สะใภ้สกุลจ้าวพูดแค่เหอะๆ ก่อนจะจากไป เมื่อครู่เป็คำที่ออกมาจากใจนาง
เด็กหญิงในชนบท เห็นสตรีสวยๆ แต่งตัวสะอาดสะอ้าน ทั้งไม่มีมาด เด็กๆ ต่างชอบเข้ามาหา หรือก็คือเข้ามาคุยด้วย เื่นี้ เฉินเนี้ยนหรานเองก็รู้ดี
เพิ่งจะส่งสะใภ้สกุลจ้าวกลับไปพี่สะใภ้ฟางก็ถือถ้วยอาหารมาหา เฉินเนี้ยนหรานกับหนิวซื่อมองหน้ากัน ดูเหมือนว่า ั้แ่พวกนางสอนวิธีการทำหัวบุกไป ที่เรือนก็มักจะมีของกินมาให้ตลอด
วันนี้เป็เต้าหู้หนึ่งถ้วย พรุ่งนี้เป็หมูผัดอะไรพวกนี้
แม้กับข้าวที่ถือมา ผักจะเยอะกว่า เนื้อจะน้อย แต่ว่าของพวกนี้คือกับข้าวที่คนในหมู่บ้านทำออกมาได้ดีที่สุดแล้ว
อย่างไรพวกเขาก็แค่ตัดเนื้อก้อนเล็กๆ มา แล้วผัดกับผักหม้อใหญ่ เพียงต้องใส่น้ำลงไปในหม้อหน่อย ใส่น้ำมันนิด...ก็รู้สึกว่าชีวิตผ่านไปอย่างราบรื่น...
“พี่สะใภ้ฟางทำไมท่านจะต้องทำตัวเกรงใจเช่นนี้อยู่เรื่อย มีของอะไรอร่อยก็มักจะยกมาที่เรือนของข้า หากเป็เช่นนี้ต่อไป น้องสาวสองคนของข้าคงจะอยากไปอยู่ที่เรือนของท่านแล้ว” เฉินเนี้ยนหรานยิ้มต้อนรับ แล้วรับถ้วยที่ยังมีไอร้อนมาถือไว้
“ยังดีนะที่สกุลจ้าวยังมีสะใภ้ที่พอจะรู้เื่อยู่บ้าง จะว่าไปแล้วสกุลจ้าวก็มีลูกสะใภ้สามนี่แหละที่พอจะรู้เื่มีมารยาทอยู่บ้าง ส่วนลูกสะใภ้คนโตนั้น ข้าขอดูถูกจากใจจริงๆ ช่างเถอะ ไม่พูดแล้ว น้องสาว ข้ามีเื่จะบอกเ้า รู้หรือไม่ หมู่บ้านของเราจะมีคนเข้ามาอยู่ใหม่นะ?” พอพูดว่าจะมีคนมาอยู่ใหม่ แม่นางฟางก็ทำท่าทางดีอกดีใจ
ดูเหมือนว่า คนที่มาใหม่จะได้รับความสนใจจากคนทั้งหมู่บ้าน เฉินเนี้ยนหรานเลิกคิ้วขึ้นและถามออกมาด้วยความอยากรู้ “อ๋อ? อย่างไรหรือ?”
“ข้าจะบอกเ้าให้นะ ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านของเรามีคนที่ล้มละลายไป ครอบครัวเขาเล่นพนันไม่หยุดจนเอาที่นาทั้งหมดไปขาย ว่ากันว่า แต่ก่อนก็เป็เศรษฐีของหมู่บ้านเรา ตอนนี้เอาที่นาทั้งหมดไปขายหมดแล้ว ทั้งยังขายเรือนนั้นไปแล้วด้วย ได้ยินมาว่า คนที่ซื้อเรือนของพวกเขาอาจจะเป็เศรษฐีใหญ่ วันนี้เขามาเก็บทรัพย์สินแล้วย้ายเข้ามาอยู่ล่ะ อ้อ เป็เรือนที่อยู่ด้านหน้าเรือนข้าน่ะ จากคำพูดที่เขาเล่ากันมาในวันนี้ ดูเหมือนว่าคนผู้นั้นไม่ค่อยชอบที่ดินตอนนี้สักเท่าไร เลยเตรียมตัวสร้างเรือนเล็กๆ อยู่นะ”
เฉินเนี้ยนหรานได้ยินก็สนใจขึ้นมา “โอ้ นี่ก็ยุ่งยากอยู่นะ ดูเหมือนว่าจะเป็คนร่ำรวยจริงๆ ถึงได้ยอมเปลี่ยนที่ดินเป็อีกแบบเพียงเพราะว่ารูปร่างที่ดินตอนนี้ไม่ดี”
พี่สะใภ้ฟางตบหน้าขาฉาดหนึ่ง “แน่นอน คนปกติจะทำเื่เช่นนี้ได้อย่างไร แต่ว่า เขาเป็คนมีเงินนี่นา จึงยินยอมใช้เงินทำเื่เช่นนี้ ข้าได้ยินมาว่าพรุ่งนี้จะต้องหารากฐานเรือนแล้ว”
ทั้งสองคนบ่นเื่อื่นออกมาอีก ก่อนที่พี่สะใภ้ฟางจะรีบร้อนกลับเรือนไป ก่อนไป เฉินเนี้ยนหรานยังให้หนิวซื่อเอาพุทราเชื่อมใส่ถ้วยให้พี่สะใภ้ฟาง พุทรานี่ก็เป็สิ่งที่นางฝึกทำใน่นี้
พี่สะใภ้ฟางเห็นพุทราหน้าตาไม่เลวก็ดีใจมาก “ข้าว่านะ เ้านี่แหละที่เป็คนขี้เกรงใจ ดูเ้าสิ ข้าถือถ้วยนี้มา เ้าก็ยังให้ข้าถือถ้วยนี้กลับไปอีก”
เฉินเนี้ยนหรานยัดถ้วยใส่มือพี่สะใภ้ฟาง “เอาน่า พี่สะใภ้ดูแลข้าด้วยความจริงใจจริงๆ ส่วนนี่เป็ของกินเล่นเล็กๆ น้อยๆ แล้วก็ไม่ได้ให้ท่านกินด้วย ข้าให้หลานๆ กิน”
“ได้ ข้าเองก็จะไม่เกรงใจเ้าแล้ว ข้ากลับเรือนแล้วนะ” พี่สะใภ้ฟางถือถ้วยกลับเรือนไปอย่างอารมณ์ดี
เฉินเนี้ยนหรานหัวเราะพลางส่ายหน้า นางไม่อยากติดหนี้ใคร คนในหมู่บ้านนี้เป็กันเอง ใจกว้างต้อนรับขับสู้ดี เื่นี้เป็สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย แต่คนในหมู่บ้านนี้ก็จนจริงๆ
ชีวิตความเป็อยู่ของครอบครัวนางดีขึ้นมาก ไม่จำเป็ต้องเอาเปรียบคนอื่นเขา สามารถช่วยได้ก็ช่วยกันไป หลายวันจากนี้จะต้องไปคิดบัญชีค่าขนมกับโจวอ้าวเสวียนแล้ว
คิดถึงยอดเงินค่าขนมไหว้พระจันทร์ที่ยังไม่ได้ไปรับ เฉินเนี้ยนหรานก็คำนวณว่าควรไปรับเมื่อไรจึงจะเหมาะสม
จากการพักผ่อนหลายวันมานี้ก็พอจะหายดีขึ้นบ้าง ถึงเวลาที่ต้องไปเอาเงินแล้ว อีกอย่าง ก่อนที่เด็กน้อยจะเกิดมา ในเรือนยังต้องซื้อที่นาอีกหน่อย
ถึงแม้นางจะไม่ต้องออกหน้าเอง ตอนนี้ยังมีครอบครัวของพี่สะใภ้หนิวคอยช่วยเหลือ อยากจะซื้อที่นาเพิ่มก็ทำได้ แต่อย่างไรการจะเพิ่มที่นานั้นไม่ใช่เื่ที่บอกว่า้าแล้วจะหามาได้เลย
เมื่อวางลำดับเื่ที่ต้องทำแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงตัดสินใจว่ามะรืนนี้จะชวนเฉินจื่อิไปรับเงินด้วยกันในอำเภอ
เช้าตรู่วันต่อมา น้องห้ากับน้องหกพาม้าขึ้นไปกินหญ้าบนูเา
ตอนนี้ม้าตัวนั้นถูกเลี้ยงดูอย่างดี จูงออกไปไหน คนทั้งหมู่บ้านล้วนพากันอิจฉาเป็อย่างมาก
“ม้าตัวนี้ ปากแคบ สีขนสวย พอถึงฤดูผสมพันธุ์จะเป็ม้าแม่พันธ์ที่ดีนะ” ระหว่างทาง สองพี่น้องก็เจอเข้ากับบุรุษแซ่หลิวที่เป็คนที่ผสมพันธุ์สัตว์เก่งที่สุดในหมู่บ้าน เขาเข้ามาดูม้าก่อนจะบ่นออกมาอย่างไม่เป็ธรรมชาติ
“อืม ลุงหลิว ม้าตัวนี้ข้ากับพี่สาวดูแลอย่างใส่ใจเชียวนะเ้าคะ กลัวว่ามันจะกินไม่ดี ตอนนี้ก็เลยพามันออกมาเดินสักหน่อยเ้าค่ะ” น้องหกปากหวาน พอนางเรียกคุณลุงออกมาก็ทำเอาบนใบหน้าของลุงหลิวมีรอยยิ้มสดใส
“ไปเถอะ ไปเถอะ พวกเ้าสองคนนี้ปากหวานเสียจริงนะ”
ตลอดทางที่พี่น้องสองคนเดินไปด้านหน้า พอเจอเข้ากับบรรดาลุงๆ ป้าๆ ก็ทักทายพวกเขาอย่างน่ารัก
“น้องห้า น้องหก ไป ข้าจะพาพวกเ้าไปดูการทำนายฮวงจุ้ย ตรงนั้นกำลังครึกครื้นเลย” ในตอนนั้นเองที่ลูกชายคนโตของพี่สะใภ้ฟาง เด็กชายซานอายุสิบสามวิ่งเข้ามาหา
“ทำนายฮวงจุ้ย?” สองพี่น้องพอได้ยินดังนั้นก็สนใจ ่นี้พวกนางชอบไปดูเื่สนุกที่สุด
“ใช่สิ ใช่สิ ทำนายฮวงจุ้ยไง รีบปล่อยม้ากินหญ้าไว้ตรงนั้นเถิด พวกเราไปดูกัน”
เด็กชายชี้ไปที่ที่หนึ่งอย่างรวดเร็ว ที่ตรงนั้นขอแค่เอาม้าไปผูกเอาไว้ ก็ไม่ต้องกลัวม้าจะหนีไปไหนแล้ว ในที่แห่งนี้ ขอแค่ไม่ปล่อยม้าเอาไว้ในที่ที่ห่างไกลเกินไป ม้าก็ไม่มีทางถูกคนขโมยไป เื่นี้ถือว่าเป็เื่ที่ไม่เลวเลย
น้องห้ามองสถานที่ที่เด็กชายชี้ ตรงนั้นสามารถเห็นที่ผูกม้าได้ จึงพยักหน้ากับน้องหก ก่อนที่สองพี่น้องจะเอาม้าไปผูกที่ด้านข้าง แล้วแหวกฝูงชนเข้าไปดูคนเขาทำนายฮวงจุ้ย
“ที่นี่ถึงแม้จะดี แต่ว่าก็แย่ไปสักหน่อย” ตอนที่เดินมาถึง บุรุษที่ถือกระดาษทำนายส่ายหน้า ด้วยท่าทางไม่ชอบใจมาก
“เช่นนั้นไปตรงนั้นเถิด” ในตอนนั้นเอง สตรีวัยกลางคนคนหนึ่งชี้ไปทางที่ดินที่เฉินเนี้ยนหรานอาศัยอยู่
ตรงนั้นยังมีที่ตั้งรากฐานเรือน ขอแค่จัดการสร้าง ก็สามารถสร้างเรือนได้หลังหนึ่ง
คนพวกนั้นถือกระดาษทำนายไป ซินแสเดินวนไปมาบนพื้นที่โล่งนั้น ก่อนจะพูดทิศเหนือ จะมีลูกไปหลายชั่วรุ่น ไปทางใต้....อะไรไม่รู้ที่ทุกคนฟังไม่รู้เื่.....
“ที่ตรงนี้ดี ไม่เลวเลย” สุดท้าย คนพวกนี้ก็เลือกสถานที่ที่ไม่ไกลจากเรือนของเฉินเนี้ยนหรานมากนัก
สตรีวัยกลางคนเมื่อได้ยินว่าได้แล้ว ก็เรียกบุรุษกลุ่มหนึ่งมา แล้วเริ่มทำรากฐานเรือนบนพื้นที่ว่าง
เพียงครู่เดียว ก็มีคนเอาเชือกมาวางไว้้า เพื่อทำขนาดของเรือนโดยประมาณ ก่อนจะใช้หินมาร่างเอาไว้
หลังจากที่ทุกคนประเมินอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายสตรีวัยกลางคนคนนั้นก็เรียกคนให้มาเริ่มงาน
“ท่านพี่ ภายในเวลารวดเร็วเช่นนี้ก็สร้างเรือนแล้ว นี่ถือว่าเป็เพื่อนบ้านใหม่หรือไม่?” น้องหกถามน้องห้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อืม เมื่อครู่เ้าไม่ได้ฟังหรือว่าวันนี้คือวันดี ถึงแม้จะรีบร้อนไปสักหน่อย แต่เขาจะต้องดูการใช้ชีวิตน่ะ แต่ว่า เพื่อนบ้านของพวกเรามาก็ดีนะ ต่อไปจะมีคนมาดูแลกันมากกว่าเดิม” น้องห้ากดเสียงให้เบาลง สายตาของทั้งสองมองไปที่สตรีคนนั้นอยู่ตลอด
ในตอนนั้นเองที่สตรีคนนั้นสั่งงานเสร็จแล้ว อาจจะเพราะว่างงานแล้วจึงอยากจะถามเื่ราวเสียหน่อย จึงเข้ามาทักทายพวกน้องห้ากับเด็กชายซาน
เด็กๆ ต่างมองตากันเอง น้องห้ากลับไม่กลัว จูงมือน้องหกและเด็กชายซานเดินไปด้านหน้าด้วยกัน
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เท่าไร รอยยิ้มของสตรีคนนั้นก็ยิ่งดูใจดี
น้องห้ามองนางอย่างพิจารณา ผมถูกมัดไปด้านหลัง พร้อมกับติดเครื่องประดับผมสีเงินหรูหราไว้บนหัว ใบหน้ากลมนั้นคล้ำอยู่เล็กน้อย สองมือหนาใหญ่ คิ้วดก องค์ประกอบบนใบหน้าดูแล้วเป็คนยุติธรรม เท้าเองก็ใหญ่ คิดไปแล้ว คงเป็สตรีที่คอยดูแลเรือน
“มา ที่นี่มีลูกอมนะ บอกป้าฝูทีสิว่า เ้าของเรือนนั้นมีใครอยู่หรือ? ครอบครัวเป็อย่างไร?” สตรีนางนั้นส่งลูกอมที่ห่อด้วยกระดาษห่อให้น้องห้า
หลังจากน้องห้าแบ่งลูกอมให้เด็กชาย ก็มองตากับน้องหกที่เก็บลูกอมที่เหลือไป
ทันที่ที่เก็บลูกอมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ยินสตรีคนนี้ชี้ไปทางเรือนของพวกนางแล้วถาม
สองพี่น้องอ้าปากค้าง เด็กชายซานที่อยู่ด้านข้างอมลูกอมเข้าไปแล้วหัวเราะ “พรืด” ออกมา
“ท่านป้า ท่านได้ถามกับเ้าของเรือนแล้ว ฮ่าๆ คนในเรือนนั้นก็คือพวกนางนี่แหละ ครอบครัวของนางก็ธรรมดา ใจดี พวกเราชอบเล่นกับพวกนางมากเลยขอรับ”
สตรีนางนั้นคิดไม่ถึงว่าพอได้เอ่ยถามออกไปก็เจอเ้าของเรือนพอดี จึงใจนส่งเสียงร้องออกมา ทั้งยังรีบหยิบลูกอมออกมาอีกห่อ “หยา ดวงสมพงศ์กันจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะมาสอบถามก็เจอเพื่อนบ้านใหม่เสียได้ ข้าอยากจะทำความรู้จักเล็กน้อย ต่อไปจะได้ไปมาหาสู่กันได้ ตอนนี้ก็ดีแล้ว มาสอบถามก็เจอกับเ้าบ้านเสียนี่ ดีๆ ของพวกนี้ป้าให้พวกเ้านะ เหลืออยู่แค่เล็กน้อยเอาไปแบ่งกันนะ”
ขณะมองสตรีนางนั้นหยิบลูกอมออกมาจากตัว กลับทำให้น้องหกรู้สึกผิดเล็กน้อย นางลูบหัวตัวเอง มองไปทางเด็กชายกับพี่ห้า โดยมีความหมายว่าจะเอาลูกอมนี่ดีหรือไม่ หากเอาแล้วนางจะรู้สึกผิดนิดหน่อย
เด็กชายกลืนน้ำลาย แล้วมองไปทางน้องห้าอย่างลำบากใจ ความจริงแล้วในหมู่บ้านยามอยู่ด้านนอก เขาไม่กล้ารับลูกอมจากคนแปลกหน้า
น้องห้ามองท่าทางของเด็กทั้งสองก็ลำบากใจขึ้นมา แล้วรีบยกมือโบก “ท่านป้า ท่านไม่ต้องเกรงใจหรอกเ้าค่ะ ของพวกนี้เก็บเอาไว้ให้คนอื่นเถิด เด็กๆ ในหมู่บ้านมีเยอะแยะ พวกเราไม่สามารถเก็บไว้กินกันเองได้ ท่านเพิ่งจะย้ายมาใหม่ ต่อไปพวกเราก็จะเป็เพื่อนบ้านกันแล้ว มีเื่อะไรให้ช่วยเหลือก็มาทักทายกันสักคำนะเ้าคะ”