“ที่แท้ก็เป็เด็กชั้นต่ำอย่างเ้านี่เอง เ้าคู่ควรกินไข่ด้วยงั้นรึ?” ไม่รอให้สตรีแซ่จ้าวกระทืบเท้าด้วยความโมโหถึงขีดสุดสตรีแซ่อวี๋โจวพลันบริภาษออกมาความไม่พอใจอวี๋เจียวเมื่อก่อนหน้านี้ล้วนมากองรวมกันวันนี้สตรีแซ่อวี๋โจวคว้าไม้กวาดที่อยู่หลังมุมประตูแล้วฟาดไปทางร่างของอวี๋เจียวอย่างแรงทันที
อวี๋เจียวคิดไม่ถึงว่าสตรีแซ่อวี๋โจวจะอาจหาญถึงขั้นลงมือกับนางเช่นนี้ดังนั้นนางจึงเบี่ยงกายหลบสตรีแซ่อวี๋โจวถือไม้กวาดไล่ตามอวี๋เจียวพลางบริภาษต่อไปว่า“ตระกูลอวี๋ของพวกเราไม่ได้ซื้อเ้ามาเพื่อให้เสพสุข มีให้เ้ากินหนึ่งคำเ้าก็ควรร้องอมิตตาพุทธออกมาแล้ว ยังกล้าเพ่งเล็งอาหารของจิ่นซูกับจิ่นเหยียนดูสิว่าวันนี้ข้าจะตีเ้าให้ตายหรือไม่!”
คนทั้งสองวิ่งไล่กันรอบโต๊ะอาหารแน่นอนว่าสตรีแซ่จ้าวคิดจะช่วยสตรีแซ่อวี๋โจวคิดอยากจะเห็นอวี๋เจียวโดนฟาดจนเจ็บแสบ นางตรงเข้าไปหมายจะจับตัวอวี๋เจียวสตรีแซ่ซ่งรีบเข้าไปขวาง ทั่วทั้งห้องโถงเกิดเป็ความโกลาหลโดยพลันถึงแม้สตรีแซ่อวี๋โจวจะอายุมากแล้ว แต่ร่างกายยังคงแข็งแรงยิ่งนักวิ่งไล่ตีอวี๋เจียวโดยไม่ยอมแพ้แม้แต่นิด
ครอบครัวใหญ่และอวี๋ฉี่เจ๋อกับอวี๋ฝูหลิงพึ่งจะมาถึงห้องโถงไม่รู้ว่าสถานการณ์ในยามนี้คืออะไรจึงพากันยืนดูอยู่ด้านข้าง
อวี๋เจียวเป็ผู้ที่จะยอมถูกตีเสียเมื่อใดนางมีร่างกายเล็กบอบบาง อีกทั้งยังวิ่งเร็ว เมื่อเห็นสตรีแซ่จ้าวพุ่งเข้ามานางจงใจไปหลบข้างกายอวี๋หรูไห่มีหลายต่อหลายครั้งที่ไม้กวาดของสตรีแซ่อวี๋โจวฟาดลงบนร่างของอวี๋หรูไห่เคราของอวี๋หรูไห่สั่นเทา กระทั่งอดจนเหลืออด เขาถึงกับโยนตะเกียบในมือลงบนโต๊ะ
“พอได้แล้ว หยุดให้หมด!” อวี๋หรูไห่ร้องตะคอกอย่างเปี่ยมพลัง“นี่นับเป็เช่นไรกัน นับเป็เช่นไรกัน!พวกเ้าจะเรียกคนทั้งหมู่บ้านมาดูเื่น่าขบขันในสกุลอวี๋ของข้างั้นหรือ?!”
เมื่ออวี๋หรูไห่บันดาลโทสะเช่นนี้สตรีแซ่อวี๋โจวพลันได้สติจากความโกรธนางกำไม้กวาดในมือพลางจดจ้องอวี๋เจียวอย่างดุดัน หอบหายใจอย่างหนักฝีเท้าที่ไล่ตามอวี๋เจียวหยุดลง
อวี๋เจียวยังคงไม่กล้าวางใจและยืนอยู่ห่างจากสตรีแซ่อวี๋โจวไม่น้อย
สตรีแซ่อวี๋โจวโยนไม้กวาดในมือทิ้งนั่งลงข้างโต๊ะอาหาร ดวงตาแดงก่ำจากนั้นเบี่ยงกายเดินหลบไปทางห้องฝั่งตะวันออกอย่างเงียบเชียบ
สตรีแซ่จ้าวเห็นสถานการณ์เช่นนี้จึงรีบเอ่ยว่า“ท่านพ่อ ท่านแม่ถูกนังเด็กชั้นต่ำนี้ทำให้โมโหจนร้องไห้แล้วเ้าค่ะท่านจะปกป้องนางต่อไปไม่ได้แล้วนะเ้าคะ นับั้แ่นางก้าวเข้าประตูสกุลอวี๋ของพวกเราก็สร้างแต่ปัญหามากมายขโมยกินอาหารของจิ่นซูจิ่นเหยียนไม่พอ ยังกล้าต่อปากต่อคำกับท่านแม่เห็นได้ชัดว่าในหัวของนังเด็กคนนี้ไม่มีขื่อไม่มีแปแล้วเ้าค่ะไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาทั้งนั้น!”
สตรีแซ่จ้าวใส่สีตีไข่ก็เพราะอยากให้ท่านผู้เฒ่าลั่นวาจาขับไล่อวี๋เจียวออกไปอีกไม่กี่วันอวี๋จิ่นเหยียนก็จะกลับจากสำนักศึกษาเพื่อมาพักผ่อนที่จวนนางไม่อาจให้เกิดเื่อะไรขึ้นอีก
อวี๋เจียวหัวเราะเสียงเย็น“ก็แค่ไข่ไม่กี่ฟอง? อวี๋จิ่นเหยียนกับอวี๋จิ่นซูร่ำเรียนอย่างเหนื่อยยากคนอื่นๆ ในจวนทำงานทั้งวันไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร? พี่ห้าไม่จำเป็ต้องบำรุงร่างกายงั้นหรือ? เจี๋ยเกิงยังเป็เด็กอายุสามขวบ ไม่ต้องบำรุงร่างกายเช่นกันหรอกหรือ? เหตุใดถึงมีแค่หลานชายทั้งสองของครอบครัวสามเท่านั้นที่กินไข่ไก่ได้?”
ขณะอวี๋เจียวเอ่ยชื่อแต่ละคนในครอบครัวอวี๋จือหางและหวังเมิ่งเยียนจากครอบครัวใหญ่อุ้มเจี๋ยเกิงโดยไม่กล้าส่งเสียงใดออกมาเพราะกลัวว่าเื่จะโยงมาถึงพวกเขา
แต่คำกล่าวของอวี๋เจียวกลับเป็เสียงภายในใจของพวกเขาไม่ว่าในจวนมีของดีอะไร จะมีเพียงครอบครัวสามเท่านั้นที่ได้กิน ทุกครั้งที่เจี๋ยเกิงอยากกินจนทนไม่ไหวหวังเมิ่งเยียนทำได้เพียงอุ้มนางกลับไปปลอบในห้อง มิใช่ว่าไร้ซึ่งความไม่พอใจนี้เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกมาก็เท่านั้น
“จิ่นซูกับจิ่นเหยียนใกล้จะลงสอบขุนนางในฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วท่านแม่กับเสวี่ยหรูสงสารพวกเขา อยากรวบรวมไข่เก็บไว้ให้เขาเอาไปกินยามสอบหากเื่อาหารการกินส่งผลกระทบต่อการสอบของพวกเขา นับว่าไม่คุ้มยิ่งนักพวกเราเป็ครอบครัวเดียวกัน มีหรือจะถือสามากมายเพียงนี้ ผู้แซ่เมิ่งเ้าเอ่ยวาจาเหล่านี้ยั่วยุความสัมพันธ์คนภายในสกุลอวี๋ของพวกเราแท้จริงแล้วมีเจตนาอะไรกันแน่?” อวี๋ฮั่นซานของครอบครัวสามเป็คนหลักแหลมทันทีที่ปริปากเอ่ยพลันทำให้อวี๋เจียวตกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสกุลอวี๋ทุกคนภายในห้องล้วนแต่เป็คนสกุลอวี๋มีเพียงเมิ่งอวี๋เจียวเท่านั้นถึงจะเป็คนนอกผู้แฝงเจตนาร้าย