มุมปากของเหนียนยวี่เผยอรอยยิ้มบางเบา
เหนียนอีหลานเอ๋ยเหนียนอีหลาน นางผลักให้เื่ราวมาถึงจุดนี้เสียแล้ว ต่อไปแม้จะไร้ซึ่งแรงผลักดันของนาง เหนียนอีหลานนางก็คงจะผลักตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
และนางคงทำเพียงแค่จ้องมองพี่สาวที่แสนดีของนางคนนี้ที่ใบหน้าจอมปลอมของนางค่อยๆ หลุดลอกออกไปทีละน้อย
นางตั้งหน้าตั้งตารอดูใบหน้าที่แท้จริงของเหนียนอีหลาน
ในห้อง ฉับพลันนั้นบรรยากาศค่อยๆ เริ่มหนักอึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
“ให้จี้เยวี่ยไว้ชีวิตหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินหรี่ตาเล็กน้อย สายตานางจับจ้องเหนียนอีหลานอย่างเ็า
แม้แต่หนานกงเยวี่ยและฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังรู้สึกถึงความโกรธเกรี้ยวของฮองเฮา องค์หญิงจี้เยวี่ย? อีหลานเอ่ยถึงองค์หญิงจี้เยวี่ยขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเพื่ออะไร
“เช่นนั้นเ้าลองพูดสิว่า เหตุใดองค์หญิงจี้เยวี่ยถึง้าชีวิตของเ้า? เ้ารู้ความผิดใช่หรือไม่ว่าความผิดนั้นคืออะไร” ฮองเฮาอวี่เหวินตรัสออกมาด้วยเสียงสูงขึ้นมาทันใด ทุกถ้อยคำเอ่ยเอื้อนสุดเสียง ยิ่งขู่ขวัญให้เหนียนอีหลานไร้หนทางจะหลบเลี่ยง
“ความผิดอะไรเพคะ...” แววตาเหนียนอีหลานฉายประกายตื่นตระหนกอย่างรุนแรง ความผิดอะไร? นางจะกล้ายอมรับความผิดนั่นได้อย่างไร?
ไม่ นางไม่กล้า!
แม้เหมือนรู้ว่านางคงไม่กล้ายอมรับ ทว่าใครบางคนนั้นกลับไม่สนใจจะบีบคั้นนาง
“เฮ้อ ฟางเหอจบชีวิตลงได้อย่างน่าเวทนาเสียจริง” จ้าวอิ้งเสวี่ยมองดูภัยร้ายในตอนนี้ พลางพึมพำประหนึ่งไม่ใส่ใจ แม้นางจะไม่รู้ว่าเหนียนยวี่พูดอะไรกับเหนียนอีหลานก่อนที่พวกนางจะมาถึง และเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ ทว่าครั้นฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยถึงการตายของฟางเหอเมื่อครู่นี้ เหนียนอีหลานกลับร้องขอทูลต่อฮองเฮาให้องค์หญิงจี้เยวี่ยไว้ชีวิตนางขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพียงแค่จุดนี้ นางจึงเดาออกได้ทันทีว่า บางทีเหนียนอีหลานคงคิดว่าการตายของฟางเหอเกี่ยวข้องกับองค์หญิงจี้เยวี่ย
นึกไม่ถึงเลยว่า ยามที่จ้าวอิ้งเสวี่ยเอ่ยถึงเื่นี้ ความหวาดหวั่นกลัวเกรงที่ฉายชัดบนใบหน้าเหนียนอีหลานกลับขยายวงกว้างอย่างไร้ขีดจำกัด
“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไม่ควรปล่อยให้ฟางเหอปิดประตูสวนร้อยสัตว์ หม่อมฉันไม่ควรขังน้องสาวไว้ข้างในนั้น!” ในใจเหนียนอีหลานหวาดหวั่น นางเกรงกลัวจนมิอาจหลบหลีกได้ นางมิได้ตั้งใจ นางเพียงแค่้าขังเหนียนยวี่ “ฮองเฮา...”
ดูเหมือนเหนียนอีหลาน้าจะอธิบายอะไรบางอย่าง ทว่าฮองเฮาอวี่เหวินมิให้โอกาสนางได้เอื้อนเอ่ย จึงตัดบทเหนียนอีหลานอย่างเ็าในทันใด “ฮูหยินเหนียน ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง และฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน พวกเ้าทั้งหมดได้ยินกันใช่หรือไม่?”
ได้ยิน พวกนางได้ยินอย่างแน่นอน!
ไม่ใช่แค่พวกนาง ทุกคนที่นั่นล้วนได้ยิน
สวนร้อยสัตว์...
เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้ ก็รู้แล้วว่าที่นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก ทว่าเหนียนอีหลานกลับปล่อยให้สาวใช้ข้างกายนางขังฮองเฮาไว้ในสวนร้อยสัตว์หรือ?
นี่...คือการลอบสังหารฮองเฮา ช่างเป็ความผิดใหญ่หลวงนัก!
ท่ามกลางเหล่าฝูงชน แม้แต่สตรีงดงามเรียบร้อยที่กำลังนับลูกประคำและสวดภาวนา ยังอดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ นางปรายตามองเหนียนอีหลาน ั์ตาที่เหลือบมองนั้นแฝงความหมายไม่ชัดเจน
“เป็...เป็ไปได้อย่างไร?” หนานกงเยวี่ยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่นางได้ยิน ทว่าอีหลานบอกกับนางว่าเหนียนยวี่ถูกขังอยู่ในสวนร้อยสัตว์ ทว่ามิได้เอ่ยบอกนางเื่ของฮองเฮาอวี่เหวินแม้แต่คำเดียว อีหลานนาง...
เหตุใดนางถึงได้เลอะเลือนเยี่ยงนี้ ฮองเฮาอวี่เหวินใช่คนที่นางจะกักขังไว้ได้หรืออย่างไร?
“เป็ไปได้อย่างไรงั้นหรือ?” ฮองเฮาอวี่เหวินหัวเราะ “นางสารภาพผิดออกมาด้วยตนเองเช่นนี้แล้ว คงมิใช่ว่าเ้ายังคิดว่าเป็เปิ่นกงบีบคั้นให้นางยอมรับผิดใช่หรือไม่?”
ยามที่พูดจบ น้ำเสียงของฮองเฮาอวี่เหวินดุดันขึ้นเป็พิเศษ พลังที่ออกมาจากน้ำเสียงนั้น ขู่ขวัญหนานกงเยวี่ยจนตัวนางสั่นสะท้าน ต้องคุกเข่าลงกับพื้นในทันที “ฮองเฮาได้โปรดอย่าทรงกริ้วไปเลยเพคะ หม่อมฉันมิบังอาจ ทว่าจิตใจแท้จริงของอีหลานนั่นเป็คนดี...”
“จิตใจดีงั้นหรือ” ฮองเฮาอวี่เหวินตัดบทนางอย่างเ็า “นี่คือบุตรสาวแสนดีผู้มีจิตใจงดงามมีเมตตาในแบบที่เ้าสอนมางั้นหรือ? สวนร้อนสัตว์คือสถานที่ต้องห้าม เ้าคงจะรู้อยู่แล้ว หรือต้องขอบคุณบุตรสาวผู้แสนดีมีจิตใจเมตตาของเ้าแล้วสิที่ทำให้เปิ่นกงเกือบตายในสวนร้อยสัตว์ ความผิดในการลอบทำร้ายเปิ่นกงครานี้ เหนียนอีหลานและสกุลเหนียนของพวกเ้าจะชดใช้ไหวหรือไม่!”
ครั้นคำพูดนั้นหลุดออกมา ภายใต้แรงกดดันจากฮองเฮา แทบทุกคนที่นั่นรีบคุกเข่าลงบนพื้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
ความพิโรธของฮ่องเต้ บันดาลให้สายเืกลับกลายเป็แม่น้ำได้[1] ทว่าความโกรธเกรี้ยวของฮองเฮานั้น เกรงว่ายากเกินต้านไหวไม่ต่างกัน!
เหนียนอีหลาน...
ฮองเฮาอวี่เหวินจะจัดการกับนางอย่างไร?
การลอบทำร้ายฮองเฮา แม้จะไม่สำเร็จ ทว่าเหนียนอีหลานนางผู้นี้คงได้รับโทษปะาเป็แน่
อีกทั้งการตายของฟางเหอ เกรงว่าจะเป็เพราะความพิโรธของฮองเฮาเช่นกัน!
ผู้คนมากมายคิดคาดเดาไปต่างๆ นานา พระประสงค์ที่แท้จริงในการมาจวนเหนียนของฮองเฮาอวี่เหวินวันนี้นั้น พระนางมาเพื่อ้าพบจิ้นหวางเฟยจริงหรือ
ทว่าในตอนนี้ อย่างไรก็ดูเหมือนว่าพระนางจะมาที่นี่เพราะ้ามาหาคุณหนูใหญ่เสียมากกว่า
“ฮองเฮาเพคะ ขอพระนางทรงพระทัยเย็นลงก่อนเถิดเพคะ อีหลานนางเลอะเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง จึงทำตัวกำเริบเสิบสานเยี่ยงนี้ ฮองเฮาทรงมีพระประสงค์จะจัดการอีหลานอย่างไรนั้น ทั้งสองตระกูลจะรับฟังการตัดสินของฮองเฮาเพคะ ไม่ว่าตระกูลเหนียนหรือตระกูลหนานกงจะมิเอ่ยสิ่งใดเลยเพคะ” ฮูหยินหนานกงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างฉับพลัน เอ่ยชัดทุกถ้อยคำ
“ท่านแม่...” หนานกงเยวี่ยครั้นได้ยินคำพูดนั้น พลันตื่นใ นางยอมให้ฮองเฮาจัดการได้อย่างไร? ท่านแม่ควรจะอ้อนวอนให้อีหลาน นางไม่สนใจอีหลานเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เ้าหุบปาก!” ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเอ่ยตำหนิขึ้นมาอย่างแ่เบา ตัดบทหนานกงเยวี่ย
เหนียนยวี่เหลือบมองฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง ในใจนางพลันเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งทันที
ขิงแก่ย่อมเผ็ดเป็ธรรมดา[2]
'ไม่ว่าฮองเฮาจะทรงมีพระประสงค์จะจัดการอีหลานอย่างไร ทั้งตระกูลเหนียนและหนานกงจะมิเอ่ยสิ่งใด’
มีหลายสิ่งมากมายแฝงอยู่ในคำพูดนี้
แม้แต่ฮ่องเต้หยวนเต๋อยังทรงกังวลต่ออำนาจของตระกูลหนานกง
เื่ของเหนียนเฉิงและเหนียนอีหลานจะกลายเป็ตัวอย่าง ให้ราชสำนักจับตาตระกูลหนานกง!
เหนียนยวี่ปรายสายตามองจ้าวอิ้งเสวี่ย เห็นนางขมวดคิ้วราวกับมองเจตนาของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงออกเช่นเดียวกับนาง
‘ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง’ กำลังเตือนฮองเฮาอวี่เหวิน ว่าเหนียนอีหลานมิได้เป็เพียงแค่บุตรีตระกูลเหนียน ทว่ายังมีสายเืตระกูลหนานกงไหลเวียนอยู่ในตัวนางด้วย หาก้าจะจัดการ ก็ยังต้องคำนึงถึงฐานะของตระกูลหนานกง
หึ ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงผู้นี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะหาญกล้าบังอาจใช้อำนาจข่มฮองเฮาอวี่เหวินอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
ทว่าฮองเฮาอวี่เหวิน จะยอมให้นางใช้อำนาจข่มขวัญเช่นนี้อีกครั้งหรือไม่?
เหนียนยวี่หันไปมองฮองเฮาอวี่เหวิน เห็นเพียงความสงบนิ่งบนใบหน้าของนาง มองไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ บนใบหน้านั้น
ฮองเฮาอวี่เหวินใบหน้าสงบ จ้องมองเหนียนอีหลานที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาราบเรียบ ทันใดนั้นพระนางทรงเผยรอยยิ้มบางเบา พร้อมตรัสออกมา ไร้ซึ่งการซ่อนความประชดประชันในน้ำเสียงแต่อย่างใด “หืม คุณหนูใหญ่สกุลเหนียนช่างเกิดมาในครอบครัวที่ดีเสียจริง ในเมื่อเป็เช่นนี้ เปิ่นกงไม่รู้เลยจริงๆ ว่าจะจัดการกับคุณหนูใหญ่ผู้ไม่ธรรมดาคนนี้เช่นไรดี”
คำพูดของฮองเฮาอวี่เหวินดังเข้าไปในหูของผู้คนมากมาย สั่นคลอนจิตใจผู้คน
“จริงอยู่ที่เกิดในครอบครัวที่ดี ทว่าการลอบทำร้ายฮองเฮา ไม่ว่าจะเป็คุณหนูใหญ่หรือฟางเหอ สาวใช้นางนั้นล้วนสมควรตาย ทว่าด้วยเกียรติและหน้าตาของตระกูลหนานกง เสด็จพี่สะใภ้ ชิงเหอคิดว่าท่านต้องพิจารณาให้รอบคอบ” องค์หญิงใหญ่ชิงเหอเอ่ยปากขึ้นมาอย่างราบเรียบ ในใจนางนั้นรู้สึกไม่พอใจกับการที่ตระกูลหนานกงใช้อำนาจมากดข่มเยี่ยงนี้เช่นกัน ทันใดนั้นนางนึกอะไรบางอย่างได้ ดวงตาองค์หญิงใหญ่ชิงเหอพลันทอประกายลุกวาว ทว่าความแวววาวในดวงตานั้นคงอยู่ชั่วประเดี๋ยวและสลายหายไปในทันที “โทษปะาละเว้นได้...”
ครั้นคำพูดพวกคำนั้นออกจากปากขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอ ไม่ว่าจะเป็เหนียนอีหลาน หนานกงเยวี่ยหรือเหนียนเย่า และแม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าเหนียน ยังลอบรู้สึกโล่งใจ
ทว่าสีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงยังคงเคร่งขรึม ละเว้นโทษปะาได้อย่างนั้นหรือ
ละเว้นโทษปะาแล้ว เช่นนั้นเื่นี้ก็จบลงเช่นนี้จริงน่ะหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงมิได้มองโลกในแง่ดีเยี่ยงนั้น นึกไม่ถึงว่าเวลาผ่านไปชั่วครู่เดียว เสียงขององค์หญิงใหญ่ชิงเหอกลับดังขึ้นมาอีกครา...
“ทว่าทัณฑ์ทรมานยากละเว้น!”
[1] สายเืกลับกลายเป็แม่น้ำได้ หมายถึง มีคนตายมากมาย
[2] ขิงแก่ย่อมเผ็ดเป็ธรรมดา หมายถึง เปรียบเปรยผู้ใหญ่สูงอายุสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้รวดเร็วกว่า/ดีกว่า