ระหว่างทางที่มู่อวิ๋นจิ่นเดินกลับเรือนลี่เฉวียน ในใจเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เดินไปด่าฉินมู่หนานไป
“คนตระกูลฉิน ช่างหน้าไม่อายกันทั้งนั้น!” มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันด่าทอ
จื่อเซียงที่ยืนอยู่ด้านข้างฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จึงเอ่ยถามด้วยความห่วงใย “คุณหนู การกระทำของแม่ทัพฉินเมื่อครู่นี้ องค์ชายหกจะสงสัยในตัวพวกเราหรือไม่เ้าคะ?”
“ทำทุกอย่างเปิดเผยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น” มู่อวิ๋นจิ่นตอบกลับอย่างรวดเร็ว
พอกลับถึงห้องแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นให้จื่อเซียงกลับไปพักผ่อนได้ ส่วนนางทิ้งตัวลงบนเตียง มองบรรยากาศภายนอกรอดหน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่ลี่ได้ปรากฏตัวที่เรือนลี่เฉวียน
มู่อวิ๋นจิ่นสังเกตเห็นสีหน้าของเขา ราบเรียบ ไม่มีความผิดปกติใดๆ ในใจที่เป็กังวลจึงวางลงได้ คนอย่างเขาเจอเื่ใดก็ไม่สนใจทั้งนั้นแหละ!
จนกระทั่งฉู่ลี่เหล่มองเข้ามาภาายในห้อง มู่อวิ๋นจิ่นรีบลุกขึ้นไปปิดหน้าต่างแล้วพิงทันที ก่อนถอนหายใจอย่างหวุดหวิด
จากนั้นไม่รู้ว่านางนั่งจิตใจก็ร้อนรุ่มบนเตียงนานเพียงใด ในที่สุดก็เดินไปเปิดประตูห้องออก ไปสูดอากาศภายนอก
ในขณะเดียวกัน ห้องที่อยู่เยื้องได้เปิดแง้มขึ้น
สัญชาตญาณของมู่อวิ๋นจิ่นรีบหลบในทันใด แต่ว่าคนในห้องเยื้องเข้ามาประชิดข้างกายแล้ว
“มู่อวิ๋นจิ่น” ฉู่ลี่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
มู่อวิ๋นจิ่นรีบยิ้มแห้ง “มีอะไร?”
“เ้าลองดูสิ่งนี้สิ” ฉู่ลี่แบมือเห็นกระดาษที่เขียนอักษรถูกขยำยับยู่ยี่
มู่อวิ๋นจิ่นยื่นมือไปรับมาค่อยๆ คลี่ออกเพื่อมองเนื้อความข้างใน ถึงกับเบิกตาโพลง
“สมควรตายนัก ฉินมู่หนานบังอาจหลอกข้า!!!” มู่อวิ๋นจิ่นฉีกกระดาษในมือเป็ชิ้นเล็กลิ้นน้อย
เนื้อความในกระดาษเกือบทำให้มู่อวิ๋นจิ่นกระอักเืพุ่งออกมา ด้วยตัวอักษรไม่เพียงเขียนน่าเกลียด ยังเต็มไปด้วยความคลุมเครืออย่างยิ่ง…… “อีกสองวันจะเป็เทศกาลชีซี[1] อวิ๋นจิ่นเย็บถุงหอมเรียบร้อยแล้ว เจอกันที่ประตูหลังจวนอัครเสนาบดีมู่ ขอให้พี่มู่หนานมารับด้วย”
ฉู่ลี่หัวเราะให้กับการฉีกกระดาษของมู่อวิ๋นจิ่น “เปิ่นหวงจื่อดูไม่ออกมาก่อนเลย ว่าเ้ามีความสามารถที่จะเย็บถุงหอมเป็ด้วย”
“ข้า……” มู่อวิ๋นจิ่นไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ที่สำคัญนางมิอาจบอกฉู่ลี่ว่าเ้าของร่างเดิมของมู่อวิ๋นจิ่นได้ตายจากไปแล้ว ส่วนิญญาในร่างของนาง ข้ามเวลามาจากอนาคต
แผนการของฉินมู่หนานในครั้งนี้ ช่างยอดเยี่ยมและเ้าเล่ห์สมกับเป็แม่ทัพ
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้หินกลางลาน แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณที่คิดแก้ไขปัญหาออก นางจึงเงยหน้ามองฉู่ลี่
“อันที่จริง มีเื่บางเื่ ที่ข้าปิดบังเ้ามาโดยตลอด”
ฉู่ลี่ปรายตามอง เพื่อรอฟังสิ่งที่นางจะพูดต่อ
“ข้าสูญเสียความทรงจำเื่ราวเมื่อก่อนไป……” มู่อวิ๋นจิ่นก้มหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่
ฉู่ลี่เกิดความแปลกใจขึ้นเล็กน้อย ผ่านสายตาของเขา
“สำหรับเื่เมื่อก่อนที่ผู้คนต่างพูดว่าข้าเป็คนไม่ได้เื่ ข้าก็จำไม่ได้เลย”
“เื่ของฉินมู่หนาน ข้ายิ่งไม่รู้จักเขามาก่อนเช่นกัน”
มู่อวิ๋นจิ่นเล่าจบลง ลมยามค่ำคืนพัดโชย จนรอบข้างเงียบสงัดไปทั่ว
เมื่อเห็นฉู่ลี่ไม่เอ่ยคำใด มู่อวิ๋นจิ่นขบฟันครุ่นคิด ไม่รู้ว่าเล่าแบบนี้จะหลอกฉู่ลี่หรือเปล่า?
ฉู่ลี่เปลี่ยนมาชายตาดังเดิม พิจารณาคำพูดของนางเมื่อครู่ ดังนั้นนิสัยของนางจึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ?
สูญเสียความทรงจำ ที่แท้นางก็เสียความทรงจำ มิอาจจำเื่ราวในอดีตได้นี่เอง!
“หากวันใดความทรงจำเ้ากลับคืนมา เ้าจะไปกับฉินมู่หนานไหม?” ฉู่ลี่นึกถึงข้อตกลงระหว่างเขากับมู่อวิ๋นจิ่นที่เป็สามีภรรยากันแค่ในนามเฉยๆ
มู่อวิ๋นจิ่นกลับชะงักชั่วขณะ ไม่รู้ว่านางหลงตัวเองหรืออะไร ทำไมคำพูดของฉู่ลี่แฝงความรู้สึกหึงหวงลงไปด้วยเล่า
คิดไปคิดมา นางคงคิดมากไปเอง!
“เื่นั้นข้าไม่รู้เหมือนกัน” มู่อวิ๋นจิ่นยักคิ้วหลิ่วตา ลอยหน้าลอยตา ในใจคิดว่าฉู่ลี่กับนางเป็เพียงสามีภรรยาเพียงในนาม ไม่จำเป็ที่จะต้องบอกเขาทุกอย่างกระมัง
หลังจากที่ตอบกลับไปแล้ว ฉู่ลี่ก้มหน้าขบฟันเหมือนจะโกรธ รีบหันหลังเดินกลับเข้าห้องไป
“ปั้ง” เสียงประตูปิดดังะเืเลื่อนลั่นไปทั่ว
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความงุนงง ทว่ายังนั่งลงอยู่อย่างเดิม ด้วยความรู้สึกเคว้งคว้าง
……
เช้าวันถัดมา มู่อวิ๋นจิ่นตื่นขึ้นั้แ่ตะวันยังไม่โผล่ขึ้นขอบฟ้า นางรอบไปรอบห้องทุกอย่างยังเงียบสงบ
ไม่นานนัก เสียงประตูของห้องที่อยู่เยื้องกันถูกเปิดออก
มู่อวิ๋นจิ่นรีบกระโจนลงจากเตือน โดยไม่สนใจสวมรองเท้า รีบวิ่งไปเปิดประตูออก
ฉู่ลี่ที่สวมอาภรณ์อย่างเรียบร้อย เดินหน้าเคร่งเครียดออกจากเรือนลี่เฉวียนไป โดยไม่หันมาชายตาห้องมู่อวิ๋นจิ่นแม้แต่น้อย
มู่อวิ๋นจิ่นค่อยๆ ปิดประตูด้วยความเศร้าสร้อย ก้มหน้าพึมพำ “หรือว่าเื่สูญเสียความทรงจำ ทำให้เขาโกรธเป็จริงเป็จัง?”
“ก๊อกๆๆๆ” ด้านนอกมีคนเคาะประตูของนาง
มู่อวิ๋นจิ่นรีบฉีกยิ้มในทันที ยกมือเปิดประตูด้วยความดีใจ พอเห็นหน้าคนมาเคาะแล้ว ก็รีบหุบยิ้มลงทันใด
“คุณหนู มีเื่ใดเกิดขึ้น ทำไมดูสีหน้าไม่มีความสุขเลยเ้าคะ?” จื่อเซียงถามด้วยความสงสัยที่เห็นท่าทางของนาง
มู่อวิ๋นจิ่นส่ายหน้า ผายมือปฏิเสธ ก่อนเดินไปล้มตัวลงบนเตียง
“คุณหนูยังไม่ตื่นอีกหรือเ้าคะ?” จื่อเซียงถามอย่างระวัง
“วันนี้ถ้าไม่อยากขยับตัวไปไหนทั้งนั้น!” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยอย่างี้เี และยังไม่ลืมที่จะถามขึ้นว่า “ฉู่ลี่ไปไหนแล้ว?”
จื่อเซียงได้ฟังก็รีบยิ้มมุมปาก “เมื่อครู่องค์ชายเดินไปที่ห้องโถง บอกว่าจะออกนอกเมืองไปสองสามวันค่อยกลับเ้าค่ะ”
“ออกไปนอกเมือง……” มู่อวิ๋นจิ่นถอนหายใจ อยู๋ๆ ใบหน้าของฉินมู่หนานปรากฏขึ้นในหัว คงไม่ใช่ว่าฉู่ลี่จะไปหาฉินมู่หนานกระมัง
“คุณหนู คุณหนูเป็อะไรไปเ้าคะ? คุณหนูไปทำให้องค์ชายหกโกรธเคืองเข้าหรือเ้าคะ? เมื่อครู่บ่าวแอบสังเกตเห็น สีหน้าองค์ชายหงุดหงิดไปหมดเ้าค่ะ” จื่อเซียงเล่า
มู่อวิ๋นจิ่นเบือนปากทันใด “ข้าไปทำให้เขาโกรธเคืองที่ไหน คนอย่างเขาผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่ได้”
หลังจากที่นางเล่าจบ เสียงประตูดังเอี๊ยดอ๊าดขึ้น ต่อด้วยเสียงหัวเราะกดต่ำ
มู่อวิ๋นจิ่นสอดสายตาไปข้างนอก เห็นฉู่ลี่ยืนหน้านิ่งอยู่ข้างประตู ส่วนติงเซี่ยนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา กลั้นหัวเราะสุดกำลัง จนร่างกายสั่นสะเทิ้มไปหมด
หรือว่าที่นางด่าทอว่าฉู่ลี่ผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่ได้ ฉู่ลี่จะได้ยินหมดแล้ว?
“เ้ามิใช่ว่าจะออกนอกเมืองเหรอ? ทำไมกลับมาแล้ว?” มู่อวิ๋นจิ่นถามอย่างโมโห
ฉู่ลี่พยายามควบคุมอารมณ์ขัดเคืองไว้ภายใน โดยเลือกเอ่ยอย่างเ็าแทน “เพิ่งไปเปลี่ยนชุดมาใหม่”
จากนั้นประตูห้องของมู่อวิ๋นจิ่นถูกปิดดัง “ปั้ง” เช่นกัน
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือเกาหัว ลุกขึ้นไปเปิดประตูชุดหมายหยิบชุดกระโปรงขาวลายเรียบ ทว่าหางตากลับเหลือบเห็นชุดกระโปรงสีชมพูขลิบทอง จึงคว้าเข้ามาสวม
จื่อเซียงอ้าปากตาค้างเหมือนกับเห็นผี เพราะั้แ่ที่ชุดนี้ถูกแขวนในตู้ ไม่เคยเห็นคุณหนูหยิบมาเลยสักครั้ง แต่ชุดกระโปรงขาวลายเรียบ นางสวมมาหลายรอบแล้ว
หลังจากที่เปลี่ยนเป็ชุดกระโปรงสีชมพูเรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นให้จื่อเซียงเกล้าผมให้ โดยใช้ปิ่นสองชิ้นเสียบ
รอจนกระทั่งมู่อวิ๋นจิ่นแต่งตัวเป็ที่เรียบร้อย พอเปิดประตูห้องกลับเห็นฉู่ลี่รอจนหงุดหงิดแล้ว พอเห็นชุดประโปรงสีชมพูเท่านั้น ฉู่ลี่ถึงกับขมวดคิ้ว
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปทางฉู่ลี่ “เ้าเรียกข้ามีธุระเื่ใด?”
“ฉินไท่เฟยใกล้จะสิ้นใจแล้ว รีบเข้าไปเยี่ยมในวังเร็วเข้า”
“วันนี้เ้าแต่งตัวจัดจ้านราวกับเป็นกยูงหลากสีไปทำไมกัน?”
……
มู่อวิ๋นจิ่นรีบปิดประตูถอดชุดกระโปรงสีชมพูออก เปลี่ยนเป็ชุดกระโปรงขาวตามที่ปกติใส่
ฉินไท่เฟยใกล้มอดม้วยมรณาแล้วอย่างนั้นหรือ?
ก็ไม่น่าแปลก ฉินมู่เยว่ใช้กู่ฉง[2]ให้กัดกินร่างกายของฉินไท่เฟย เห็นทีอีกไม่นานคงสิ้นใจแล้ว
ระหว่างที่นั่งรถม้าเข้าวัง มู่อวิ๋นจิ่นดูเหมือนนิ่งสงบ ไม่แตกตื่นใ ร้อนใจ เสียใจกับข่าวร้ายเช่นนี้
ตลอดทางั้แ่ที่ออกจวนมา ฉู่ลี่ไม่ปริปากพูดกับนางสักประโยคเดียว
มู่อวิ๋นจิ่นแน่ชัดยิ่งยวด ฉู่ลี่ต้องโกรธเคืองนางเป็แน่แท้ แต่ไม่รู้ว่าระดับความโกรธของเขาอยู่ในระดับไหน
เมื่อรถม้าเดินทางมาถึงหน้าประตูวังหลวง มู่อวิ๋นจิ่นกับฉู่ลี่เดินลงจากรถม้า บังเอิญพบเข้ากับรถม้าจวนหรง หยุดลงในเวลาเดียวกัน
พระชายาหรงก้าวเดินลงมาจากบนรถม้าจวนหรง
มู่อวิ๋นจิ่นกับพระชายาหรงสบตากันโดยบังเอิญ จากนั้นต่างมองค้อนกันและกัน ก่อนสะบัดไปคนละทิศละทาง ไร้ซึ่งคำทักทายปราศรัย ต่างคนต่างเดินเข้าวังหลวง
ตลอดทาง มู่อวิ๋นจิ่นก้าวย่างด้วยความไม่รีบไม่ร้อน ส่วนพระชายาหรงรีบสาวเท้านำหน้าไป พอมู่อวิ๋นจิ่นได้เห็นข้างหลังพระชายาหรง นางแทบอยากจะหากริชมากระซวกนางเหลือทน
ฉินไท่เฟยเวลานีกำลังพักผ่อนอยู่ในตำหนัก โดยมีคนล้อมหน้าล้อมหลังมิน้อย
แม่นมชวียืนร้องห่มร้องไห้อยู่หน้าประตู พอเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเข้าเท่านั้น เสียงร้องไห้ยิ่งดังสนั่นขึ้น “พระชายาหก สองวันมานี้ ฉินไท่เฟยเริ่มไอเป็เืแล้ว เห็นแก่ฉินไท่เฟยที่คอยเอ็นดูพระชายาหกมาตลอด เข้าไปพูดคุยกับฉินไท่เฟยหน่อยเถอะเ้าค่ะ”
ประโยคนี้ของแม่นมชวี ทำให้สายตาของคนในตำหนักหันมาจับจ้องเป็สายตาเดียวกัน
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปที่เตียงเห็นพระชายาหรง ฉินมู่หนาน ฉู่ชองเฉียงและไทเฮาเจิ้ง อยู่รอบกายล้อมหน้าล้อมหลัง
คนพวกนี้ต่างคาดหวังให้ฉินไท่เฟยตายๆ ให้เร็วที่สุด
“อวิ๋นจิ่นมาแล้วเหรอ พวกเราช่วยแบ่งที่ให้นางหน่อย ่นี้เซียงเสียนเอ็นดูมู่อวิ๋นจิ่นยิ่งกว่าใคร ให้นางมาบอกลาเซียงเสียนก่อนเถอะ” ไทเฮาเจิ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงได้ใจและมิอาจปิดความดีใจได้
มู่อวิ๋นจิ่นค่อยๆ เดินเข้ามาที่เตียงอย่างเชื่องช้า พบว่าฉินไท่เฟยซูบผอมกว่าวันนั้นอย่างมาก ในตอนนี้สายตาของนางจ้องมาที่มู่อวิ๋นจิ่น ริมฝีปากเหมือนพึมพำบางอย่างอยู่
ฉู่ลี่เห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าได้แต่นิ่งเงียบ
“จิ่นเอ๋อร์ ขยับเข้ามาใกล้อายเจีบหน่อย……” ฉินไท่เฟยใช้พลังอย่างมากกว่าจะพูดขึ้นได้
มู่อวิ๋นจิ่นรีบก้มหน้าเข้าไปใกล้ฉินไท่เฟย
ฉินไท่เฟยขมุบขมิบอย่างอ่อนแรง ด้วยเสียงที่ให้ได้ยินเพียงสองคน “อายเจีย… อยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ต่อให้อายเจียตายไปแล้ว… จะไม่ปล่อยให้เ้าอยู่เป็สุข”
“วัดสุ่ยอวิ๋น… ใต้ต้นถาว[3]… จำไว้… อย่าลืมไปดู!”
มู่อวิ๋นจิ่นได้ฟังทุกประโยคอย่างชัดเจน ก็ยืดตัวตั้งตรงขึ้น ยิ้มมุมปากเย้ยหยันนาง
“ฉินไท่เฟยวางใจได้ อวิ๋นจิ่นกับองค์ชายหกจะต้องอยู่เป็สุข!” มู่อวิ๋นจิ่นตั้งใจเพิ่มเสียงให้ทุกคนในตำหนักได้ยินจนทั่ว
ฉินไท่เฟยไอออกมาหลายที ก่อนชายตาไปมองฉู่ลี่เผยรอยยิ้มให้
“พี่สะใภ้อวิ๋นจิ่น ไท่เฟยกระซิบว่าอะไรเหรอ? บอกให้พวกเราฟังหน่อยได้ไหม?” ฉินมู่เยว่ส่งสายตาเพทุบายมา
[1] เทศกาลชีซี เป็วันแห่งความรักของจีน เทียบเท่าเทศกาลวันวาเลนไทน์ของสากล
[2] กู่ฉง เป็ สัตว์พิษที่ผ่านพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ โดยนำแมลง สัตว์เลื้อยคลานต่างๆ ใส่ภาชนะแล้วปล่อยให้กัดกินกันเอง โดยตัวที่เหลือรอดมาได้ นับว่ามีพิษร้ายแรงที่สุด ซึ่งจะนำมาใช้วางพิษสังหารคนหรือใช้ถอนพิษก็ได้
[3] ต้นถาว คือ ต้นพีช