ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะในลำคอ เอ่ยถามนาง "เฉินต้าฮวา สิ่งที่ซุนหลานฮวาพูดเป็เื่จริงหรือไม่?"
เพื่อดูเื่ครึกครื้น เฉินต้าฮวาจึงยืนอยู่ด้านหน้าสุดของฝูงชนั้แ่แรก เพื่อจะได้เห็นทุกอย่างชัดเจน ทว่าคิดไม่ถึง กลับเป็การวางหลุมพรางให้ตนเอง
เวลานี้นางอยากจะวิ่งหนีไปจริงๆ แต่ด้านหลังมีคนมากเกินไป นางไม่อาจเบียดออกไปได้ ถึงขั้นมีบางคนลอบดันนางไปยังหน้าประตูศาลบรรพชน
"ผู้ ผู้ใหญ่บ้าน..." เฉินต้าฮวาเห็นว่าตนไม่อาจฝ่าฝูงชนออกไปได้ จึงทำได้เพียงเผชิญหน้ากับความจริง นางยิ้มให้กับผู้ใหญ่บ้าน รอยยิ้มของนางอัปลักษณ์ยิ่งกว่าตอนร้องไห้เสียอีก
หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้นางไม่อาจลืมใบหน้าที่หล่อเหลาของหลี่เฉิง เวลานี้นางไม่มีความคิดนั้นแม้แต่น้อย เมื่อครู่เห็นซุนหลานฮวาถูกเตะจนตัวปลิว นางรู้ทันทีว่าหลี่เฉิงปกป้องซ่งอวี้มากเพียงใด แม้จะอยู่ในศาลบรรพชน เขาก็ไม่คำนึงถึงแม้แต่น้อย
เฉินต้าฮวาด่าทอซุนหลานฮวาในใจนับไม่ถ้วน
ราวกับอีกฝ่ายมีวิชาอ่านใจ นางพูดเย้ยหยันเฉินต้าฮวา "เฉินต้าฮวา ข้าสาบานต่อหน้าบรรพบุรุษแล้ว เหตุใดเ้าจึงยังไม่สาบานอีก? ก็จริง คนมีชนักติดหลังจะกล้าสาบานได้อย่างไร หากถูกลงโทษขึ้นมา ก็ไม่มีที่ให้คร่ำครวญร้องไห้"
เวลานี้ ชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกเริ่มส่งเสียง
"เฉินต้าฮวา ซุนหลานฮวากล่าวคำสาบานแล้ว เหตุใดเ้าจึงยังไม่กล่าวคำสาบาน? ไม่ต้องกลัว คนมิได้ทำความผิดย่อมไม่กลัวคำครหา ขอเพียงเ้าไม่เคยพูด เช่นนั้นก็ไม่ต้องกลัวที่จะกล่าวคำสาบาน"
เฉินต้าฮวาคือสตรีจอมนินทาผู้เลื่องชื่อในหมู่บ้านเสี่ยวหนิว นางชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ชาวบ้านจะไม่รู้ได้อย่างไร? เวลานี้พวกเขาพูดเช่นนี้ เป็การหัวเราะเยาะนางเท่านั้น
"อย่ายุ่งๆ เื่นี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเ้า!”
เฉินต้าฮวาด่าทอด้วยความขุ่นเคือง มองไปทางผู้ใหญ่บ้าน แล้วทำสีหน้าเศร้าหมอง "ผู้ใหญ่บ้าน ข้า...ข้าเคยพูด แต่เพราะข้าสนิทสนมกับซุนหลานฮวามาโดยตลอด ข้าเพียงพูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้น หลังจากนั้นข้าก็ไม่ได้พูดอีก อีกทั้งเื่ที่ข้าพูดคือความจริง ข้าไม่ได้โกหก"
เฉินต้าฮวาคือต้นฉบับของสตรีที่รังแกคนอ่อนแอและกลัวคนเข้มแข็งอย่างแท้จริง นางชอบเอาเปรียบผู้อื่น ทั้งยังชอบพูดนินทาว่าร้าย แต่ในทางเดียวกันนางก็หวาดกลัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กลัวผู้ใหญ่บ้านและผู้าุโ
ซุนหลานฮวาบีบให้นางสาบาน แน่นอนว่านางย่อมไม่กล้า เพราะนางเคยพูดจริงๆ ทั้งยังใส่สีตีไข่ลงไปมากมาย ขืนนางสาบานขึ้นมาจริงๆ แล้วถูกลงทัณฑ์จะทำเช่นไร?
เฉินต้าฮวาถือเป็คนเ้าเล่ห์ รู้ว่าตนไม่อาจรอดพ้นจากเื่นี้ เมื่อยอมสารภาพแล้วก็ยอมพูดจนหมดเปลือก เวลานี้นางยอมรับแล้ว
ถึงอย่างไรสามีของตนก็ชมชอบซ่งอวี้จริงๆ ทั้งยังเคยบอกว่าจะให้ข้าวสารกับซ่งอวี้ ไม่ว่าจะให้หรือไม่ให้ เื่นี้ก็เคยเกิดขึ้นจริงๆ พูดต่อหน้าบรรพชนไม่ถือว่าเป็การโกหก
เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็พูดลื่นไหลยิ่งกว่าเดิม "ซ่งอวี้อาศัยความงดงามของตนเอง มักจะเดินวนไปมาที่หน้าบ้านข้า ยั่วยวนหวังกุ้ยสามีของข้าจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถูกเกลี้ยกล่อมให้เอาข้าวสารไปให้นาง เื่นี้ข้าได้ยินจริงๆ อยู่ต่อหน้าบรรพชนเช่นนี้ข้าไม่กล้าโกหก"
คนในยุคสมัยนี้เคารพและหวาดกลัวภูตผีปีศาจและเทพเซียนยิ่งกว่ากษัตริย์ ชาวบ้านที่อยู่รอบๆ เมื่อเห็นว่าเฉินต้าฮวากล้าพูดเช่นนี้ย่อมไม่ระแวงสงสัย แววตาระแวงสงสัยของทุกคนย้ายมาทางซ่งอวี้
หรือว่า ซ่งอวี้ประพฤติตัวตามที่เฉินต้าฮวาพูดจริงๆ?
สายตาที่จับจ้องไปทางซ่งอวี้มีความแคลงใจ มีความสุขบนหายนะของผู้อื่น มีความเกลียดชัง ราวกับตัดสินโทษให้นางแล้วอย่างไรอย่างนั้น ทางด้านเฉินต้าฮวาเมื่อเห็นว่าคำพูดของตนได้ผล นางอดไม่ได้ที่จะดีใจ มองไปทางซ่งอวี้แล้วยิ้มอย่างท้าทาย
"เ้าช่างพูดได้เฉลียวฉลาดจริงๆ" หลี่เฉิงไม่ปล่อยให้เฉินต้าฮวาลำพองใจนานจนเกินไป เขาเดินไปด้านหน้าสองก้าว ยืนอยู่ข้างซ่งอวี้ หัวเราะเสียงเบา
"แค่เพียงเดินผ่านหน้าบ้านเ้า ก็กลายเป็ยั่วยวนผู้อื่น เช่นนั้นข้าคงไม่กล้าก้าวออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว ยามเดินผ่าน จะได้ไม่ถูกผู้คนทุบตีเสียเปล่า แล้วครหาว่าข้าเจตนาร้าย"
เพียงคำพูดเดียว ก็เปิดโปงความคิดเ้าเล่ห์ของเฉินต้าฮวาออกมา
เฉินต้าฮวาคิดไม่ถึงว่าหลี่เฉิงจะพูดเข้าข้างซ่งอวี้ สีหน้าของนางย่ำแย่เล็กน้อย "หากนางไม่มีเจตนาเช่นนั้น เดินอ้อมประตูบ้านข้าไม่ได้หรืออย่างไร? เหตุใดต้องเดินกลับไปกลับมา ข้าว่านางไม่มีเจตนาที่ดีอย่างแน่นอน!”
ทันทีที่เฉินต้าฮวาพูดจบ ก็มีคนหัวเราะร่า
ป้าหวังทนดูต่อไปไม่ได้ นางโต้กลับแทนหลี่เฉิง "เฉินต้าฮวา เ้ายิ่งใหญ่มาจากที่ใด? บ้านของซ่งอวี้อยู่ด้านนอกสุดของทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน นางอยากจะเข้าหมู่บ้านต้องผ่านหน้าบ้านเ้าเท่านั้น เ้าบอกให้นางเดินอ้อมบ้านเ้า เหตุใดเ้าไม่ห้ามนางเข้ามาในหมู่บ้านไปเลยเล่า"
"จริงด้วย คุณชายหลี่พูดมีเหตุผล หากเดินผ่านหน้าบ้านผู้อื่นถือเป็การยั่วยวน เช่นนั้นคนในหมู่บ้านไม่ต้องออกจากเรือนแล้ว จะได้ไม่ต้องหาเื่ใส่ตนโดยไม่รู้ตัว แม้อยากจะขอความยุติธรรมก็ไม่มีที่ให้ทวงขอ" ชาวบ้านอีกคนหนึ่งเห็นด้วย
ตอนแรกทุกคนต่างรู้สึกว่าเฉินต้าฮวาพูดถูก เพราะเฉินต้าฮวาเปลี่ยนแิบางอย่างในคำพูด ชั่วขณะหนึ่งทุกคนจึงตามไม่ทัน แต่ว่าหลี่เฉิงพูดเปิดโปงนางทันที ทำให้ทุกคนไหวตัว ต่างก็พูดถึงความเข้าใจของตนเอง ในทางตรงกันข้ามพวกเขารู้สึกสงสารซ่งอวี้ เดินผ่านหน้าบ้านผู้อื่นก็ถูกคนนำไปสร้างเื่ได้
ทางด้านผู้ใหญ่บ้านก็ทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง "คุณชายหลี่พูดถูก เดินผ่านหน้าบ้านเ้าถือเป็การยั่วยวนสามีของเ้าเช่นนั้นหรือ?"
เหตุผลนี้ เกรงว่าไม่อาจหลอกได้แม้กระทั่งคนโง่เขลา
"เฉินต้าฮวา สิ่งที่เ้าพูด มีผู้อื่นเป็พยานให้เ้าได้หรือไม่?" เสียงเคร่งขรึมของลุงสือโถวดังขึ้น เื่นี้กินเวลานานจะส่งผลต่อชื่อเสียงของซ่งอวี้ ต้องรีบจัดการโดยเร็ว
"จริงด้วยๆ เ้ามีหลักฐานอะไรก็เอาออกมา จะได้ไม่ต้องทำให้พวกข้าเสียเวลา" ชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังต่างพากันโห่ร้อง
เมื่อเห็นว่าเฉินต้าฮวาดึงดูดความสนใจของทุกคนแล้ว ซุนหลานฮวาก็โล่งอก เริ่มครุ่นคิดว่าเื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
นางพูดคุยกับมิตรสหาย หลังจากนั้นหลี่เฉิงก็ปรากฏตัว เขายิ้มให้นาง หลังจากนั้นนางก็ราวกับถูกผีสิง เดินตามหลี่เฉิงไป พูดเื่เ่าั้ แล้วผู้ใหญ่บ้านก็บังเอิญมาได้ยินเข้า
เื่ที่เกิดขึ้นดูแล้วคล้ายจะสมเหตุสมผล แต่เวลานี้ซุนหลานฮวาเพียงแค่คิด ก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งหัวใจ นางรู้สึกว่าตนเป็เหมือนหุ่นเชิดที่ถูกผู้อื่นจัดวาง ทำตามความ้าของผู้อื่น เดินไปทีละก้าวแล้วตกลงไปในหลุมพรางของหลี่เฉิงที่วางเอาไว้
ซุนหลานฮวาอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลี่เฉิง ตรงหน้านางยังคงเป็ชายหนุ่มหล่อเหลา แต่ในสายตาและในใจของเขามีซ่งอวี้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากมีคนคิดอยากจะทำร้ายนาง เขาก็จะโมโหอย่างมาก แล้วทำเหมือนที่ทำกับนางเมื่อครู่
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเวลานี้ซุนหลานฮวากำลังคิดสิ่งใด เวลานี้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เฉินต้าฮวา
ช่างเป็ละครฉากใหญ่ที่เยี่ยมยอดยิ่งนัก
เฉินต้าฮวาที่กำลัง 'แสดงงิ้ว’ มีความทุกข์ที่ยากจะบรรยาย นางเพียงมาดูเื่ครึกครื้นเท่านั้น แต่กลับถูกโยงเข้าไปในเื่นี้ด้วย
"ข้าไม่ได้โกหก ข้าได้ยินจากสามีของข้า หวังกุ้ยเอาข้าวสารให้ซ่งอวี้จริงๆ ข้าสาบาน!” นางไม่กล้าบอกว่าซ่งอวี้ยั่วยวนหวังกุ้ย พูดสาบานในสิ่งที่ตนเห็นเท่านั้น
"เ้าได้ยินกับหูตนเองหรือ?" ลุงสือโถวถาม
"หวังกุ้ยเป็คนบอกข้า" เฉินต้าฮวารีบโยงไปถึงหวังกุ้ย
หวังกุ้ยที่ถูกพูดถึง สีหน้าของเขาตกตะลึงตอนที่ได้ยินชื่อตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น กระทั่งผู้ใหญ่บ้านร้องเรียกชื่อของเขาสามรอบติดต่อกัน เขาจึงหลุดจากภวังค์
แววตาของซ่งอวี้ฉายความรู้สึกแปลกพิกลขึ้นมาทันที นางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ