เขางูขาว ทางเข้าอันเป็ทางที่จำเป็ต้องผ่าน มีคนเฝ้าตรวจตราแ่า
ไม่ต้องคิดให้เปลืองสมองเลย อย่างนี้ยืนยันได้ว่า ต้นไม้พิสดารนั่นอยู่ที่นี่จริงๆ ทางเทียนเสินเซิงอู้เฝ้าระแวดระวังอย่างแ่า เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดคิด
“ฉันจะปีนหน้าผาเข้าไป ไม่เชื่อหรอกว่าจะเข้าไปไม่ได้” ฉู่เฟิงหันมามองหวงหนิว ความหมายก็คือ แกไหวไหม?
หวงหนิวยืดตัวขึ้นเต็มความสูงอย่างเต็มภาคภูมิ ชกลมให้ดูยกหนึ่ง ไม่เพียงแต่ชกได้รุนแรง หากยังไหลลื่นรวดเร็ว
พวกเขาเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ไปตามแนวป่า จนไปหยุดอยู่ที่หน้าผาสูงชัน พิจารณาจากความสามารถของฉู่เฟิงตอนนี้แล้ว การปีนขึ้นไปย่อมไม่เป็ปัญหา
ทันใดนั้น เขากลับชะงัก เอ่ยว่า “มนุษย์พิเศษทั่วๆ ไปย่อมสามารถปีนขึ้นไปได้ เป็ไปไม่ได้ที่เทียนเสินเซิงอู้จะไม่หาทางป้องกัน ตรงจุดนี้ ดีไม่ดีอันตรายยิ่งกว่า”
จากนั้นฉู่เฟิงก็เงยหน้าสำรวจตรวจตรา หน้าผาตรงนี้สูงชะโงกง้ำ ไม่มีต้นหญ้าสักต้น เนื่องจากแผ่นผาสีน้ำตาลเข้มตรงนี้คือหินทั้งก้อน
ฉู่เฟิงพลันตะลึง ในที่สุดก็พบร่องรอย
“โหดได้โล่!”
เขาเห็นว่าบนหน้าผามีรอยแตก มีร่องรอยถูกทำลาย ถึงแม้มีการกลบเกลื่อน แต่หากดูให้ดีก็สามารถแยกแยะได้
“เหมือนโดนบาซูก้ามาก่อน!”
กระนั้นก็ตาม เขามองเห็นรอยเืขนาดย่อมบนหน้าผาที่แห้งกรังไปนานจนเปลี่ยนเป็สีแดงคล้ำ บ่งบอกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น
มีมนุษย์พิเศษเคยปีนหน้าผานี้มาแล้ว และกินบาซูก้าเข้าไปแล้วด้วย!
ฉู่เฟิงกับหวงหนิวล่าถอย ถึงแม้ไม่ถึงกับต้องฆ่าเขา แต่ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่นจะเป็การดีที่สุด ไม่จำเป็ก็ไม่ควรหาเื่ใส่ตัว
เขางูขาวอาณาบริเวณกว้างใหญ่ เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีหนทางเข้าไป หากจะปิดผนึกทุกเส้นทาง เทียนเสินเซิงอู้ต้องใช้มนุษย์พิเศษและอาวุธมากมายขนาดไหนกัน?
กลางทาง เขาเห็นมนุษย์พิเศษสิบกว่ากลุ่มที่ซุ่มซ่อนอยู่ ทุกคนล้วน้าเข้าไปยังเขางูขาว
ฉู่เฟิงประเมินสถานการณ์ พื้นที่แถบนี้มีการวางกำลังสนับสนุน อีกทั้งจำนวนมนุษย์พิเศษที่แอบซ่อนอยู่ก็เกินร้อยคน บัดนี้ที่ตรงนี้ได้กลายเป็สมรภูมิรอการห้ำหั่น อันตรายอย่างยิ่ง หากมีใครจุดชนวนล่ะก็ การต่อสู้ย่อมปะทุขึ้นมาอย่างแน่นอน!
ตามยอดเขาหรือในหุบเขา สามารถเห็นร่องรอยพวกรอยเืที่กระเซ็นประปราย เขาที่แตกหัก หรือเกล็ดสีเงินที่หลุดร่วง ซึ่งเป็ของพวกมนุษย์พิเศษ
“เคยเกิดการต่อสู้รุนแรงมาก่อน ดูท่าตรงนี้จะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว”
นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น รอจนผลไม้สุกงอมได้ที่ ย่อมหนักหนาสาหัสกว่านี้แน่นอน ฉู่เฟิงทอดถอนใจ ดูท่าความคิดที่จะพุ่งทะยานข้ามหัวเหล่ามนุษย์พิเศษที่ห้ำหั่นกันเพื่อผลไม้วิเศษนั้นจะเป็ไปได้ยากเสียแล้ว
อีกทั้งจำนวนมนุษย์พิเศษคงมากมายเหลือคณานับ!
อาณาบริเวณอันเปี่ยมไปด้วยความลึกลับซับซ้อนนี้ไม่นับว่าเล็กเลย ทั้งยังมีเส้นทางเข้าออกได้หลายทาง เทียนเสินเซิงอู้ต่อให้เก่งกาจแค่ไหนก็ไม่อาจปิดเส้นทางทั้งหมดได้
พวกมนุษย์พิเศษก็สามารถเล็ดลอดเข้าตามเส้นทางเช่นนี้เพื่อสำรวจสถานการณ์
ฉู่เฟิงแฝงตัวเข้าไปได้สำเร็จ หากก็ต้องเคลื่อนไหวไปในป่าทึบอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง
เขางูขาว ูเานั้นสมกับชื่อ เทือกเขาในอาณาบริเวณนี้ทอดตัวต่อเนื่องเรียงราย เหมือนกับงูตัวใหญ่ที่นอนหลับใหล จำศีลเนิ่นนาน
ในแถบเทือกเขานี้ มีพื้นที่ราบกว้างใหญ่ ต้นไม้ั์เก่าแก่ ทั้งยังหายาก มนุษย์พิเศษบางคนเร่งรุดไปยังที่นั่น
เมื่อฉู่เฟิงไปถึงก็กวาดตามอง มีต้นแปะก๊วยเก่าแก่อยู่หลายต้น ล้วนแล้วแต่มีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี เปลือกไม้เก่าแก่ปริแตก ลำต้นหนาอย่างยิ่ง ต้องใช้คนหลายคนจึงจะโอบรอบ
“หมาป่าเยอะขนาดนี้เชียว?” ฉู่เฟิงประหลาดใจ
บนเขามีกลิ่นสาบสาง เป็กลิ่นสาบเฉพาะตัวของสัตว์ป่า ตรงหน้าคือฝูงหมาป่าเกือบร้อยตัว แต่ละตัวแสยะให้เห็นเขี้ยวที่คมขาวราวกับหิมะ
พวกมันยึดพื้นที่ตรงนี้ คิดจะร่วมวงแย่งลูกไม้ด้วยงั้นหรือ?
ท่ามกลางฝูงหมาป่า มีอยู่สองตัวที่มีลักษณะพิเศษ ตัวหนึ่งเขี้ยวคมเต็มปาก ตัวใหญ่โตกว่าหมาป่าทั่วไปอย่างมาก รูปร่างแข็งแกร่งดุจกระทิง ที่พิสดารที่สุดก็คือิัทั่วร่างของมันไม่ใช่ขน แต่เป็หิน
อย่างกับว่ามันเป็หมาป่าหิน!
ชัดเลยว่า หมาป่าตัวนี้ผ่านการกลายพันธุ์มาแล้ว!
หมาป่าอีกตัวกลับพิเศษเสียยิ่งกว่า มันตัวใหญ่เท่าบ้าน ทั่วร่างอย่างกับสำริด ส่องแสงเย็นเยียบแวววาวประดุจโลหะ ปากอันใหญ่โต เมื่ออ้ากว้างนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง มันเป็สำริดแม้กระทั่งภายใน อย่างเช่นคมเขี้ยวที่สาดไอสังหารเยือกเย็น
“หมาป่าสำริด?” ฉู่เฟิงตะลึง
หมาป่าสองตัวที่กลายพันธุ์นั้นไม่ต่างกับมนุษย์ เป็ไปได้ที่มันไปกินลูกไม้ประหลาดเข้า ทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างพิสดาร ะเิพละกำลัง
พวกมันนำฝูงหมาป่ามาคุมเชิงอยู่ที่นี่ ชัดเจนว่ามาเพื่อรอให้ลูกไม้วิเศษสุกงอม
ฉู่เฟิงเปลี่ยนตำแหน่ง ในที่สุดก็เห็นต้นไม้เล็กต้นนั้นที่ถูกต้นแปะก๊วยโบราณบดบังอยู่ในตอนแรก
นี่เป็สนต้นหนึ่งไม่สูงนัก ประมาณหนึ่งจุดสองเมตรโดยประมาณ อายุไม่น่าจะเกินสองปี แต่ความที่มันกลายพันธุ์แล้ว ทั้งต้นเขียวขจี
ต้นสนนี้รูปทรงสวยงาม เปล่งแสงเรืองรอง เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา แม้อยู่ห่างออกไป ก็ยังรู้สึกได้ถึงพลังแห่งชีวิตที่แผ่ซ่านออกมา
บนต้นสนก็คือผลของมัน อย่างที่เรียกกันทั่วไปว่าลูกสน ภายในคือเม็ดสน
ลูกสนนี้ มีส่วนเล็กๆ ที่มีสีเขียวอ่อน หากส่วนใหญ่ของลูกสนกลับมีสีม่วงทอง แปลกประหลาดอย่างยิ่ง
ส่วนที่มีสีเขียวอ่อนนั้น ก็เหมือนลูกสนทั่วไป ค่อนข้างธรรมดา ทว่าส่วนที่เป็สีม่วงทองนั้นเหมือนกับจะเป็โลหะ อีกทั้งยังส่องแสงเรืองรองแวววาว
ต้นสนขนาดเล็กอย่างนี้ ปรกติย่อมไม่สามารถออกลูกได้ แต่ต้นสนที่กลายพันธุ์แล้วต้นนี้ แหกกฎธรรมชาติโดยสิ้นเชิง ทั่วทั้งต้นเขียวขจีเรืองรอง
ใครเห็นใครก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา
นอกจากนี้ ลูกสนบนต้นยังมีขนาดใหญ่เท่ากำปั้นอีกด้วย ชนะลูกสนธรรมดาขาดลอย แสงสีม่วงทองสดใส ที่จะไม่ดึงดูดสายตาคนย่อมเป็ไปไม่ได้เลย
ลูกสนยังไม่ทันแตก แต่ก็มีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมา
“อย่างนี้ อีกไม่กี่วันลูกสนก็คงแตก แค่รอให้ส่วนสีเขียวอ่อนกลายเป็สีม่วงทอง และส่องแสงสีม่วงก็ถือว่าได้ที่แล้ว!” ฉู่เฟิงั์ตาเป็ประกาย
พวกมนุษย์พิเศษต่างก็เฝ้าระวัง รอคอยให้ผลสุกงอมได้ที่ ไม่มีใครชิงลงมือก่อน ด้วยเกรงจะทำลายการเปลี่ยนแปลงในขั้นสุดท้าย หมาป่าพวกนั้นก็เช่นกัน ต่างอดทนกันถึงที่สุด เฝ้ารอกันอย่างสงบ
“มีศพด้วยเหรอ?”
ฉู่เฟิงสีหน้าพิศวง ในกอหญ้าห่างจากต้นไม่ไปไม่ไกล กลับมีซากศพไม่น้อย ไม่ได้มีเฉพาะศพของมนุษย์พิเศษเท่านั้น หากยังมีซากของสัตว์ร้ายอีกด้วย
นี่มันเื่อะไรกัน? มองไม่เห็นาแ แต่ซากเปลี่ยนเป็สีม่วงคล้ำ สงสัยไว้ก่อนว่าถูกพิษร้ายแรง
“ระวังกันหน่อย ที่นี่แปลกๆ ไม่รู้ทำไม แต่ลึกลับอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้ตรงนี้กลายเป็ที่แห่งความตาย”
เห็นได้ชัดว่า ละแวกนี้มีมนุษย์พิเศษคนอื่นๆ ซุ่มอยู่ด้วย แม้เสียงที่พูดจะเบาแสนเบา แต่ด้วยััอันเฉียบคมของฉู่เฟิง กลับได้ยินอย่างชัดเจน
“ฉันก็ได้ยินมาว่า มียอดฝีมือของกลุ่มโพธิจีนส์บุกเข้าไป สุดท้ายก็ตายอย่างอนาถ!”
“ไปกันเถอะ ได้เห็นกับตาแล้ว พอจะรู้สถานการณ์แล้ว ตรงนี้อยู่นานไม่ได้ ถ้าถูกพบเข้าจะเป็เื่ รอให้ลูกสนได้ที่แล้วค่อยมา!”
มนุษย์พิเศษหลายคนนั่นเอ่ยเสียงแ่เบา พวกเขาสงสัยว่าเทียนเสินเซิงอู้จงใจหละหลวม แต่จริงๆ แล้วคือเฝ้ามองอย่างไม่วางตาต่างหาก
คนพวกนั้นจากไปอย่างระมัดระวัง
“ตอนนี้ ถ้าจะขุดไปทั้งรากแล้วเอาไปฝังที่อื่นจะทำได้ไหม?” ฉู่เฟิงถามหวงหนิว
หนิวหมัวหวังส่ายหัว จ้องต้นไม้ต้นนั้นแววตาเป็ประกาย เห็นได้ชัดเจนว่ามันถูกดึงดูดอย่างรุนแรงจนแทบจะทนไม่ได้
“เคลื่อนย้ายก่อนเวลาอันควร ลูกไม้จะสลายไป” หวงหนิวเขียนตัวอักษรบนพื้น
ฉู่เฟิงจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะเสี่ยง
ในตอนนั้น ฉู่เฟิงเองก็รู้สึกว่าคนพวกนั้นพูดมีเหตุผล เทียนเสินเซิงอู้จะต้องวางหมากเอาไว้แน่ๆ ที่ตรงนี้สงบเงียบเกินไป
ฉู่เฟิงยังอยู่ในเงามืดอยู่นาน ทันใดนั้น ห่างออกไปมีเสียงดังขึ้นเบาๆ ก้อนหินบนพื้นแตกออก มีมนุษย์พิเศษซ่อนซุ่มอยู่!
ใต้ดินมีคนซ่อนอยู่?!
ฉู่เฟิงตะลึง น่ากลัวพื้นที่แถบนี้จะโดนขุดจนพรุนไปเสียแล้ว เทียนเสินเซิงอู้ควบคุมทุกอย่างไว้จริงๆ
เขามองไปทางกลุ่มยอดเขา รู้สึกเหมือนกับมันเป็สัตว์ร้ายที่จ้องจะเขมือบผู้คน เหี้ยมโหด และน่ากลัว
“รีบเผ่นดีกว่า บรรยากาศที่นี่ชวนขนหัวลุก ดูท่าเทียนเสินเซิงอู้จะตีตราจองแ่าเสียเหลือเกิน” ฉู่เฟิงหันตัวเดินจากไปอย่างไร้สุ้มเสียง
หวงหนิวเองก็ตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เมื่อมาถึงที่โล่งกว้างตรงนี้ มันััได้ถึงอันตราย ไม่อยากรั้งอยู่นาน
“ระดับความยากสูงเกิน จะแย่งเนื้อจากปากเสือ ท่าทางจะเป็ไปไม่ได้ แต่ว่าอย่างน้อยต้องขุดดินใต้ต้นไม้นั่นไปเสียหน่อย”
นี่เป็เป้าหมายขั้นต่ำที่สุดที่ฉู่เฟิงบอกตัวเอง
ก็พอจะคาดเดาได้ว่า ดินรอบๆ รากของต้นไม้ที่กลายพันธุ์จะต้องพิเศษอย่างยิ่ง
มนุษย์พิเศษทั้งหมดล้วนมุ่งมั่นแย่งชิงลูกสน คิดว่าคงไม่มีใครสนใจดินที่รากของมันหรอก นี่ต่างหาก โอกาสของฉู่เฟิง
ฉู่เฟิงตะลอนไปทั่วเขา สุดท้ายก็นำพวกปืนบาซูก้าที่ยึดมาได้ ย้ายทั้งหมดไปซ่อนตามจุดต่างๆ บนเขางูขาว
“หากได้มาล่ะก็ เราก็หนีตามเส้นทางนี้ ใครหน้าไหนตามมาเก็บ ก็กินบาซูก้าไปซะ!”
เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับเขาไท่หังซาน จึงเลือกเส้นทางหลบหนีอย่างระมัดระวัง
สุดท้าย ฉู่เฟิงก็เดินทางกลับ แต่ไม่ได้ตรงกลับบ้านในทันที หากไปยังทางขึ้นเขาที่เขาเจอกับหวงหนิวเป็ครั้งแรก
โจวเฉวียนเคยเก็บต้นหญ้าที่ออกลูกไม้สีแดงสดได้ต้นหนึ่ง เป็เพราะโชคชะตาคราวนั้น ทำให้เขามีความสามารถหลอมเหล็กละลายหินได้อย่างน่ากลัว
พอได้เจอหวงหนิว มันก็แย่งลูกไม้ทันที แต่สุดท้ายก็ได้แต่งับใบของต้นนั้น ส่วนรากกลับโยนทิ้งไป
“เจอแล้ว!”
ฉู่เฟิงตื่นเต้นดีใจ ในที่สุดก็เจอจริงๆ ด้วย รากของต้นหญ้านั่นจนวันนี้ก็ยังไม่แห้งเหี่ยว เป็เพราะก้อนดินขนาดเท่าเล็บมือที่รากเกี่ยวพันเอาไว้ มันส่องแสงสีเขียวอ่อนเรืองรอง
ตอนนี้เขารวบรวมก้อนดินพิเศษได้ห้าก้อนแล้ว เขาเชื่อว่ามันจะทำให้เมล็ดพันธุ์ทั้งสามที่บ้านงอกเป็ต้นอ่อนได้
จากนั้นไม่นาน สิ่งแรกที่เขาทำเมื่อกลับถึงบ้านก็คือ รดน้ำพรวนดิน เมล็ดพันธุ์หนึ่งเมล็ดก็ใส่ก้อนดินหนึ่งก้อน วาดหวังรอมันแตกหน่อ
ยังเหลืออีกสองก้อน เขาไม่กล้าใส่ลงไป กังวลว่าจะไม่พอดี
“ซีหวังหมู่ จิ่วเทียนเสวียนหนี่ว์ รีบงอกออกมาเร็วๆ นะ!” เขาพร่ำพูด
ฉู่เฟิงเอากล่องหินออกมา เตรียมจะใช้มันเก็บก้อนดินที่เหลืออีกสองก้อนนั้น
มันเป็กล่องหินลึกลับจากเชิงเขาคุนหลุน เมล็ดพันธุ์ทั้งสามถูกเก็บรักษาในกล่องนี้
กล่องหินสูงสามนิ้ว ทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่เมื่อเปิดออก ข้างในเป็เพียงหลุมตื้นๆ เต็มที่ก็ใส่เมล็ดพันธุ์ได้แค่สามเมล็ด จะเอามาใส่อย่างอื่นก็ไม่ได้
ฉู่เฟิงเอากระบี่สั้นสีดำออกมา เตรียมจะแกะหลุมให้ลึกขึ้น ต่อไปจะเอามาเก็บก้อนดินพิเศษนี้โดยเฉพาะ
กระบี่สั้นคมกล้า เนื้อหินถูกสกัดออกอย่างง่ายดาย พื้นที่ภายในกว้างขึ้นทันที
ติ๊ง!
ทันใดนั้น จังหวะที่กระบี่สั้นแทงเข้าไปที่ด้านข้างของกล่องหิน ก็ได้ยินเสียงกังวานใส สกัดเข้าไปไม่ได้อีก
ฉู่เฟิงตกตะลึง เพ่งดูอย่างละเอียด หากก็ไม่หยุดมือ เขาสกัดหินออกมาจนพื้นที่ด้านในกว้างขึ้น พลันพบว่าด้านข้างของกล่องหินแข็งอย่างยิ่ง แม้กระบี่สั้นก็ไม่อาจสร้างรอยขีดข่วนได้
เมื่อทำความสะอาดแล้ว เขายกกล่องหินขึ้นดูก็พบว่า ด้านในของกล่องมีลวดลายบางอย่างรางๆ คิดไปเองหรือเปล่านะ หรือเป็ลวดลายตามธรรมชาติ?
ไม่นานนักเขาก็รู้ได้ นี่สิถึงจะเป็โฉมหน้าที่แท้จริงของกล่องหิน หินตรงกลางที่ถูกนำมาใส่ในภายหลังเป็หินเนื้ออ่อน ใช้กระบี่สั้นก็สกัดออกมาได้
เนื้อหินที่แท้จริงของกล่องหินนั้นพิสดารอย่างยิ่ง แม้กระบี่สั้นสีดำก็ไม่อาจทำอะไรได้
หวงหนิวเดินเข้ามาใกล้ มองดูกล่องหิน แต่แล้วก็โดนเนื้อหินที่ถูกสกัดออกมาเตะตา สีหน้าถึงกับเคร่งเครียด
มันก้มหัว ใช้กีบหน้าประคองกล่องหินขึ้นมาส่องดูอย่างละเอียด จากนั้นเขี่ยเนื้อหินด้านในออกมาขยี้เล็กน้อยแล้วลองชิมดู วินาทีนั้นมันถึงกับพลุ่งพล่าน!
มันเขียนตัวอักษรแถวหนึ่งลงบนพื้น
ขณะเดียวกัน เครื่องมือสื่อสารของฉู่เฟิงก็ดังขึ้น พอรับสาย เสียงของหลินนั่วอีก็ลอยมา เรียบง่าย ห่างเหิน “พรุ่งนี้ฉันจะไปเขาไท่หังซาน!”
ตอนรับสาย ฉู่เฟิงเกือบหลุดคำว่า ‘ยัยแม่มด’ ออกมาเสียแล้ว คำพูดมาถึงริมฝีปากกลับถูกเขากลืนกลับเข้าไป คราวนี้ไม่ใช่ยัยนั่นแฮะ