หลงเติ้งอวิ๋น ไห่ปี้เถา สุ่ยอวิ๋นเหยา และคนอื่นๆ เกือบจะอาเจียนออกมาหลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่เมื่อมองดูสมบัติของหลัวเลี่ยก็ทำให้พวกเขาใจแข็งที่จะไม่ห้ามปรามเขา
หลัวเลี่ยบนสังเวียนับรรพชนกำลังก้าวหน้า
เขาต้องทะลวงมันอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถหยุดได้ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเสียสติไปได้ง่ายๆ
ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังคงรับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอก แม้ว่าเขาจะขยับตัวไม่ได้ และทำได้เพียงปล่อยให้แสงสีขาวโจมตีเขา แต่เขาก็ได้ยินการสนทนาระหว่างหลงไป๋จางกับชายลึกลับเขาโกรธจนแทบจะเสียสติ
“เ้าเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วเ้ายอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อประโยชน์ส่วนตนทั้งนั้น ยังจะกล้าเอาเผ่าัมาอ้างอีกหรือ”
“เ้าคิดว่าการผงาดขึ้นของเผ่าัจะต้องอาศัยเ้าเพียงผู้เดียวเช่นนั้นหรือ”
“เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้เ้าทำเพื่อตัวเอง ทำไมถึงบอกว่าทำเพื่อเผ่าั”
คนอื่นๆ ที่เห็นการกระทำของหลงไป๋จางก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิ
ธรรมชาติของมนุษย์จริงๆ แล้วจะปรากฏใน่เวลาพิเศษเท่านั้น
ยิ่งได้ยินคำพูดเช่นนี้ หลัวเลี่ยก็โกรธมาก แต่หากเขาหยุดกลางคันและไม่สามารถบรรลุความก้าวหน้านี้ได้ ตัวเขาก็จะตกอยู่ในอันตรายเช่นกัน
เขากัดฟันและบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์
ไม่ว่าการฝึกฝนของเขาจะก้าวหน้าเร็วแค่ไหน แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานพอสมควร
การโจมตีจากแสงสีขาวยังคงโจมตีไม่หยุดหย่อน
มีเสียงแหวกอากาศและแสงเย็นเฉียบผ่านไป ทำให้ลมหนาวฉีกเสื้อผ้าของเขาจนขาด
ความต้านทานของร่างกายเขาผิดปกติอย่างมาก แต่การรับรู้ของเขาก็เฉียบแหลมเช่นกัน เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าแสงสีขาวมากกว่าสิบลำนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงผมเส้นเดียว จึงไม่สามารถเจาะทะลุเขาได้
“ทะลวง!”
“ข้าอยากทะลวงผ่าน!”
หลัวเลี่ยกังวลมาก
หากล่าช้าไปกว่านี้เขาอาจจะเสียสติ
ถ้าไม่ขัดขืนจะถูกแสงนั้นสังหารได้
เขาเข้าสู่สถานการณ์ที่อันตรายมาก ซึ่งยิ่งทำให้เขาต้องฝ่าฟันอย่างบ้าคลั่งไปอีก
แสงสีขาวที่ลอยลงมาจากท้องฟ้าก็มาถึงไหล่ขวาของหลัวเลี่ยเหมือนกับคมมีดอันแหลมคม
เขาััได้ชัดเจน และรู้ว่าเขาสามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย แต่เขาไม่สามารถขยับได้ และทำได้เพียงปล่อยให้มันโจมตีไป คงจินตนาการได้ว่าตอนนี้หลัวเลี่ยรู้สึกหงุดหงิดแค่ไหน
แสงสีขาวผสมกับิญญาของัที่แท้จริง และยังคงเกี่ยวข้องกับิญญาของับรรพชน มันคมมาก ข้ามการต้านทานของร่างกายที่แข็งแกร่งมากของหลัวเลี่ยโดยสิ้นเชิง มันเจาะโดยตรงจากไหล่ขวาของเขาและแทงลึกลงไป ความเ็ปทำให้เขาแทบจะเสียสติ
หลัวเลี่ยอดทนและรักษาสถานะการทะลวงขอบเขตให้มั่นคง
แสงสีขาวอีกลำแทงเข้ามาทะลุต้นขาซ้ายของเขา
เจ็บ!
อันตรายมาก!
ลมปราณที่กำลังพลุ่งพล่านในร่างกายของหลัวเลี่ยเกือบจะถูกทำลายด้วยสิ่งนี้
ในเวลานี้เสวี่ยปิงหนิงและอาชาเดือนดารัญหมดสติไปโดยสิ้นเชิง เห็นได้ชัดว่าแสงัยังคงปิดกั้นความสามารถในการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก
แสงสีขาวอันท่วมท้นดูเหมือนจะไม่เคยหยุดนิ่ง และโปรยลงมาอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากแสงัผู้พิทักษ์เคลื่อนที่ไปในอากาศ มันจึงโจมตีไปในทิศทางที่ต่างกัน
เป็ความจริงเช่นกันที่ว่าความไม่แน่นอนของแสงสีขาว หมายความว่ามันสามารถโจมตีส่วนอื่นๆ ของหลัวเลี่ยได้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกับหลังจากที่กระจายออกไปข้างนอกสามครั้ง เมื่อมันเข้ามาใกล้หลัวเลี่ยเป็ครั้งที่สี่ มีแสงสีขาวสองลำอยู่ตรงนั้น ลำหนึ่งอยู่ที่หัวของหลัวเลี่ย และอีกลำอยู่ที่หน้าท้อง
หากเขาโดนการโจมตีสองครั้งนี้หลัวเลี่ยก็จะตาย
มันเรืองแสง แทงทะลุความว่างเปล่า ด้วยความคมที่เยือกเย็นราวกับเคียวแห่งความตายที่กำลังเข้ามาอย่างกะทันหัน
แสงที่เจาะทะลุเกือบจะแตะศีรษะและหน้าท้องของหลัวเลี่ย และร่างกายของหลัวเลี่ยก็สั่นอย่างรุนแรงในขณะที่เขาทะลวงอย่างบ้าคลั่ง
เขาทะลวงผ่านแล้ว
ขั้นปลายของระดับหยินและหยาง!
ความก้าวหน้าไม่มั่นคงในตอนแรก แต่หลัวเลี่ยไม่สนใจมัน เขาเอียงศีรษะไปทางซ้าย และแสงสีขาวก็ผ่านไป ทิ้งรอยเืไว้ที่แก้มขวาของเขา
มือที่อยู่บนขาประสานกัน
ตูม!
แสงสีขาวที่โจมตีช่องท้องแตกกระจาย
หลัวเลี่ยเหลือบมองแสงสีขาวที่ตกลงมา เมื่อมันผ่านไปเขาแน่ใจว่าไม่มีเข้ามาใกล้อีกแล้ว เขายังคงฝึกฝนและทำให้ระดับของเขามั่นคงขึ้นกว่าเดิม
หลังจากผ่านคลื่นนี้ แสงสีขาวที่กระจัดกระจายก็เคลื่อนไปในทิศทางอื่น
เมื่อมันกลับมาอีกครั้ง หลัวเลี่ยก้าวข้ามครึ่งก้าว หลีกเลี่ยงแสงสีขาวทั้งหมด และฝึกฝนต่อไป
ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป และระดับของหลัวเลี่ยก็ถูกรวมเข้าด้วยกัน
เหตุผลที่การหลอมรวมเร็วขึ้น ก็เพราะแสงสีขาวะเิเมื่อมันกระทบพื้น ก่อให้เกิดพลังงานับริสุทธิ์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฝึกฝนของหลัวเลี่ย ดังนั้นเขาจึงเสร็จสิ้นการรวมระดับของเขาอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ แสงสีขาวอันท่วมท้นลงมาอีกครั้ง
หลัวเลี่ยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เขาคว้าด้ามกระบี่ราชันด้วยมือขวาและชักมันออกมา
แสงกระบี่ลอยผ่านไป ทันใดนั้นก็มีแสงอันเยือกเย็นปรากฏขึ้น
แสงสีขาวทั้งหมดที่ออกมาจากความว่างเปล่าถูกสับเป็ชิ้นๆ
เขาก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับกระบี่ราชัน
กระบี่เล่มนี้เป็อาวุธราชันอันดับต้นๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังได้รับการชำระล้างโดยต้นั และมีความสามารถในการยับยั้งแสงัผู้พิทักษ์
เขาตัดครึ่งแสงัผู้พิทักษ์ในดาบเดียว แล้วก้าวออกไปจากสังเวียนับรรพชน
สายตาอันเฉียบคมและเ็าของเขากวาดไปทั่วบริเวณรอบนอก แล้วหยุดอยู่ที่หลงไป๋จาง
หลงไป๋จางยืนนิ่งด้วยความอับอาย
“หลัวเลี่ยมอบสมบัติมาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า”
สุ่ยอวิ๋นเหยา สาวงามจากตระกูลไห่กังวลกับสมบัติในมือของหลัวเลี่ย นางจึงรีบวิ่งมาข้างหน้าแล้วะโเสียงดัง
“ไปให้พ้น”
หลัวเลี่ยผู้โกรธจัดใช้มือของเขาผลักนางออกไป
เขาไม่มีทักษะการป้องกันตัว และไม่ได้ใช้วรยุทธ์ใดๆ เป็เพียงการะเิลมปราณอันทรงพลังควบคู่ไปกับกระบี่ราชันที่น่าสะพรึงกลัว แม้ไม่ได้ออกแรงมากนัก แต่ผลลัพธ์นั้นรุนแรงเกินความคาดหมาย
“ช่างกล้าจริงๆ! เ้ากล้าโจมตีข้าหรือ”
สุ่ยอวิ๋นเหยาโกรธจัด นางจึงดึงกระบี่ออกมาและขวางทางเขาไว้
เคร้ง
กระบี่อันทรงพลังของนางกระทบกับคมกระบี่ของหลัวเลี่ย แต่ความเร็วของนางยังเป็รองหลัวเลี่ย ทำให้คมกระบี่ของเขาทะลุมาโดนเสื้อผ้าของนาง จนเกือบทำให้นางต้องเปลือยเปล่า อย่างไรก็ตาม การโจมตีครั้งนี้ทำให้นางยิ่งทวีความโกรธเกรี้ยวขึ้นกว่าเดิม นางลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศและเริ่มใช้เพลงกระบี่เข้าโจมตี
“เ้ากล้าดียังไง…” ไห่ปี้เถาะเิคลื่นน้ำไปทั่วท้องฟ้า และเสียงคลื่นยังคงดังต่อไป
หลัวเลี่ยใช้กระบี่ผลักสุ่ยอวิ๋นเหยาไปทางไห่ปี้เถา
มือซ้ายบีบผนึกหลุนิ
มือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทำลายคลื่นใต้น้ำ ส่งผลให้ไห่ปี้เถาลอยลงไปกลางทะเล
“เ้าก็หลีกไป!”
หลัวเลี่ยตบหลงเติ้งอวิ๋นด้วยหลังมือของเขา
คราวนี้หลงเติ้งอวิ๋นเตรียมพร้อมและปล่อยหมัดออกไปทันที
เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างก็รวบรวมพลังจนถึงขีดสุดได้ แรงปะทะนั้นก็ปั่นป่วนไปในทุกทิศทาง ทำให้น้ำทะเลสาดกระเซ็นขึ้นมาถึงฝั่ง
หลงเติ้งอวิ๋นถูกกระแทกกลับไปเจ็ดหรือแปดจั้ง ก่อนที่เขาจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ กระบี่ราชันของหลัวเลี่ยก็กระแทกให้เขาถอยหลังกลับไปราวสองร้อยจั้ง
หลัวเลี่ยสามารถล้มอัจฉริยะรุ่นเดียวกันอันดับต้นๆ ของโลกราวสี่คนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ในขณะที่ไหล่ขวาและขาข้างซ้ายของเขาได้รับาเ็และยังคงมีเืไหลออกมา
เขากำลังโกรธจัด
“หลงไป๋จางถึงตาเ้าแล้ว” ดวงตาของหลัวเลี่ยเต็มไปด้วยไอสังหาร
หลงไป๋จางกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าทำลายสัญญาของข้าก็เพราะเห็นแก่เผ่าั ข้ายินดีที่จะแบกรับความอับอายนี้ แต่สำหรับการผงาดขึ้นของเผ่าัอย่างไร ข้าก็ต้องมีส่วนในการช่วยเหลือ”
“โอ้ ให้ตายสิ ข้าเพิ่งเคยพบเจุ์ที่น่ารังเกียจ เห็นแก่ตัว และไร้ยางอายเช่นนี้ หาสารพัดข้ออ้างเพื่อยกตนเองให้สูงส่ง ช่างน่าขยะแขยง ไปลงนรกเสีย” เขาเหวี่ยงกระบี่อย่างรุนแรงหมายจะเอาชีวิตหลงไป๋จาง