ณ บ้านสกุลฉิน
ฉินยงจวินที่ปกติชอบนอนตื่นสาย วันนี้กลับตื่นแต่เช้าตรู่ กินอาหารเช้าอย่างใจลอย
แม้แต่ไปทำงานก็ไม่ไป เอาแต่เร่งแม่ให้ไปซื้อของขวัญเพื่อไปสู่ขอที่ห้างสรรพสินค้าในอำเภอ
ในแถบนี้ การไปสู่ขอต้องซื้อผ้าสองพับให้เ้าสาว บุหรี่ เหล้า และน้ำตาลแดงให้กับครอบครัวฝ่ายหญิงก็พอแล้ว
แม่ฉินตั้งใจจะซื้อผ้าแบบธรรมดาที่สุด บุหรี่ เหล้าที่ถูกที่สุดเพื่อให้เสร็จ ๆ ไป
ในเมื่อกู่ซิ่วเป็ฝ่ายมาขอร้องให้สกุลฉินแต่งงานกับลูกสาวคนโตของเธอเอง ก็ไม่จำเป็ต้องซื้อของแพง ๆ
แต่ฉินยงจวินลูกชายสุดที่รักไม่ยอม ไม่เพียงแต่จะซื้อของแพง ๆ เท่านั้น แต่ยังซื้อผ้าให้สวี่ฮุ่ยถึงหกพับ อ้างว่าเอาไว้เพื่อความเป็สิริมงคล
ที่นี่ไม่มีใครเตรียมของขวัญมากมายขนาดนี้สำหรับการสู่ขอที่ยังไม่แน่นอน
ปกติจะเตรียมของขวัญมากมายในวันที่ตกลงเื่แต่งงานและมอบสินสอดแล้วเท่านั้น
แม่ฉินโกรธจนแทบกระอักเื สะใภ้ยังไม่ทันแต่งเข้าบ้าน ลูกชายก็เข้าข้างภรรยาแล้ว
รอสะใภ้แต่งเข้าบ้านมาเมื่อไหร่ คอยดูเถอะ เธอจะจัดการให้อยู่หมัดเลย!
วันนี้ไม่ใช่วันหยุด สองแม่ลูกรอจนเกือบเที่ยงวันค่อยขึ้นรถไปยังเขตบ้านพักพนักงานโรงงานผลิตอาหาร
สาเหตุหลักก็คือกลัวว่าถ้าไปบ้านสกุลสวี่เวลาอื่นจะไม่มีใครอยู่บ้าน
เมื่อไปถึงเขตบ้านพักพนักงานโรงงานผลิตอาหาร สองแม่ลูกกำลังจะเข้าไปก็ถูกคุณลุงยามเรียกไว้ “พวกเธอสองคนจะเข้าไปหาใคร?”
แม่ฉินไม่ได้บอกจุดประสงค์ เื่ที่ยังไม่แน่นอน ถ้าป่าวประกาศออกไปก่อนเวลาอันควร หากสุดท้ายไม่สำเร็จไม่เท่ากับเสียหน้าเปล่า ๆ เหรอ?
แม่ฉินยิ้มเจื่อน ๆ บอกเพียงว่ามีธุระกับกู่ซิ่ว
คุณลุงยามก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ชี้ทางให้สองแม่ลูกสกุลฉินอย่างกระตือรือร้น
สวี่ฮุ่ยเพิ่งสอนพิเศษนักเรียนมัธยมปลายเสร็จ กลับมาถึงบ้านยังไม่ทันได้ดื่มน้ำ ก็ได้ยินเสียงคนะโอยู่ข้างนอกว่า “นี่บ้านผู้จัดการโรงงานสวี่หรือเปล่า?”
เธอชะโงกหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่รู้จัก
สวี่เยว่เห็นแม่ลูกสกุลฉินเช่นกัน เธอรีบะโบอกกู่ซิ่วที่เพิ่งเลิกงานก็เข้าไปเตรียมอาหารกลางวันในครัวด้วยความดีใจว่า “แม่คะ คุณน้าฉินมาแล้ว!”
กู่ซิ่วรีบออกมาจากครัว ต้อนรับแม่ลูกสกุลฉินเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ทันทีที่ฉินยงจวินเข้ามาในบ้านและเห็นสวี่ฮุ่ย ดวงตาเ้าชู้ของเขาก็จ้องมองสวี่ฮุ่ยไม่วางตา
รอยยิ้มบนใบหน้าของสวี่เยว่ค่อย ๆ เลือนหายไป เธอทนไม่ได้ที่ผู้ชายทุกคนเห็นสวี่ฮุ่ยแล้วต่างก็หลงใหลในความงามของสวี่ฮุ่ย แต่กลับมองข้ามเธอไป
กู่ซิ่วชี้ไปที่สวี่ฮุ่ย แนะนำให้แม่ฉินรู้จัก “นี่คือลูกสาวคนโตของฉัน สวี่ฮุ่ย ทั้งแข็งแรงและหน้าตาสะสวย”
สวี่ฮุ่ยมองกู่ซิ่วด้วยสีหน้าเรียบเฉย
กู่ซิ่วชอบด้อยค่าเธอต่อหน้าคนอื่น แต่วันนี้กลับชมเธอต่อหน้าแขก พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไร?
แต่เมื่อเห็นสายตาที่แม่ฉินมองประเมินเธอ เธอก็พอจะเดาออกลาง ๆ
กู่ซิ่วหยิบเงินห้าหยวนส่งให้สวี่ฮุ่ย “ไปซื้อกับข้าวมาเลี้ยงน้าฉินหน่อย”
สวี่ฮุ่ยไม่พูดอะไร รับเงินแล้วเดินออกไปเงียบ ๆ
กู่ซิ่วยืนมองสวี่ฮุ่ยออกจากประตูเขตบ้านพักจากหน้าต่าง จึงหันมายิ้มต้อนรับแม่ลูกสกุลฉิน
สวี่ฮุ่ยออกจากเขตบ้านพักไม่ได้ไปซื้อกับข้าวในตำบล แต่เดินอ้อมไปทางด้านหลังเขตบ้านพัก ปีนกำแพงเข้าไปในเขตบ้านพักโดยอาศัยต้นไม้ต้นหนึ่ง
จากนั้นก็ย่องไปนั่งยอง ๆ ที่ใต้หน้าต่างห้องนั่งเล่นบ้านตัวเอง แสร้งทำเป็จัดอุปกรณ์ตกปลาไหล แอบฟังบทสนทนาในห้อง
ในห้องนั่งเล่น กู่ซิ่วและสวี่เยว่มองดูของขวัญที่แม่ลูกสกุลฉินนำมาด้วยความไม่พอใจ
ผ้าแดครอนหกพับ น้ำตาลทรายแดงสี่จิน บุหรี่ดีๆ สองซอง เหล้าคุณภาพดีสองขวด และผลไม้กระป๋อง
แค่มาสู่ขอ สกุลฉินก็ให้ของขวัญมากมายขนาดนี้แล้ว
โดยเฉพาะของขวัญที่ให้สวี่ฮุ่ยก็มากเกินไป ผ้าหกพับไม่พอ ยังเป็ผ้าแดครอนอีก!
สกุลฉินให้ความสำคัญกับสวี่ฮุ่ยมากขนาดนี้ ต่อไปเมื่อสวี่ฮุ่ยแต่งเข้าบ้านสกุลฉินคงจะสบายไปเลย
แต่พวกเธอสองแม่ลูกหวังให้สวี่ฮุ่ยแต่งงานไปแล้วต้องทนทุกข์ทรมาน
กู่ซิ่วไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้า
เธอรินน้ำผสมน้ำตาลทรายแดงให้แม่ลูกสกุลฉินคนละแก้ว
เธอวางน้ำผสมน้ำตาลทรายแดงแก้วหนึ่งตรงหน้าแม่ฉินด้วยมือของเธอเอง แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้ฉิน พอใจกับลูกสาวคนโตของฉันไหม?”
แม่ฉินทำสีหน้าเย่อหยิ่ง พยักหน้า “ก็พอใช้ได้ แค่ผอมไปหน่อย ต่อไปแต่งงานเข้าบ้านเราแล้ว ฉันคงต้องบำรุงเธอให้ดี ๆ ไม่อย่างนั้นจะคลอดยาก”
สวี่ฮุ่ยได้ยินถึงตรงนี้ก็รู้ว่าสิ่งที่เธอคาดเดาไว้ในใจเป็จริง จึงไม่ได้แอบฟังต่อ จากไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนตอนที่แอบมา
พอเดินถึงหน้าประตูเขตบ้านพัก ก็เจอกับสวี่ต้าซานที่กลับมากินข้าวกลางวันพอดี
สวี่ต้าซานเห็นสวี่ฮุ่ยจะออกไปข้างนอกในเวลาอาหารกลางวัน จึงถามว่าจะไปไหน
สวี่ฮุ่ยไม่ได้บอกความจริง บอกเพียงว่ามีแขกมาที่บ้าน กู่ซิ่วให้เธอไปซื้อกับข้าวมาเลี้ยงแขก
เมื่อไปถึงตำบล สวี่ฮุ่ยก็ซื้อกับข้าวแล้วรีบกลับบ้าน ถามสวี่เยว่ต่อหน้าแม่ลูกสกุลฉินว่า “วันนี้เธอได้รับจดหมายตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยของฉันไหม?”
สวี่เยว่ส่ายหน้าอย่างใสซื่อ “ไม่ค่ะ”
สวี่ฮุ่ยถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”
“จริงค่ะ”
กู่ซิ่วโผล่หน้าออกมาจากครัว “เื่ใหญ่ขนาดนี้ น้องไม่มีทางโกหกแกหรอก”
สวี่ต้าซานก็พูด “ไม่ต้องกังวล ยังมีพ่ออยู่”
สวี่ฮุ่ยพูดประชดประชัน “ถ้าพ่อไว้ใจได้ หมูคงปีนต้นไม้ได้แล้วค่ะ”
สวี่ต้าซานยิ้มแหย ๆ ให้แม่ลูกสกุลฉิน “ลูกสาวคนโตของฉันชอบพูดเล่นน่ะ”
สวี่ฮุ่ยหัวเราะเยาะในใจ แล้วก็รีบออกไปโดยอ้างว่าจ้าวชิงชิงเพื่อนสนิทมีเื่ด่วน แล้วเธอก็รีบเดินออกไป
กู่ซิ่วอยากให้สวี่ฮุ่ยไม่อยู่ตรงนั้น ตอนที่สวี่ฮุ่ยออกไป เธอเลยแสร้งพูดว่า “ไปเถอะ เดี๋ยวแม่เก็บข้าวไว้ให้”
เธอกับสวี่เยว่แอบปรึกษากันแล้วว่าสองบ้านตกลงแต่งงานกันเมื่อไหร่กู่ซิ่วจะหาคนมาช่วยดำเนินการจดทะเบียนสมรสให้สวี่ฮุ่ยกับฉินยงจวิน
พอถึงวันแต่งงาน ค่อยวางยานอนหลับสวี่ฮุ่ย แล้วส่งตัวเธอไปแต่งงาน
ขอแค่ให้ฉินยงจวินได้สวี่ฮุ่ยไปแล้ว เธอก็คงต้องใช้ชีวิตอยู่กับฉินยงจุนอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ก่อนที่แผนการจะสำเร็จ กู่ซิ่วไม่อยากให้สวี่ฮุ่ยล่วงรู้ถึงแผนการของเธอกับสวี่เยว่ ไม่อย่างนั้น สวี่ฮุ่ยต้องอาละวาดจนบ้านพัง คุมไม่อยู่แน่ ๆ
สวี่ฮุ่ยวิ่งไปที่สถานีตำรวจประจำตำบล ถามตำรวจหญิงที่แผนกต้อนรับว่าหลี่ไห่อยู่ไหม
หลี่ไห่เพิ่งกินข้าวกลางวันเสร็จ กำลังจะกลับไปพักที่ห้องทำงานเพื่อเตรียมทำงานต่อใน่บ่าย
พอเข้ามาในสถานีตำรวจได้ยินคำพูดของสวี่ฮุ่ย หลี่ไห่ก็ถามว่า “มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ?”
สวี่ฮุ่ยหันกลับมาพูดว่า “คุณตำรวจหลี่ คุณช่วยเอาเครื่องบันทึกเสียงไปเก็บหลักฐานที่บ้านฉันได้ไหม แม่ของฉันจะบังคับให้ฉันแต่งงานกับคนที่ฉันไม่อยากแต่งงานด้วย”
หลี่ไห่ถาม “คุณขัดขืนแล้วหรือยัง?”
สวี่ฮุ่ยส่ายหน้า “ยังค่ะ”
หลี่ไห่พูด “งั้นต่อให้เก็บหลักฐานไปก็ไม่มีประโยชน์ พิสูจน์ไม่ได้ว่าแม่ของคุณบังคับให้คุณแต่งงานโดยขัดต่อความ้าของคุณ”
สวี่ฮุ่ยร้อนใจเล็กน้อย “แล้วฉันควรทำอย่างไรดีคะ?”
หลี่ไห่ลูบคางครุ่นคิด “เอาอย่างนี้ ผมจะให้คุณยืมเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กไปเครื่องหนึ่ง”
“คุณบันทึกเสียงตอนที่คุณขัดขืนแม่ของคุณ พอมีหลักฐานแล้ว พวกเราตำรวจจะได้เข้าไปจัดการ”
สวี่ฮุ่ยถือเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กที่ยืมมาจากหลี่ไห่กลับบ้าน ยังไม่ทันเข้าบ้าน ก็ได้ยินเสียงกู่ซิ่วดังมาจากข้างในว่า
“ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อครอบครัวเรา เพื่อลูกสาวทั้งสองคน ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจความหวังดีของฉันบ้าง?”
สวี่ฮุ่ยเริ่มแอบบันทึกเสียงอยู่ข้างนอก
สวี่ต้าซานพูดอย่างหัวเสีย “เธอจะให้ผมเข้าใจความหวังดีของเธอยังไง?”
“เธอคิดว่าผมไม่รู้หรือไงว่าฉินยงจวินนั่นเป็อันธพาลเกเร ไม่เอาไหน?”
“เธอให้ฮุ่ยฮุ่ยแต่งงานกับเขา ไม่เท่ากับทำลายชีวิตฮุ่ยฮุ่ยเหรอ?”
“ต่อให้เธอไม่ชอบฮุ่ยฮุ่ย เธอก็ไม่ควรทำกับลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองแบบนี้!”