รุ่งเช้าของวันงานเลี้ยงน้ำชาตระกูลหยางมาถึงแล้ว ภายในจวนสกุลจ้าวก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย สาวรับใช้ต่างเร่งจัดเตรียมชุดเครื่องประดับั้แ่เช้าตรู่
จากนั้นก็เร่งแต่งองค์ทรงเครื่องให้กับบุตรสาวคนรองของตระกูล หวังให้จ้าวิจูได้โดดเด่นท่ามกลางผู้คนในตระกูลผู้สูงศักดิ์
จ้าวิจูในชุดสีเหลืองอ่อนนั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองลวดลายงดงาม เครื่องประดับที่สวมใส่ล้วนคัดสรรมาอย่างดี ทั้งปิ่นทองลายดอกเหมย สร้อยหยกอ่อน และต่างหูห้อยระย้า เพิ่มความอ่อนหวานและสง่างามให้กับใบหน้านวลผ่อง
นางเอียงหน้าซ้ายขวาเพ่งพินิจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามเหล่าสาวใช้ด้วยน้ำเสียงเรียบ “เป็เช่นไรบ้าง?”
“งดงามมากเ้าค่ะ” สาวใช้เงยหน้ามองเ้านายเพียงแวบหนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม
จ้าวิจูได้ยินเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มออกมา “หากพี่ซ่งจื่อมาเห็นข้าในยามนี้…จะชอบข้าบ้างหรือไม่”
สาวใช้คนเดิมรีบเอ่ยตอบ “แน่นอนเ้าค่ะ งดงามถึงเพียงนี้ คุณชายใหญ่ต้องพึงใจเป็แน่”
สาวรับใช้อีกคนเสริมขึ้นเบาๆ “เสียดายที่วันนี้คุณชายใหญ่ติดคดี ไม่อาจมาร่วมงานได้เ้าค่ะ” นางเงียบครู่หนึ่งกล่าวต่อ “อีกอย่างคุณหนูใหญ่วันนี้ก็คงงดงามเช่นกันเ้าค่ะ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวิจูพลันแปรเปลี่ยนเป็ความขุ่นเคือง นางคว้ากระจกตรงหน้าขึ้นแล้วปาลงพื้นเสียงดัง “ใครอนุญาตให้เ้าปากพล่อยเช่นนั้น!”
สาวรับใช้สะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบคุกเข่าลงกับพื้น “ขออภัยเ้าค่ะคุณหนู โปรดเมตตาด้วยเ้าค่ะ”
“นำนางไปโบยยี่สิบไม้ แล้วไล่ออกจากจวน” จ้าวิจูลุกขึ้นยืนอย่างหงุดหงิด ก่อนสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากเรือนของตนตรงไปยังเรือนหลักทันที
อีกด้านหนึ่ง จ้าวเหม่ยหลินยังคงนอนหลับไม่รู้เื่ ขณะที่ซูจินนั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงได้แต่ทอดถอนใจ นางพยายามปลุกนายสาวอยู่หลายครั้ง ทว่าจ้าวเหม่ยหลินก็เอาแต่พึมพำยังเช้าเกินไปหรือไม่ก็ยังนอนไม่พอ
ท้ายที่สุด ซูจินก็จำต้องดึงผ้าห่มออกเพื่อปลุกจ้าวเหม่ยหลินให้ตื่น จากนั้นนางก็เตรียมน้ำอุ่นให้ร่างเล็กอาบ แล้วช่วยประคองจ้าวเหม่ยหลินที่หลับตาเดินไปแต่งกาย
ชุดกระโปรงสีชมพูถูกวางพาดไว้บนหีบไม้ เครื่องประดับหลากชิ้นก็ถูกนำออกมาจัดเรียงให้เลือกสรร ทว่าจ้าวเหม่ยหลินกลับเพียงเหลือบตามอง ก่อนตัดสินใจเลือกสวมชุดของตนเองแทน
ในจวนนี้ไม่ควรไว้ใจใคร โดยเฉพาะชุดที่ฮูหยินรองเป็คนสั่งให้นำมาให้ ยิ่งเป็เหตุผลที่นางไม่ควรแตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ
ชุดสีเหลืองอ่อนถูกจ้าวเหม่ยหลินหยิบมาวางทับลงบนชุดสีชมพู ซูจินมองภาพตรงหน้าก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เป็นายถึงเลือกชุดที่จืดชืดและเรียบง่ายเช่นนี้ ทั้งที่มีชุดงามตรงหน้าอยู่แล้ว
“ชุดนี้หรือเ้าคะ?” ซูจินเอ่ยพลางหยิบชุดสีเหลืองอ่อนขึ้นมาเทียบกับตัวของจ้าวเหม่ยหลิน
“ใช่” จ้าวเหม่ยหลินเอ่ยตอบ
ซูจินได้ยินดังนั้นก็พยักหน้ารับคำสั่งไม่ซักถามอะไรอีก จากนั้นนางจึงลงมือช่วยจ้าวเหม่ยหลินแต่งกาย
เมื่อเสร็จเรียบร้อยสองนายบ่าวจึงก้าวออกจากเรือนแล้วตรงไปยังเรือนหลักทันที ภายในห้องโถงมีฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินรองเกา และจ้าวิจูนั่งอยู่ก่อนแล้ว
จ้าวเหม่ยหลินย่อกายลงเล็กน้อยเพื่อคารวะหญิงชรา ก่อนจะหันไปทำความเคารพหญิงวัยกลางคน “คารวะฮูหยินผู้เฒ่า แม่เล็กเ้าค่ะ”
“ลุกขึ้นเถอะ” ฮูหยินผู้เฒ่าตอบเสียงเรียบ ไม่แม้แต่จะปรายตามองหลานสาวคนโต แล้วกล่าวต่อ “ในเมื่อมาแล้วก็รีบไปเถิด คนขับรถม้ารออยู่”
สิ้นเสียงของฮูหยินผู้เฒ่า จ้าวิจูก็ลุกขึ้นย่อตัวคารวะท่านย่า ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้จ้าวเหม่ยหลิน “ข้าคิดว่าพี่หญิงจะไม่ไปกับข้าเสียแล้ว”
จ้าวเหม่ยหลินยิ้มตอบ
“ท่านแม่ ข้าจะไปส่งิเอ๋อร์กับหลินเอ๋อร์ก่อนนะเ้าค่ะ” เกาฟางกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เนื่องจากงานเลี้ยงน้ำชาจัดขึ้นสำหรับวัยหนุ่มสาว นางจึงไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงาน มีเพียงสองพี่น้องต่างมารดาเท่านั้นที่ไปร่วมงานในวันนี้
เกาฟางจึงถือโอกาสไปส่งสองพี่น้องขึ้นรถม้าหน้าจวนอย่างน้อยก็เพื่อแสดงออกถึงความใส่ใจ
“เอ๊ะ เหตุใดหลินเอ๋อร์จึงไม่สวมชุดที่แม่สั่งตัดให้เล่า…หรือเ้ารังเกียจแม่กัน” พอสังเกตเห็นชุดของจ้าวเหม่ยหลิน เกาฟางก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวทัก
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเคร่งขรึม
จ้าวเหม่ยหลินเห็นท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่า จึงรีบกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ไม่ใช่ว่าลูกตั้งใจเ้าค่ะ เพียงแต่…ชุดที่ท่านแม่ส่งมานั้นค่อนข้างหลวม เกรงว่าจะใส่ออกไปแล้วดูไม่งามตา”
เกาฟางพยักหน้าเข้าใจ ทว่าแววตากลับซ่อนความนัยบางอย่างเอาไว้ นางเดินเข้ามาจับมือจ้าวเหม่ยหลิน ก่อนจะถอดเสื้อคลุมของตนออกคลุมให้ร่างเล็กพร้อมกล่าว “แบบนี้ก็งดงามไปอีกแบบ”
ด้านจ้าวิจูก็รีบถอดปิ่นทองที่ปักผมของตนเองออก นางยื่นให้พี่สาวต่างมารดา พลางยิ้มหวาน “ชุดของพี่หญิงดูเรียบไปคงไม่สมกับคุณหนูใหญ่ของจวนจ้าว” คำพูดแม้นเจือความห่วงใย แต่จริงๆเป็การเอาอกเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าเสียมากกว่า
จ้าวเหม่ยหลินรับของทั้งสองอย่างมาโดยไม่แสดงอารมณ์ใด นางเพียงกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ ก่อนจะสวมเสื้อคลุมของฮูหยินรองและรับปิ่นทองจากจ้าวิจูมาปักไว้บนเรือนผม
ฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งเฝ้าดูอยู่ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ สีหน้าอ่อนลงเล็กน้อย “อย่างน้อยพวกเ้าก็รู้จักรักใคร่กลมเกลียวกัน” ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“เ้าค่ะ ท่านย่า” จ้าวิจูเอ่ยเสียงใส
เมื่อรถม้ามาถึงหน้าจวนแล้ว เกาฟางก็จูงมือลูกสาวทั้งสองเดินไปยังหน้าจวน
จ้าวิจูหรี่ตามองคนขับรถม้า ก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เ้าเป็คนขับคนใหม่หรือ ชื่ออะไร”
ชายวัยกลางคนรีบก้มศีรษะตอบ “ถังซื่อขอรับ”
จ้าวิจูพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็จับมือจ้าวเหม่ยหลินเดินขึ้นรถม้าพร้อมกัน ซูจินถูกฮูหยินรองสั่งให้อยู่จวน สาวรับใช้ที่ตามมาก็รีบปิดม่านรถม้าให้เรียบร้อย
เกาฟางยังไม่วายแวะพูดคุยกับคนขับรถม้าคนใหม่อยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถอยออกมาด้วยรอยยิ้มบาง รถม้าจึงค่อยเคลื่อนตัวออกจากจวนจ้าวมุ่งหน้าไปยังจวนตระกูลหยาง