บทที่ 48 ใครโหดที่สุด
ตามร่างกายของหลิวเสวี่ยเต็มไปด้วยคราบเื เสื้อผ้าขาดวิ่นจนเผยให้เห็นเรือนร่างด้านใน
ใบหน้าของพวกหลิ่วหนานเผยรอยยิ้มสะใจ เมื่อหลิ่วหนานเห็นฉินชูก็ยิ่งยิ้มร่ากว่าเดิม แต่พอหันไปเห็นซั่งซูอวี๋ กลับหน้าถอดสีลงฉับพลัน
ฉินชูรีบเอาเสื้อคลุมออกมาจากแหวนมิติเก็บของ โยนมันไปให้หลิวเสวี่ยคลุมเรือนร่างอันวาบหวิว
“ฉินชู พวกมันไม่ใช่มนุษย์ ศิษย์น้องทั้งสามของข้าตายหมดแล้ว หลังจากพวกมันย่ำยีจนหนำใจแล้วก็ฆ่าทิ้งทันที” ดวงตาของหลิวเสวี่ยฉายแววโศกเศร้าระคนความเคียดแค้น
“ซาหาน เ้าเป็คนของพวกมันั้แ่แรกใช่หรือไม่” ฉินชูมองไปทางซาหาน
เมื่อเห็นฉินชู ซาหานก็แสยะยิ้มออกมา “คนที่ริอ่านตั้งตัวเป็ศัตรูกับองค์ชายชิง ต้องตายอย่างอนาถสถานเดียว”
ฉินชูเข้าใจขึ้นมาทันที สาเหตุที่ซาหานทำลายความร่วมมือระหว่างกองกำลังจากยอดเขาชิงหยุนและยอดเขาเชียนหลัวก็เพราะเขาเป็คนของเฉียนชิงั้แ่แรก
“ศิษย์น้องซั่งซูกลับมาเถิด ครั้งนี้พวกเรายอดเขาหลักชนะแน่นอน” หลิ่วหนานมองไปทางซั่งซูอวี๋
สีหน้าของซั่งซูอวี๋เยือกเย็นลง “ทำไมต้องกลับไป อันที่จริง ความขัดแย้งระหว่างพวกเ้าหรือความบาดหมางแต่ละยอดเขาก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับข้าทั้งนั้น แต่ถ้ามีศัตรูภายนอกรุกรานสำนักชิงหยุน ข้าถึงจะลงมือ ตอนนี้ความเป็ความตายของพวกเ้าไม่เกี่ยวกับข้าเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินคำพูดของซั่งซูอวี๋ ฉินชูก็โล่งอก ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าซั่งซูอวี๋ร่วมเป็ส่วนหนึ่งกับแผนการของยอดเขาหลักด้วย เขากับไป๋อวี้ก็คิดว่าการเผชิญหน้ากับยอดเขาหลักเป็เื่หนักหนาอันตราย แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ซั่งซูอวี๋ไม่คิดจะคบหาสมาคมกับพวกหลิ่วหนานแม้แต่น้อย แถมสายตายังดูรังเกียจอีกต่างหาก เท่ากับว่าตอนนี้ซั่งซูอวี๋เป็เพียงคนนอกเท่านั้น
“ในเมื่อศิษย์น้องซั่งซูไม่อยากกลับมาก็ไม่เป็ไร ไม่มีศิษย์น้องอยู่ พวกเราก็จัดการพวกมันได้อยู่ดี” พูดจบ หลิ่วหนานก็ส่งสัญญาณให้คนที่อยู่ด้านหลังสังหารพวกฉินชูทันที
เคล้ง
เสียงกระบี่กระทบดังกังวาน ฉินชูชักกระบี่ตั้งท่า เค้นแรงไปที่ฝ่าเท้าก่อนพุ่งออกไป กระบี่พลันตวัดอย่างรวดเร็ว บังเกิดเสี้ยวแสงกระบี่นับไม่ถ้วนฟาดฟันออกไปทั่วทุกทิศ
มัจฉาัเริงรำ
ฉินชูสำแดงหนึ่งในกระบวนท่าจากเคล็ดวิชากายสิทธิ์ที่เอาไว้รับมือกับการถูกรุมโจมตี
ครั้นเสี้ยวแสงกระบี่ส่องสว่างทั่วทุกทิศ พวกหลิ่วหนานก็มีหน้าถอดสีและตวัดกระบี่ปัดป้องทันที
เสี้ยวแสงกระบี่ระดมโจมตีเคล้าเสียงกระบี่ดังกังวาน พวกหลิ่วหนานถูกฉินชูโจมตีจนต้องถอย แต่ฉินชูก็ถอยหลังไปสองสามก้าวเช่นกัน แม้พลังทางกายภาพของเขาจะแข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่พลังปราณของพวกหลิ่วหนานก็ทรงพลังเช่นกัน ทุกครั้งที่อีกฝ่ายฟาดฟันพลังปราณออกมาจากกระบี่ ทำเอาเขารับมือยากใช่ย่อย
ตอนนี้ไป๋อวี้ เจิ้งชิว หานอวี้และชิวจ้านพากันอ้อมไปด้านหลังเพื่อล้อมโจมตีพวกหลิ่วหนาน
หลิวเสวี่ยในสภาพอิดโรยก็ขอออกโรงด้วยเช่นกัน โดยเป้าหมายของนางคือซาหาน การตายของเหล่าศิษย์น้องจากยอดเขาเชียนหลัวมีต้นเหตุมาจากซาหาน ดังนั้นหลิวเสวี่ย้าจะแก้แค้นให้พวกนาง
การต่อสู้เปิดฉาก...
ฉินชูเข้าปะทะกับหลิ่วหนานและศิษย์สายหลักผู้ลดถอนตบะ ส่วนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายต่อสู้เป็กลุ่มๆ โดยไป๋อวี้ต้องรับมือถึงสองคน เนื่องจากหลิ่วหนานนำคนเข้ามาเยอะ อีกทั้งหลิ่วหนานก็รู้ดีว่าไป๋อวี้นั้นแข็งแกร่งเป็อันดับสองรองมาจากฉินชู
พวกหลิ่วหนานมีพลังในการต่อสู้ค่อนข้างสูง แม้ตบะจะถูกลดถอนจากขั้นที่สี่ลงมาขั้นที่สามระดับสมบูรณ์ แต่ประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ก็ยังคงอยู่ ทำให้ภาพรวมดูแข็งแกร่งกว่าพวกฉินชูไม่น้อย
ไม่นานไป๋อวี้ก็ถูกฟันเข้าที่เอว แม้ไป๋อวี้จะมีตบะอยู่ขั้นที่สาม แต่ก็แค่ระดับกลางๆ ซึ่งยังห่างชั้นกับตบะขั้นที่สามระดับสมบูรณ์อยู่ไม่น้อย
เมื่อกำหนดจิตรวมศูนย์ ฉินชูก็เข้าถึงวิถีกระบี่ขั้นเจี้ยนหลิง ผนวกกระบวนท่าจากเคล็ดกระบี่กายสิทธิ์เข้ากับกระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน จากนั้นก็ระดมฟาดฟันใส่หลิ่วหนานและลูกศิษย์ยอดเขาหลักอีกคนอย่างบ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกัน แววแปลกใจก็ฉายขึ้นในดวงตาคู่สวยของซั่งซูอวี๋เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพราะการเคลื่อนไหวของฉินชูเปลี่ยนไป การต่อสู้ที่ดูแข็งทื่อก่อนหน้านี้กลับพลิ้วไหว การโจมตีจากกระบี่แต่ละครั้งก็หนักหน่วงรุนแรง ที่สำคัญเป็การโจมตีไปที่จุดบอดของกระบวนท่าป้องกัน กดดันจนพวกหลิ่วหนานเริ่มล่าถอย แม้เป็กระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน แต่รวดเร็วฉับไว แต่ละท่ายังเชื่อมต่อไหลลื่นเหมือนสายน้ำไหล หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวกันดังผืนนภา สำแดงพลังของกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
ขั้นเจี้ยนหลิง...ซั่งซูอวี๋มองออก นางไม่ใช่ลูกศิษย์สำนักชิงหยุนที่องค์ความรู้ตื้นเขิน ซ้ำนางยังเข้าถึงเจตจำนงแห่งวิถีกระบี่ได้แล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจวิถีกระบี่ขั้นเจี้ยนหลิง
ขณะที่ไล่ต้อนพวกหลิ่วหนาน ฉินชูก็พยายามเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระยะการต่อสู้ของไป๋อวี้ ครั้นพลิกข้อมือลง กระบี่ท่าพิฆาตบรรพกายสิทธิ์ก็เสียบพุ่งออกไปทันที
เสียงเคล้งดังเสนาะ ความรุนแรงของกระบี่จากพลังกายของฉินชูทะลวงผ่านการป้องกันของอีกฝ่าย ปลายกระบี่เสียบทะลุคอของฝ่ายตรงข้าม ฆ่าตายภายในการโจมตีเดียว
กระบี่ของฉินชูที่เสริมพลังจากวิถีกระบี่ขั้นเจี้ยนหลิง ผนวกกับความเร็วที่เป็ผลมาจากการฝึกเคล็ดกระบี่กายสิทธิ์ ทำให้เขาฆ่าศัตรูลงได้หนึ่งคน
ทันทีที่กำจัดศัตรูได้หนึ่งคน ฉินชูก็หันกลับมารับการโจมตีของพวกหลิ่วหนานอีกครั้ง
จากนั้นก็หันกลับมาโจมตีใส่คู่ต่อสู้อีกคนของไป๋อวี้จนตายคาที่
ฉินชูสำแดงคมเขี้ยวฆ่าลูกศิษย์จากยอดเขาหลักไปถึงสองคนภายในเวลาอันสั้น หนึ่งในนั้นเป็ลูกศิษย์สายหลักที่ลดตบะลงมาขั้นที่สามระดับสมบูรณ์
เมื่อสมาชิกของกองกำลังยอดเขาหลักถูกจัดการไปสองคน สถานการณ์ของกองกำลังจากยอดเขาชิงจู๋ก็เริ่มดีขึ้น
ตอนนี้จำนวนคนเท่ากันแล้ว
ขณะที่สู้กับพวกหลิ่วหนาน ฉินชูก็คอยสอดส่องสถานการณ์รอบๆ ไปพลาง หลักๆ เน้นจับตามองซั่งซูอวี๋เป็พิเศษ นอกจากนี้ยังคอยมองดูการต่อสู้ของหลิวเสวี่ยอยู่เป็เนือง
โดยปกติ หลิวเสวี่ยแข็งแกร่งกว่าซาหานมาก แต่เนื่องจากได้รับาเ็และมีเืไหลออกจากแผลที่เอวไม่หยุด ทำให้ตกเป็รองซาหาน สถานการณ์จึงน่าเป็ห่วงยิ่งนัก
ฉินชูหันไปมองซั่งซูอวี๋อีกครั้งก่อนตวัดข้อมือปลดปล่อยกระบวนท่ากระบี่ไร้พ่ายป้องกันการโจมตีของพวกหลิ่วหนาน จากนั้นก็อาศัยคลื่นกระแทกจากพลังปราณกระบี่ของอีกฝ่ายเสริมแรงส่งตัวเองพุ่งเข้าไปสังหารซาหานด้วยกระบวนท่าบรรพกายสิทธิ์เหมือนเดิม
ซาหานที่เป็คนไหวพริบดีเป็ทุนเดิมสังเกตเห็นการโจมตีของฉินชูั้แ่เริ่มแรก ทำให้เขาเตรียมตัวหลบั้แ่เนิ่นๆ แต่เขาประเมินพลังของบรรพกายสิทธิ์ต่ำเกินไป แม้ไม่อาจแทงทะลุคอเขาได้ แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนท่าอย่างไร้รอยต่อของฉินชู จากเสียบแทงเป็เฉือนฟัน ก็สามารถสะบั้นแขนข้างที่ถือกระบี่ของซาหานจนขาดได้ในพริบตา
แต่เนื่องจากการปรับเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างกะทันหัน ทำให้ฉินชูตั้งรับไม่ทันเช่นกัน เป็เหตุให้ถูกหลิ่วหนานฟันเข้ากลางหลัง
“ไม่มีสมาธิต่อสู้ เ้าไม่ถูกฆ่าตาย ก็ถือว่าบุญแล้ว” ซั่งซูอวี๋พูดขึ้น เพราะรู้ดีว่าฉินชูพยายามป้องกันไม่ให้นางโดนลูกหลง
ฉินชูอยากะโด่ากลับไป...เช่นนั้นเ้าก็ลองมาสู้เอง แล้วข้าจะเป็ฝ่ายเขม็งตาจ้องมองการต่อสู้ของเ้าบ้าง
หลังจากถูกฟันเข้ากลางหลัง การเคลื่อนไหวของฉินชูก็ช้าลง และกลับมาเป็ฝ่ายเสียเปรียบอีกครั้ง แต่แล้วไป๋อวี้ก็ตามเข้ามาช่วย ทำให้พอแบ่งรับแบ่งสู้ได้อยู่
ครั้นโคจรเืลมให้ไหลเวียนเป็ปกติ ฉินชูจึงปลดปล่อยกระบวนท่าพบรรพกายสิทธิ์อีกครั้งจนแทงทะลุหน้าอกลูกศิษย์สายหลักที่ช่วยหลิ่วหนานต่อสู้ได้ แต่ต้องแลกกับการถูกหลิ่วหนานฟันเข้าที่หน้าท้อง
“ไอ้สารเลว คอยดูว่าใครจะโหดกว่ากัน” แม้จะได้รับาเ็ แต่ใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอยากเอาชนะ ก่อนหน้านี้ เขาประเมินพวกหลิ่วหนานต่ำเกินไป
ต่อมาหลิ่วหนานเป็ฝ่ายถูกฉินชูกับไป๋อวี้รุมโจมตี ต่อให้มีประสบการณ์และทักษะการต่อสู้ของผู้ฝึกขั้นที่สี่มากแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานได้ ไม่นานก็ถูกฉินชูฟันแขนขวาขาดและถีบลงไปหมอบอยู่บนพื้น
ตอนนี้ไป๋อวี้กับหลิวเสวี่ยจึงหันไปช่วยเจิ้งชิว หานอวี้และชิวจ้านต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เหลือ
ฉินชูยกมือซ้ายกดาแที่หน้าท้อง มือข้างขวาถือกระบี่ สายตาจ้องมองซั่งซูอวี๋ไม่ขยับ เขารู้ดีว่าชัยชนะที่แท้จริงของการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของซั่งซูอวี๋ หากซั่งซูอวี๋เล่นบทโหดขึ้นมา คาดว่าคงไม่มีใครรอดจากการต่อสู้ครั้งนี้แน่นอน
ครั้นแล้ว ซั่งซูอวี๋ก็เดินเข้ามาใกล้ฉินชู
