร้าย ิซัวหลงกำหมัดแน่น เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือฝีมือของใคร
“ตระกูลหลี่...” เขาเค้นเสียงออกมา “พวกมันเริ่มลงมือแล้ว”
จ้าวลู่ซื่อหน้าซีดเผือด นางรู้ว่าตระกูลหลี่โเี้ แต่ไม่คิดว่าจะลงมือได้รวดเร็วและไร้ความปรานีถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่แค่การข่มขู่ แต่มันคือการประกาศาอย่างเต็มรูปแบบ
“พวกมันกำลังเชือดไก่ให้ลิงดู” ิซัวหลงกล่าวต่อ แววตาของเขาเปลี่ยนเป็ดุดันราวกับนักรบในสมรภูมิ “เป้าหมายต่อไปของพวกมัน...คือเรา”
หยางเฟิงทุบโต๊ะด้วยความโกรธแค้น “พวกมันสารเลวนัก! คุณหนู ออกคำสั่งมาเถิด ข้าจะนำคนไปจัดการพวกมันเอง!”
“ใจเย็นก่อนหยางเฟิง” ิซัวหลงห้ามไว้ “การใช้กำลังตอนนี้จะเข้าทางพวกมันทันที พวกมัน้าให้เราผลีผลามเพื่อหาเื่เล่นงานเราอย่างเปิดเผย”
“แล้วเราจะทำอย่างไร? นั่งรอให้พวกมันมาทำลายเราอย่างนั้นรึ!”
ิซัวหลงหันไปสบตากับจ้าวลู่ซื่อ เขาส่งสายตาที่แน่วแน่และมั่นคงไปให้ราวกับจะบอกว่าเขามีแผนรับมือแล้ว
“ในเมื่อพวกมัน้าเล่นเกมนอกสนาม...เราก็จะเล่นกับมัน” เขากล่าวเสียงเรียบ “แต่เราจะเล่นในวิธีของเรา... วิธีที่จะทำให้พวกมันต้องเ็ปและอับอายยิ่งกว่าการถูกทำลายสุรา”
แววตาของอดีตหน่วยรบพิเศษจากศตวรรษที่ 21 ฉายประกายแห่งความเฉียบคมและอันตรายออกมาอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน าใต้เงาจอกสุราได้ยกระดับความรุนแรงขึ้นแล้ว และครั้งนี้ิซัวหลงจะไม่ใช่แค่ฝ่ายตั้งรับอีกต่อไป แต่เขาจะเป็ผู้กำหนดกติกาของเกมมรณะเกมนี้เอง
ภายในห้องประชุมของตระกูลจ้าว บรรยากาศที่เคยเต็มไปด้วยความหวังบัดนี้กลับตึงเครียดและอบอวลไปด้วยความโกรธแค้นจากการกระทำอันโเี้ของตระกูลหลี่
“แล้วเราจะทำอย่างไร? นั่งรอให้พวกมันมาเผาโรงกลั่นของเราอย่างนั้นรึ!” หยางเฟิงยังคงเดือดดาล เขาพร้อมที่จะนำคนไปบุกจวนตระกูลหลี่ให้รู้แล้วรู้รอด
“การใช้กำลังตอบโต้ตอนนี้ คือการเดินเข้าสู่กับดักที่พวกมันวางไว้” ิซัวหลงกล่าวเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเ็าที่ทำให้หยางเฟิงต้องชะงัก “พวกมัน้าให้เราดูเหมือนนักเลงหัวไม้ที่ใช้แต่กำลัง เพื่อที่พวกมันจะได้ใช้สถานะทางสังคมที่สูงกว่าบดขยี้เราอย่างชอบธรรม”
“แล้วท่านจะให้เราทำอย่างไร!”
ิซัวหลงหันไปสบตากับจ้าวลู่ซื่อ ก่อนจะกวาดตามองทุกคนในห้อง แววตาของเขาฉายประกายแห่งนักวางกลยุทธ์ผู้เจนจบในสมรภูมิ
“พวกมันทำลายสุราของเฒ่าจางเพื่อสร้าง ‘ความกลัว’ และตอกย้ำ ‘อำนาจ’ ของตนเอง... ดี... ในเมื่อพวกมัน้าเล่นเกมนอกสนาม เราก็จะสนองให้” เขายิ้มมุมปากเล็กน้อย “แต่เราจะโจมตีในสิ่งที่พวกมันเ็ปที่สุด... นั่นคือ ‘หน้าตา’ และ ‘ความเชื่อมั่น’ ในตลาด”
โจหลิวผู้มีหัวการค้าเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ “ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านหยวนลู่”
“ตระกูลหลี่้าให้ทุกคนกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะคิดเป็คู่แข่ง” ิซัวหลงอธิบาย “เราจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม... เราจะไม่หลบซ่อน แต่เราจะเปิดตัว ‘เหม่าไถพันลี้รำพันจันทรา’ ของเราให้ยิ่งใหญ่และสง่างามที่สุด... ต่อหน้าเหล่าผู้มีอิทธิพลของเมืองหลวง!”
“ท่านจะจัดงานเปิดตัวรึ? แต่ตระกูลหลี่ย่อมต้องส่งคนมาก่อกวนแน่!” จ้าวลู่ซื่อท้วงด้วยความกังวล
“ใช่... และนั่นคือสิ่งที่เรา้า” ิซัวหลงตอบ “เราจะจัดงานเลี้ยงสุราเล็กๆ แต่ไม่ใช่ที่โรงกลั่นแห่งนี้ เราจะไปจัดในที่ของพวกเขา... ณ หอชิมชาจันทร์กระจ่าง”
ชื่อของหอชิมชาอันเลื่องชื่อทำให้ทุกคนตกตะลึง ที่นั่นคือสถานที่พบปะของเหล่าขุนนาง พ่อค้าใหญ่ และบัณฑิตผู้ทรงความรู้ เป็สถานที่ที่ให้ความสำคัญกับหน้าตาและเกียรติยศเหนือสิ่งอื่นใด การใช้ความรุนแรงในสถานที่แห่งนั้นถือเป็เื่ที่จะทำให้ตระกูลหลี่เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างมหาศาล
“โจหลิว” ิซัวหลงหันไปสั่งการ “ข่าวลือเื่สุราแสงจันทร์ของท่านได้ผลดีแล้ว ต่อไปให้ท่านส่งเทียบเชิญอย่างลับๆ ไปยังแขกคนสำคัญที่เราคัดเลือกไว้ บอกพวกเขาว่านี่ไม่ใช่งานเลี้ยง แต่เป็การเชิญมาเพื่อ ‘วิจารณ์งานศิลปะชิ้นใหม่’ ทำให้มันดูพิเศษและจำกัดเฉพาะผู้มีรสนิยมเท่านั้น”
“ขอรับ!” โจหลิวรับคำอย่างกระตือรือร้น
“หยางเฟิง” เขาหันไปทางชายหนุ่มร่างกำยำ “หน้าที่ของท่านสำคัญที่สุด ข้าไม่้าให้ท่านไปสู้กับใคร แต่ข้า้าให้ท่านและคนของเรา แต่งกายให้ดีที่สุด ยืนคุมเชิงรักษาความปลอดภัยอยู่รอบนอกหอชิมชาอย่างสง่างาม... ให้ทุกคนเห็นว่าตระกูลจ้าวมีกำลังที่พร้อมจะปกป้องตนเองและแขกของเรา ให้การปรากฏตัวของท่านเป็การ ‘ข่มขวัญ’ พวกมันกลับไป”
หยางเฟิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจแผนการ เขาทุบกำปั้นลงบนฝ่ามือด้วยความฮึกเหิม “เข้าใจแล้วขอรับ! พวกมันจะได้รู้ว่าตระกูลจ้าวไม่ใช่หมูในอวย!”
“และสุดท้าย...” ิซัวหลงหันมามองจ้าวลู่ซื่อด้วยแววตาที่อ่อนโยนลง “คุณหนูจ้าว... ท่านจะเป็ดาวเด่นของงาน ท่านจะเป็ผู้เล่าเื่ราวของ ‘เหม่าไถพันลี้รำพันจันทรา’ ด้วยตนเอง ความสง่างามและความรู้จริงเื่สุราของท่าน คืออาวุธที่เฉียบคมที่สุดที่จะเอาชนะใจทุกคน”
จ้าวลู่ซื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา นางเห็นความเชื่อมั่นอันแรงกล้าที่เขามีต่อนางและตระกูลจ้าว ความกลัวก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็ความกล้าหาญ
“เป็แผนที่ยอดเยี่ยมมาก... เราจะทำตามนี้” นางตอบรับอย่างหนักแน่น
แผนการสวนกลับได้ถูกวางขึ้นแล้ว มันไม่ใช่การตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่เป็การชิงพื้นที่สื่อและสร้างภาพลักษณ์ที่เหนือกว่าอย่างชาญฉลาด เป็การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็โอกาส เปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็ความคาดหวัง
ิซัวหลงยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ในอีกสามวัน... ทั่วทั้งเมืองหลวงจะไม่ได้กล่าวขานถึงอำนาจอันป่าเถื่อนของตระกูลหลี่... แต่พวกเขาจะพูดถึงรสชาติแห่งแสงจันทร์ ที่มาจากโรงกลั่นสุราของตระกูลจ้าว”
พยัคฆ์ที่เคยหลับใหล บัดนี้ได้ตื่นขึ้นแล้ว และมันไม่ได้ตื่นขึ้นมาเพื่อคำราม... แต่เพื่อเตรียมกระโจนเข้าขย้ำเหยื่ออย่างสง่างาม..!
