ซือคงจวินเย่รีบยับยั้ง “ช้าก่อน! เ้าต้องมีวิธีแน่นอน เ้าลองใคร่ครวญอีกหน่อย! อาเซิ่ง ไม่มีทางที่เ้าจะถูกโจมตีจนพ่ายแพ้!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยลุกขึ้นอย่างไม่ยี่หระ เขายกยิ้มมุมปากให้เห็นเป็รอยยิ้มบางๆ “พี่ใหญ่ สำหรับข้าแล้ว ชนะหรือแพ้ไม่สำคัญเลย สำคัญที่สุดก็คือระหว่างนั้น! ข้าได้ในสิ่งที่ข้า้าแล้ว ข้าไม่เสียดายอะไรอีก ท่านอย่าได้ยึดติดกับผลแพ้ชนะอีกเลย!”
เขาเดินไปถึงริมหน้าต่าง แล้วประกาศกับคนในห้องโถงชั้นล่างด้วยตัวเอง “ข้าแพ้แล้ว! หมากกระดานนี้ ข้ายอมแพ้ทั้งกายและใจ!”
เฟิ่งเฉี่ยนหันหน้ากลับมาประสานสายตากับเขา ในใจถึงกับสะดุดกึก!
บุรุษคนนี้ดูเหมือนยโสโอหังและโดดเดี่ยวลำพัง แต่ในสมองของเขากลับตรงไปตรงมา บริสุทธิ์สะอาด!
เขาที่เป็เช่นนี้ กลับทำให้นางรู้สึกละอายแก่ใจอยู่บ้าง
หากมิใช่เพราะหมากก้าวสุดท้าย นางคงพ่ายแพ้ให้แก่เขานานแล้ว
พูดขึ้นมาแล้วเป็นางที่โกงการแข่งขัน เขาจึงจะเป็ผู้ชนะอย่างแท้จริง!
“องค์ชายสามถ่อมตนเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่ชนะเพราะโชคช่วย หากว่ากันด้วยความสามารถในการเดินหมาก เมื่อเทียบกับองค์ชายสามแล้วข้ายังอยู่ห่างชั้นอีกไกลโยชน์!”
ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะ “แพ้ก็คือแพ้! ไม่มีอะไรให้แก้ตัว! เ้าเป็คนแรกที่เอาชนะข้าได้ ความพ่ายแพ้ในวันนี้ ข้าจะมาทวงคืนในวันหน้าแน่นอน! หนึ่งปีให้หลัง เวลานี้สถานที่แห่งนี้ พวกเรามาประลองกันอีกสักกระดาน!”
เฟิ่งเฉี่ยนเลิกคิ้วมั่นใจ “พร้อมเสมอ!”
ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง คนทั้งหมดที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างต่างส่งเสียงกรีดร้อง!
“อ๊าๆๆ!”
“ชนะแล้ว!”
“แม่นางเฟิงชนะแล้ว!”
“แคว้นเป่ยเยียนชนะแล้ว!”
“ตื้นตันใจเหลือเกิน!”
“อยากร้องไห้!”
หานหลินเยว่มีน้ำตาเอ่อคลอกระบอกตา “ท่านปู่ พวกเรา...ชนะแล้วเ้าค่ะ!”
หานไท่ฟู่กระบอกตาแดงก่ำเช่นเดียวกัน “ใช่ พวกเราชนะแล้ว!”
ฟางเสียกำหมัดแน่น “แคว้นเป่ยเยียน...ชนะแล้ว!”
จ้าวฉีตื่นเต้นจนกุมมือของติงไห่เจี้ยนเอาไว้ “สามปีแล้ว พวกเราฟื้นตัวได้แล้ว!”
ผู้ชมหมากล้อมจากแคว้นหนานเยียนเงียบงัน
แพ้แล้วหรือ องค์ชายสามผู้ไม่เคยแพ้ใครมาก่อน ถึงกับพ่ายแพ้
เทพนิยายของพวกเรา ถูกทำลายลง!
เื่นี้ทำให้คนยากจะยอมรับได้!
ภายในวังหลวง ณ ท้องพระโรงเงียบสนิทไม่มีเสียงใดๆ
คนทั้งหมดกำลังรอผลสรุปสุดท้าย
ยามนี้มีขันทีคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “สิ้นสุดแล้วพ่ะย่ะค่ะ การเดินหมากสิ้นสุดแล้ว...”
เฟิ่งชังลุกขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เขาถามอย่างร้อนรน “เป็อย่างไร ใครชนะ”
ขันทีสูดลบหายใจเข้าลึกๆ เขาประกาศผลสรุปสุดท้ายท่ามกลางสายตารอคอยทุกคู่ “หมากขาวชนะ ผลสรุปสุดท้ายคือ แม่นางเฟิงชนะพ่ะย่ะค่ะ!”
บรรยากาศเงียบงันไปสามวินาที ต่อมาคือเสียงโห่ร้องที่ะเิออกมา
“ชนะแล้ว! พวกเราชนะแล้ว!”
“เป็แม่นางเฟิงชนะ!”
“เหมือนกันทั้งสิ้น! อย่างไรพวกเราก็วางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง!”
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ผลงานของแม่นางเฟิงช่างน่าตะลึง! ถึงกับตอบโต้กลับไปในหมากก้าวสุดท้าย ช่างเป็สุดยอดของตำนาน!
“การเดินหมากในวันนี้ จะต้องถูกบันทึกไว้ในคู่มือการเดินหมากล้อม และเป็กระดานหมากอันเลื่องชื่อที่หาได้ยากในรอบร้อยปี!”
“พวกเราแคว้นเป่ยเยียนฟื้นตัวได้ในที่สุด!”
“...”
ไท่จื่อน้อยเบิกบานใจ “เสด็จพ่อ พวกเราชนะแล้ว! พวกเราชนะแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เซวียนหยวนเช่อลูบศีรษะเล็กๆ ของเขา ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เขาพูดเสียงดัง “เด็กๆ นำสุราดีร้อยปีในคลังทั้งหมดออกมา วันนี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ทุกคนร่วมกันดื่มสักจอก เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเื่มงคลนี้!”
หลี่หรงเต๋อพรูลมหายใจโล่งอกทันที
ขุนนางทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมกัน
“ขอบพระทัยฝ่าา!”
“ขอบพระทัยฝ่าา!”
“ฝ่าาทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี!”
ตำหนักยีหลัน องค์หญิงหลานซินกำลังปลูกดอกไม้อยู่ในสวนดอกไม้ พลันเห็นขันทีกลุ่มหนึ่งอุ้มไหสุราผ่านประตูตำหนัก แต่ละคนมีสีหน้าดีอกดีใจราวกับมีเื่น่ายินดี องค์หญิงหลานซินสงสัย จึงสั่งโจวหมัวมัว “เ้าไปถามมา เกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่”
โจวหมัวมัวออกไปแล้วกลับมาด้วยสีหน้าย่ำแย่อย่างที่สุด
องค์หญิงหลานซินััได้ถึงลางร้าย “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
โจวหมัวมัวอึกๆ อักๆ “องค์หญิง ท่านต้องเตรียมใจสักหน่อยนะเพคะ...ฮองเฮา...ฮองเฮานาง...”
“ฮองเฮาเป็อะไรกันแน่” องค์หญิงหลานซินหงุดหงิด
โจวหมัวมัวพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ฮองเฮา ฮองเฮานาง...นางชนะแล้วเพคะ! ฝ่าาให้คนไปนำสุราดีร้อยปีมาให้ขุนนางทั้งหลายดื่มฉลองกันเพคะ!”
องค์หญิงหลานซินหน้าถอดสีทันที นางกรีดร้องเสียงแหลม “อะไรนะ นางชนะหรือ เป็ไปได้อย่างไรกัน เมื่อสักครู่มิใช่บอกว่านางแพ้แน่นอนหรือ ไฉนจึงชนะกะทันหันเช่นนี้”
โจวหมัวมัวก้มหน้าพูดว่า “เื่เป็มาอย่างไรหม่อมฉันไม่รู้เพคะ แต่ได้ยินว่าหมากก้าวสุดท้ายของฮองเฮาเหนียงเหนียงเป็หมากที่เยี่ยมมาก จึงทำให้พลิกกลับมาชนะเพคะ!”
องค์หญิงหลานซินหน้าซีดเผือด นางก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว นางส่ายหน้าไม่อยากเชื่อ “นี่เป็ไปไม่ได้ พี่สามของข้าไม่มีทางแพ้!”
แววตาของโจวหมัวมัวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ทูลองค์หญิง ยามนี้เื่สำคัญที่สุดคือขัดขวางมิให้ฮองเฮากลับวังหลวงได้เพคะ! จะปล่อยให้ฮองเฮาเหนียงเหนียงนำแมวเทพกลับมาวังหลวงอย่างราบรื่นไม่ได้เด็ดขาด!”
องค์หญิงหลานซินรวบรวมสติกลับมาอย่างมิง่ายดาย “ถูกต้อง! เ้าพูดถูก! ต้องขัดขวางนาง! ส่งยอดฝีมือทั้งหมดออกไปดักซุ่มระหว่างทางที่นางกลับมาวังหลวง หากเสด็จพี่ขัดขวางนางไม่สำเร็จ เ้าจะต้องกำจัดนางแทนข้า จะให้นางมีชีวิตรอดกลับมาวังหลวงไม่ได้เป็อันขาด!”
“เพคะองค์หญิง!” โจวหมัวมัวรีบออกไป
ชุมนุมหมากล้อมเทียนหยวน เฟิ่งเฉี่ยนออกจากมาจากห้องพิเศษแล้วเดินลงมาชั้นล่าง
ผู้คนต่างพากันเบียดเสียดกันเข้ามาล้อมนางเอาไว้
“แม่นางเฟิง ท่านเก่งมาก!”
“แม่นางเฟิง ท่านเก่งเหลือเกิน!”
“ทำได้งดงามมาก!”
“แม่นางเฟิง ท่านเก่งกาจเหลือเกิน! หมากตัวสุดท้าย! ท่านทำได้อย่างไรกัน”
“ช่างเป็เื่เหลือเชื่อ!”
จ้าวฉีพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “แม่นางเฟิง เคราะห์ดีที่มีเ้า ชุมนุมหมากล้อมแคว้นเป่ยเยียนของพวกเราได้เชิดหน้าชูตาขึ้นในที่สุด!”
ฟางเสีย “ขอบคุณท่าน แม่นางเฟิง! ข้าเป็ตัวแทนของนักเดินหมากล้อมชุมนุมหมากล้อมแคว้นเป่ยเยียน ขอบคุณท่าน!”
หานไท่ฟู่หัวเราะเสียงดังลั่น “ลูกสาว ทำได้เยี่ยมมาก! ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้าชนะได้แน่นอน!”
หานหลินเยว่เปิดโปงเขาต่อหน้าทุกคน “ท่านปู่ เมื่อสักครู่ท่านไม่ได้พูดเช่นนี้นี่นา”
หานไท่ฟู่หน้าแดง เขาเถียงข้างๆ คูๆ “เ้าฟังผิดแน่ๆ! ข้ามั่นใจในตัวแม่นางเฟิงมาตลอด ไม่เคยสงสัยในความสามารถของนาง!”
เฟิ่งเฉี่ยนที่รู้นิสัยของหานไท่ฟู่ดีได้แต่ลอบยิ้ม นางคร้านจะเปิดโปงเขา
ซือคงเซิ่งเจี๋ยและคนของเขาเดินลงบันไดมาในตอนนี้ เฟิ่งเฉี่ยนหันไปรับหน้าทันที “องค์ชายสาม การเดินหมากสิ้นสุดแล้ว ตอนนี้จะทำตามข้อตกลงของพวกเราก่อนหน้านี้ได้หรือไม่”
“แน่นอน! ข้ากล้าเดิมพันย่อมยอมรับความพ่ายแพ้!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยหันกลับไปมององครักษ์ที่อยู่ด้านหลัง “มอบแมวเทพให้กับนาง!”
ซือคงจวินเย่เดินลงมาจากชั้นบน เสียงเยียบเย็นนั้นกล่าวว่า “แมวเทพอยู่ที่นี่!”
เฟิ่งเฉี่ยนเงยหน้าขึ้นมองไป เห็นเพียงในมือของเขาถือกรงอยู่ใบหนึ่ง และเป็กรงใบเดียวกับที่นางรับมาจากหานไท่ฟู่ก่อนหน้านี้ นางยื่นมือออกไปกล่าวว่า “ขอบพระทัยไท่จื่อ!”
ซือคงจวินเย่ไม่ได้มอบกรงออกไปในทันที แต่เขามองประเมินนางด้วยสายตาเ็าและพูดด้วยน้ำเสียงแฝงนัย “แม่นางเฟิงช่างทำให้คนคาดไม่ถึงยิ่งนัก! เซวียนหยวนเช่อช่างมีตาแต่หามีแววไม่ ถึงกับปล่อยให้โฉมงามเช่นเ้าออกมาพ้นสายตาได้ ทอดทิ้งเ้าเป็เวลาหลายปี แม่นางเฟิงไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบ้างหรือไร”
คิ้วของเฟิ่งเฉี่ยนขมวดน้อยๆ ดูท่าอีกฝ่ายน่าจะล่วงรู้ฐานะของนางแล้ว นางหัวเราะแล้วตอบกลับไปเนิบๆ ว่า “ขอบพระทัยไท่จื่อที่ใส่ใจ ข้าเดิมทีรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เหมือนกัน แต่หลังจากองค์หญิงหลานซินมาถึง ข้ากระจ่างแจ้งโดยพลัน! ที่แท้ได้รับความโปรดปรานหรือไม่นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับรูปโฉมภายนอก ฐานะและความสามารถใดๆ เลย หากจะโทษก็ต้องโทษที่ในพระทัยของฝ่าามีเพียงบ้านเมือง ห่วงใยราษฎร ช่างเป็ฮ่องเต้ผู้ปรีชาสามารถหายากในรอบร้อยปี ไม่เหมือนไท่จื่อที่มากรักหลายใจ ถนอมพฤกษาอาลัยหยก...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้