แน่นอนว่ากู้เจิงไม่เห็นด้วยที่จะทำประตูตรงกำแพง เพราะเคยมีคำกล่าวที่ว่า ระยะทางก่อให้เกิดความสวยงาม เนื่องจากเมื่อใกล้กันจนเกินไป ความขัดแย้งต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นได้ง่าย และอีกอย่างกู้เจิงไม่อยากให้เสิ่นเยี่ยนกับตวนอ๋องใกล้ชิดกันจนเกินไป
ปาเม่ยพาสาวใช้ที่คัดมาแล้วของจวนอ๋องมาด้วย ดังนั้นไม่ถึงหนึ่งชั่วยามทุกคนก็ช่วยกันทำความสะอาดเรือนทั้งหลังจนสะอาดสะอ้าน
“พี่สะใภ้ ไม่ต้องจริงๆ เ้าค่ะ” ปาเม่ยเห็นกู้เจิงยัดเงินใส่มือสาวใช้แต่ละคน นางจึงรีบขัดขึ้น
“พวกนางเป็สาวใช้ของจวนตวนอ๋อง ไม่ใช่สาวใช้ของตระกูลเสิ่นข้า และพวกนางก็ทำงานกันหนักมาก ถือซะว่าเงินนี่คือค่าน้ำชาแล้วกัน” กู้เจิงแบ่งเงินให้ทุกคน
เหล่าสาวใช้ต่างดีใจกันมาก พวกนางรีบขอบคุณแล้วจากไป
หลังจากเสร็จงานทำความสะอาด ป่าเม่ยจึงเอ่ยชวนพวกกู้เจิง “พี่สะใภ้ พี่ชุนหง ตอนเที่ยงพระชายาตวนจะไปทานอาหารในพระราชวัง ข้าจึงว่างใน่บ่าย พวกเราไปกินข้าวกลางวันด้วยกันเถอะเ้าค่ะ”
“ได้สิ”
ปาเม่ยเลือกร้านเกี๊ยวที่มีชื่อเสียงในเมืองเยว่เฉิง หลังจากพวกนางกินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้วพวกนางก็ตกลงกันว่าจะพากันไปซื้อของใช้เข้าบ้านต่อ
รถม้ามาหยุดลงที่หน้าประตูจวนตวนอ๋อง เพราะต้องพาปาเม่ยมาเปลี่ยนจากชุดผู้ดูแลของจวนอ๋องมาเป็ชุดปกติก่อน เนื่องจากเวลาที่นางสวมชุดที่มีตราของจวนอ๋องแล้วจะดูน่าเกรงขามเป็พิเศษ แต่ต่อมาปัญหาก็มาเยือน เพราะมักมีคนมาขอให้นางช่วยงานอยู่เสมอ ดังนั้นเวลาออกไปข้างนอกป่าเม่ยจึงต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ของตัวเองก่อน
กู้เจิงนั่งโยกขาไปมาบนรถ มือหนึ่งจิ้มหน้าผากชุนหง “ปาเม่ยอายุน้อยกว่าเ้าหนึ่งปี แต่ตอนนี้นางได้เป็รองผู้ดูแลจวนแล้ว”
ชุนหงยู่ปาก “คุณหนูอย่าเอาแต่ชมคนอื่นสิเ้าคะ บ่าวก็ตั้งใจอ่านหนังสือ และเรียนบัญชีตามคำสั่งของคุณหนูอยู่นะเ้าคะ”
“เ้าสาธยายมาขนาดนี้ ข้าก็ต้องชมว่าเ้าเก่งมาก”
“แน่นอนเ้าค่ะ”
“เอาล่ะ สิบห้าวันหลังจากนี้เ้าก็ไปช่วยจัดร้านหนังสือกับลุงหม่านะ”
ชุนหงเบิกตากว้างมองคุณหนูอย่างไม่เชื่อ “ไม่ได้เ้าค่ะ บ่าวรับปากซู่เหนียงไว้ว่าจะคอยอยู่ดูแลคุณหนู”
“ไม่ใช่ว่าเ้าอยากจะเป็ผู้ช่วยของข้าหรอกหรือ?” กู้เจิงหยิกแก้มเล็กของชุนหง “เ้าต้องค่อยๆ เริ่มทีละขั้นอันดับแรกเ้าต้องไปเรียนงานที่ร้านหนังสือก่อน แล้ววันหน้าเ้าจะได้มาช่วยข้าจัดการดูแลหอสมุดได้ ส่วนเื่ดูแลข้า ข้าโตขนาดนี้แล้วจะดูแลตัวเองไม่เป็อยู่อีกหรือ? ”
“อะแฮ่ม..” มีคนกระแอมเบาๆ
กู้เจิงกับชุนหงหันขวับไปมอง พวกนางเห็นจ้าวหยวนเช่อยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนั้แ่เมื่อไหร่ไม่รู้ ส่วนเสียงกระแอมไอนั้นมาจากพ่อบ้านว่านที่อยู่ข้างกายเขา
นายบ่าวสองคนรีบทำความเคารพ
“พวกเ้ามาทำอะไรกันที่นี่?” จ้าวหยวนเช่อคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นผู้หญิงคนนี้ที่หน้าจวนของตนเอง ไม่ง่ายเลยที่เขาจะไล่นางออกไปจากสมองได้ แต่นี่นางยังกลับโผล่มาให้เขาเห็นถึงที่จวน
“พวกเรามารอปาเม่ยอยู่เพคะ” กู้เจิงเอ่ยตอบคำถาม ก่อนที่จะเอ่ยขอบคุณที่ตวนอ๋องส่งสาวใช้ไปช่วยทำความสะอาดที่เรือนใหม่ของนาง “และก็ขอบพระคุณท่านอ๋องมาก ที่ทรงส่งสาวใช้มาช่วยทำความสะอาดที่เรือนเพคะ”
“ข้าแค่ช่วยจ่างหวาย”
“เพคะ” การช่วยเสิ่นเยี่ยนแบบนี้ ต่างอะไรกับการช่วยนาง?
จ้าวหยวนเช่อละสายตาจากใบหน้าของกู้เจิง ไม่ได้เจอกันตั้งนานผู้หญิงคนนี้กลับอวบอิ่มขึ้นไม่น้อย ดูท่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในตระกูลเสิ่น “กู้เจิง”
“ท่านอ๋องมีเื่อันใดหรือเพคะ?” จู่ๆ เขาก็เรียกชื่อนางตรงๆ ทำเอานางใจเต้นระรัว
จ้าวหยวนเช่อเอ่ยเสียงเบา “เ้าไม่ใช่คู่ครองของจ่างหวาย ชาตินี้มิใช่”
กู้เจิงตะลึงงัน “แล้วเป็ชาติไหนหรือเพคะ?”
จ้าวหยวนเช่อไม่ตอบ
กู้เจิงดึงสติกลับมา นางก็สะอึกกับคำถามของตัวเองเช่นกัน สิ่งที่นางตั้งใจจะถามไม่ใช่สิ่งนี้ “งั้นคู่ครองของหม่อมฉันเป็ใครกันเพคะ ถ้าไม่ใช่เสิ่นเยี่ยน?”
จ้าวหยวนเช่อขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ไม่ใช่เ้าก็แล้วกัน”
“แต่ตอนนี้หม่อมฉันเป็ภรรยาของเขานะเพคะ”
“ไม่ใช่ว่าจะเป็ตลอดไป”
“ท่านพี่จะไม่หย่ากับข้าแน่นอนเพคะ”
“พวกเ้าจะต้องแยกจากกันในไม่ช้า” จ้าวหยวนเช่อกล่าวประโยคนี้แล้วก็เดินจากไป
พ่อบ้านว่านที่ได้ยินบทสนทนาระหว่างท่านอ๋องกับฮูหยินน้อยเสิ่นทั้งหมด เขาเหงื่อแตกพลั่ก ท่านอ๋องพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ถ้าฮูหยินน้อยเสิ่นไม่ใช่คู่ครองของใต้เท้าเสิ่นแล้วจะเป็ใครกัน? เหตุใดท่านอ๋องมักจะเอาตัวเข้ามาพัวพันกับนางนักนะ ทั้งๆ ที่พระชายาของพระองค์ก็ทั้งงามและเพียบพร้อม
กู้เจิงมองตามแผ่นหลังของจ้าวหยวนเช่อไปอย่างหงุดหงิด
“คุณหนู ท่านอ๋องนี่ช่างกวนใจเสียจริงเ้าค่ะ” ชุนหงพูดอย่างโมโห
จู่ๆ กู้เจิงก็นึกถึงความจริงข้อหนึ่งขึ้นมาได้ จ้าวหยวนเช่อผู้นี้คือคนที่กลับมาเกิดใหม่เหมือนเช่นนาง ในชาติที่แล้วนั้นนางเป็อนุของเขา แล้วในชาตินี้ ถ้านางไม่ได้เป็คู่กับเสิ่นเยี่ยน แล้วจะเป็ใครกัน
กู้เจิงนึกถึงบุตรสาวสกุลหวังผู้เป็ใหญ่แห่งตระกูลบัณฑิต สตรีนางนี้เป็คนที่จ้าวหยวนเช่อหมายตาอยากจะให้คู่กับเสิ่นเยี่ยน หรือว่า ในชาตินั้นของจ้าวหยวนเช่อ คนที่เสิ่นเยี่ยนแต่งงานด้วยก็คือแม่นางสกุลหวังคนนี้
เมื่อคิดถึงข้ออ้างของแม่นางสกุลหวังที่เคยมาขอน้ำดื่มจากนาง กู้เจิงก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
ตอนที่ปาเม่ยออกมา ก็เห็นท่าทางของพี่สะใภ้ดูมีเื่หนักอึ้งในใจ
หลังจากที่พวกนางไปกินข้าวเที่ยงกันแล้ว ก็พากันไปซื้อของใช้ในบ้านตามที่ตกลงกันไว้ พวกนางซื้อของกันจนเต็มรถม้า
ตกบ่าย ปาเม่ยก็กลับไปทำงานที่จวนอ๋อง
กู้เจิงและชุนหงช่วยกันจัดการตกแต่งเรือน จนเรือนน่าอยู่ไม่น้อย
“เดี๋ยวถ้ากลับไปที่บ้าน ข้าจะไปขอเมล็ดพันธุ์ดอกไม้จากท่านแม่มาโรยตรงทางเดินซุ้มเถาองุ่น พอฤดูใบไม้ผลิ ลานบ้านจะต้องสวยมากแน่” กู้เจิงยืนท้าวเอว มองดูซุ้มเถาองุ่นอย่างมาดหมาย
“ใช่เ้าค่ะ” ชุนหงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
เสียงรถม้ามาจอดที่หน้าประตู ชุนหงรีบออกไปดู เป็รถม้าของกู้อิ๋ง
“น้องสาม” กู้เจิงทักอย่างแปลกใจ
“พี่ใหญ่ กลับไปทานอาหารเย็นที่จวนกู้ด้วยกันเถอะเ้าค่ะ” กู้อิ๋งเอ่ยชวน
กู้เจิงกำลังจะบอกว่านางได้รับปากกับเสิ่นเยี่ยนไว้ว่าจะรอเขาที่นี่แล้วกลับบ้านด้วยกัน แต่ชิวจื้อสาวใช้คนสนิทของกู้อิ๋งกลับพูดขึ้นมาก่อน “คุณหนูใหญ่เ้าคะ บ่าวได้แจ้งกับท่านบุตรเขยใหญ่แล้วว่าหลังเลิกงานให้เขามารับคุณหนูใหญ่ที่จวนกู้เ้าค่ะ”
เมื่อเป็แบบนั้น กู้เจิงจึงก้าวขึ้นรถม้าโดยไม่ลังเล บนรถม้าไม่มีกู้เหยาอยู่ด้วย
“น้องสี่ยังไม่กลับออกมาจากวังอีกหรือ?”
“องค์หญิงสิบเอ็ดชวนให้นางร่วมทานมื้อเย็นในวังด้วยกันเ้าค่ะ” กู้อิ๋งเอ่ยพลางใช้มือบีบนวดขมับ
แม้ว่ากู้เจิงจะอยากรู้เื่มิตรภาพระหว่างองค์หญิงสิบเอ็ดกับกู้เหยา แต่ตอนนี้ท่าทางของกู้อิ๋งดูไม่มีอารมณ์จะพูดเื่นี้ “เกิดเื่อะไรขึ้นหรือ?”
“พระชายาเสี่ยนทรงปลิดชีพตัวเองเ้าค่ะ” กู้อิ๋งถอนหายใจอย่างวิตก
กู้เจิงใ “เหตุใดพระชายาเสี่ยนถึงปลิดชีพตัวเองเล่า?”
กู้อิ๋งเอ่ยเล่า “นายหญิงฟู่ฆ่าตัวตายที่หน้าจวนเสี่ยนอ๋อง ทั้งราชสำนักโจษจันกันไปทั่ว และแม่ทัพเยี่ยนก็้าแก้แค้นให้พี่สาว เสี่ยนอ๋องจึงจำต้องหาทางออก แต่ทางออกของเขาคือการโยนความผิดทั้งหมดให้พระชายาเ้าค่ะ”
กู้เจิงใมาก แต่ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายนัก เสี่ยนอ๋องผู้นี้ลงมือกับพวกนางอย่างเืเย็น คนเช่นนี้จะโยนความผิดให้พระชายาของตนเองก็คงจะทำได้ “น้องสาม เื่นี้ร้ายแรงมากหรือไม่?” ถ้าไม่ใช่พระชายาเสี่ยน เสี่ยนอ๋องก็ต้องหาคนมาเป็แพะรับบาปเื่นี้อยู่ดี
“พี่ใหญ่ ข้าหนาวเ้าค่ะ” กู้อิ๋งตอบด้วยประโยคที่ขัดกัน
วันนี้อากาศไม่หนาวนัก ภายในรถม้านี่ก็อุ่น หรือนางจะไม่สบาย กู้เจิงรีบเอาเสื้อคลุมในรถม้ามาคลุมให้นาง
“พี่ใหญ่” จู่ๆ กู้อิ๋งก็ก้มหน้าลงซบไหล่นาง
กู้เจิง “...”
“พี่ใหญ่ ท่านว่าท่านอ๋องจะทำเช่นนี้กับข้าไหมเ้าคะ?”
“พูดเหลวไหลอะไรกัน? ไม่หรอก” กู้เจิงเข้าใจสิ่งที่กู้อิ๋งกำลังคิดอยู่ ตอนนี้นางกลัว กลัวว่าตวนอ๋องจะทำเหมือนกับเสี่ยนอ๋อง
“แต่นับั้แ่ข้าแต่งงานกับท่านอ๋อง ท่านอ๋องมาหาข้าทที่เรือนแทบนับได้มือด้วยมือเดียว” กู้อิ๋งกัดริมฝีปากแน่น “เขาเอาแต่อยู่ในห้องหนังสือและหารือเื่งานบ้านการเมือง จนข้าคิดว่าเื่เ่าั้คงจะน่าสนใจยิ่งกว่าข้าเ้าค่ะ”
“ท่านอ๋องเป็คนทำการใหญ่ คงตั้งใจจะช่วยแบ่งเบางานขององค์รัชทายาทน่ะ” กู้เจิงปลอบให้กู้อิ๋งไม่ต้องคิดมาก
“แต่พวกเราเพิ่งจะแต่งงานกันนะเ้าคะ”
“น้องสามเ้าคิดมากไปแล้ว ท่านอ๋องกับเสี่ยนอ๋องไม่เหมือนกัน เ้าจะไม่มีวันเป็เหมือนพระชายาเสี่ยนหรอก”
“จริงหรือเ้าคะ?”
กู้เจิงคิดอยู่นานก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา นางไม่ใช่ตวนอ๋องจึงไม่อาจรับประกันกับน้องสามได้ นางนึกถึงเื่ที่คุยกับตวนอ๋องเมื่อตอนบ่าย นางจะไม่ยอมหรอก ภรรยาของเสิ่นเยี่ยนต้องมีเพียงนางเท่านั้น
“พี่ใหญ่” กู้อิ๋งเรียกพี่สาวด้วยเสียงสั่นเครือ