ในความทรงจำของซูอวิ๋น หนิงเทียนเป็คนใจเย็นมาโดยตลอด แล้วเหตุใดเขาถึงกลายเป็คนหัวรุนแรงและอาฆาตพยาบาทได้ถึงเพียงนี้กัน?
ความโกรธแค้นทำให้หนิงเทียนคลุ้มคลั่ง และจิตสังหารก็ทำให้เขากลายเป็ปีศาจอาละวาด เขาพุ่งหาซูอวิ๋นโดยไม่สนใจการโจมตีของชิวซานอวิ๋น ซึ่งแม้แต่คนโง่ก็ยังมองเห็นถึงความเกลียดชังนี้
“เ้าคอยคุมเขาไว้ เดี๋ยวข้าจะสังหารเขาเอง!” ชิวซานอวิ๋นไม่ได้ตาบอด เขาจับพิรุธของคนทั้งคู่ได้และสื่อสารกับซูอวิ๋นเป็การส่วนตัว
ยามนี้ซูอวิ๋นเองก็เริ่มหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ความเกลียดชังของหนิงเทียนนั้นรุนแรงมากเกินไป
ศัตรูมาพบกัน ความเคียดแค้นของบิดาไม่อาจละเว้นได้
อดีตคู่หมั้นกลายเป็ศัตรูตัวฉกาจที่สุด และทั้งสองฝ่ายต่างก็มีอารมณ์ที่ซับซ้อน
ในด้านขอบเขต ซูอวิ๋นย่อมไม่สามารถเทียบกับซิ่งอวี่เจวียนได้ นางเพิ่งเป็หยวนซิวได้ไม่นาน ทั้งยังอยู่เพียงขอบเขตผนึกดาราขั้นห้าเท่านั้น แต่เนื่องจากนางภาพเขียนพันทิวเขาเหมันต์และไข่มุกหยินทมิฬ รวมถึงมีสายเืพิเศษของร่างเหมันต์ซานหยิน จึงทำให้ประสิทธิภาพการต่อสู้ของนางนั้นแข็งแกร่งมาก
“ท่านมั่นใจแค่ไหน?” ซูอวิ๋นไม่เต็มใจที่จะเสี่ยง
ชิวซานอวิ๋นกล่าวว่า “การควบคุมเก้าชั้นสามารถทำให้เขาาเ็สาหัสได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นซูอวิ๋นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นด้วยกับความคิดของชิวซานอวิ๋น
ทั้งสองคนแลกเปลี่ยนกลยุทธ์กันโดยซูอวิ๋นเป็ผู้โจมตีหลัก เนื่องจากนางมีดาบหยกเหมันต์อยู่ในมือ และนี่คืออาวุธิญญาที่มีพลังเย็นอย่างยิ่ง ส่วนชิวซานอวิ๋นก็คอยช่วยเหลือจากด้านข้างด้วยการลอบใช้วิชาปีศาจม่วงสุริยาของสำนักอินทนิล
ซิ่งอวี่เจวียนพุ่งเข้ามาด้วยแรงอารมณ์ นางพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยหนิงเทียน ทว่ากลับถูกชิวซานอวิ๋นโจมตีอย่างรุนแรง
ดวงตาของหนิงเทียนฉายแววอำมหิต ในใจของเขายามนี้มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือ การฆ่าสุนัขตัวเมียซูอวิ๋นผู้นี้!
ทะลวงพันชั้นที่ผสานกับกระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นเข้าจู่โจมซูอวิ๋นจนนางกรีดร้องโหยหวนและถอยกลับอย่างรวดเร็ว เนื่องด้วยอาการาเ็จนแทบกระอักเื
ซูอวิ๋นรู้สึกโกรธจัด นางรับไม่ได้ที่อดีตคู่หมั้นที่นางทิ้งไปจะแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้
“ดรรชนีเหมันต์!” นางเลือกใช้ทักษะเฉพาะของสำนักหานเทียน ทว่าม่านตาเพลิงของหนิงเทียนกลับมองเห็นข้อบกพร่องของนางมากถึงเจ็ดประการ
“นางหญิงต่ำช้า เ้าคงไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วเพียงนี้ใช่ไหม?” หนิงเทียนะโอย่างบ้าคลั่ง ภาพเหตุการณ์ก่อนที่บิดาของเขาจะเสียชีวิตปรากฏขึ้นในใจทันที และยามนี้เขาก็แทบจะเป็บ้าแล้ว
ดวงตาของชิวซานอวิ๋นสว่างวาบโดนพลัน ขณะนี้วิชาปีศาจม่วงสุริยารวบรวมพลังจนเต็มแล้ว เขาจึงปล่อยพลังออกไปทันที แล้วดวงอาทิตย์สีม่วงซึ่งเปี่ยมด้วยแสงแห่งการทำลายล้างก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
แม้หนิงเทียนจะััได้ถึงวิกฤตแต่ก็สายเกินไปที่จะหลบพ้น แสงศักดิ์สิทธิ์อันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากดวงตาของเขา ทันทีที่เขาปล่อยหมัดขวา แผนที่จิติญญาทั้งหกในร่างก็เปล่งประกายโดยพร้อมเพรียง อีกทั้งแส้เถาวัลย์ัก็ผสานกับแหล่งกำเนิดชีวิตเพื่อต้านรับวิชาปีศาจม่วงสุริยาของชิวซานอวิ๋น
“หนิงเทียน เ้าจงตายเสียเถอะ!” ร่างของชิวซานอวิ๋นเอ่อล้นไปด้วยพลังงานสีม่วง เงาสีม่วงปรากฏขึ้นเื้ั และเสาพลังทั้งหมดก็รวมกันเป็ดวงอาทิตย์สีม่วงที่เข้าโจมตีหนิงเทียน
“อ๊าก!” หนิงเทียนกรีดร้องดังสนั่น กระดูกแขนขวาของเขาแตกละเอียด เืสีแดงฉานทะลักออกมาจากทวารทั้งเจ็ด แล้วร่างของเขาก็กระเด็นไปด้านหลังหลายจั้ง
“หนิงเทียน!” ซิ่งอวี่เจวียนร้องเรียกเสียงดัง นางรีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อหยุดการโจมตีของซูอวิ๋น
เงาสีม่วงของชิวซานอวิ๋นสั่นไหวราวกับเงาผี เขาปรากฏกายต่อหน้าหนิงเทียนแล้วฟาดฝ่ามือใส่หัวเขาทันที “ไปลงนรกเสียเถอะ!”
“ยังไม่แน่หรอก” ใบหน้าของหนิงเทียนเผยความดุร้าย ยามนี้ผมยาวสลวยของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิง เขาแผดเสียงอย่างบ้าคลั่ง และยุทธศาสตร์ครอง์ก็ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด
“ชีพจรข้าครอง์!”
ใน่วิกฤตของชีวิต หนิงเทียนใช้ศีรษะเป็อาวุธตอบโต้ฝ่ามือของชิวซานอวิ๋น กายาสุวรรณะนิรันดร์นั้นแข็งแกร่งราวกับเหล็ก อีกทั้งเส้นผมทุกเส้นก็เปล่งรัศมีอันทรงพลังและก้าวร้าว ซึ่งเปี่ยมด้วยความปรารถนาที่จะกลืนกิน์
วิชาอเวจีทมิฬกลืนกินสำแดงพลังโดยอัตโนมัติ มันก่อตัวเป็วังวนในเส้นลมปราณของหนิงเทียนราวกับหุบเหวที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ก่อนจะกลืนกินท้องนภาและโลกหล้า ซึ่งเป็สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ชิวซานอวิ๋นรู้สึกราวกับทุบหินที่ดื้อรั้น ยามนี้ฝ่ามือของเขาเหน็บชา ปากของเขาพ่นเสียงขู่คำราม และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
“เหตุใดร่างของเ้าเด็กนี่ถึงมีกลิ่นอายของขอบเขตผนึกดาราได้เล่า?” ชิวซานอวิ๋นประหลาดใจมาก การที่หนิงเทียนใช้วิชาอเวจีทมิฬกลืนกินเพื่อควบแน่นกระแสน้ำวนในเส้นลมปราณเช่นนี้ มันคล้ายกับสถานการณ์ของขอบเขตผนึกดาราอย่างมาก
หนิงเทียนไม่ได้ล่วงรู้เื่นี้เลยสักนิด เพราะระดับของเขายังไม่ถึงขอบเขตผนึกดาราด้วยซ้ำ แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ชิวซานอวิ๋นตื่นตระหนกอย่างยิ่ง
ชิวซานอวิ๋นเบี่ยงตัวไปด้านข้างแล้วเตะเท้าอย่างรวดเร็วพร้อมพลิกตัวอยู่หลายครั้ง เขาจงใจอาศัยความว่องไวในการต่อสู้เพื่อลดความได้เปรียบของม่านตาเพลิง ทั้งยังใช้ความเร็วในการปราบปรามปฏิกิริยาด้านขอบเขต ซึ่งความทุ่มเททุกย่างก้าวเช่นนี้ก็เพื่อ้าเอาชนะหนิงเทียน
การต่อสู้ระหว่างซิ่งอวี่เจวียนและซูอวิ๋นนั้นก็ยากที่จะตัดสินแพ้ชนะเช่นกัน แม้จะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากไข่มุกหยินทมิฬ พลังของซูอวิ๋นผู้เป็หยวนซิวก็ไม่ได้ด้อยกว่าซิ่งอวี่เจวียนเลย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพร์ของนางนั้นไม่ธรรมดา
พลังสายเืของชิวซานอวิ๋นนั้นรุนแรงอย่างมาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเืเดือดพล่าน ทั้งยังมีธารโลหิตปรากฏขึ้นบนหน้าผาก เขากลืนกินแก่นแท้ของฟ้าดินก่อนที่ร่างกายของเขาจะมาถึงจุดสูงสุดเช่นนี้
หนิงเทียนคำรามอย่างไม่พอใจ แม้เขาจะเข้าสู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกแล้ว แต่ก็ในการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัวเช่นนี้เขาก็ยังถูกชิวซานอวิ๋นปราบปรามอยู่ดี
“ทักษะเก้าร่างเถาวัลย์ั!” หนิงเทียนตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ ทันใดนั้นพู่กันิญญาหลากสีสันก็ปรากฏขึ้น ปลายพู่กันเปล่งประกายระยิบระยับ ทว่าหญ้าต้นน้อยกลับถูกจัดการทันทีที่ปรากฏออกมา
หนิงเทียนใช้สัตตบุษย์งอกงามทุกย่างก้าว วิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นในมือซ้าย และทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ในมือขวา พร้อมหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน จากนั้นก็ดึงเถาวัลย์เขียวออกมาสามเส้นเพื่อลดทอนการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม ทั้งยังเปิดกำไลหยกหยวนแล้วนำหินิญญาออกมาเรื่อยๆ จนทะลุห้าพันก้อนในชั่วพริบตา
ดวงตาของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาเลือกใช้ยันต์เต๋าอนันต์อันล้ำค่าในกระแสพลัง และเริ่มเสริมความแข็งแกร่งให้ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกของตนสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นด้วยวิถีแห่งธรรมชาติที่ไร้ซึ่งจุดสิ้นสุดและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ด้วยการใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ ผลึกิญญาหลายพันก้อนรอบกายหนิงเทียนก็ปะทุออกทันที และพลังิญญานับอนันต์ก็พวยพุ่งเข้ามาจนเกือบะเิห้วงอากาศโดยรอบ
ชิวซานอวิ๋นถอยหลังกลับอย่างรุนแรง เขาคิดว่าหนิงเทียนจะตายไปพร้อมกับการปะทุ แต่ความจริงกลับไม่เป็เช่นนั้น
หนิงเทียนถูกชิวซานอวิ๋นกดข่ม ซึ่งทำให้ความโกรธแค้นและความเกลียดชังของเขาเพิ่มมากขึ้น แม้เขาจะ้าฆ่าซูอวิ๋นทว่าก็ต้องกำราบชิวซานอวิ๋นให้ได้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นการสังหารซูอวิ๋นย่อมเป็เื่ยาก
เพื่อเติมเต็มความปรารถนานี้ หนิงเทียนจึงตัดสินใจใช้หินิญญาบนวงล้อมิติลี้ลับที่ไม่เอื้ออำนวยเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตน
ทันใดนั้นอวัยวะทุกส่วนในร่างของหนิงเทียนก็เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วในการดูดกลืนพลังของเขาเพิ่มขึ้นเป็ร้อยเป็พันเท่า อีกทั้งพลังิญญาขั้นหกของเขายังะโจาก่แรกเข้าสู่่ปลายและ่สมบูรณ์แทบจะภายในลมหายใจเดียว
หนิงเทียนปวดหัวมากราวกับจะแตกเป็เสี่ยงๆ เขารวดร้าวไปทั้งร่างราวกับกำลังจะะเิ แผนที่จิติญญาทั้งหกในร่างสั่นไหว หญ้าต้นน้อย บงกชสีมรกต ต้นไม้แห้งเหี่ยว เถาวัลย์เขียว ลำธารวงแหวน และเปลวเพลิงข้างกายก็ล้วนกลายเป็ไอทั้งสิ้น
นอกจากนี้เปลวเพลิงสองสียังกลายเป็เปลวเพลิงสามสีในชั่วพริบตา จากนั้นทักษะดวงตาเสน่ห์ซึ่งเป็ทักษะเก้าเนตร์ระดับที่สามก็ปรากฏขึ้นในใจ
สถานการณ์ของหนิงเทียนเป็เื่ที่น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง วิถีแห่งธรรมชาติเป็หนทางแรกสุดภายใต้การเร่งปฏิกิริยาของยันต์เต๋าอนันต์อันล้ำค่า และความแข็งแกร่งโดยรวมของเขากำลังทะยานสูงขึ้น
กว่าชิวซานอวิ๋นจะตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หนิงเทียนก็พัฒนารากฐานขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกของเขาได้สมบูรณ์แบบแล้ว เขาสามารถฝึกฝนระดับพลังของตนได้ในชั่วพริบตา
ขณะเดียวกันทักษะม่านตาคู่ก็ได้รับการปรับปรุงจนสมบูรณ์แบบ รวมถึงทักษะเก้าเนตร์ระดับสามก็ได้รับการปลูกฝังจนสำเร็จ และอยู่ห่างจาก่สมบูรณ์เพียงเส้นบางๆ เท่านั้น
เมื่อแผนที่จิติญญาเนตรเพลิงในเส้นลมปราณที่หกถูกเปิดใช้ เปลวเพลิงสามสีนอกร่างก็ปรากฏเงาของดวงตาเสน่ห์ ซึ่งมีแรงดึงดูดต่อเหล่าิญญาทั้งหลาย
การพัฒนาของหนิงเทียนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ซิ่งอวี่เจวียนก็ไม่เข้าใจ มีเพียงสตรีชุดม่วงเท่านั้นที่จ้องมองเขาอย่างเงียบๆ ด้วยดวงตาที่ซับซ้อน แม้จะรู้สึกโล่งใจแต่นางก็แอบซ่อนมันไว้เช่นเดิม
การปรับปรุงขอบเขตนำไปสู่การเพิ่มพลังการต่อสู้ ทั้งยังช่วยให้ม่านตาคู่และดวงตาเสน่ห์สามารถใช้ร่วมกันได้
ตาซ้ายของหนิงเทียนเป็สีแดงก่ำ เขาใช้ทักษะม่านตาคู่ซึ่งประกอบด้วยม่านตาเพลิงและม่านตาสุวรรณอันเร่าร้อนดุจดวงอาทิตย์ ส่วนตาขวาของเขาก็เป็สีน้ำเงินเข้ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงดวงตาเสน่ห์ราวกับหุบเหวที่ไร้จุดสิ้นสุดและกำลังร่ายคาถาให้ิญญาหลงใหล
“สองขั้วแปรผัน เลื่อนลอยไร้แก่นทะลวงพันชั้น!”
ยามนี้หนิงเทียนกำลังเดินตามหนทางแห่งเส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าและสุ่ยหลิงก็มีอิทธิพลต่อเขาอย่างมาก เขารวมจุดเด่นของตนเองเข้าด้วยกันเพื่อใช้เป็กุญแจสำคัญในการเอาชนะศัตรู
ชิวซานอวิ๋นนั้นแข็งแกร่งมาก เขาเป็หนึ่งในสิบอัจฉริยะของบรรดาศิษย์หลักแห่งสำนักอินทนิล และตัวตนทั้งหมดของเขาก็ล้วนอยู่ยงคงกระพันอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญในระดับเดียวกัน
หนิงเทียน้าท้าทายระดับขั้นที่สูงขึ้นและขอบเขตที่ใหญ่กว่า ทว่าหากกล่าวเื่นี้ออกไปก็ย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เส้นลมปราณฟ้าประทานทั้งเก้าของหนิงเทียนยังนับเป็การเติบโตที่แปลกประหลาด ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นหกได้รวมแผนที่จิติญญาทั้งหกเข้าด้วยกัน และนี่คือการดำรงอยู่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ทันใดนั้นห้วงอากาศก็พุ่งสูงขึ้นราวหินหนืดเดือดพล่านในหมัดเดียว ก่อนจะทำลายรูปแบบทางจิติญญาจำนวนมากและก่อตัวเป็เสาพลังหมัดสุญญากาศ
ดวงตาของชิวซานอวิ๋นมืดมิดทุกทิศทาง ดวงอาทิตย์สีม่วงปรากฏบนหมัดอีกครา เส้นโลหิตในร่างของเขาสั่นะเืและเสียงเต๋าทอดยาว ยามนี้ร่างกายของเขาราวกับเทพเ้าาผู้มีเงาสีม่วง เมื่อปะทะกับหนิงเทียนย่อมไม่อาจแยกได้ว่าฝ่ายใดแข็งแกร่งกว่ากัน ทว่าเมื่อใดก็ตามที่พลังหมัดทลายลง ห้วงอากาศโดยรอบก็แตกกระจาย
หมัดของทั้งสองฝ่ายหนักหน่วงราวูเา ทุกการกระแทกก่อให้เกิดระลอกคลื่นในห้วงอากาศ ซึ่งยากที่จะบอกได้ว่าพลังของใครล้ำเลิศกว่า
ก่อนหน้านี้ชิวซานอวิ๋นเคยเอาชนะหนิงเทียนได้ ทว่ายามนี้พวกเขาเสมอกันแล้ว ชิวซานอวิ๋นจึงไม่พอใจและเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา ทั้งยังทำให้ความปรารถนาที่จะสังหารหนิงเทียนเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด
หุบเหวลึกปรากฏในตาขวาของหนิงเทียน และดวงตาเสน่ห์ก็มีแส้เถาวัลย์ัซ่อนเร้น เมื่อรวมกับแผนที่จิติญญาที่สี่เขาก็สามารถใช้ดวงตาเสน่ห์เพื่อเปิดใช้อาวุธิญญาทั้งเก้าบนแส้เถาวัลย์ัได้สำเร็จ
เดิมทีแส้เถาวัลย์ัอยู่บนแผนที่ัเถาวัลย์ในเส้นลมปราณที่สี่ มันเป็รอยประทับที่ควบแน่นซึ่งแตกต่างจากน้ำเต้าเจ็ดสี ทว่ากลับมีมวลพลังอันมหาศาล
ในอดีตหนิงเทียนเคยใช้แส้เถาวัลย์ัในการป้องกันตัว ส่วนคราวนี้เขาใช้ดวงตาเสน่ห์เพื่อกระตุ้นแส้เถาวัลย์ั จากนั้นพลังจิตของเขาก็สามารถสื่อสารกับอาวุธิญญาทั้งเก้าบนแส้เถาวัลย์ัได้ แล้วปลดปล่อยพลังที่สอดคล้องกันซึ่งทำให้พลังของหนิงเทียนน่าประหลาดใจมากขึ้น
อาวุธิญญาทั้งเก้าบนแส้เถาวัลย์ัควรเป็อาวุธิญญาเต๋าดั้งเดิมซึ่งจื๋อซิวไม่สามารถเปิดใช้ได้ แต่เถาวัลย์เขียวกลับใช้เส้นทางที่ไม่เหมือนใครด้วยการรวมเต๋าที่แท้จริงกับเต๋าเพาะปลูก ดังนั้น แม้หนิงเทียนจะเป็จื๋อซิว ทว่าด้วยความช่วยเหลือของแผนที่เถาวัลย์ัในเส้นลมปราณที่สี่ เขาจึงสามารถเปิดใช้อาวุธิญญาหยวนซิวในการต่อสู้กับศัตรูได้
“ดวงตาเสน่ห์จับิญญา!” หนิงเทียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วก่อนพุ่งเป้าไปยังดวงตาของชิวซานอวิ๋น พลันคลื่นกระแทกทางจิติญญาอันทรงพลังก็ทำให้ชิวซานอวิ๋นปวดหัวจนแทบะเิ ก่อนจะตกอยู่ในความสับสนทันที
วินาทีต่อมาหมัดของหนิงเทียนก็ฟาดใส่ชิวซานอวิ๋นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาร้องโหยหวนก่อนจะกระอักเืและได้รับาเ็ในชั่วพริบตา
หนิงเทียนไล่ตามเขาไปทุกแห่งหนราวกับเงา ทุกพลังหมัดล้วนดุร้ายราวกับดวงอาทิตย์แผดเผาและทรงพลัง เมื่อรวมกับลักษณะที่แพร่หลายของวิชากระบี่เลื่อนลอยไร้แก่นแล้ว ชิวซานอวิ๋นก็ไม่สามารถต้านทานได้เลย
ทางด้านซูอวิ๋นก็กระแทกร่างของซิ่งอวี่เจวียนจนกระเด็น ก่อนจะพุ่งเข้าหาหนิงเทียนเพื่อดึงดูดความสนใจของเขา และเปิดโอกาสให้ชิวซานอวิ๋นได้พักหายใจ
“ตายเสียเถอะ!” ดวงตาของหนิงเทียนเฉียบคมราวใบมีด กำปั้นสีทองบุกทำลายห้วงอากาศ พร้อมฉีกกระชากอากาศออกด้วยความเร็วที่รุนแรง ก่อนจะต่อยเข้าที่อกของซูอวิ๋น
ดวงตาของซูอวิ๋นแสดงความหวาดกลัวอย่างยิ่ง พลังทั้งร่างอัดแน่นเป็เกราะกำบังแต่ก็ยังคงแตกเป็เสี่ยงๆ และผ้าคลุมหน้าของนางก็ย้อมไปด้วยหยาดเืในทันที
ทันทีที่ชิวซานอวิ๋นมาถึง เขาก็ใช้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดเพื่อสังหารหนิงเทียนจนเืหลั่งไหล และสุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ให้กับเสน่ห์ของหนิงเทียนที่รวมกันเป็พันชั้น ทำให้เขาถูกทุบตีจนกระอักเืและกรีดร้องโหยหวนขึ้นอีกครา
ซูอวิ๋นเองก็โกรธมากจนแทบบ้า นางดึงภาพพันทิวเขาเหมันต์กลับมาและเริ่มต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง
ยามนี้ความโกรธของหนิงเทียนที่อัดแน่นอยู่ในใจก็ลุกโชนออกมา เขาเอ่ยคำสาปแช่งด้วยความเกลียดชัง และก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเพื่อออกท่าสังหาร “นางคนต่ำช้า เ้าจงลงนรกเดี๋ยวนี้!”
ซูอวิ๋นที่ยามนี้ดูราวกับคนวิปลาสก็คว้าข้อมือซ้ายของชิวซานอวิ๋นเอาไว้ทันทีที่หนิงเทียนลงมือ
“ไป!”
พลันหิมะนับพันลูกม้วนตัวลงมาห่อหุ้มร่างของทั้งสองคนไว้ ก่อนจะพาพวกเขาหายเข้าไปในประตูมิติบานหนึ่งอย่างฉิวเฉียด
