"แต่ข้า...ข้าถูกเขาแตะต้องตัวแล้ว ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป"
อันซิ่วเอ๋อร์ยังคงติดอยู่กับความเข้าใจผิดนั้น จำได้ดีว่านางถูกวางยา หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีคนขึ้นมาคร่อมร่างนาง
"เ้ายิ่งพูดก็ยิ่งเลอะเทอะ โชคดีที่ข้าไปทันต่างหาก จำไว้ หากมีเื่อะไรเกิดขึ้นอีก ต้องบอกข้า ห้ามเก็บไว้คนเดียว เข้าใจไหม?"
จางเจิ้นอันนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วยังใจหายไม่หาย อดไม่ได้ที่จะพูดติดตลกกลบเกลื่อนความกลัว "โชคดีจริงๆ ที่ข้าไปทัน ไม่อย่างนั้นเ้าคงกลายเป็กระต่ายน้อยในกรงเล็บของเขาไปแล้ว"
ถึงแม้คำเปรียบเปรยของจางเจิ้นอันจะไม่ค่อยน่าฟังนัก แต่ดวงตาของอันซิ่วเอ๋อร์กลับเป็ประกายขึ้นทันที นางเข้าใจความหมายของเขาแล้ว จึงเอียงคอถามย้ำ
"ท่านหมายความว่า... ข้าไม่ได้ถูกเขาล่วงเกินใช่หรือไม่?"
"แน่นอน"
จางเจิ้นอันพยักหน้าหนักแน่น เมื่อเห็นแววตาของนางคลายกังวลลงอย่างเห็นได้ชัด เขาก็อดไม่ได้ที่จะโน้มใบหน้าลงจุมพิตเบาๆ ที่แก้มเนียนของนาง
"ข้าจะปกป้องเ้าเอง ไม่ต้องกลัว"
อันซิ่วเอ๋อร์ทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง จำได้รางๆ ว่าเขาเป็คนมาพานางกลับบ้านจริงๆ ดูเหมือนว่านางจะกังวลเกินเหตุ คิดฟุ้งซ่านไปเอง พอนึกได้ว่าทั้งหมดเป็เพียงความเข้าใจผิด ในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก สีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองลืมเลือนความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น จับมือจูงกันเดินกลับบ้านอย่างมีความสุข ส่วนกู้หลินหลางที่อยู่ในห้องหนังสือเรือนหลัง กลับนั่งหน้าตาบวมปูดเขียวช้ำ เด็กรับใช้กำลังใช้ยาทาแผลแต้มเบาๆ ที่มุมปากให้ เขาเบ้หน้าด้วยความเ็ป ร้องครางออกมาเบาๆ ไม่หยุด
ตนเองเป็ถึงบัณฑิตผู้สูงส่ง กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้คนเถื่อนเช่นนี้ ช่างน่าอัปยศอดสู! ที่สำคัญคือการพูดคุยด้วยเหตุผลกับมันก็ไม่ได้ผล แถมตนเองยังเป็ฝ่ายผิดเสียด้วย
เขาไปยั่วโมโหคนแบบไหนเข้ากันนะ? ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งถูกเขา 'สั่งสอน' ไปรอบหนึ่ง ตอนนี้แขนซ้ายยังขยับไม่ได้เลย ใครจะรู้ว่าเขาจะบุกมาทำร้ายตนเองอีกครั้งโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย! ความเ็ปทางกายเป็เื่รอง แต่ใบหน้าที่บวมช้ำเป็จ้ำๆ แบบนี้ พรุ่งนี้เขาจะเอาหน้าไปพบผู้คนได้อย่างไร?
"เบามือหน่อย!" กู้หลินหลางอดไม่ได้ที่จะตวาดใส่เด็กรับใช้ที่กำลังทายาให้
"คุณชาย นี่มันเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่ขอรับ?"
เด็กรับใช้รู้สึกเจ็บแค้นแทนเ้านาย จึงกล่าวด้วยความโกรธเคือง "จางเจิ้นอันผู้นี้ช่างโอหังนัก ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ลงมือทำร้ายคน! คุณชายต้องไปบอกท่านผู้ใหญ่บ้านให้จัดการขับไล่มันออกจากหมู่บ้านชิงสุ่ยให้ได้! หรือไม่ก็ไปแจ้งทางการ! ข้าไม่เชื่อว่าใต้หล้านี้จะไม่มีกฎหมายบ้านเมือง!"
ตอนที่จางเจิ้นอันมาครั้งแรก เด็กรับใช้ผู้นี้ถูกกู้หลินหลางสั่งให้หลบไปก่อน จึงไม่รู้เื่ราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้า ดังนั้นตอนนี้ เขาจึงได้แต่พร่ำบ่นถึงความเลวร้ายของจางเจิ้นอัน เรียกร้องให้เอาเื่และขับไล่ออกไป
"หุบปาก!"
กู้หลินหลางฟังแล้วปวดหูยิ่งนัก หากจางเจิ้นอันเป็แค่คนเถื่อนธรรมดาๆ ก็คงจะดี แต่นี่แขนซ้ายของตนยังใช้การไม่ได้เหมือนเป็อัมพาต พอนึกถึงความเ็ปแสนสาหัสก่อนหน้านี้ เขาจะกล้าไปแจ้งทางการได้อย่างไร?
แต่ความแค้นนี้ก็ยากจะกล้ำกลืน เช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงตัดสินใจเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปหาหมอที่โรงหมอที่ใหญ่ที่สุด หวังจะรักษามือที่าเ็
พอหมอจับข้อมือตรวจ เขาก็ร้องโอดโอยออกมาทันที ใบหน้าที่บวมช้ำยังไม่หายดี หน้าผากก็มีเส้นเืปูดโปน มาดคุณชายผู้สุภาพอ่อนโยนหายไปหมดสิ้น โชคดีที่เขาสวมหมวกคลุมหน้าไว้ คนอื่นๆ ในโรงหมอจึงมองไม่เห็นใบหน้าอันน่าอับอายของเขา
หมอาุโในโรงหมอมีประสบการณ์มาหลายสิบปี ชินชากับเสียงร้องโอดโอยของผู้ป่วยอยู่แล้ว เขาเพียงเงยหน้าขึ้นมองกู้หลินหลางอย่างสงบ แล้วปล่อยมือลง
พอความเ็ปทุเลาลง กู้หลินหลางก็หอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อสงบสติอารมณ์ได้ จึงรีบถามหมอ "ท่านหมอ แขนข้าเป็อะไรไปหรือขอรับ?"
"เ้าไปมีเื่กับใครมาใช่หรือไม่?"
ใต้เปลือกตาที่หย่อนยานของหมอาุโ มีดวงตาคู่หนึ่งที่แม้จะไม่สดใส แต่กลับมองทะลุปรุโปร่งราวกับล่วงรู้ทุกสิ่ง
เมื่อเห็นว่าหมอมองออกถึงสาเหตุอาการาเ็ได้ในทันที กู้หลินหลางก็มีความหวังขึ้นมา เขารีบพยักหน้า "ใช่ขอรับ ท่านหมอพอจะมีวิธีรักษาหรือไม่?"
"คนผูกปมย่อมต้องเป็คนแก้ปม คนผู้นั้นใช้วิธีเคลื่อนย้ายข้อต่อแบบพิเศษ" หมอกล่าวเสียงเรียบ "หมอาุโอย่างข้าไร้ความสามารถจะรักษาได้"
พอได้ยินเช่นนั้น กู้หลินหลางก็ใจหายวาบ ใบหน้าซีดเผือดลงทันที
"ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือขอรับ?"
"บางทีเ้าอาจจะลองไปหาหมอที่ตัวเมืองดูได้ หมอาุโผู้นี้ความรู้น้อยนัก แต่แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือกลับไปหาคนที่ทำให้ข้อต่อเ้าเคลื่อน แล้วพูดจาเกลี้ยกล่อมเขาเสีย ข้าขอเตือนว่ายิ่งพบเขาเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี หากปล่อยทิ้งไว้นาน เกรงว่าแขนข้างนี้ของเ้าคงต้องพิการไปจริงๆ"
ด้วยจรรยาบรรณแพทย์ หมอาุโไม่อาจทนเห็นคนหนุ่มต้องกลายเป็คนพิการ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน
"ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ" กู้หลินหลางพยักหน้ารับ เดินออกจากโรงหมอมาพร้อมกับเด็กรับใช้
"คุณชาย แล้วจะทำอย่างไรดีขอรับ? ใครกันที่ทำร้ายมือท่านถึงเพียงนี้?" เด็กรับใช้ถามด้วยความกระวนกระวาย
"เ้าไม่ต้องสนใจ" กู้หลินหลางโบกมือ "ไป! ไปตัวเมืองกับข้า!"
"คุณชาย! เดินทางไปตัวเมืองต้องใช้เวลาครึ่งวันเลยนะขอรับ!"
เด็กรับใช้ยิ่งร้อนใจ "ท่านหมอบอกแล้วว่าใครผูกปมก็ต้องให้คนนั้นแก้ ใครทำท่าน ท่านก็กลับไปหาเขาสิขอรับ หากปล่อยไว้นาน แขนท่านอาจจะพิการจริงๆ นะขอรับ!"
กู้หลินหลางชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยังคงเดินมุ่งหน้าไปยังท่าเรือต่อไป แม่น้ำสายนี้ไม่เพียงเชื่อมต่อกับลำน้ำชิงสุ่ยในหมู่บ้านเท่านั้น แต่ยังไหลออกสู่แม่น้ำสายใหญ่ภายนอกตัวเมืองได้ด้วย
เมื่อเห็นเด็กรับใช้ยังคงพร่ำบ่นไม่หยุดอยู่ข้างหู เขาจึงสะบัดแขนเสื้อ หันไปตวาดใส่
"ข้าจะไปตัวเมือง! ข้าไม่เชื่อว่ามันจะเก่งกาจมาจากไหน ก็แค่ข้อต่อเคลื่อนเท่านั้น!"
วันนั้นจางเจิ้นอันหักแขนเขาถึงสองครั้ง แม้จะเ็ป แต่เขาก็จำได้ว่าจางเจิ้นอันแค่เหยียบเบาๆ แขนขาก็กลับมาเป็ปกติได้แล้วนี่
"คุณชาย ข้าเข้าใจความรู้สึกของท่าน แต่ท่านต้องคิดถึงอนาคตนะขอรับ ท่านยังต้องไปสอบระดับเมืองใน่ครึ่งปีหลังอีกนะขอรับ!"
เด็กรับใช้ผู้นี้คอยเตือนอยู่ข้างๆ อันที่จริง เขาพอจะเดาออกแล้วว่าใครเป็คนทำร้ายคุณชายของตน
เขาเคยไปซื้อปลาที่บ้านจางเจิ้นอันอยู่บ้าง จึงพอรู้จักอยู่บ้าง แม้คนอื่นจะร่ำลือว่าจางเจิ้นอันดุร้าย ตอนแรกเขาก็รู้สึกกลัวๆ แต่พอได้ััจริงๆ ก็ไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็คนที่จะลงมือทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผล
เมื่อวานที่จางเจิ้นอันลงมือทำร้ายคุณชายของตนที่ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมก็ทำให้เขารู้สึกแปลกใจแล้ว พอมาวันนี้ อาการาเ็ที่มือของคุณชายก็ยังเกี่ยวข้องกับเขาอีก เด็กรับใช้เหลือบมองกู้หลินหลางแวบหนึ่ง รู้สึกว่าคุณชายต้องปิดบังอะไรบางอย่างไว้แน่ๆ
แต่ถึงอย่างไร ตนก็เป็แค่บ่าวรับใช้ จะไปก้าวก่ายเื่ของเ้านายได้อย่างไร? เขาเพียงแต่คิดว่าพอกลับไปแล้ว จะลองแอบไปขอความเมตตาจากจางเจิ้นอันดู เผื่อว่าอีกฝ่ายจะยอมผ่อนปรนให้คุณชายของตนบ้าง
"กลับกันเถอะ"
เมื่อนึกถึงอนาคตของตนเอง ในที่สุดกู้หลินหลางก็ยอมประนีประนอม อย่างไรเสีย เขาก็กำลังจะจากที่นี่ไปอยู่แล้ว ไม่สิ พอเื่นี้จบลง เขาจะไปทันที! สถานที่ผีสิงแห่งนี้ เขาไม่อยากอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว!
"เอ้อ ดีขอรับ ดีขอรับ!" พอได้ยินกู้หลินหลางยอมเปลี่ยนใจ เด็กรับใช้ก็ดีใจ คิดในใจว่าคุณชายของตนก็ยังพอฟังคำพูดของตนอยู่บ้าง
ทั้งสองกลับมาถึงสำนักศึกษา ตะวันก็ขึ้นสูงแล้ว นอกจากอันหรงเหอ นักเรียนคนอื่นๆ ต่างมากันครบหมดแล้ว เนื่องจากกู้หลินหลางไม่อยู่ พวกเด็กๆ จึงกำลังส่งเสียงดังจอแจราวกับตลาดสด
กู้หลินหลางเดินมาถึงหน้าประตูอย่างเงียบเชียบ เสียงอึกทึกที่ดังออกมาจากห้องเรียนไม่อาจกั้นด้วยกำแพงบางๆ ได้ เขาหันไปพูดกับเด็กรับใช้ด้วยความรังเกียจ
"เ้าดูสิ พวกบ้านนอกก็คือพวกบ้านนอก ต่อให้ได้เรียนหนังสือแล้ว ก็ยังเหมือนคนป่าคนดง ไร้ระเบียบวินัย!"
เด็กรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปในห้องเรียน พอสบสายตากับกู้หลินหลางที่ยังสวมหมวกคลุมหน้าอยู่ บรรยากาศเย็นเยียบรอบตัวเ้านายทำให้เขารู้สึกขนลุก จึงรีบก้มหน้าลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก
กู้หลินหลางเดินเข้าไปในห้องเรียน นักเรียนบางคนที่กำลังคุยกันอย่างออกรส พอเห็นกู้หลินหลางก็รีบเงียบเสียงลง
ค่อยๆ มีคนสังเกตเห็นการมาของกู้หลินหลางมากขึ้นเรื่อยๆ คนที่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานที่สุดก็สังเกตเห็นว่าบรรยากาศในห้องเงียบผิดปกติ จึงค่อยๆ หุบปากลง
ในที่สุดห้องเรียนก็เงียบสงัด กู้หลินหลางกวาดสายตามองเหล่านักเรียน ทุกคนต่างก้มหน้ามองปลายเท้าของตนเอง เพราะรู้ดีว่าไม้เรียวของท่านอาจารย์ไม่ใช่ของล้อเล่น
"ใครก็ได้ ไปตามอันหรงเหอมาให้ข้าที" กู้หลินหลางกล่าวขึ้นอย่างกะทันหัน
คำพูดของเขาเหนือความคาดหมายของทุกคน เด็กๆ ต่างพากันงุนงง หลินจื่อยกมือขึ้นถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ท่านอาจารย์ ท่านมีเื่อันใดกับเขาหรือขอรับ?"
กู้หลินหลางถอนหายใจยาว ทำท่าทางสำนึกผิด "เื่เมื่อวาน ข้าเข้าใจเขาผิดไปจริงๆ พู่กันด้ามนั้นหาได้หายไปไม่ อันที่อยู่ในโต๊ะของเขา เดิมทีเป็รางวัลที่ข้าตั้งใจจะมอบให้เขาต่างหาก"
เขาเริ่มแต่งเื่ราว "่นี้เขาเรียนดีขึ้นมาก ข้าจึงสั่งให้เด็กรับใช้ของข้านำพู่กันไปให้เป็รางวัล ใครจะรู้ว่าเ้าเด็กนั่นเห็นว่าพู่กันหยกทะเลสาบด้ามนี้ข้าไม่ค่อยได้ใช้ เลยแอบเอาไปซ่อนไว้ในกองหนังสือของเขาเสียเอง กะจะให้ข้าประหลาดใจเล่น แต่กลับทำให้ข้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่! ใครก็ได้ช่วยไปตามเขามาที วันนี้ข้าจะขอโทษเขาด้วยตัวเอง"
เื่ที่แต่งขึ้นนี้ฟังดูมีเหตุมีผล นอกจากเด็กรับใช้ที่ยืนงงอยู่ข้างๆ แล้ว แทบจะหาข้อผิดพลาดไม่ได้เลย การทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ลบล้างมลทินให้อันหรงเหอ แต่ยังสร้างภาพลักษณ์อาจารย์ผู้รักศิษย์ให้ตนเองอีกด้วย
หลินจื่อจึงรับอาสาไปตามอันหรงเหอที่บ้านสกุลอัน ระหว่างทางก็เล่าเื่ราวทั้งหมดให้ฟัง อันหรงเหอพอได้ฟังก็ดีใจเป็อย่างยิ่ง ความขุ่นเคืองเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดจากความเข้าใจผิดของกู้หลินหลาง และความอับอายที่ไม่สามารถอธิบายความจริงได้เมื่อวานนี้ ก็พลันมลายหายไปสิ้นในพริบตา
ต่อหน้าศิษย์ทุกคน เด็กรับใช้ที่ยังงงๆ อยู่ก็จำต้องเล่นละครไปตามน้ำ กู้หลินหลางกล่าวขอโทษอันหรงเหออย่างจริงใจ บรรยากาศในห้องเรียนจึงอบอวลไปด้วยความรักใคร่ปรองดอง ฉากเกรี้ยวกราดและผิดหวังของกู้หลินหลางเมื่อวานนี้ กลายเป็เพียงเื่ตลกไปเสียแล้ว
นักเรียนทุกคนต่างยอมรับคำอธิบายนี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาสงสัยก็คือ วันนี้ทำไมท่านอาจารย์กู้ถึงสวมหมวกคลุมหน้ามาสอนหนังสือ
เวลาผ่านไปจนหมดคาบเรียน่เช้า กู้หลินหลางรอแทบไม่ไหวที่จะไปหาจางเจิ้นอัน เพื่อให้เขาต่อแขนซ้ายให้กลับเข้าที่เดิม เขาจึงไม่แม้แต่จะกินข้าว รีบมุ่งหน้าไปยังบ้านสกุลจางริมแม่น้ำทันทีที่เลิกเรียน
คนที่มาเปิดประตูคืออันซิ่วเอ๋อร์ ถึงแม้เขาจะสวมหมวกคลุมหน้าอยู่ แต่นางก็จำเสียงและรูปร่างของเขาได้ทันที นางปิดประตูใส่หน้าเขาเสียงดังปัง! เขาหัวเราะอย่างขมขื่น แต่ก็ยังคงเคาะประตูต่อไป ในที่สุดประตูก็เปิดผางออกอีกครั้ง แต่เขายังไม่ทันได้เอ่ยปาก ไม้กวาดอันหนึ่งก็ฟาดเข้าใส่หน้าเขาเต็มแรง!
