มู่จื่อหลิงที่นั่งอยู่บนตักของหลงเซี่ยวอวี่พยายามจะลุกขึ้น แต่เขาไม่ยินยอม
หลงเซี่ยวอวี่คร่ำครวญ ยังคงไม่ยอมปล่อยนาง แสร้งทำเป็สงบนิ่ง ลูบหัวของมู่จื่อหลิงเบาๆ เสียงที่กล่าวออกมาของเขาทั้งเบาและแหบเล็กน้อย “เมื่อคืนเ้าไปทำสิ่งไม่ดีอะไรที่ตำหนักคุนหนิง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่จื่อหลิงก็หยุดดิ้นรนและนั่งนิ่งอย่างเชื่อฟัง
เดิมนางคิดว่านางวิ่งออกไปและนั่นคือจุดสิ้นสุดของเื่นี้ แต่นางไม่คิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะค่อยๆ มาตะล่อมถามอีกครั้ง ในยามนี้ควรทำอย่างไร?
เมื่อเขากล่าวถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงก็เกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
หนอนกู่ที่น่ากลัวมีอยู่จริงในยุคนี้ นางตระหนักดีถึงอันตรายของหนอนกู่
แต่นางกลับนำหนอนกู่มาใช้กับฮองเฮา แม้ว่ามันจะทำให้ดีขึ้น แต่มันก็ยังเป็กู่
กู่เป็สิ่งต้องห้ามในเมืองหลวง และในยามนี้ นางใช้มันเพื่อทำร้ายผู้อื่น หากมีผู้ใดรับรู้ ผลที่ตามมานั้นเกินจะจินตนาการได้
ไม่ต้องพูดถึงอารมณ์ที่ไม่แน่นอนของฮ่องเต้หลงเหวินอิ้น เขาจะไม่ละเว้นนางอย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาคงจะตัดสินว่านางคือผู้ที่ใช้กู่กับหลงเซี่ยวหนาน และลงโทษนางอีกครั้งสำหรับการสังหารองค์ชาย เพียงแค่พูดถึงความเกลียดชังและความกลัวของผู้คนในใต้หล้าที่มีต่อหนอนกู่ หากถูกค้นพบ น้ำลายจากปากของแต่ละคนอาจทำให้นางจมน้ำตายได้
หากไม่ใช่เพราะถูกบังคับ นางก็ไม่้าใช้กู่เพื่อทำร้ายใครเลย ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีความเกลียดชังแบบใดกับนาง นางก็ไม่้า
แต่ยามนี้ มันจบลงแล้ว และั้แ่นางได้ทำมันลงไป นางก็ไม่เสียใจแม้แต่น้อย
นางเป็คนเดียวที่รู้เื่ที่ฮองเฮาใช้กู่ และนางไม่ได้บอกแม้กระทั่งเย่จื่อมู่ด้วยซ้ำ
ในเวลานั้นเมื่อขอความช่วยเหลือจากเย่จื่อมู่ ก็บอกไปเพียงว่าตน้าแก้แค้นด้วยการวางยาพิษ และไม่พูดอะไรอีก อีกทั้งเย่จื่อมู่ก็ไม่ได้ถาม
หากนางไม่บอกว่าจะใช้กู่กับฮองเฮา กู่ที่ได้รับการปรับปรุงจากนางก็จะไม่ถูกค้นพบ และจะไม่มีผู้ใดพบกลอุบายใดๆ แม้ว่าฮองเฮาจะทรงรับรู้เื่นี้อยู่ในใจ นางก็ขมขื่นเกินกว่าจะพูดมันออกมา นางไม่อาจพูดออกมาได้
นางรู้ว่าเสด็จแม่ของหลงเซี่ยวอวี่ก็เสียชีวิตเนื่องจากกู่เช่นกัน ดังนั้นเขาควรจะแค้นเคืองหนอนกู่ใช่หรือไม่? และยามนี้นางกำลังใช้กู่เพื่อทำร้ายผู้คน เขาจะคิดอย่างไร?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลงเซี่ยวอวี่รู้อยู่แล้วว่านางมีหนอนกู่อยู่ในตัว และเขาไม่ได้พูดอะไรเลยั้แ่ต้นจนจบ ทั้งยังไม่ได้บอกว่าจะทำลายหนอนกู่เ่าั้
และครั้งล่าสุดที่นางหยิบหนอนกู่ควบคุมจิตใจออกมา ก็ไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆ จากเขาเลย เขาไม่สนใจความจริงที่ว่านางได้สร้างหนอนกู่จากกู่ปรสิตในตัวหมาป่าด้วยเช่นกัน
ดังนั้น...เขาคงไม่ว่าอะไรหากนางใช้กู่ เพื่อทำร้ายผู้คน ยิ่งคนผู้นั้นคือฮองเฮา ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
มู่จื่อหลิงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ตั้งใจบอกกล่าวทุกสิ่งที่ทำลงไปเมื่อคืนนี้ออกมา “ข้าไปเพื่อ...”
แต่ในเวลาเพียงชั่วครู่ มู่จื่อหลิงก็ยังคงลังเลที่จะพูดออกมา
แม้ว่าจะเดาได้ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะไม่สนใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้อื่นจะไม่สนด้วยเสียหน่อย
นางไม่รู้ว่า เพราะเหตุใดในยามนั้นที่นางยังไม่รู้จักเขาดี นางถึงเชื่อใจเขามาก และนางสามารถบอกเขาได้ทุกอย่าง ทั้งยังบอกเขาไปตามตรงเกี่ยวกับหนอนกู่
แต่ยามนี้...ใบหน้าอันไร้ที่ติของหญิงสาวผู้นั้นปรากฏขึ้นในจิตใจของมู่จื่อหลิงขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง
แม้ว่าจะไม่ทราบความสัมพันธ์ของพวกเขา แต่คนผู้นั้นก็สามารถมีอิทธิพลต่อเขาได้
หากทำได้ นางก็ไม่อยากคิดมาก ไม่อยากลงลึกไปกว่านี้ และไม่้าที่จะคิดว่าหัวใจของผู้คนนั้นเลวร้ายมากแค่ไหน
แต่ยามนี้ นางอดคิดไม่ได้เกี่ยวกับตัวตนและสถานการณ์ของนาง
นางไม่รู้ว่าตำแหน่งของฉีหวางเฟยที่นางเป็อยู่ในยามนี้จะดำเนินต่อไปได้นานเพียงใด แต่ตราบใดที่นางเป็ฉีหวางเฟยอีกเพียงหนึ่งวัน นางรู้ว่าศัตรูของนางจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ลดละ ดังนั้นนางจึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา
และยามนี้...นางยังเชื่อใจเขาได้ แต่ไม่กล้าเชื่ออย่างสุดหัวใจเหมือนก่อนหน้า
ในยามนี้นางไม่กล้าทำสิ่งใด หากเป็ใน่แรกนางจะบอกเขาทันที
อีกทั้งเมื่อเจอปัญหาก็ยังไม่กล้านึกถึงเขาเหมือนดัง่แรก ไม่กล้าวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเขาและหาผู้สนับสนุนให้เขา
ในยามนี้มู่จื่อหลิงเกิดความลังเล
อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้เห็นว่าในยามที่นางกำลังจะหยุดพูด ดวงตาที่สดใสราวกับดวงดาวของหลงเซี่ยวอวี่นั้นหรี่ลงครู่หนึ่ง
ไม่อยากจะบอกว่าเขามีหลายวิธีที่จะบังคับให้นางพูด แต่ยามนี้ เขาไม่อยากทำ...เขาไม่อยากบังคับนาง!
‘บางสิ่ง’ สามารถบังคับได้ แต่บางสิ่ง คำบางคำ จะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อถูกบังคับ
เช่นเดียวกับล่วมยาเล็กๆ ของนางที่สามารถใส่ของได้มากมาย เขาอยากรู้ที่มาของสิ่งนั้นมาก แต่เขาก็ไม่ได้ถาม
เขารู้ว่าร่างกายของนางมีความลึกลับมากมาย และมันไม่ง่ายที่จะสืบค้น!
เขาต้องรอ! ไม่ว่าในกรณีใด เพราะเขาได้เลือกนางแล้ว
เขา้าให้นางเป็ฝ่ายเริ่มพูดกับเขาก่อน เขาชอบความคิดริเริ่มของนาง
ในยามที่มู่จื่อหลิงยังคงคิดว่าควรจะตอบเช่นไรดีอยู่นั้น หลงเซี่ยวอวี่ก็พูดขึ้นมาว่า
“มู่มู่คนโง่ เหนื่อยหรือยัง? เมื่อคืนยังไม่ได้พักผ่อน พักผ่อนก่อน สิ่งที่เปิ่นหวางได้ให้สัญญาต่อเ้าไว้ จะต้องได้รับการจัดการอย่างแน่นอน ว่าอย่างไร?” หลงเซี่ยวอวี่จูบหน้าผากมู่จื่อหลิงเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยนาง แล้วยืนขึ้นก้าวออกจากประตูไป
เขาไม่ถามหรือ? ไม่บังคับให้นางพูดหรอกหรือ? เขาจากไปเช่นนี้? มู่จื่อหลิงตะลึงไปเล็กน้อยเมื่อมองเขาที่เดินออกไป
นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หากหลงเซี่ยวอวี่บังคับนางอีกครั้ง นางจะบอกเขาหรือไม่
แต่ยามนี้ เขาไม่ได้บังคับนาง ไม่มีแม้แต่คำถามเดียว
หลงเซี่ยวอวี่จากไปแล้ว ในเมื่อไม่ถาม นางก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าจะตอบอย่างไร นางควรจะมีความสุขใช่ไหม?
แต่...นางไม่มีความสุขเลย
เมื่อมองดูแผ่นหลังที่กำลังจะหายลับไป จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกราวกับว่ายังมีสิ่งหนึ่งในใจของนางที่ถูกฝ่ามือใหญ่จับไว้ มันเ็ปจนแทบหายใจไม่ออก
เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ชัดเจนอยู่ในใจ ความโกรธของเขา ความสงสารเมื่อเห็นนางาเ็ ความอ่อนโยนของเขาในยามที่ช่วยนางพันแผลอย่างระมัดระวัง และความเสน่หาของเขา...
ชั่วข้ามคืนดูเหมือนจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าหลายสิ่งหลายอย่างได้รับการยืนยัน และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่อาจควบคุมได้แล้ว ทั้งยังไม่อาจเรียกคืนมาได้
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าแค่ปฏิบัติกับเขาในลักษณะเดียวกัน” ในขณะที่แผ่นหลังของร่างสูงใหญ่กำลังจะหายตัวไปต่อหน้า ในที่สุดมู่จื่อหลิงก็พูดขึ้น
นั่นคือทั้งหมดที่นางสามารถพูดได้ ไม่ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะคาดเดาได้หรือไม่ก็ตาม นางก็จะไม่พูดอะไรอีก
ประโยคเดียวก็เพียงพอแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่ฉลาดเพียงใด ผู้ที่อยู่ในวังได้ทำสิ่งใดลับหลังไปกี่อย่างแล้ว? เขาย่อมรู้ดี เขาจะนึกไม่ถึงความหมายของสิ่งนี้ได้อย่างไร
เสียงฝีเท้าของหลงเซี่ยวอวี่หยุดลง มุมปากของเขาค่อยๆ ยกขึ้น ััแห่งความสุขปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อเขา้าหันหลังกลับ ทันใดนั้น ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รอยยิ้มเ้าเล่ห์จึงแวบเข้ามาในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
หลังจากหลงเซี่ยวอวี่ข้ามธรณีประตูไปแล้ว มู่จื่อหลิงก็มองไม่เห็นเขาอีก
แต่นางไม่รู้ว่าหลังจากหลงเซี่ยวอวี่เดินออกไป ฝีเท้าของเขาก็ช้าลงโดยไม่รู้ตัว...มันช้ามาก ช้ามากมาก และเขาแทบไม่ได้ก้าวเดินแล้ว
นางพูดไปหมดแล้ว แม้ว่าชายผู้นี้จะไม่เข้าใจก็ตาม เหตุใดเขาถึงไม่พูดสิ่งใดออกมาบ้าง? เหตุใดถึงออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ? หยาบคายจริงๆ มู่จื่อหลิงจ้องมองไปยังประตูที่ว่างเปล่า พลางคร่ำครวญอยู่ในใจ
เดี๋ยวนะ! ไม่! ทันใดนั้นหน้าผากของมู่จื่อหลิงก็ปรากฏความใขึ้นมา และนางก็รู้สึกตัวในทันที!
เมื่อครู่หลงเซี่ยวอวี่บอกว่าเขาจะจัดการกับเื่นั้นอย่างแน่นอน เช่นนั้นฮองเฮาก็ต้องโดนด้วยไม่ใช่หรือ?
ฮองเฮาตามล่านาง จะปล่อยให้ฮองเฮาตกลงมาอย่างง่ายดายได้อย่างไร และไม่ว่าอย่างไรหนอนกู่ควบคุมจิตใจก็จัดการไม่ได้ง่ายๆ เช่นนั้นนางก็อยากจะเล่นกับมันให้มากพอ
ไม่ หากฮองเฮาล้มลง แล้วนางจะเล่นสนุกได้อย่างไร? จะทำอย่างไร?
แม้ว่าฮองเฮาจะจากไป แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากในตำหนักที่เฝ้ามองนาง หากฮองเฮาล้มลงก่อนที่นางจะทันได้ใช้งาน คืนวันต่อจากนี้ช่างน่าเศร้าใจไม่น้อย
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ มู่จื่อหลิงก็วิ่งออกไปราวกับลมกระโชกแรง...
‘ผลัก——'
มู่จื่อหลิงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่ได้ออกไปไกลแล้ว จึงวิ่งออกไปสุดชีวิต แต่เพียงครู่เดียวที่นางออกไป หัวของนางก็กระแทกเข้ากับแผ่นหลังที่แข็งแกร่งอย่างแรง
หลงเซี่ยวอวี่คาดไว้แล้วว่ามู่จื่อหลิงจะวิ่งออกมา แต่เขาไม่คิดว่านางจะวิ่งเร็วถึงเพียงนี้
ฉีอ๋องผู้มีย่างก้าวที่มั่นคง ถูกมู่จื่อหลิงชนจนเซ
แต่เขาก็โซเซไปเพียงหนึ่งก้าวก่อนจะหยุดลง
ฉีอ๋องถูกชนจนตัวเอียง แล้วคนที่อยู่ด้านหลังจะเป็อย่างไร...
ราวกับแสงไฟตกกระทบหิน เร็วดุจสายฟ้า หลงเซี่ยวอวี่หันกลับมาในทันที ด้วยสายตาและมือที่รวดเร็ว เขาก้าวเท้าหนึ่งก้าว แล้วดึงมู่จื่อหลิงขึ้นมา จับนางไว้ในอ้อมแขนอย่างแ่า
“โอ๊ย!” มู่จื่อหลิงยกมือขึ้นกุมหน้าผากและปลายจมูกของนาง ซึ่งมันเ็ปมากจนนางเกือบจะร้องไห้ออกมา
หลงเซี่ยวอวี่ลูบหน้าผากของเธอด้วยความสับสนเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างโกรธเคือง “ข้ารู้ว่ามันเจ็บ ครั้งหน้าเ้ายังกล้าที่จะประมาทอีกหรือไม่?”
มู่จื่อหลิงส่ายหัวอย่างไม่พอใจ น้ำเสียงของนางราวกับกำลังร้องไห้ นางบ่นว่า “ผู้ใดจะไปรู้ว่าท่านจะเดินช้าเช่นนี้ ถ้าท่านไม่เดินช้าเช่นนี้ ข้าจะชนท่านได้อย่างไร?”
หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย ที่เขาเดินช้าๆ ไม่ใช่เป็เพราะเขากังวลว่าผู้หญิงโง่บางคนจะไม่ฉลาดพอจนตอบสนองช้าเกินกว่าที่จะตามไม่ทันหรอกหรือ
แต่ยามนี้ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะเกินความจำเป็อย่างเห็นได้ชัด!
จู่ๆ หลงเซี่ยวอวี่ก็พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาว่า “ฉีหวางเฟยรีบเร่งวิ่งออกมา เ้าไม่เต็มใจที่จะปล่อยเปิ่นหวางไปหรือ?”
มู่จื่อหลิงยังคงปิดจมูกของนางและดันเขาไว้ด้วยศอกของนาง แต่นางไม่ได้ผลักเขาออกไป นางจ้องเขม็งไปที่หลงเซี่ยวอวี่ “ใครคิดถึงท่านกัน?”
แม้กระทั่งนางเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไป และโดยที่นางไม่รู้ตัว นางก็ยิ่งกล้าหาญและเย่อหยิ่งมากขึ้นต่อหน้าฉีอ๋อง
หลงเซี่ยวอวี่ทำท่าทางจริงจังและน่าเกรงขาม ก่อนจะพูดอย่างเ็าว่า “ในเมื่อไม่ใช่ เช่นนั้นเปิ่นหวางขอตัว”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ปล่อยนางออก และหันหลังกลับโดยไม่หันกลับมามองอีก
ฉีอ๋องทรงเชื่อฟังเช่นนี้ั้แ่เมื่อใดกัน? ไม่มีเหตุผลเลย!
มู่จื่อหลิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตอบสนอง รีบคว้าชายแขนชุดคลุมของเขาไว้ “รอเดี๋ยว...”
“หือ? มีอะไรอีกหรือ?” ดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่เป็ประกายด้วยรอยยิ้ม เขาหันกลับมามองนางด้วยสายตาที่งงงวย
จากบทเรียนก่อนหน้านี้ มู่จื่อหลิงจึงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจัดระเบียบคำพูดในใจ พยายามใช้ไหวพริบและใช้คำที่กระชับที่สุดเท่าที่จะทำได้ “เื่นั้นเกี่ยวข้องกับข้า และข้า้ามีส่วนร่วม”
หลังจากพูดเช่นนี้แล้ว นางก็แอบมองไปที่หลงเซี่ยวอวี่จากหางตา ก่อนที่นางจะโล่งใจที่เห็นว่าการแสดงออกของเขายังคงเหมือนเดิม
หลงเซี่ยวอวี่ยิ้มและลูบหัวของนางอย่างใส่ใจ “ได้ คนในวังจะปล่อยให้เ้าได้เล่นสนุก ส่วนที่เหลือ...แน่นอนว่าข้ายัง้าความช่วยเหลือจากเ้า”
นางอยากจะทำอะไรก็ทำ ถึงแม้จะต้องเจ็บช้ำ เขาก็จะปล่อยให้นางทำโดยไม่ห้าม แต่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้นางได้เป็อิสระ...ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่จื่อหลิงจึงยืนนิ่งท่ามกลางสายลมแห่งความยุ่งเหยิงทันที!
แม้จะไม่ได้บอกว่าเป็ผู้ใด แต่นางก็รู้
หลงเซี่ยวอวี่บอกว่าจะทิ้งมารดาแห่งแคว้นให้นางได้เล่นสนุกจริงหรือ? ใสุดๆ!
แม้ว่าในใจของนางจะคิดเช่นเดียวกัน แต่เมื่อมันออกมาจากปากของฉีอ๋อง ก็ยังรู้สึกแปลกที่ได้ยิน!
นางเพียงบอกว่านาง้ามีส่วนร่วม นางไม่ได้บอกว่านาง้าฮองเฮา เขารู้ได้อย่างไร?
เขาเดาได้หรือ? เขารู้หรือไม่ว่าก่อนหน้านี้นางจะวิ่งตามเขาออกมา?
มู่จื่อหลิงเหล่ตามองหลงเซี่ยวอวี่ และไม่พลาดประกายในดวงตาของเขา
ชายผู้นี้...เล่นนางอีกแล้ว!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้