เยว่เฟิงเกอฝืนกลั้นขำกล่าวกับจินว่านหลี่ว่า “ข้ามีห้าร้อยตำลึง แลกกับคืนเดียวของเ้า เป็อย่างไร? ”
จินว่านหลี่กลืนน้ำลาย เมื่อครู่เยว่เฟิงเกอบอกว่าเพียงหนึ่งคืน เขาก็จะได้ห้าร้อยตำลึงเป็ค่าตอบแทน ฉับพลันนั้นใจของจินว่านหลี่ก็เริ่มลังเล
เขามองคุณชายสูงศักดิ์ตรงหน้าที่งดงามจนเทพเซียนยังต้องพิโรธ อย่าว่าแต่สตรีชอบพออีกฝ่ายเลย แม้แต่บุรุษก็ยังอาจใจสั่นได้
อีกอย่างก็แค่คืนเดียวเท่านั้น เขาเพียงต้องอดทนสักเล็กน้อย ก็จะได้รับค่าตอบแทนห้าร้อยตำลึง การค้านี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว
เห็นแก่ห้าร้อยตำลึงนั้น เขาจะยอมอดทนก็แล้วกัน
ในใจคิดเช่นนี้ จินว่านหลี่ก็กำหมัดแน่น ท่าทางเหมือนเตรียมเผชิญหน้ากับความตาย
“ได้ ข้าตกลง” จินว่านหลี่พูดจบก็ลุกขึ้นยืน
เมื่อท่านแม่แห่งหอชมบุปผาได้ยินคำตอบของจินว่านหลี่ก็เกือบจะสำลักน้ำลายตาย
ชายแก่ผู้นี้ เพียงเพื่อเงินน้อยนิด แม้แต่ศักดิ์ศรีของตนก็ไม่้าแล้ว
เยว่เฟิงเกอเห็นสภาพของจินว่านหลี่ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเงิน นางก็คิดในใจว่า ดูท่าการที่นางไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ออกมาจะเป็ความคิดที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
การต้องมีบิดาที่เห็นเงินทองเป็ดังชีวิตเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วฉิงเอ๋อร์คงต้องถูกเขาทำร้าย
สำหรับบุรุษเช่นนี้ แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอไม่มีทางใจอ่อน
นางดึงพัดกลับมา กล่าวกับจินว่านหลี่ว่า “ไปกับข้าเถอะ”
จินว่านหลี่พยักหน้า ตอบรับ “ขอรับ” จากนั้นจึงเดินตามเยว่เฟิงเกอออกไปจากหอชมบุปผา
“ขอถามคุณชาย พวกเรากำลังจะไปที่ใดกันหรือขอรับ? ” จินว่านหลี่ตามติดอยู่เื้ัเยว่เฟิงเกอที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโรงพนันว่านจิน
จินว่านหลี่ยังคงสวมเสื้อกระสอบ เมื่อครู่ยามที่ขอทานคนนั้นไล่ตามเขาไปถึงหอชมบุปผา ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาได้มอบเงินเล็กน้อยชดเชยให้ขอทานผู้นั้นไปแล้ว เพียงแต่ที่นั่นไม่มีอาภรณ์บุรุษ และจินว่านหลี่เองก็ไม่มีเงินซื้ออาภรณ์ใหม่ เขาจึงทำได้แค่คลุมเสื้อกระสอบนี้ต่อไป เดินตามเยว่เฟิงเกอต้อยๆ มาตลอดทาง
เยว่เฟิงเกอตอบโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีกฝ่าย “ไปโรงพนัน”
เมื่อจินว่านหลี่นึกถึงว่าตนไปขอเงินมาไม่สำเร็จ หากวันนี้ยังมีหน้ากลับเข้าไปในโรงพนันอีก คนในโรงพนันจักต้องมาเรียกร้องเอาเงินจากเขาแน่
ตอนนี้เขายากจนถึงขนาดมีกางเกงตัวในติดตัวอยู่แค่ตัวเดียวแล้ว จะอย่างไรก็จะยอมให้แม้แต่กางเกงตัวในตัวเดียวนี้ถูกยึดเอาไปไม่ได้
เขาหยุดฝีเท้า กล่าวกับเยว่เฟิงเกอว่า “คุณชาย อย่าไปที่โรงพนันเลยจะดีกว่าขอรับ ท่านดูสิ ตัวข้าในตอนนี้เหลือแค่กางเกงตัวในเพียงตัวเดียวแล้ว หากข้ายังแพ้อีกละก็ เกรงว่าจะไม่มีอะไรเอาไปพนันได้อีกแล้ว”
ในที่สุดเยว่เฟิงเกอก็หยุดฝีเท้าลง นางหันศีรษะไปยิ้มให้จินว่านหลี่ “มีข้าอยู่ เ้ากลัวอะไร อย่าลืมสิ ข้ามีเงินห้าร้อยตำลึง ซื้อเวลาเ้าหนึ่งวัน”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินเช่นนั้น หัวใจที่แขวนอยู่ก็กลับมานอนนิ่งอยู่ในอก
โชคดีที่อีกฝ่ายแค่ซื้อเวลาเขาหนึ่งวัน ไม่ใช่หนึ่งคืน มิฉะนั้นถึงกลางดึกที่เงียบสงัดไร้ผู้คน หากเขาส่งเสียงอะไรออกมาแม้เพียงนิด ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ยินกันไปหมดหรือ แล้วหนังหน้าแก่ๆ ของเขานี้จะเอาไปไว้ที่ไหนได้อีก
“ไปเถอะ อย่าเสียเวลาอีกเลย” เยว่เฟิงเกอพูดพลางหมุนกายเดินมุ่งหน้าไปยังโรงพนัน
เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูโรงพนัน ก็มีคนสังเกตเห็นเยว่เฟิงเกอและจินว่านหลี่
คนคนนั้นวิ่งเข้าไปรายงานเถ้าแก่ผู้เป็เ้าของโรงพนัน
ในตอนนี้เองเถ้าแก่คนนั้นได้ส่งสายตาให้ชายขี้โกงคนเดิม อีกฝ่ายเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจทันที เดินเข้าไปหา
เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินเข้ามาในโรงพนัน ก็ได้ยินชายขี้โกงคนนั้น ะโมาทางจินว่านหลี่ “จินว่านหลี่ เ้าเอาเงินมาหรือยัง ยังไม่รีบมาเล่นต่ออีกตา”
จินว่านหลี่เดินยิ้มเข้าไป เขามองเยว่เฟิงเกอด้วยท่าทีอึกอักเล็กน้อย ไม่รู้ควรจะกล่าวอะไรดี
กระนั้นก็เป็เยว่เฟิงเกอที่เอ่ยขึ้นมาก่อน “วันนี้จินว่านหลี่ถูกข้าซื้อตัวไว้แล้ว หนี้พนันที่เขาติดพวกเ้าอยู่ก็ให้ถือเสียว่าเป็ของข้า”
เมื่อได้ยินคำของเยว่เฟิงเกอ คนอื่นๆ ในโรงพนันต่างก็มองมาเป็ตาเดียว ทั้งยังมีบางคนที่เริ่มกระซิบกระซาบ
“ชายคนนี้คือใคร สวมอาภรณ์หรูหรานัก ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์กับจินว่านหลี่อย่างไร ถึงขนาดกล้าซื้อตัวจินว่านหลี่เชียว”
“นั่นน่ะสิ จินว่านหลี่เป็ผีพนันยากจนที่เลื่องชื่อ ซื้อตัวเขาไว้แล้วจะทำอะไรได้? ”
“พวกเ้าว่า เ้าหนุ่มคนนี้คงไม่ได้ถูกใจรูปลักษณ์ของจินว่านหลี่เข้ากระมัง เลยซื้อเขาไว้สำราญยามราตรี ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อคนผู้นี้พูดจบ ก็ได้รับสายตาดูถูกจากคนอื่นๆ
“เ้าตาบอดหรือไร คุณชายท่านนี้หล่อเหลาเพียงนั้น จะไปชมชอบรูปลักษณ์คนเยี่ยงจินว่านหลี่ได้อย่างไร? สภาพอัปลักษณ์เช่นเขา ให้ข้าเปล่าๆ ข้ายังไม่เอาเลย”
คนที่โดนดูถูกได้แต่หัวเราะแหะๆ ไปสองที รีบอธิบายว่า “ดูสิเ้าจะร้อนใจอันใดเล่า ข้าแค่ล้อเล่นเท่านั้น”
คำกล่าวเหล่านี้ของพวกเขาเข้าหูเยว่เฟิงเกอทั้งหมด เพียงแต่นางไม่สนใจ ซ้ำยังเดินอาดๆ ไปยังโต๊ะพนันที่ก่อนนี้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่นาน ก่อนจะวางเงินเดิมพันห้าร้อยตำลึงลงไปบนโต๊ะ
นางเร่งรัดชายขี้โกงคนนั้น “นี่คือเงินพนันของข้า รีบแจกไพ่เถอะ”
คนที่อยู่ที่นั่นเห็นว่าเยว่เฟิงเกอลงเงินทีเดียวห้าร้อยตำลึง ก็อดไม่ได้ให้มองหน้ากันไปมาด้วยสายตาตกตะลึง กระนั้นบางคนก็มองนางด้วยสายตาแฝงแววนึกสนุกพลางคิดในใจว่า คุณชายคนนี้คงจะเพิ่งมาเล่นเป็ครั้งแรกกระมัง รอดูคนแพ้หมดตัวได้เลย
จินว่านหลี่มองตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงบนโต๊ะพนัน รู้สึกเ็ปใจยิ่ง
หากมอบเงินห้าร้อยตำลึงนี้ให้เขา เขาสามารถใช้เล่นที่นี่ได้หนึ่งวันเต็มๆ แต่สุดท้ายเงินนี้กลับถูกอีกฝ่ายวางเดิมพันทั้งหมดในคราวเดียว หากว่าแพ้ ก็หมดตัวกันพอดี
จินว่านหลี่แอบกระซิบอยู่ข้างหลังเยว่เฟิงเกอ “คุณชาย ท่านเล่นเช่นนี้ไม่ได้นะขอรับ ถ้าเป็เช่นนี้ ต่อให้ท่านจะมีเงินมากสักแค่ไหน ก็ไม่พอหรอกขอรับ”
เยว่เฟิงเกอหันศีรษะกลับไป ฉีกยิ้มให้จินว่านหลี่ พูดด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มว่า “เ้าคิดว่าข้าต้องแพ้แน่ๆ อย่างนั้นหรือ”
ประโยคนี้ประโยคเดียวทำเอาจินว่านหลี่ชะงักไป เขาไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของคุณชายคนนี้ด้วยไม่เคยเห็นคนมาเล่นพนันที่นี่มาก่อน ไม่แน่ผู้อื่นอาจเป็ผู้มีความสามารถที่เอาชนะทุกคนที่นี่ได้ก็เป็ได้
ในตอนนี้จินว่านหลี่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจอะไรมากนัก อย่างไรเสีย คุณชายท่านนี้ก็พูดแล้วว่า หากตนแพ้จะรับผิดชอบเอง
ในใจคิดเช่นนี้ จินว่านหลี่ก็ไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เช่นเดียวกับคนในโรงพนันที่ก็เริ่มเล่นกันต่อไป ไม่มีใครมีอารมณ์มาสนใจเยว่เฟิงเกออีก
ส่วนชายขี้โกงคนนั้นกำลังก้มหน้าแจกไพ่ สายตาเขามีแววบางอย่างวาบผ่านไป
เขาแจกไพ่จนหมดอย่างรวดเร็ว ขณะที่เยว่เฟิงเกอย้ายตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั่นไปที่ข้างสูง ขอแค่ไพ่ในมือนางเป็เลขที่มีจำนวนมากทั้งหมด นางก็จะชนะ
ตอนที่เยว่เฟิงเกอจะหยิบไพ่ตรงหน้าสามใบก็สังเกตเห็นชายขี้โกงเคลื่อนไหวมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกยิ้มบนใบหน้า
เยว่เฟิงเกอเองก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นกัน รอยยิ้มบนใบหน้านางกว้างยิ่งกว่าชายขี้โกงผู้นั้น
บังอาจมาเล่นตุกติกต่อหน้าข้า เ้ายังอ่อนเกินไป
ยามที่ทุกคนเปิดไพ่ของตนเองแล้ววางลงบนโต๊ะ ใบหน้าของชายขี้โกงคนนั้นที่ก่อนนี้ยังประดับรอยยิ้ม ก็เปลี่ยนไปทันทีพร้อมๆ กับที่สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ไพ่ตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ
ไพ่สามใบนี้ต่างเป็ตัวเลขที่มีจำนวนสูงสุดทั้งหมด รอบนี้นางเป็ฝ่ายชนะ
ชายขี้โกงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ไพ่สามใบนี้ควรเป็ของเขาถึงจะถูก เหตุใดจึงไปอยู่ในมืออีกฝ่ายได้