“พี่สะใภ้” จู่ๆ ซูเหอก็มองไปที่เวินซี
เมื่อได้ยินเสียงของนาง เวินซีที่กำลังดูความสนุกอยู่ก็กลับมาได้สติ พลันมองซูเหอด้วยความสงสัย “มีอันใดหรือ?”
“หัวหน้าสามมีบุญคุณต่อข้า หากข้าฆ่าเขา จะถือเป็การเนรคุณ แต่เื่ในวันนี้ข้าไม่อยากปล่อยผ่าน ท่านคิดว่าข้าควรจะทำเช่นไรเ้าคะ?” ซูเหอมีสีหน้าลำบากใจ
นางยกมือสะบัดแส้ออก หัวหน้าสามล้มลงกับพื้นอย่างขาดอากาศ เขานอนดิ้นรนอย่างเ็ป
เวินซีจ้องมองไปที่หัวหน้าสาม แววตาของนางสงบลงพลันเอ่ยปากช้าๆ
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ใช้วิธีของข้าเถิด ตรงนี้มีเหล้าอยู่หกขวด มีสามขวดที่มีพิษ อีกสามขวดไม่มีพิษเป็เหล้าธรรมดา ให้ทุกคนมาเลือกเอง จะเป็จะตายก็ให้โชคชะตาลิขิตก็แล้วกัน ”
“สมกับเป็พี่สะใภ้จริงๆ เช่นนั้นก็เอาตามนี้ล่ะเ้าค่ะ”
ซูเหอเก็บแส้ไว้ นำเหล้าออกมา พลันใส่ยาพิษลงในเหล้าสามขวดต่อหน้าทุกคนแล้ววางเหล้าบนโต๊ะให้คละกัน
“จอกแก้ววางอยู่บนโต๊ะ เมื่อเลือกได้แล้วก็เทเหล้าใส่แก้ว ต้องดื่มให้หมดหากไม่ตาย พวกเ้าจะออกไปได้อย่างปลอดภัย เื่ในวันนี้ข้าจะไม่เอาความ หากตายนั่นก็เป็เื่ของพวกเ้า ไม่เกี่ยวกับข้า เอาล่ะ...ผู้ใดจะดื่มก่อน?” ซูเหอพูดอย่างสบายๆ
“ข้าขอรับ” โจรป่าคนหนึ่งเดินออกมาก่อนอย่างหวั่นใจ
เขาหยิบจอกขึ้นมา นำเหล้าในขวดหนึ่งเทออกอย่างไม่ลังเล เมื่อเทจนเต็มจอกก็ดื่มจนหมด
ผ่านไปไม่นาน เขายังรู้สึกปกติ
“ขอบพระคุณรองหัวหน้าขอรับ ขอบพระคุณขอรับ”
เมื่อรู้ว่าตนมิได้เลือกเหล้าพิษ ก็รีบเอ่ยปากขอบคุณและออกจากห้องโถงไป โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้พวกเขาด้วย
“คนต่อไป ผู้ใด?” ซูเหอละสายตาจากโจรผู้นั้นกลับมามองพวกเขา
“ข้า”
“ข้าขอรับ ข้า ข้า”
“รองหัวหน้า ข้าขอรับ”
“อย่าเบียดสิ ห้ามเบียดข้า!”
......
เมื่อเห็นว่าเขามิเป็อันใด พวกโจรป่าที่ถูกพามาก็พากันแย่งดื่มเหล้า
ในชั่วพริบตา คนที่ได้ออกไปและคนที่ตายก็มีอย่างละครึ่ง ที่ห้องโถงวุ่นวายขึ้นทันตา
“ถึงตาท่านสองคนแล้ว จะเลือกเองหรือให้ข้าเลือกให้?” ซูเหอมองไปที่หัวหน้าใหญ่และรองหัวหน้าสาม
“ข้าเลือกเอง”
เมื่อรู้ว่าหนีไม่พ้น หัวหน้าใหญ่จึงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในใจของเขากลัวมาก มือที่ถือจอกเหล้าสั่นไม่หยุด
หลังจากที่คิดอยู่นาน เขาก็หยิบเหล้าขึ้นมาขวดหนึ่ง คิดจะเทแต่ก็กล้าๆ กลัวๆ
เขาเงยหน้าขึ้นมองซูเหอที่มีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส ในใจจึงเกิดความสับสน ก่อนจะวางขวดเหล้าลง
“เหตุใดเ้าคะ? จะให้ข้าเลือกให้หรือหัวหน้าใหญ่?” ซูเหอกล่าว
หัวหน้าใหญ่รีบส่ายหน้า หลังจากที่ลังเลอยู่นานเขาก็เปลี่ยนไปหยิบเหล้าอีกขวด รินลงในแก้วพลันดื่มจนหมด
ไม่นานนัก ความรู้สึกหายใจไม่ออกก็ผุดขึ้นมาจุกในลำคอ ใบหน้าของเขาซีดลง อาเจียนออกมาเป็เืพลันล้มตึงไปกับพื้น
“ถึงตาท่านแล้ว” ซูเหอมองไปที่หัวหน้าสาม
หัวหน้าสามกัดฟันและมองนางด้วยความโกรธ “ข้าไม่ดื่ม นางสารเลว แน่จริงก็ฆ่าข้าสิ หากข้ามีโอกาสข้าจะฆ่าเ้า ชำแหละออกเป็หมื่นๆ ชิ้น นางชั่ว เ้าจะต้องไม่ตายดี”
เขายังคงะโสาปแช่งนาง
“ในเมื่อไม่ดื่ม เช่นนั้นก็เท่ากับว่าท่านเลือกเหล้าพิษ ตายเสียเถิด” ซูเหอสะบัดแส้ออกมาพันรอบตัวเขา ใบมีดโผล่ออกมาอย่างรวดเร็วปลิดชีพเขาในทันที
“ขออภัยด้วยเ้าค่ะ ข้าควรจะปฏิบัติต่อพวกท่านอย่างดีแท้ๆ ไม่คิดเลยว่าจะต้องให้พวกท่านมาเห็นภาพเช่นนี้ ทุกท่านกลับไปที่ห้องเถิด ข้าจะให้คนทำอาหารให้ใหม่และส่งไปที่ห้องนะเ้าคะ” เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ ซูเหอก็กลับมามีสีหน้าอ่อนโยน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกขอโทษ
สืออีและต้วนจิงเย่มองไปที่เวินซีทันที เวินซีพยักหน้าเล็กน้อย ทั้งสองคนจึงพยุงหรานอิ่งชุนที่เมาสลบกลับห้องไป
ในห้องโถงจึงเหลือเพียงเวินซี จ้าวต้านและซูเหอเพียงสามคน
“คุณหนูซู เกิดเื่เช่นนี้แล้วเ้ายังจะอยู่ที่นี่ต่อหรือ?” เวินซีมองไปที่ซูเหอแล้วถาม
นางชื่นชมในความสามารถของซูเหอ หากซูเหอติดตามพวกเขาไปจะเป็กำลังสำคัญที่ช่วยพวกเขาได้มาก
ซูเหอมองดูศพบนพื้น ขมวดคิ้วแน่นแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจว่า “พี่สะใภ้ ยามนี้ข้าได้เป็หัวหน้าเพียงคนเดียวของที่นี่แล้ว ข้าเป็ห่วงที่นี่เ้าค่ะ”
“พาพวกเขาไปด้วยสิ” เวินซีกล่าว
แววตาของซูเหอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นางพูดด้วยความไม่เชื่อว่า “พาพวกเขาไปด้วยหรือ? พี่สะใภ้ล้อเล่นหรือเ้าคะ? ทั้งหมู่บ้านมีคนกว่าสองพันคน หากพวกเขาติดตามไปด้วยจะต้องเป็ที่สังเกตเห็นแน่ ถึงตอนนั้นแม่ทัพต้านจะถูกพบได้ง่าย”
“มิได้ล้อเล่น ขอเพียงคุณหนูซูบอกพวกเราว่าอยากจะลงเขาไปด้วยกันหรือไม่” เวินซีทำหน้าจริงจัง
“หากจัดการเื่พวกเขาได้ ข้าย่อมอยากลงไปด้วยเ้าค่ะ” ซูเหอบอกตามความจริง
“จ้าวต้าน” เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เวินซีก็ยิ้มพลันหันไปหาเขาแล้วเอ่ยปากเรียก
“มีอันใดหรือ?” จ้าวต้านมองนางอย่างสงสัย
“เรากำลังจะไปเมืองซู่เหอ ที่นั่นมีที่ซ่อนตัวทหารลับหรือไม่เ้าคะ? หากข้าเดาไม่ผิด กองกำลังทหารน่าจะมีกันเยอะใช่หรือไม่? พวกทหารล่ะเ้าคะ? พวกเขาจะซ่อนตัวที่ใด?”
เมื่อได้ยินคำถาม จ้าวต้านและซูเหอก็เข้าใจความหมายของเวินซีทันที
ทั้งสองต่างมีสีหน้ายินดี
“คืนนี้ข้าจะส่งสารให้พวกเขา ให้มาบนเขา” จ้าวต้านกล่าว
จากที่นี่มาถึงเมืองซู่เหอใช้เวลาเดินทางเพียงหนึ่งวัน หากใช้ม้าเร็วก็จะสามารถมาถึงได้ภายในไม่กี่ชั่วยาม ที่นี่มีโจรป่า ถึงจะฝึกกำลังทหารและทหารลับก็ไม่อาจเป็ที่สงสัย ย่อมเป็ที่ซ่อนตัวที่ดีที่สุดในตอนนี้
“เ้าค่ะ เรากลับไปพักผ่อนเถิด” เวินซีตอบ
ซูเหอและจ้าวต้านพยักหน้า ทั้งสามพากันกลับเข้าไปในห้อง
เนื่องจากความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ทั้งหมู่บ้านจึงเงียบสงบผิดปกติ
พวกโจรป่าที่มาส่งอาหาร หลังจากที่วางอาหารแล้วก็รีบออกไปทันทีราวกับว่าเวินซีและคนอื่นๆ เป็มหันตภัยหรือสัตว์ร้าย
เวินซีมีความสุขที่ได้อยู่เงียบๆ นั่งริมหน้าต่างรับลมชมทิวทัศน์ภายนอก
หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา สามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ชัดเจน นางมองเห็นเมืองซู่เหอที่มีแสงสว่างได้ในพริบตา บางคราก็มองเห็นโคมลอยมาจากที่นั่น
แสงไฟของเมืองสะท้อนบนผิวน้ำ ส่องประกายระยิบระยับราวกับดาวที่พร่างพราวบนท้องนภา
หลังคาเรือนสูงๆ งดงามเป็อย่างยิ่ง เมืองเล็กๆ ที่พวกเขาเคยอยู่นั้นเทียบกับเมืองซู่เหอมิได้เลย
มันทำให้นางรู้สึกอยากจะไปที่นั่นเสียจริง
“พักผ่อนเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว” จ้าวต้านกลับมาจากการพูดคุยกับซูเหอก็เห็นว่าเวินซียังไม่นอน จึงพูดกับนางอย่างอ่อนโยน
เวินซีพยักหน้า ละสายตาจากทิวทัศน์ออกพลันะโลงจากหน้าต่าง
หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน นางก็หลับไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้เอนกายลงบนเตียง
จ้าวต้านมองดูร่างของนาง ก่อนจะดับไฟในห้องลง
......
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เวินซีถูกหรานอิ่งชุนจ้องมองจนตื่น นางกะพริบตามองมาอย่างไร้เดียงสา
“คุณหนูเวิน เมื่อคืนเกิดอันใดขึ้นเ้าคะ? เหตุใดคนในหมู่บ้านถึงได้พูดกันว่าคุณหนูกับคุณหนูซูเป็คู่พิฆาตล่ะเ้าคะ?”
หลังจากที่หรานอิ่งชุนตื่นขึ้นก็ได้ยินเสียงคุยกันจึงคิดอยากจะไปฟังด้วย แต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อคนพวกนั้นเห็นนางจะหนีออกไปไกล พากันเมินนางไปหมด คิดไปคิดมานางจึงทำได้เพียงมาถามเวินซี
คู่พิฆาต...
เวินซีเลิกคิ้ว เป็ครั้งแรกที่นางรู้สึกว่าสิ่งที่คนเ่าั้พูดมาก็เหมาะสมดี
“ไม่รู้เช่นกันเ้าค่ะ คงเป็เพราะคนพวกนั้นเห็นข้าใช้ผงอ่อนกระดูกจึงเรียกข้าเช่นนั้นกระมัง”
นางเอ่ยโดยไม่คิดอันใด พลันลุกขึ้นหวีผมและล้างหน้า
หลังจากที่เตรียมตัวเสร็จก็เดินออกไปพร้อมกับหรานอิ่งชุน
ตอนนี้ในหมู่บ้านวุ่นวายมาก ทุกคนพากันย้ายกล่องออกไปด้านนอก