“ท่านน่ะสิสุนัข!”
เจียงหงหย่วนมอบถ้วยชามให้ยายเฒ่าแล้วไปตักน้ำร้อนให้หลินหวั่นชิวที่ครัว แต่เขาเพิ่งยกน้ำเข้ามา หลินหวั่นชิวก็ด่าใส่
“ใช่ ข้าเป็สุนัขป่า” เขาว่างกะละมังลง มองภรรยาตัวน้อยพร้อมพูดเสริมว่า “ตัวผู้ด้วย!”
เขารวบท้ายทอยภรรยาตัวน้อย โน้มตัวลงััริมฝีปากนาง พิสูจน์ว่าตัวเองเป็สุนัขป่าตัวผู้ด้วยการกระทำ…
“เอาเถิด รีบล้างหน้าบ้วนปากจะได้ออกจากบ้าน ไม่เล่นแล้ว” เจียงหงหย่วนปล่อยนาง ถือโอกาสยีหัวนางด้วย
ภรรยาตัวน้อยที่โมโหแก้มพองน่ารักที่สุดแล้ว
หลินหวั่นชิว “…”
ผู้ใดเล่นกับท่านกัน?
พูดให้ถูกหน่อย!
นางทำตาขวางใส่ชายฉกรรจ์แล้วยอมแพ้ เพราะไม่ว่าจะพละกำลังด้านร่างกายหรือสติปัญญา นางล้วนสู้เขาไม่ได้
ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ นางรวบมวยผมแบบง่ายๆ สวมปิ่นระย้าที่เจียงหงหย่วนซื้อให้ ไม่แต่งหน้าทาชาดก็ออกจากบ้านไปกับชายฉกรรจ์
แม้จะแต่งตัวเพียงเท่านี้ นางก็งดงามจนชายฉกรรจ์ไม่อาจละสายตาได้
บนรถม้า หลินหวั่นชิวถูกชายฉกรรจ์กอดในอ้อมแขน วันนี้ไปดูไร่ ไม่มีที่ให้ภรรยาตัวน้อยหยุดพัก ชายฉกรรจ์ต้องควบคุมตัวเอง ห้ามทำเกินเลย ได้แค่โอบกอดนางพลางเล่นมือน้อยๆ ไปมาเท่านั้น
“ไร่อยู่ที่ใด?” หลินหวั่นชิวพิงอกเขาถาม
“อำเภอฉี หมู่บ้านหงเมี่ยว ไร่ขนาดไม่ใหญ่ ประมาณร้อยไร่ รวมกับพื้นที่ป่าอีกร้อยไร่ ค่อนข้างไม่เลว” เจียงหงหย่วนตอบ
“ท่านไปดูมาแล้วหรือ?” หลินหวั่นชิวถาม
เจียงหงหย่วนพยักหน้า “เคยพาคนไปทวงหนี้ ครอบครัวนั้นไม่มีเงิน เอาโฉนดที่ดินไปจำนอง กระนั้นก็ยังไม่พอ”
เป็อีกครอบครัวที่หมดตัวเพราะการพนัน
หลินหวั่นชิวถอนหายใจ
“พวกเขารีบขาย ได้ราคาไม่ดีนัก จำนองกับบ่อนยิ่งได้ราคาต่ำ เดี๋ยวเ้าลองไปดู หากชอบก็ซื้อตามราคาปกติ ครอบครัวนี้จะได้ไม่ต้องขายลูก”
เจียงหงหย่วนรู้ว่าภรรยาตัวน้อยจิตใจเมตตา เขาจึงตัดสินใจเช่นนี้
คนที่ติดพนันสมควรตายหมื่นครั้ง แต่ภรรยาและลูกผิดกระไรเล่า?
ซื้อตามราคาปกติ ไม่เอาเปรียบ ของของภรรยาตัวน้อยควรสะอาดหมดจด
“ถึงครั้งนี้ไม่ขาย ครั้งหน้าเขาเสียพนันอีกก็ขายอยู่ดี” หลินหวั่นชิวขมวดคิ้วเบาๆ
จะบอกว่าเป็ความผิดบ่อนพนันก็ไม่ใช่ เพราะทางบ่อนไม่ได้ใช้มีดจี้ให้เ้าเล่นพนักสักหน่อย
บาปของบ่อนพนันคือการเล่นกับความโลภของมนุษย์ อยากได้โดยไม่ต้องลงแรง ร่ำรวยภายในชั่วข้ามคืน…
“วางใจเถิด วันพรุ่งข้าจะให้คนไปตีขากับมือเขาให้หัก ต่อจากนี้ได้แต่นั่งรถเข็น ต้องพึ่งพาภรรยาและลูกให้ดูแล หากครอบครัวนี้ไม่โง่เกินเยียวยา คนพิการก็ไปบ่อนพนันไม่ได้อยู่แล้ว ต้องพึ่งจมูกคนในครอบครัวหายใจ”
หลินหวั่นชิวยิ้ม ถึงได้บอกว่าบางครั้งเราก็ต้องเหี้ยมโหดกับคนเลว เมตตากับคนดี
“หย่วนเกอ ที่แท้การทำงานที่บ่อนก็ทำดีได้เช่นกัน” นางชมเขา
“บนเตียงข้าก็ทำได้” เขาหอมแก้มนาง
แววตาเร่าร้อนจนหลินหวั่นชิวอยากหนี
แต่นางเพิ่งขยับตัวก็ถูกเจียงหงหย่วนดึงกลับมา
“บนรถม้าก็ทำได้เช่นกัน”
หลินหวั่นชิว “…”
เดรัจฉาน!
นางรีบนั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับเขยื้อน กลัวสัญชาตญาณสัตว์ป่าของชายฉกรรจ์จะกำเริบ นางสู้ไม่ไหว
ภรรยาตัวน้อยไม่พูดไม่จา เจียงหงหย่วนถามนางว่า “พกเงินมาพอหรือไม่?” เสียงลึกทุ้มมีความสนุกสนาน
“พอ แต่เงินในบ้านพวกเราใกล้หมดแล้ว” นางลืมทันทีว่าตัวเองกำลังโกรธชายฉกรรจ์ น้ำเสียงผ่อนคลาย ไม่มีความกังวลที่ใกล้เงินหมดแต่อย่างใด
“ไม่มีเงินก็บอกข้า ข้าจะคิดหาหนทาง” เจียงหงหย่วนยิ้ม
“ยังคิดจะขึ้นเขาอีกหรือ?” สัตว์ป่าบนูเาช่างน่าสงสาร ถูกชายฉกรรจ์จ้องไม่วางตาอยู่เรื่อย
“ฤดูใบไม้ผลิไม่ล่าสัตว์ ข้าพอจะหาเงินจากบ่อนได้อยู่” เจียงหงหย่วนตอบ ที่บ่อนมีช่องทางให้หาเงินอีกมาก
“ยังไม่ถึงขั้นเข้าตาจน กำไรจากหน้าร้านทั้งหลายของพวกเราเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอยู่ รายรับ่เริ่มต้นของร้านหนังสือยังไม่มาก แต่รายรับของอันอี้จวีค่อนข้างมากเลยทีเดียว”
“อืม เ้าเก่งที่สุดในบ้านเรา” เจียงหงหย่วนจูบขมับผมนางพร้อมกับกล่าวชม
เขาเสริมเพิ่มอีกประโยค “แต่เื่เข้าหอให้ข้าได้คนเดียวเท่านั้น…”
หลินหวั่นชิวหมดแรงจะโต้เถียง นางกุมขมับ “เจียงหงหย่วน ท่านทำตัวให้เป็คนดีๆ หน่อยได้หรือไม่?”
“ได้สิ ไว้พวกเราเข้าหอ เ้าอยากได้กี่คน ข้าก็จะทำให้ เ้าอยากมีกี่คนก็ย่อมได้”
อยากมีกี่คนก็ย่อมได้บ้านมารดาท่านน่ะสิ
ในอกหลินหวั่นชิวเต็มไปด้วยคำสบถ แต่ไม่กล้าพ่นออกมาเพราะกลัว
เพราะนางมั่นใจว่าหากพูดออกมา ชายฉกรรจ์ได้เผด็จศึกนางตอนนี้เป็แน่
อย่าหวังว่าจะได้อยู่เป็สุขอีก
ผู้ใดก็ได้มาปราบปีศาจตนนี้ที!
หลินหวั่นชิวไม่ตอบ ชายฉกรรจ์ไม่พูดกระไรเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่มองไปทางเขา มุมปากเขาจะยกโค้ง
น่าโมโหชะมัด
มาถึงจุดหมาย ลูกชายบ้านนั้นพาพวกเขาดูที่นา ดูป่าและบ้านอย่างระมัดระวังด้วยสีหน้าซีดขาว
ของมีค่าในบ้านถูกเก็บออกไปหมดแล้ว เห็นชัดว่ารีบใช้เงินจริงๆ
หลินหวั่นชิวพึงพอใจมาก บ้านในไร่ไม่ได้ใหญ่เกินไป เป็บ้านขนาดสามลาน เพียงพอสำหรับนางแล้ว
พึงพอใจก็ซื้อ ไร่ทั้งหมดหนึ่งพันเจ็ดร้อยกว่าตำลึง ที่ป่าไม่มีราคา นาส่วนใหญ่ก็เป็นาคุณภาพกลาง นาคุณภาพสูงมีไม่มากนัก ทั้งยังมีนาคุณภาพต่ำปะปน
หนึ่งพันเจ็ดร้อยตำลึง พวกเขาจ่ายหนี้ให้บ่อนแล้วยังเหลืออีกสองร้อยตำลึง ครอบครัวนี้ซาบซึ้งในน้ำใจของหลินหวั่นชิวมาก
ต้องบอกก่อนว่าคนที่ยินดีซื้อบ้านและที่ดินของพวกเขาตามราคาท้องตลาดในสถานการณ์เช่นนี้คือคนดีโดยแท้จริง เพราะคนที่มาดูใน่หลายวันมานี้มีแต่กดราคาจนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
เอาเปรียบเพราะเห็นว่าพวกเขา้าเงินไปช่วยคน
ภายใน่สายก็ซื้อขายที่ดินเสร็จแล้ว เจียงไฉออกไปจัดหาคนในทันที…ทำทุกอย่างเหมือนไร่ที่หมู่บ้านชิงซาน ใช้เวลาจัดการสองสามวัน
หลินหวั่นชิวยัดของเข้าโกดังจนเต็ม คนงานก็มีครบแล้ว นางตามเจียงหงหย่วนกลับหมู่บ้านเค่าซาน
คนที่หมู่บ้านเค่าซานรอจนร้อนใจเช่นกัน
จางซื่อได้ยินว่าหลินหวั่นชิวกลับหมู่บ้านก็ให้คนกระจายข่าวลือว่าจ้าวหงฮวาถูกโจวเอ้อร์เหนิงข่มเหงออกไปทันที
ผ่านพ้นเดือนแรก อากาศอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังคงมีไอเย็นแต่ก็สบายกว่าหน้าหนาว
ั้แ่วันที่สิบห้า บ้านจ้าวมีฟู่เหรินหลายคนมาหา เพราะจ้าวหงฮวาเคยรับปากว่าจะให้พวกนางทำดอกไม้ลูกปัด
การหมั้นหมายกับนายน้อยเจ็ดตระกูลกู่เป็ที่ตกลงแล้วก็จริง แต่นางรู้จักท่านแม่ตัวเอง รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ให้นางพกสินเดิมติดตัวออกไปเยอะเป็แน่ ดังนั้น นางต้องหาสินเดิมด้วยตัวเอง วางแผนว่าจะใช้ลูกปัดที่หลินหวั่นชิวให้รอบนี้มาทำเป็ดอกไม้ลูกปัดขายเองทั้งหมด
“หงฮวา สะใภ้ใหญ่บ้านเจียงเพิ่งกลับมา ในหมู่บ้านก็มีข่าวลือเื่เ้าแล้ว” ฟู่เหรินนางหนึ่งทำดอกไม้ลูกปัดพร้อมกับพูดยุยงไปด้วย
“ข่าวลือกระไร?” จ้าวหงฮวาได้ยินเช่นนี้แต่ยังคงมีรอยยิ้ม ตอนนี้นางมีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ เป็ที่อิจฉาของคนอื่นหลายคน รู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าสตรีใหญ่พวกนี้ ขณะเดียวกันก็วางมาดเหนือกว่าเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้