เื่ที่จะต้องไปสืบคดีตามคำสั่งของเสด็จลุงนั้นเซวียนซานหลางไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดอะไรให้บิดาฟังมากนัก เซวียนชินอ๋องเองก็ไม่ได้สนใจเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างสองพ่อลูกนับวันยิ่งค่อนข้างห่างเหินเป็อย่างมาก
ยังเหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะออกเดินทาง อย่างไรเสียตอนนี้เสิ่นเหวยอันหัวหน้าสำนักบูรพาก็ยังไม่กลับมาจากนอกเมือง ย่อมต้องรอไปก่อน
ระหว่างนี้ดูเหมือนว่าจวนชินอ๋องจะเตรียมจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเซวียนชินอ๋องบิดาของเขา ทุก ๆ ปีท่านพ่อมักจะจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ทั้งที่ไม่ได้ทำงานหาเงินแต่กลับใช้เงินมือเติบ จัดงานเลี้ยงเชิญแเื่มาร่วมงานเป็จำนวนมาก เขาเองคร้านจะสนใจ จึงไม่ได้เอ่ยทัดทานอันใด เพราะรู้นิสัยบิดาของตนดี
่นี้เหมือนว่าอวี้หลิงจะไม่ได้คิดก่อคลื่นลมอะไรให้เขาเลยแม้แต่น้อย ด้วยกำลังน้อยนิดและสมองทึมทื่อของนางย่อมไม่อาจทำอะไรเขาได้อยู่แล้ว แต่เซวียนซานหลางก็ไม่เคยวางใจ ยังคงระแวดระวังตนเองเป็อย่างดี
ในเมืองหลวงยามนี้ค่อนข้างคึกคักครึกครื้น เพราะวันนี้ในเมืองหลวงจัดงานเทศกาลหยวนเซียว ผู้คนออกจากบ้านไปชมโคมไฟและกินขนมมงคล ในจวนชินอ๋องอวี้หลิงก็สั่งให้สาวใช้ทำขนมบัวลอยแจกจ่ายให้คนในจวนกินเพื่อความโชคดี เดิมทีเื่เหล่านี้ถือเป็เื่ปกติที่ปฏิบัติกันมาหลายปี แต่วันนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างแปลกไป
"ท่านพี่กินขนมบัวลอยเร็วเข้า จะได้โชคดีตลอดปี"
เซวียนซานหลางมองดูขนมบัวลอยในถ้วยที่เซวียนเจ๋อนำมามอบให้พร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น แป้งบัวลอยถูกปั้นเป็รูปเต่า รูปหมู รูปกบและรูปสัตว์อีกสารพัดชนิด อีกทั้งยังปั้นเป็รูปดอกไม้ รูปผักอีกด้วย
"เ้าเป็คนปั้นพวกมันหรือ"
เขาเอ่ยถามน้องชายพลางตักขนมในถ้วยกินไปพลาง
"ที่ไหนกันเล่า นี่เป็ฝีมือของหรานหร่านเชียวนะ พี่ใหญ่ท่านดูสิ นางปั้นพวกมันออกมาได้น่ารักน่าชังมากเลย ข้าลองชิมแล้วแป้งไม่เหนียวเกินไป รสชาติก็หวานกำลังดี จะว่าไปหรานหร่านนางก็มีีฝีมือเหมือนกันนะเนี่ย เหตุใดข้าไม่เคยรู้เลย"
"แค่กแค่ก"
เซวียนซานหลางรู้สึกเหมือนขนมติดคอขึ้นมาทันที เขาไม่ชอบหน้ามู่หลานเฟินแต่กลับมากินขนมที่นางทำ ไม่รู้ว่านางจะแอบใส่สิ่งใดเข้าไปหรือไม่
"พี่ใหญ่ ขนมติดคอหรือ ข้าจะช่วยท่าน!"
ไม่รอช้าเซวียนเจ๋อรีบพุ่งเข้าไปหาพี่ชาย ก่อนจะยกมือทุบกลางหลังเซวียนซานหลางเต็มแรง จนขนมบัวลอยหลุดกระเด็นออกมาจากปากของเขา
ให้ตายเถอะ เขาเชื่อสนิทใจแล้วว่ามู่หลานเฟินดวงไม่สมพงศ์กับเขาจริง ๆ !
ด้านมู่หลานเฟินที่ถูกกล่าวหาว่าเป็ดวงพิฆาตตอนนี้กำลังแต่งตัวเตรียมจะออกไปเดินเล่นในงานเทศกาลหยวนเซียว นางนัดกับเซวียนเจ๋อเอาไว้แล้วอย่างไรนางก็เพิ่งมาที่นี่ย่อมไม่รู้จักเส้นทาง ทางที่ดีให้เ้าถิ่นพาเดินเที่ยวเล่นจะดีกว่า
เซวียนชินอ๋องนับว่าเป็คนใจกว้างไม่เบาเลย เขามอบตั๋วเงินให้นางมากมาย บอกให้นางเที่ยวเล่นกับเซวียนเจ๋อได้ตามใจชอบ มู่หลานเฟินดีใจเผลอยิ้มออกมาจนดวงตายกโค้งจนเป็รูปจันทร์เสี้ยว รออยู่ไม่นานเซวียนเจ๋อก็กลับมา ก่อนหน้านี้เขาเอาขนมไปให้เซวียนซานหลาง
"มาแล้วหรือ เร็วเข้า ข้าอยากไปเที่ยวแล้ว เอ? เหตุใดสิีหน้าท่านดูไม่สู้ดีเลยเล่า"
นางเอ่ยถามเขาด้วยความสงสัย เซวียนเจ๋อหันมามองมู่หลานเฟิน ก่อนจะเอ่ย
"หรานหร่าน เมื่อครู่พี่ใหญ่สำลักขนมบัวลอยเกือบตาย ข้าสงสารพี่ใหญ่"
มู่หลานเฟินเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ลอบหัวเราะในใจ
สมน้ำหน้า ในที่สุดเขาก็มีวันที่ไม่สงบสุขเหมือนกันหรือนี่
มู่หลานเฟินคร้านจะสนใจว่าเซวียนซานหลางจะขนมติดคอหรือไม่ นางรีบดึงแขนเซวียนเจ๋อไปที่รถม้าและมุ่งหน้าไปที่งานเทศกาลโคมไฟทันที
เมื่อมาถึงก็พบว่างานเทศกาลหยวนเซียวค่อนข้าคึกคักเป็อย่างมาก ชาติก่อน ๆ นางก็เคยเที่ยวชมงานเช่นนี้ เพียงแต่ไม่เคยเห็นงานเทศกาลหยวนเซียวที่จัดยิ่งใหญ่เช่นนี้เลยสักครั้ง บนท้องฟ้ามีโคมหลากสีที่ถูกปล่อยขึ้นมา อาบย้อมท้องนภาดำมืดให้กลายเป็สีทองราวกับแดน์ ช่างงดงามเกินคำบรรยาย ครั้งนี้นับว่านางได้เปิดหูเปิดตาแล้ว
ภายในงานมีโคมไฟหลากหลายแบบ สวยงามเป็อย่างมาก ผู้คนต่างเดินเล่นและซื้อของกินติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนเฒ่าคนแก่ที่จวนของตน สตรีน้อยมากมายที่แต่งตัวงดงามออกมาเที่ยวเล่น อีกทั้งเหล่าบุรุษก็ยังถือโอกาสนี้มาแอบชื่นชมเหล่าสตรีน้อยในงานโคมไฟ หวังจะได้ผูกวาสนาด้ายแดงกับสตรีที่ตนหมายปอง
ภายในงานสายตาของสตรีน้อยเ่าั้ที่มองมาทางมู่หลานเฟินออกจะไม่เป็มิตรเท่าใดนัก ความทรงจำของร่างเดิมบอกว่ามู่หลานเฟินคนเก่าเป็คนหยิ่งยโส ใครมองหน้านางนิดหน่อยนางก็ตรงเข้าไปตบตีไม่ละเว้น ทำให้ไม่มีคุณหนูตระกูลไหนอยากคบหาเป็สหายกับนาง
ให้ตายเถอะ มู่หลานเฟิน เ้ามันตัวน่ารังเกียจขนานแท้เลย
ยิ่งดึกบรรยากาศภายในงานก็ยิ่งคึกคัก แต่ทว่าในขณะที่เทศกาลหยวนเซียวกำลังดำเนินต่อไปอย่างสนุกสนาน กลับมีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น เมื่อมู่หลานเฟินและเซวียนเจ๋อหันไปมองก็พบว่ามีบุรุษผู้หนึ่งที่ใช้ผ้าปิดหน้าปิดตาสวมชุดดำกำลังจับตัวสตรีน้อยนางหนึ่งเอาไว้และใช้มีดจ่อไปที่ลำคอของนาง ปลายมีดแหลมคมทิ่มแทงลำคอขาวเนียนของสตรีน้อยนางนั้นจนโลหิตไหลซึมเป็ทางยาว
"ฮือ ช่วยข้าด้วย"
"ให้ตายเถอะ จะฆ่ากันแล้ว!"
เหล่าพ่อค้าแม่ขายต่างวิ่งหนีจนหัวหด ภายในงานชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาในทันที มู่หลานเฟินมองภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนจะจ้องบุรุษชุดดำด้วยแววตาที่เย็นเยียบ
ท่าทางเช่นนี้เป็นักฆ่าแน่นอน อีกทั้งยังฝีมือไม่ธรรมดาอีกด้วย!
เซวียนเจ๋อที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็มีท่าทางร้อนรนขึ้นมาทันที
"หรานหร่าน พวกเรารีบกลับกันเถอะ ภายในงานไม่ปลอดภัยแล้ว"
"ท่านรอข้าตรงนี้ แล้วก็อย่าส่งเสียง"
"หรานหร่าน เ้าจะทำอะไร"
มู่หลานเฟินไม่ตอบ นางค่อย ๆ ขยับกายไปด้านหลังนักฆ่าคนนั้น ก่อนจะคว้าหยิบก้อนหินขนาดเหมาะมือขึ้นมาก้อนหนึ่ง และออกแรงดีดมันไปที่หลังต้นคอของนักฆ่าผู้นั้นอย่างรวดเร็ว แรกเริ่มนางไม่มั่นใจเท่าใดนัก เพราะร่างนี้บอบบาง หลังจากทะลุมิติมานางก็พยายามฝึกฝนอย่างเงียบ ๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส ก็นับว่าไม่เสียเปล่า
แรงของก้อนหินไม่เบาเลย ทำเอานักฆ่าถึงกับสะดุ้งและเสียสมาธิ เดิมทีหินก้อนเดียวไม่อาจทำอะไรเขาได้ แต่ไม่รู้ว่ามีคนใจกล้าจากที่ไหนปาทรายใส่ดวงตาเขาอย่างจัง ทำให้เขาแสบตาและต้องปล่อยเหยื่อที่ถูกจับเป็ตัวประกันไปทันที
มู่หลานเฟินคว้าร่างของสตรีน้อยนางนั้นและออกแรงผลักนางเบา ๆ ไปยังที่ปลอดภัย ก่อนที่นางจะตรงเข้าไปหาบุรุษผู้นั้นและยกเท้าถีบเข้าที่กลางอกของมันจนมันเสียการทรงตัวและล้มลง แต่ดูเหมือนมันจะมีฝีมือไม่น้อยเลย เพียงไม่นานก็กลับมาตั้งหลักได้ และพุ่งเข้าใส่มู่หลานเฟินอย่างรวดเร็ว
มู่หลานเฟินระแวดระวังตนเองเป็อย่างดี แค่มองเพียงปราดเดียวนางก็มองออกว่าวรยุทธ์ของฝ่ายตรงข้ามสูงส่งเป็อย่างมาก แต่วรยุทธ์ที่นางเรียนรู้มาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน
หญิงสาวคว้าด้ามไม้ไผ่ขนาดเหมาะมือมาถือเอาไว้ อาศัยจังหวะนี้หลอกล่อศัตรูและใช้ไม้ไผ่ฟาดไปตามลำตัวของฝ่ายตรงข้าม นางลงมือรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่นานนักนักฆ่าตรงหน้าก็เป็ฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ แต่มันกลับต้านรับได้ทันและชักดาบออกมาฟันไม้ไผ่ในมือนางจนขาดครึ่ง ก่อนจะหันปลายดาบเข้าหาตัวนางหมายจะสังหารให้ตายในดาบเดียว มู่หลานเฟินเบี่ยงกายหลบ ก่อนจะยกฝ่ามือฟาดเข้าที่กลางหลังของมันเต็มแรง
นักฆ่าซวนเซเพราะาเ็จากการถูกตีอย่างไม่ยั้งมือจึงคิดจะหนี ไม่คิดเลยว่าสตรีร่างบางนางนี้จะลงมือรวดเร็วและอำมหิตเช่นนี้
แต่มู่หลานเฟินกลับไม่ยอมปล่อยโอกาสให้มันหนีรอดไปได้ นางรีบเตะเท้าของมันจนล้มลง ก่อนจะยกเท้าเหยียบกลางหลังมันเอาไว้ไม่ให้หลบหนีไปได้
"ก่อเื่แล้วคิดจะหนีหรือ บัดซบจริง ๆ พี่ชาย"
นักฆ่าสบถออกมาอย่างหัวเสีย สตรีน้อยนางนี้เป็ใครกัน ร่างกายก็ดูบอบบาง ทว่าลงมือแต่ละครั้งไม่ออมแรงสักนิด
ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับมองหน้ากันไปมา พวกเขารู้จักสตรีนางนี้ดี นางคือมู่หลานเฟิน หลานสาวคนงามของพระชายาเอกจวนชินอ๋อง ชื่อเสียงฉาวโฉ่ ตบตีคนไม่ไว้หน้า แต่เหตุใดคืนนี้นางจึงดูโดดเด่นเช่นนี้เล่า
ด้านเซวียนซานหลางที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ในจวน เมื่อได้ทราบข่าวจากองครักษ์ลับว่ามีนักโทษฏลอบหลบหนีออกมาจากคุกหลวงซ้ำยังก่อเื่ในเทศกาลหยวนเซียว เขาจึงรีบออกจากจวนมาจัดการทันที แต่ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบเื่ที่เหนือความคาดหมายเข้าให้
ตอนนี้มู่หลานเฟินกำลังยืนใช้เท้าเหยียบกลางหลังนักโทษ เมื่อสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์ก็ได้ทราบว่า นางเป็คนที่จัดการกับนักโทษเองกับมือ
นี่มันเื่อันใดกัน!
"หลีกทางหน่อย ใต้เท้าเสิ่นมาแล้ว!"
เสียงเกือกเท้าม้าดังใกล้เข้ามา เหล่าชาวบ้านต่างแหวกทางให้ผู้มาใหม่ มู่หลานเฟินที่กำลังจับตัวนักฆ่ากดลงบนพื้นรีบหันไปมอง ก่อนจะพบกับบุรุษผู้มาใหม่
ชายหนุ่มะโลงมาจากหลังม้า ก่อนจะมองนางสลับกับมองนักโทษคนนั้นที่นอนอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง แววตาของชายหนุ่มเจือความสงสัยชั่ววูบหนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหานาง
"แม่นาง ส่งคนให้ข้าได้หรือไม่ เขาคือนักโทษฏจากต่างแคว้น มีความผิดติดตัวไม่น้อยเลย เื่นี้ทางการจะจัดการเอง"
"อ้อ ได้สิ"
เมื่อได้ยินอย่างนั้นมู่หลานเฟินก็พยักหน้า ก่อนจะเอาเท้าออกจากกลางหลังนักโทษ ในขณะที่นางเพิ่งจะขยับตัวได้ไม่นาน นักโทษคนนั้นก็ถือโอกาสชักมีดสั้นที่แอบซ่อนไว้ออกมา หมายจะสังหารนาง แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก็มีมีดสั้นอีกเล่มพุ่งเข้าไปปักที่ข้อมือของมันเสียก่อน
มู่หลานเฟินรีบหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็เซวียนซานหลางนั่นเอง
มู่หลานเฟินรู้สึกว่าตัวของนางคล้ายจะหดลงไปไม่น้อยยามที่ได้เจอกับเซวียนซานหลาง คนผู้นี้ไอสังหารดุดันเกินไป นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกทั้งสายตาที่เขาใช้มองนางตอนนี้ก็มีทั้งความเ็าและสงสัยอยู่เต็มไปหมด
"คารวะซื่อจื่อ ขอบคุณมากที่มาช่วยอีกแรง"
ชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยจบก็ยกมือขึ้นสั่งให้คนมาลากตัวนักโทษผู้นี้กลับไปไต่สวนต่อ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับมู่หลานเฟิน
"แม่นางท่านนี้ ข้าได้ยินว่าท่านเป็คนช่วยจับคนร้าย เหล่าชาวบ้านพูดกันเซ็งแซ่ว่าเ้ามีความสามารถ ไม่ทราบว่าเ้ามีชื่อแซ่ว่าอันใดกัน เป็บุตรสาวจากตระกูลไหน ข้าจะกราบทูลฝ่าาเพื่อตกรางวัลให้เ้า"
"เอ่อ..."
"นางเป็คนของจวนชินอ๋อง ไม่รบกวนให้ใต้เท้าเสิ่นออกหน้าแทนหรอก"
มู่หลานเฟินยังไม่ทันเอ่ยตอบ เซวียนซานหลางก็เป็ฝ่ายพูดตัดบทขึ้นมาเสียก่อน มู่หลานเฟินรู้สึกว่าบรรยากาศระหว่างบุรุษสองคนนี้มันแปลกประหลาดไม่น้อยเลย
ชายหนุ่มผู้มาใหม่ยกยิ้มมุมปาก เขาทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เซวียนซานหลางพูด แต่กลับหันมาเอ่ยกับมู่หลานเฟินแทน
"แม่นาง ข้ามีนามว่าเสิ่นเหวยอัน เป็หัวหน้าศาลต้าหลี่ ข้ามาเพื่อจับคนร้ายกลับไปไต่สวน วันนี้โชคดีได้แม่นางยื่นมือช่วยเหลือจึงจับคนร้ายได้สำเร็จ ไว้วันหน้าพบกันข้าจะถามชื่อเ้าอีกครั้ง วันนี้ขอตัวก่อน"
เสิ่นเหวยอันเอ่ยกับมู่หลานเฟินอย่างสุภาพ เดิมทีเขาปกปิดหน้าที่ของตนเอง การทำภารกิจลับให้ฮ่องเต้ไม่ใช่เื่ที่จะเปิดเผยตัวตนได้โดยพลการ หลายปีมานี้ไม่มีใครเคยเห็นหน้าค่าตาหัวหน้าสำนักบูรพา เหล่าขุนนางต่างบอกว่าหัวหน้าสำนักบูรพาเป็คนลึกลับไม่ชอบสุงสิงกับผู้ใด อีกทั้งยามเข้าเฝ้าหน้าท้องพระโรงยังชอบสวมหน้ากากปิดบังอำพรางใบหน้าอีกด้วย
ที่เขาต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและทำให้การปฏิบัติงานแต่ละครั้งราบรื่นไร้อุปสรรค จึงต้องปลอมตนแฝงตัวอยู่ในศาลต้าหลี่ คอยจับตาดูพวกขุนนางชั่วทั้งหลายที่คิดจะโกงกินบ้านเมือง เป็หูเป็ตาแทนฮ่องเต้
"หรานหร่าน ข้าใแทบตาย เ้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ ไม่อย่างนั้นท่านแม่ได้ตีข้าขาหักแน่"
เสิ่นเหวยอันที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป พลันชะงักฝีเท้าไปชั่วขณะ
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
หน้างาม นามไพเราะ
หรานหร่านหรือ
เป็ชื่อที่ดียิ่ง
เมื่อทุกอย่างคลี่คลายผู้คนต่างแยกย้าย มู่หลานเฟินหันไปมองเซวียนซานหลาง ก็พบว่าตอนนี้เขากำลังจ้องนางเขม็ง ก่อนจะเดินเข้ามาหานาง
"เหตุใดข้าไม่เคยรู้เลยว่าเ้ามีวรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนี้ คนที่เ้าจัดการจนหมอบราบคาบเป็ถึงนักฆ่าฝีมือดีอันดับหนึ่งของต่างแคว้นที่ลอบเข้ามาสังหารเชื้อพระวงศ์ ถูกทหารของแคว้นเราจับตัวมาไต่สวนเมื่อไม่นานมานี้ ทหารในคุกหลวงยังต้านเขาไม่อยู่ แต่เ้ากลับทำได้ มู่หลานเฟิน เ้าทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาไม่น้อยเลย"
มู่หลานเฟินลอบกลืนน้ำลายลงคอ มารดามันเถอะ! ไม่ใช่เขาคิดไปไกลว่านางเป็นักฆ่าที่จะสังหารเขาหรอกกระมัง
ไม่น่าเลย ไม่น่าเปิดเผยฝีมือเลย!
มู่หลานเฟินยังไม่ทันได้เอ่ยตอบก็ได้ยินเสียงของสตรีน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"มู่หลานเฟิน ข้าขอบใจเ้ามากที่ช่วยเหลือข้า"
มู่หลานเฟินหันไปมอง ก่อนจะพบกับสตรีใบหน้างดงามนางหนึ่ง เป็หญิงสาวที่นางช่วยเหลือเอาไว้ก่อนหน้านี้ คราแรกยังเห็นหน้านางไม่ชัด ตอนนี้เมื่อได้เห็นในระยะใกล้ อยู่ ๆ ความทรงจำของร่างเดิมก็ปรากฏภาพของสตรีนางนี้ในหัวของมู่หลานเฟิน
นางมีนามว่าสวีเมิ่งเหยา เป็บุตรสาวของท่านราชครู และเป็ที่หมายปองของเหล่าบุรุษในเมืองหลวง เป็สตรีที่งดงามและมีความสามารถเป็อันดับหนึ่งในเมืองหลวง และที่สำคัญนางหมายปองเซวียนซานหลาง อีกทั้งยังใช้ความอารมณ์ร้ายของมู่หลานเฟินจนเกิดประโยชน์ หลอกล่อให้มู่หลานเฟินทำไม่ดีต่อหน้าเซวียนซานหลาง ให้เขาไม่ชอบหน้านางหนักเข้าไปอีก
อ้อ ที่แท้ก็ศัตรูหัวใจของนางหรือนี่!
ถุย! ศัตรูหัวใจเ้าของร่างเดิมสิ ไม่ใช่ของนางเสียหน่อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นมู่หลานเฟินก็ปรับสีหน้าให้เป็ปกติ ก่อนจะเอ่ย
"ไม่เป็อันใด ช่วยคนนับว่าได้บุญ"
"ขอบคุณเ้ามาก เอ่อ ซื่อจื่อ โอ๊ย"
อยู่ ๆ สวีเมิ่งเหยาก็ซวนเซล้มลงไปในอ้อมแขนของเซวียนซานหลาง มู่หลานเฟินที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับย่นหัวคิ้วด้วยความสงสัย
อันใดกัน เมื่อครู่ตอนเดินมายังดี ๆ อยู่เลย พอเห็นผู้ชายหล่อเข้าหน่อยขาของสวีเมิ่งเหยาก็อ่อนแรงขึ้นมาทันที ให้ตายเถอะ
สวีเมิ่งเหยาแกล้งทำเป็เซไปซบอกเซวียนซานหลาง ก่อนจะเงยหน้ามาส่งยิ้มเยาะหยันให้กับมู่หลานเฟิน มู่หลานเฟินที่เห็นเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะออกมา
แม่นางคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ ข้าไม่น่าช่วยนางเลย น่าจะให้นางโดนปาดคอตายไปเสีย!
หากมู่หลานเฟินคนเก่ายังอยู่ป่านนี้คงได้ตบกันสนั่นหวั่นไหวไปนานแล้ว แต่ประทานโทษนะ นางไม่ใช่มู่หลานเฟินคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เซวียนเจ๋อที่เห็นอย่างนั้นก็หันขวับมามองญาติผู้น้องของตน ก่อนจะยื่นมือมาดึงแขนของมู่หลานเฟินเอาไว้
"หรานหร่าน เ้าห้ามตบตีคนนะ!"
ไม่เพียงเซวียนเจ๋อเท่านั้น เซวียนซานหลางเองก็จ้องมู่หลานเฟินเขม็ง เพราะเกรงว่ามู่หลานเฟินจะเกิดคลุ้มคลั่งจนตบตีคนขึ้นมาอีก ชายหนุ่มคิดจะผลักสวีเมิ่งเหยาออก แต่นางกลับกอดแขนเขาแน่น จนชายหนุ่มเริ่มโมโห
มู่หลานเฟินส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเซวียนเจ๋อ
"ข้าไม่มีเวลาว่างมาตบตีคนหรอก กลับกันเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว"
เอ่ยจบนางก็เดินตรงไปที่รถม้า เซวียนเจ๋อดีใจที่มู่หลานเฟินไม่ก่อเื่ เซวียนซานหลางเองก็แปลกใจเช่นเดียวกัน
ด้านสวีเมิ่งเหยาก็งงเป็ไก่ตาแตกที่วันนี้มู่หลานเฟินไม่ลงมือตบตีตน
มู่หลานเฟินเดินมาถึงรถม้า นางรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าใดนัก แม้ร่างนี้จะแข็งแรง แต่กลับไม่ได้มีทักษะในการฝึกยุทธ์เท่าใดนัก แม้นางจะแอบฝึกอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่เข้าที่เข้าทาง นางรับรู้ได้ในทันทีว่าลมปราณภายในกำลังเสียหาย
ด้านเซวียนซานหลางที่สลัดสวีเมิ่งเหยาได้แล้วก็รีบเดินตามคนทั้งสองมาที่รถม้าทันที เมื่อมาถึงเขาก็ยื่นมือมาคว้าแขนของมู่หลานเฟินเอาไว้
"เ้ากับข้ามีเื่ต้องพูดคุยกัน"
"อั๊ก!"
ไม่ทันที่มู่หลานเฟินจะเอ่ยตอบ นางก็กระอักโลหิตออกมาคำโต ก่อนจะหมดสติไป เซวียนซานหลางรีบประคองนางเอาไว้ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น
ดูเหมือนว่าภายในจะได้รับความกระทบกระเทือนไม่น้อยเลย
แทนที่จะได้ไต่สวนนาง กลับกลายเป็ว่าเขาต้องพานางกลับจวนและให้เซวียนเจ๋อเร่งตามหมอมารักษานางแทน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้