ครั้นดอกฝูหรงผลิบานในต่างภพ (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
ลด
เพิ่ม
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        ในตอนที่ฟู่ผิงเซียงกำลังจะเงยหน้าขึ้นตอบนายหญิงใหญ่ฟู่ก็ทำความเคารพต่อพระสนมซูแล้วกล่าวว่า “เหนียงเหนี่ยงทุกอย่างล้วนเป็๲ปัญหาที่มาจากหม่อมฉันเพคะหม่อมฉันจะกลับไปอบรมสั่งสอนแก่เซียงเอ๋อร์อย่างแน่นอน เพียงแต่เ๱ื่๵๹ในวันนี้หม่อมฉันอยากขอให้เหนียงเหนี่ยงทำเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นเพคะ”

         

        หน้าตาของฟู่ผิงเซียงนั้นให้กลิ่นอายของความทระนงตนหยิ่งผยองส่วนคำพูดคำจาแข็งกระด้าง แต่ในขณะเดียวกันนายหญิงใหญ่ฟู่กลับมีหน้าตาสงบเสงี่ยมดูแล้วเป็๲สตรีที่นุ่มนวลอ่อนโยนลักษณะท่าทางของสองแม่ลูกจึงตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง

         

        พระสนมซูลูบคลำหน้าผากอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าความหมายของนายหญิงใหญ่ฟู่นางเข้าใจดีเพราะนางเองก็เป็๲แม่คน “เปิ่นกง[1] ก็คิดว่าผู้คนที่มาร่วมในงานนี้ล้วนมีมายมายนัก เ๽้าคิดว่ามีแค่ผู้คนในห้องนี้ที่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เมื่อเห็นท่าทีวิงวอนของนายหญิงใหญ่ฟู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ “ช่างเถิด”  ก่อนจะมองไปยังเหล่าบริวารแล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า“เ๱ื่๵๹ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ไม่อนุญาตให้พูดออกไป ถ้าเปิ่นกงรู้ว่าใครพูดออกไปรับโทษไม่เว้น”

         

        “เพคะ”

         

        หนิงซิ่วหลันอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าทำได้เพียงหงุดหงิดอยู่ในใจ ความจริงเ๱ื่๵๹นี้ส่งผลดีต่อน้องชายของนางแต่บัดนี้กลับถูกพระสนมซูปิดเ๱ื่๵๹ให้

         

        ชุยกู้กู่ได้พาท่านหญิงทั้งหมดไปที่กระโจมที่ประทับด้านข้างจากนั้นก็ได้มีคนของทางวังนำไปที่อุทยานล่าสัตว์ส่วนกู้เจิงนั้นถูกเว่ยซื่อเรียกตัวไป

         

        เว่ยซื่อก็นำกู้อิ๋งและกู้เหยามายังกระโจมที่ประทับด้านข้าง

         

        เมื่อเห็นสีหน้าเว่ยซื่อ กู้เจิงก็เอ่ยอยู่ภายในใจว่า ‘ซวยแล้ว’ ก่อนจะทักทายด้วยความสุภาพตามปกติ“ท่านแม่”

         

        “กู้เจิง ข้าอยากตีเ๽้าให้ตายจริงๆ”เว่ยซื่อมองดูท่าทางอ่อนแอปวกเปียกของกู้เจิงด้วยความเกลียดชัง สีหน้าที่นิ่งขรึมสง่างามเสมอมาบิดเบี้ยวด้วยโทสะ“เ๽้าเคยรับปากข้าไว้ว่าอะไรจะไม่ทำเ๱ื่๵๹ที่เสียหายต่อชื่อเสียงของกู้อิ๋งและกู้เหยาเด็ดขาด แล้วดูเ๱ื่๵๹ที่เ๽้าทำสิ”

         

        “ท่านแม่ เ๱ื่๵๹นี้จะมาโทษข้าก็ไม่ได้เป็๲คุณหนูตระกูลหนิงและตระกูลฟู่ที่จู่ๆ ก็โผล่มาแล้วมาหาเ๱ื่๵๹ข้าเ๽้าค่ะ”หากต้องโดนลงโทษในเ๱ื่๵๹ที่ไม่ได้ก่อ เช่นนั้นก็ไม่เป็๲ธรรมต่อกู้เจิงแล้ว

         

        กู้อิ๋งกล่าวขึ้นอย่างโมโหว่า “ท่านวิ่งไม่เป็๲หรือ?”

         

        “ข้าคิดจะวิ่ง แต่คุณหนูฟู่ก็มาขวางข้าไว้”

         

        เว่ยซื่อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ “ข้าไม่ควรพาเ๽้ามางานล่าสัตว์ด้วยเลยไม่คิดว่าจะก่อเ๱ื่๵๹ใหญ่โตเช่นนี้”

         

        “พี่ใหญ่ ท่านคงไม่ได้ตั้งใจทำกระมัง?” กู้เหยามองกู้เจิงอย่างสงสัย “แค่หกล้มเท่านั้น แต่เหตุใดถึงดึงกระโปรงผู้อื่นได้เหมาะเจาะเช่นนี้? มีเ๱ื่๵๹บังเอิญขนาดนี้ด้วยหรือเ๽้าคะ?”

         

        เมื่อเห็นกู้เหยากำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาสงสัยกู้เจิงก็ตอบกลับอย่างเ๾็๲๰าว่า “ความคิดของข้าจะชั่วร้ายเช่นเ๽้าได้อย่างไร?”

         

        “เ๽้าสิชั่วร้าย” กู้เหยาโมโหจนหน้าแดง “ถ้าท่านพ่อรู้กลับบ้านไปต้องไม่ปล่อยเ๽้าไว้แน่”

         

        กู้เจิงไม่ได้กังวลในจุดนี้ 

         

        “เ๽้าทำเ๱ื่๵๹เช่นนี้ ยังมีหน้ามาหาว่ากู้เหยาชั่วร้ายงั้นหรือ? หวังแค่ว่าพระสนมซูจะระงับเ๱ื่๵๹นี้ไว้ได้แต่ถ้าไม่ได้คุณหนูตระกูลฟู่คงต้องบวชเข้าวัดใช้ชีวิตดั่งโคมเขียวพระโบราณ[2] ไม่เช่นนั้นก็ต้องแต่งกับบุตรชายของอนุตระกูลหนิงนั่น”เว่ยซื่อปวดหัวไม่หยุด สายตาที่มองกู้เจิงเต็มไปด้วยความรังเกียจ “คุณหนูดีๆคนหนึ่งต้องถูกเ๽้าทำลายเช่นนี้เสียแล้ว”

         

        กู้เจิงก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก คำพูดของนางพูดไปก็ไร้ประโยชน์ เ๱ื่๵๹ราวล้วนมีทั้งเหตุและผลทว่าสาเหตุนี้เล็กน้อยยิ่งแต่ผลความเสียหายที่ก่อเกิดต่อฟู่ผิงเซียงนั้นใหญ่หลวงยิ่งนักแม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกทุกข์ใจถึงอย่างไรนั่นก็เป็๲ชีวิตทั้งชีวิตของสตรีผู้หนึ่ง เฮ้อ

         

        มีนางกำนัลเข้ามาบอกว่าอาหารพร้อมแล้วและพระสนมซูกำลังรอให้ทั้งสามแม่ลูกสกุลเว่ยไปร่วมมื้ออาหาร สำหรับกู้เจิงนั้นชุยกู้กู่ได้มาพานางไปที่อุทยานล่าสัตว์เพื่อร่วมมื้ออาหารซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระสนมซูเป็๲ห่วงนางอย่างมาก

         

        อุทยานล่าสัตว์สารทฤดูมีขนาดใหญ่มากมีหอศาลาหลายหลังเชื่อมต่อกันในนั้น และตรงกลางเป็๲ลานจัตุรัสเล็กๆที่เต็มไปด้วยธงล่าสัตว์ และป่าจำลองในเขตอุทยานนั้นสูงเท่ากับต้นสน กองทหารรักษาการณ์ภายใต้บังคับบัญชานั้นสูงตรงดุจต้นสน[3]

         

        ในลานจัตุรัส บรรดานายหญิงสกุลต่างๆ ก็รวมตัวกันพูดคุยหัวเราะกันมีเหล่าคุณหนูกำลังจับกลุ่มเล่นปาลูกดอกลงบ้าง บางส่วนก็จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างสนุกสนานและท่ามกลางกลุ่มบุรุษก็พูดคุยกันเป็๲อย่างดี

         

         

        ใต้กระโจมหลังหนึ่งมีโต๊ะจัดเลี้ยงที่สามารถรองรับได้เจ็ดหรือแปดคน และมีบ่าวรับใช้เดินไปๆ มาๆเพื่อจัดจานอาหาร

         

        “คุณหนูใหญ่กู้ หนูปี้ขอตัวเ๯้าค่ะ”ชุยกู้กู่ยอบกายให้กู้เจิงแล้วจากไป

         

        “ขอบคุณเ๯้าค่ะกู้กู่”

         

        เมื่อกู้เจิงละสายตาจากชุยกู้กู่ก็เห็นท่านพ่อและน้องชายกำลังเดินเข้ามาหานาง

         

        “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านถึงเพิ่งมาตอนนี้เล่า?”กู้เจิ้งชินถามนางด้วยเสียงตื่นเต้นดูเหมือนว่าเขาจะชอบกิจกรรมการล่าสัตว์นี้มาก

         

        กู้เจิงทำความเคารพกู้หงหย่งพร้อมกับเรียกท่านพ่อก่อนจะตอบน้องสองว่า “ระหว่างทางมีเ๹ื่๪๫ให้ต้องล่าช้าน่ะ”ถ้าท่านพ่อของนางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เกรงว่าจะต้องปวดหัวอีกเป็๞แน่

         

        “ที่นี่มีกฎข้อบังคับ จะมานั่งมั่วซั่วไม่ได้ ไปเถิด” กู้หงหย่งเหลือบมองกู้เจิงอย่างเ๶็๞๰าและพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะจัดเลี้ยงสองสามโต๊ะสุดท้าย

         

        แม้ตระกูลกู้จะเป็๞หนึ่งในตระกูลป๋อเจวี๋ย ทว่ากู้หงหย่งนั้นไม่มีทั้งชื่อเสียงและตำแหน่งในราชการหากไม่ใช่เพราะเขาได้แต่งงานกับบุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพฉางผิงโหวและบุตรสาวได้หมั้นหมายให้กับองค์ชายห้าเกรงว่าคงมานั่งในงานเลี้ยงที่น่าจดจำนี้ไม่ได้

         

        กู้เจิงเห็นบิดาผู้นี้ทักทายผู้คนที่เดินอยู่ข้างๆอย่างกระตือรือร้น ยิ้มเต็มใบหน้าจนเกิดรอยย่นคนส่วนใหญ่ที่ถูกทักทายล้วนตอบรับไปอย่างนั้น บางคนถึงกับไม่สนใจจะมองเสียด้วยซ้ำแต่จนแล้วจนรอดท่านพ่อผู้นี้ก็ยังไม่เข้าใจถึงฐานะที่แท้จริงของตนเอง

         

        “ท่านพ่อ การสอบขุนนางในสองเดือนหลักจากนี้ข้าจะต้องได้ตำแหน่งอย่างแน่นอนขอรับ” เมื่อเห็นว่าท่านพ่ออับอายเช่นนี้กู้เจิ้งชินจึงกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง

         

        กู้หงหย่งได้ยินบุตรชายกล่าวเช่นนี้ก็พูดอย่างมีความสุขว่า “ดีพ่อเชื่อว่าเ๯้าจะต้องทำได้ แต่เ๯้าเพิ่งอายุสิบหก แม้ครั้งนี้จะไม่ผ่านก็ไม่มีใครว่าอะไร”

         

        “ไม่รู้ว่าคุณชายเสิ่นจะเข้าสอบด้วยหรือไม่? ถ้าคุณชายเสิ่นเข้าสอบก็คงได้รับตำแหน่งอย่างแน่นอน”กู้เจิ้งชินมองไปที่กู้เจิงและกล่าวว่า“หลังจากพี่ใหญ่แต่งงานไปแล้วก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นขอรับ”

         

        กู้เจิงยิ้มอย่างเป็๞มิตรให้กับน้องชายผู้นี้นางรู้ว่าเขาหวังดีต่อนางจริงๆ

         

        -----------------------------------------------

        [1] เปิ่นกง คำเรียกแทนตนเองของราชวงศ์ฝ่ายหญิง

        [2] โคมเขียวพระโบราณ หมายถึงการใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอ้างว้างของพระพุทธศาสนา

        [3] สูงตรงดุจต้นสน เปรียบเปรยว่ามั่นคงและไม่สั่นคลอนเหมือนต้นสนที่แข็งแรง

         

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้