บทที่ 27
ขณะที่เครื่องบินกำลังลงจอดที่ลานจอดส่วนตัวของศิวาลัย เหล่าลูกน้องที่โจได้สั่งให้มาคุ้มกันก็ได้จัดการกับคนของธิวาลัยที่แอบลักลอบเข้ามาอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่ได้รับรายงานว่าพื้นที่เคลียร์แล้ว มือเรียวยกโทรศัพท์ส่งให้ร่างสูงดูเมื่อสายตาเหลือบไปมองเห็นว่าคนของธิวาลัยถูกจัดการแล้วจึงบอกกับโจว่า “ลงจอดเมื่อไหร่เก็บที่เหลือด้วย”
ร่างโปร่ง จึงพยักหน้ารับก่อนจะยืนขึ้นเพื่อไปหยิบกระเป๋าที่เก็บไว้อยู่ด้านหลังออกมา ใบหน้าหันไปมองรอบด้านว่ามีคนอื่นอยู่อีกไหมในพื้นที่ตรงนี้เมื่อเช็คแล้วว่าไม่มีใครจึงหยิบปืนขึ้นมาสองกระบอกส่งให้อาทิตย์และหยิบมีดพกไว้กับตัวเอง อาทิตย์ยื่นมือรับปืนมาไว้ที่ตัวเองสองกระบอก เมื่อเก็บอาวุธเอาไว้ที่ตัวเองเสร็จ อาทิตย์รู้ว่าคนบนเครื่องบินมีท่าทีที่แปลกไปแล้วก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องเป็แบบนี้จึงสั่งให้โจเตรียมตัว
การที่จะออกจากเครื่องบินลำนี้แบบอย่างปลอดภัยก็คงจำเป็ที่จะต้องฆ่าคนที่อยู่บนเครื่องเพราะดูจากสถานการณ์แล้วมันแปลกเกินไป โดยปกติคนของศิวาลัยจะต้องมาบริการตามปกติ แต่นี่กลับไม่มีวี่แววที่จะมาเสิร์ฟน้ำหรืออะไรเลยสักนิด นั่นหมายความว่าคนบนเครื่องไม่ใช่คนของอาทิตย์
“พวกมันอยู่หลัง” อาทิตย์บอกกับโจ ถึงแม้ว่ารอบลานจอดเครื่องบินจะเคลียร์แล้วมันก็ไม่ได้แปลว่าพวกนั้นจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว พวกของธิวาลัยก็ยังคงแอบซ่อนอยู่ด้านนอก
ถ้าพวกนั้นจะบุกก็ต้องรอคำสั่งของธาเสียก่อน ซึ่งตอนนี้ฝั่งของเดือนอ้ายก็ได้ถึงจุดที่จอดลานเครื่องบินแล้วโดยนำรถเข้ามาจอดด้านในอาคาร โจบอกกับเดือนอ้ายเอาไว้แล้วว่าให้ระวังพวกที่เนียนเข้าไปเป็เ้าหน้าที่ด้วย ร่างเล็กได้แจ้งข่าวกับเพื่อนตัวเองแล้วว่าให้ระวัง และตอนนี้ทุกคนยังคงหลบอยู่บนรถเพื่อรอให้พวกธิวาลัยเผยพิรุธออกมาก่อน
ั์ตาสีดำจ้องไปที่หลังรถที่ตอนนี้เควินกำลังประชุมกับลูกน้องอยู่ เขาได้รับแจ้งแล้วว่าเครื่องบินกำลังลงจอดและมีคนนอกที่บุกรุกเข้ามาถูกจัดการไปแล้วส่วนหนึ่งแต่ว่ายังเหลือคนรอบนอกอยู่ มันคงจะยากที่จะต้องส่งมือสไนเปอร์ไปดัก ตอนนี้เราจึงใช้แผนใหม่แทน ไม่แน่ว่าเควินอาจจะต้องใช้วิธีบุกก่อน
“อ้าย”นาวินเรียกเดือนอ้ายแต่ว่าร่างเล็กยังคงอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
“…”
“อ้าย!”เสียงะโข้างหูของนาวินทำให้เขาหลุดจากภวังค์ของตัวเอง ใบหน้าสวยหันไปมองเพื่อนสนิทที่กำลังทำใบหน้าตึงเครียดนาวินยกมือสองข้างมาจับไหล่เล็กของเค้าเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา เขาไม่รู้เลยว่าอีกคนรู้สึกอะไรกันแน่ในตอนนี้แต่เหมือนจะเป็เื่สำคัญ
“ว่าไง?”
“ด้านในพวกมันมีมากกว่าร้อยคนว่ะ“ สิ่งที่นาวินบอกทำให้เดือนอ้ายเบิกตากว้าง ก่อนจะหลุบตาลงเพื่อตั้งสติ คนของเขาในตอนนี้ที่มาด้วยกันมีแค่เจ็ดสิบกว่า
“แล้วคนของศิวาลัยล่ะ เขามีคนพอหรือเปล่า?“
“กูไม่แน่ใจว่ะ แต่ว่าเราต้องจัดการคนของพวกมันในตึกนี้ก่อน เมื่อกี้ส่งโดรนขึ้นไปตรวจแล้วดาดฟ้ามีมากกว่าสามสิบคน” เดือนอ้ายพยักหน้าลงตอบอีกคนก่อนจะเอ่ยว่า “ พวกมึงจะขึ้นไปข้างบนใช่ไหม“
“อืม พวกกูต้องขึ้นไปว่ะ ระหว่างทางก็คงต้องจัดการไอ้พวกก้างอีก” ในใจของเดือนอ้ายตอนนี้รู้สึกหวิวในใจเล็กน้อยเพราะความเป็ห่วงเพื่อนของตัวเอง ถึงแม้ว่าเพื่อนแฝดทั้งคู่จะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองคนจะสู้กับพวกหมาหมู่แบบนั้นได้อย่างปลอดภัย
“กูขอขึ้นไปด้วย”
“ไม่ได้ กูไม่ให้มึงขึ้น มึงต้องอยู่ที่นี่” นาวินปฏิเสธเดือนอ้ายเสียงแข็งและยืนกรานไม่ให้อีกคนขึ้นไปแน่นอน นาวินรู้ว่าเดือนอ้ายพอจะใช้ปืนเป็แต่ว่าไม่อยากให้อีกคนไปเสี่ยงอันตรายอยู่ดี การที่จะขึ้นไปตะลุมบอนกับพวกที่เยอะกว่าควรจะให้คนที่มีประสบการณ์ไปต่อสู้ด้วยจะดีที่สุดเพื่อลดความเสี่ยง
“แล้วพวกมึงจะไหวหรออย่างน้อยกูก็คอยยิงสกัดให้พวกมึงได้นะเว้ย” พอเขาพูดไปแบบนั้นมือสองข้างที่จับไหล่อยู่ก็ถูกบีบแรงขึ้น
“มึงยิงสกัดให้กูแล้ว ใครจะคอยดูมึง กูพูดตรงๆนะเว้ยกูไม่อยากให้มึงไปเสี่ยง”
“กูเองก็ไม่อยากให้มึงเสี่ยง มึงจะให้กูทำหน้าที่แค่ขับรถแบบนี้หรอ“ ร่างเล็กพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ เขาเข้าใจที่นาวินพูดหมดทุกอย่างแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกด้อยค่าตัวเอง
“แค่นี้มึงก็ช่วยกูได้มากพอแล้-“ ยังไม่ทันที่นาวินจะได้พูดจบก็มีเสียงเคาะกระจกจากด้านหลังเควินส่งสัญญาณมือว่าให้ลงจากรถและมองมาที่เขาเพื่อ้าจะสื่อว่าให้เขาอยู่ภายในรถเท่านั้น
“ระวังตัวด้วยนะ” เขาหันไปบอกกับเพื่อนแฝดพร้อมกับโบกมือให้กับเควินที่อยู่ด้านหลัง เมื่อนาวินเปิดประตูเดินออกจากรถและเดินออกจากตรงนี้ก็เหลือเพียงแค่เดือนอ้ายคนเดียวที่นั่งอยู่บนรถ ระหว่างนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อคุยกับโจ เขาได้พิมพ์บอกอีกคนไปว่าตอนนี้จะเคลียร์อาคารของลานจอดให้ก่อน
สักพักก็มีข้อความตอบกลับมาว่าเป็ที่เข้าใจแล้ว โจยังบอกกับเขาอีกว่าบนเครื่องบินมีบางอย่างที่ต้องจัดการเพราะงั้นห้ามออกมาจนกว่าจะเห็นว่าพี่อาทิตย์กับโจเดินออกมาจากเครื่อง นั่นจึงทำให้เขาคิดแล้วว่าอาจจะเป็ไปได้ที่พวกนั้นแฝงตัวเป็พนักงานบนเครื่อง
ปัง! ปัง! ปัง!
ระหว่างที่เขานั่งอยู่บนรถก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็ระยะ คาดว่าพวกเควินคงเจอกับพวกนั้นแล้ว สายตาส่องไปทั่วรอบรถก็พบว่าสถานการณ์ยังปกติ รถของเขาถูกจอดอยู่ชั้นล่างของอาคาร มันเป็พื้นที่ที่ไม่มีคนเข้าออกเท่าไหร่จึงง่ายต่อการซ่อนตัว
แต่ทว่าสายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างที่ติดอยู่รอบเสาชั้นล่าง ไฟสีแดงขึ้นกะพริบเป็ระยะๆ นั่นจึงทำให้ร่างเล็กเบิกตาขึ้นเพื่อมองให้ชัดเจนว่านั่นคือ ‘ะเิ’อย่างที่ตัวเขาคิดรึเปล่า ถ้าหากว่าลงไปตอนนี้คงไม่เป็ไร มือเรียวกดเปิดประตูก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ เท้าเล็กตรงดิ่งไปที่เสาต้นหนึ่งพร้อมกับพินิจเครื่องที่ติดตั้งทุกเสา
มันคือะเิจริงๆ
ะเิที่ไม่ใช่ะเิเวลาแต่เป็ะเิที่มีตัวสัญญาณ คนที่ถือรีโมทนั่นก็คงไม่พ้นหมอนั่นแน่ เมื่อคิดได้ก็รีบหยิบโทรศัพท์เพื่อแจ้งข่าวกับโจทันทีแต่กลับมีเสียงเท้าดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เดือนอ้ายไหวตัวทัน มือเล็กรีบคว้าปืนขึ้นมาจ่อไปที่คนแปลกหน้า
“ใจเย็นครับคุณเดือนอ้าย!”อีกคนรีบยกมือห้ามเมื่อเห็นร่างเล็กจ่อปืนมาที่ตัวเอง เขามองไปที่คนตรงหน้าด้วยสายตาสงสัย
“คุณคือใคร? ไม่ตอบ ผมจะยิง” ร่างเล็กขู่เสียงแข็งใส่อีกคน
“ผมเป็ลูกน้องคุณเควินครับ!”
“โกหก“ ยังไงคนคนนี้ก็ไม่ใช่ลูกน้องของเควินแน่นอนเพราะคนที่เป็ลูกน้องของเควินจะเรียกเควินว่านายน้อยเท่านั้น
“ฉันไม่ได้โกหกจริงๆนะครับ คุณเควินสั่งให้ผมรับตัวคุณขึ้นไปหลบที่ปลอดภัย”
“หรอ เอาสิ” เขาอาศัยจังหวะที่คุณเผลอตัวเดินเข้ามาอย่างไม่ระวังแล้วจึงกดยิงไปที่ตัวอีกคนทันที และร่างของอีกคนล้มลงตรงหน้าอย่างรวดเร็ว เดือนอ้ายลดปืนลงก่อนจะยกศพไปหลบที่มุม ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าตึกนี้มีะเิ
เมื่อแจ้งข่าวเสร็จก็เตรียมเดินกลับไปที่รถและก็หันไปเห็นบางอย่างที่ทำเอาใจของเดือนอ้ายสั่นกลัว ร่างของตะวันนอนอยู่กับพื้นทำให้ร่างเล็กรีบวิ่งไปทางนั้นทันทีพร้อมกับถลาตัวเข้าไปกอดเด็กน้อยแน่น “ตะวัน!”เสียงเล็กเรียกอีกคนอย่างสุดเสียงแต่เด็กน้อยก็ยังคงหลับอยู่ พวกมันลักพาตัวตะวันมาที่นี่ได้ยังไงกัน!
“ตะวันได้ยินมี๊ไหมลูก?! ตะวัน!”ไม่มีเสียงตอบรับมาจากเด็กน้อยแม้แต่นิดเดียวจนกระทั่งก็มีมือล็อคคอเดือนอ้ายเอาไว้แน่น
“แค่ก! ปล่อยนะ! แค่กๆ”ร่างเล็กดีดดิ้นสุดแรงก่อนจะคว้าปืนที่แนบไว้ด้านหลังยิงอัดะุใส่ลำตัวอีกคน เมื่อถูกปล่อยเป็อิสระก็รีบคว้าตะวันมาไว้ในอ้อมอกทันที สายตามองไปที่คนตรงหน้าอย่างเคืองโกรธ
“ทำไมแบบนี้ทำไม!”เดือนอ้ายตะคอกเสียงแข็งใส่คนที่กำลังยืนยิ้มกว้าง ธายืนมองคนที่กำลังดิ้นรนด้วยความสนุก
“ไม่สนุกหรอ ได้ฆ่าคนไปตั้งสองคนเลยนะ”
“ไม่สนุกและก็ไม่ตลก จับเด็กมาทำไมวะ!”
“ก็ถ้ากูไม่จับเด็กมา กูจะล่อมึงยังไงล่ะ มึงควรขอบคุณกูด้วยซ้ำที่ไม่ทำมากไปกว่านี้”สิ่งที่ธาพูดออกมาทำให้เดือนอ้ายกำหมัดแน่น
“เลว”เป็คำพูดที่ร่างเล็กพูดออกมาอย่างอดกลั้น ตะวันเป็แค่เด็กตัวเล็กๆ
“เก็บปากไว้สั่งเสียตอนตายจะดีกว่านะ”สิ้นเสียงคำพูด ร่างเล็กก็ถูกไม้ทุบที่ต้นคอให้สลบลงแบบไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะไม่รับรู้เื่ราวต่อจากนี้อีก
ในตอนนี้เครื่องบินหยุดนิ่งกับลานจอดแล้ว อาทิตย์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อแสร้งว่าตนกำลังจะลงจากเครื่อง เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเข้ามาประชิดตัวใกล้ขึ้น แขนแกร่งยกขึ้นคว้าคอคนด้านหลังมารัดเอาไว้จนอีกคนขาดอากาศหายใจและล้มตัวลงกับพื้น
“มีอีกกี่คน”อาทิตย์ถามโจพร้อมกับหยิบปืนออกมาถือเอาไว้ โจเองก็ไม่แน่ใจว่ามีกี่คนจึงย่องเท้าไปส่องดูด้านหน้าก่อนจะชูสามนิ้วออกมาให้พี่ชายเห็น อาทิตย์พยักหน้ารับก่อนจะส่งสัญญาณให้ใช้ปืนหลังจากนี้
ระหว่างที่โจหลบอยู่หลังม่านก็มีคนเดินเปิดม่านเข้ามาก่อนที่ะุปืนจะแล่นเข้าที่หน้าผากอีกคน อาทิตย์ยิงทีเดียวพร้อมกับกระหน่ำปืนใส่คนที่อยู่ด้านหน้า โจเองก็ใช้ปืนช่วยยิงอีกแรงจนไม่เหลือใครในเครื่องนอกจากอาทิตย์และโจ ขายาวของทั้งคู่รีบก้าวลงจากเครื่องบิน ั์ตาสีดำแข็งกร้าวขึ้นชั่ววูบเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ยืนรออยู่หน้า
“นึกว่าจะตายห่าบนเครื่องซะอีก”เสียงทุ้มแฝงไปด้วยความเกลียดแค้น อาทิตย์มองไปที่คนตรงหน้าที่ยืนรออยู่ก่อนพร้อมกับลูกน้องหกคน ธาคิดว่าอาทิตย์คงจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะมาอยู่ตรงนี้ และคงสั่งลูกน้องซุ่มอยู่ที่ไหนสักที่แต่แล้วยังไงล่ะ ธาไม่คิดจะกลัวอะไรอยู่แล้ว
“พอดีมีเหี้ยตัวหนึ่งยังเหลือ”ร่างสูงมองไปที่ธาด้วยสายตาคมพร้อมกับยกปืนขึ้นจ่ออีกคน
“ยิงสิ” ธาพูดต่อว่า “กูจะได้ยิงด้วย”
ธาเบี่ยงหน้าตัวเองไปทางด้านหลังด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเบี่ยงตัวออกให้เห็นว่าข้างหลังที่มีคนกำลังถูกจับตัวเข้ามาใกล้ๆ มือสองข้างของอาทิตย์กำหมัดแน่นทันทีที่เห็นว่าเดือนอ้ายกำลังถูกมัดมือสองข้าง และอีกคนก็ดูไม่มีสติ ร่างเล็กไม่รู้ตัวเลยว่ามีปืนจ่ออยู่ที่หัว ตอนนี้อาทิตย์เก็บอารมณ์โกรธของตัวเองทางสีหน้าไม่อยู่แล้ว
“ปล่อย”น้ำเสียงของอาทิตย์ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทำให้คนรอบข้างรู้สึกหวาดเสียวสันหลังวาบ
“ทำไมกูต้องปล่อย”ธาเป็คนเดียวที่ไม่มีท่าทีจะเกรงกลัวอาทิตย์แม้แต่นิดเดียว นั่นยิ่งทำให้ร่างสูงรู้สึกอยากจะฆ่าคนตรงหน้ามากกว่าเดิม โจที่ยืนอยู่ด้านหลังเห็นว่าท่าไม่ดีจึงพยายามจะให้พี่ชายตัวเองอย่าเพิ่งคลั่งจึงแตะไหล่เบาๆ อาทิตย์หันมาส่งสายตาว่าไม่ต้องเข้ามายุ่งในตอนนี้
“อ้ายไม่เกี่ยว มึงจะมาคุยกับกูไม่ใช่รึไง? ปล่อยอ้ายไปซะ”
“กูไม่ปล่อยให้โง่หรอก”ธาลอบยิ้มพร้อมกับยกปืนจ่อไปที่เดือนอ้าย “จนกว่าจะยกศิวาลัยให้กู”
อาทิตย์มองไปที่ใบหน้าสวยที่ตอนนี้ยังคงไม่ลืมตาขึ้นมาเลยสักนิด ร่างสูงไม่แน่ใจว่าธามันทำอะไรกับเดือนอ้ายไปบ้าง และการที่จะยกศิวาลัยให้อีกฝ่ายนั้น แน่นอนว่าไม่มีทางเป็ไปได้ กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ ศิวาลัยต้องเสียคนไปตั้งกี่คน ยังไงก็ไม่ทางที่จะยกให้ไปง่ายๆแน่นอนแต่ว่าต้องหาวิธีชิงเดือนอ้ายมาก่อน
“กูให้มึงมากพอแล้ว”
“ว่าไงนะ? เหอะ มึงบอกว่ามึงให้กูแต่กูไม่เห็นมึงจะให้อะไรเลยสักอย่าง”
“แล้วมึงฆ่าคนของกูไปกี่คน ไหนจะพวกคู่ค้าที่มึงชิงไปอีก เท่านั้นมันไม่พอรึไง”อาทิตย์แอบส่งสัญญาณมือด้านหลังให้โจเพื่อให้ชิงตัวเดือนอ้ายออกมา เมื่อโจเห็นก็เริ่มมองหามือสไนเปอร์้าตึก
“ไม่พอ กู้าศิวาลัยเพราะมันคือสิ่งที่กูคู่ควรมาั้แ่แรก”
“กูไม่รู้นะว่ามึงไปฟังอะไรมากจากครอบครัวมึง แต่ตอนนี้ศิวาลัยไม่เหมาะสมที่จะอยู่คนอย่างมึงเลยสักนิด”เมื่อธาได้ยินดังนั้นก็เริ่มสติแตก ความโมโหทำให้มือสองข้างกำแน่น
“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยวะ! ทุกอย่างมันเป็ตระกูลมึงไม่ใช่รึไงที่เอาแต่กดหัวพวกกู!”ดวงตาของธานั้นแดงก่ำไปด้วยความโกรธ “พวกมึงคือคนผิด!”
“มึงโทษทุกอย่าง แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย ทุกครั้งศิวาลัยต้องเป็คนแบกหน้ารับเวลาพวกมึงทำเื่เหี้ยๆเพราะแค่อยากได้ศิวาลัยแค่นี้น่ะหรอ?”
“เออ! กูอยากได้แล้วทำลายให้แหลกคามือกูนี่แหละ!”
“กูไม่ให้ทำแบบนั้นหรอก”สิ้นเสียงพูดของอาทิตย์เสียงปืนก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนที่จับเดือนอ้ายอยู่ล้มลงรวมถึงเหล่าลูกน้องทั้งหมดของธา ในจังหวะที่ธาเผลอตัวอาทิตย์ก็ยิงไปที่ขาแขนข้างของธาทันที โจรีบถลาตัวเข้าไปเดือนอ้ายไว้
“อั้ก!”ธาคุกเข่าลงกับพื้นเพราะทนความเจ็บที่าแไม่ไหว
“กูเตือนมึงกี่รอบแล้ว”ขายาวก้าวเข้าไปใกล้อีกคนก่อนจะจ่อปืนลงที่หัวอีกคนอย่างแนบชิด “ครั้งนี้คือครั้งสุดท้าย”
“อึก..มึงมันเลว!”
“กูไม่เคยเป็คนดี”ะุปืนนัดสุดท้ายถูกเป่าลงที่หัวของธาพร้อมกับอีกคนที่นอนแน่นิ่งไปในที่สุด สายตาเหลือบไปเห็นรีโมทบางอย่างที่อยู่ในเสื้ออีกคน มือหนาคว้ามันเอามาไว้ในมือ อาทิตย์รีบเดินไปอุ้มเดือนอ้ายไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าคมหันไปทางโจ “เก็บพวกมัน”
“พี่จะไปไหน?”
“จัดการที่เหลือ รวมถึงนี่ด้วย”รีโมทที่ร่างสูงถืออยู่ ตัวเองมั่นใจว่านี่คงจะเป็ะเิ แต่ที่น่าเป็ห่วงคือในตึกยังมีคนอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่ามีกี่คนกันแน่
ร่างเล็กที่นอนอยู่ในอ้อมแขนจู่ๆก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาพร่าเบลอพลางกะพริบตาปรับแสงก่อนจะมองเห็นใบหน้าอีกคนที่กำลังอุ้มเขาอยู่ เดือนอ้ายรู้สึกปวดที่ต้นคอ สาเหตุก็คงมาจากเมื่อตอนนั้นแน่แต่ทำไมพี่อาทิตย์ถึงมาอุ้มเขาได้ละเนี่ย?
“พี่อาทิตย์มาได้ยังไง”
“ตื่นั้แ่เมื่อไหร่?”อาทิตย์รีบก้มหน้ามาดูคนในอ้อมแขนที่มีสีหน้ามึนงง
“เมื่อกี้เลย..พี่ปล่อยอ้ายก็ได้ เดี๋ยวอ้ายเดินเอง”
“ไม่ต้อง พี่อุ้มได้”
“ไม่เอาอ่ะ ปล่อยเถอะ”เขากังวลว่าอีกคนจะปวดแขน อีกอย่างตอนนี้ก็รู้สึกเมื่อยขาด้วย
“อย่าดื้อนักได้ไหม พี่จะพาเราไปที่ปลอดภัยก่อน”เขายอมนิ่งตามที่อีกคนบอกก่อนที่จะนึกบางอย่างได้ “พี่อาทิตย์! ปล่อยอ้ายก่อน! ตะวันยังอยู่ชั้นล่าง!”
“ว่าไงนะ!”
“ตะวันอยู่ข้างล่าง! พวกมันจับตะวันมาด้วย อ้ายต้องลงไปข้างล่างเดี๋ยวนี้!”ร่างเล็กดิ้นจนตัวหลุดจากอีกคนแล้วรีบวิ่งลงไปด้านล่างทันที อาทิตย์เองก็รีบวิ่งตามลงไป ในใจก็คิดไม่ถึงว่าตะวันจะมาอยู่ที่นี่
ดวงใจของเดือนอ้ายกำลังสั่นเทาไปด้วยความกลัว ร่างน้อยของตะวันแอบอยู่ในซอกตึกชั้นล่างหลังจากที่ตัวเองสลบไป เด็กน้อยไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ว่าตอนนี้รูัสึกกลัวไปหมดทุกอย่าง คิดถึงหม่ามี๊ อยากกอดหม่ามี๊ “ฮึก..หม่ามี๊”