“เมื่อไม่กี่วันก่อน สิบราชันล้วนมาถึงเมืองวันสิ้นโลกแล้ว เคยรวมตัวกันที่หุบเขาโชคชะตา์ เพื่อจัดลำดับสิบราชันกันใหม่ ด้านนอกลือกันว่าพวกเขาต่อสู้กันรอบหนึ่ง สุดท้ายราชันเร้นลับยังคงชนะราชันอสูรครึ่งกระบวนท่า อยู่ในลำดับที่หนึ่ง ราชันอสูรอยู่ในรายชื่อลำดับที่สอง ลำดับของคนอื่นๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้วเช่นกัน เฉวียนหรูเซิน ราชันสัตว์ร้าย ศิษย์พี่ของเ้าอยู่อันดับที่ห้าเท่านั้น อูสิงอวิ๋น ราชันิญญาอยู่อันดับที่สาม เฝิงอู๋เซวี่ย ราชันกระบี่อันดับที่สี่ จากอันดับที่หกถึงอันดับที่สิบ ยังคงเป็ลี่ซิงหุน ราชันปีศาจ สื่อรั่วหนาน ราชันโอสถ เหยียนชิงชิง ราชันพิษ หนานกงเฉิง ราชันวายุ หวานเหยียนจ้ง ราชันหมาป่า การจัดอันดับครั้งนี้ เฝิงอู๋เซวี่ย ราชันกระบี่ชนะเฉวียนหรูเซินไต่อันดับขึ้นไปหนึ่งขั้นและราชันสัตว์ร้ายลดลงมาหนึ่งอันดับ ราชันปีศาจจากเมื่อก่อนที่อยู่อันดับเก้ากลายเป็อันดับหกในตอนนี้ ไม่ทราบว่าพี่จ้านเคยได้ยินเื่นี้หรือไม่?” จู้เชียนเชียนถามขึ้นคำหนึ่ง
“เื่นี้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า? สำหรับการจัดอันดับของพวกเขา ไม่อยู่ในสายตาของข้าเลยจริงๆ ดังนั้นเลยมิค่อยได้สนใจ เพียงแต่อันดับของศิษย์พี่เฉวียนลดลง เื่นี้น่าเสียดายอยู่บ้าง” จ้านอู๋มิ่งยักไหล่อย่างเฉยชา มิเห็นเป็เื่ใหญ่
“เท่าที่ข้าทราบมา เฝิงอู๋เซวี่ยได้รับคำสั่งจากทางสำนัก การเดินทางสู่มหาสมุทรวันสิ้นโลกครั้งนี้ก็เพื่อ้าสังหารเ้าและหนานกงเฉิง ราชันวายุก็มองเ้าเป็เป้าหมายที่ต้องกำจัด อีกผู้หนึ่งที่เ้าจะต้องระวังเป็พิเศษ คนผู้นี้ก็คือสื่อรั่วหนาน ราชันโอสถ” จู้เชียนเชียนพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“เพราะเหตุใด?” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาบ้างแล้ว เขากับสื่อรั่วหนาน ราชันโอสถไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และไม่ค่อยมีการคบหากับคนของสำนักหลอมโอสถมากนัก สื่อรั่วหนานกับตน ก่อนหน้าไม่มีความอาฆาตแค้นใดๆ ่เวลาที่ผ่านมาก็ไม่มีเื่วิวาท ไฉนตนต้องระวังนางเป็พิเศษด้วยเล่า เื่นี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งไม่เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“เชียนเชียนได้ศึกษาเศษชิ้นส่วนของม้วนคัมภีร์โบราณจำนวนมาก ยังสะสมรวบรวมเกร็ดความรู้ รวมทั้งเื่ราวน่าสนใจของยุทธภพไว้มากมาย ทราบว่ามีตระกูลเร้นลับตระกูลหนึ่ง จะนำทารกเกิดใหม่ได้ไม่นานไปทิ้งบริเวณใกล้สำนักใหญ่ั้แ่เล็กๆ จากนั้นปล่อยให้เขาเอาชีวิตรอดเอง สมาชิกทุกคนในตระกูลนี้มีลักษณะเฉพาะพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ส่วนใหญ่กอปรด้วยพร์ในการปลุกชีพจรสายเืให้ตื่นขึ้น มีเพียงหลังจากปลุกชีพจรสายเืให้ตื่นขึ้นแล้ว พวกเขาจึงจะมีคุณสมบัติหวนคืนสู่ภูมิลำเนาเดิมของบรรพบุรุษ เ้าเคยประมือสู้กับอาหนาน ศิษย์อัจฉริยะของสำนักกระบี่ิญญา ยังทำร้ายเขาจนาเ็สาหัส ข้าได้ยินมาว่าพร์ในการปลุกชีพจรสายเืของคนผู้นี้ถูกทำลายหลังจากต่อสู้กับเ้า สื่อรั่วหนานในสิบราชันก็เป็ผู้มีพร์ในการปลุกชีพจรสายเื และเป็ชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีเช่นเดียวกัน ประสบการณ์ชีวิตของนางก็เช่นเดียวกับอาหนาน ดังนั้นข้าคาดเดาว่านางอาจมีความสัมพันธ์พิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งกับอาหนาน ดังนั้นเ้าต้องระวังคนผู้นี้ให้มากเป็พิเศษ”
“อา ยังมีตระกูลที่โหดร้ายเช่นนี้อีกหรือ?” จ้านอู๋มิ่งมองจู้เชียนเชียนอย่างตกตะลึง ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีเื่ราวแปลกประหลาดอีกมากมายจริงๆ การกระทำของตระกูลนี้ช่างโเี้ยิ่งนัก
นึกถึงชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีของอาหนานแล้ว จ้านอู๋มิ่งลอบหัวเราะในใจ สามารถทำร้ายอัจฉริยะของสำนักกระบี่ิญญาจนพิการ เขารู้สึกมีความสุขมาก ถึงแม้หลังจากโจมตีอาหนานจนพ่ายแพ้แล้ว เขามิได้ปลิดชีพอาหนาน แต่ว่าลอบลงมือไปแล้ว แอบดูดเอาแก่นโลหิตชีพจรสายเืบรรพบุรุษค่างคิงคองมหาปฐีมาอย่างเงียบๆ นี่จึงเป็สาเหตุที่พร์ชีพจรสายเืของอาหนานถูกทำลายจริงๆ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าอาหนานกลับยังมีพี่สาวอีกคนหนึ่ง และยังเป็ราชันโอสถแห่งสิบราชันอีกด้วย ไม่แปลกที่อาหนานแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้ เหตุผลก็เพราะว่าตระกูลของเขาโเี้ยิ่งนัก
“หากพี่จ้านต้องเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกจริงๆ มิว่าผู้ใดในสิบราชันเ้าล้วนต้องระมัดระวัง ไม่จำเป็ต้องเป็สามคนนี้เท่านั้น” จู้เชียนเชียนพูดอย่างกังวลใจ
“เป็ไปไม่ได้กระมัง? เฉวียนหรูเซิน ราชันสัตว์ร้ายเป็คนของสำนักบริบาลเดรัจฉานเรา เขาสมควรจะไม่ลงมือเล่นงานข้า ส่วนราชันอีกเก้าคนที่เหลือ นอกจากคนของตระกูลหนานกงและสำนักกระบี่ิญญา เพิ่มสื่อรั่วหนานผู้นั้นอีกคนแล้ว สำนักนิกายและตระกูลอื่นๆ ที่เหลือไม่มีการติดต่อกับข้า ข้ายังได้ยินมาว่ายามปกติสิบราชันมักมีการกระทบกระทั่ง ไม่ลงรอยกัน ราชันพิษและราชันโอสถยิ่งเป็คู่ปรับตัวฉกาจอีกด้วย เ้าแพร่พิษ ข้าถอนพิษ มี่หนึ่งยังทำเอาแต่ละสำนักนิกายใหญ่วุ่นวายกันไปหมด สิบราชันกลุ่มนี้คงไม่เห็นข้าขัดตาไปทั้งหมดทุกคนหรอกกระมัง?” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“ในสิบราชันนอกจากราชันพิษแล้ว ที่เหลือทุกคนล้วนเคยติดต่อกับเชียนเชียน มีครั้งหนึ่ง ข้าบังเอิญได้ทราบจากปากของราชันวายุหนานกงเฉิงว่าถึงแม้สิบราชันจะไม่ลงรอยกันอย่างเปิดเผย แต่ความจริงแล้วราชันทั้งสิบเคยปฏิญาณร่วมกันในอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน ส่วนจะสาบานกันในเื่ใด เชียนเชียนมิได้ถาม เขาเพียงแต่บอกว่าพวกเขาเคยมีประสบการณ์ในอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน ได้รับการชี้แนะจากบุคคลลึกลับผู้หนึ่ง สุดท้ายจึงกอบโกยอย่างมากมายมหาศาลจากอาณาจักรฟ้าเร้นลับเสวียนเทียน ภายใต้การสนับสนุนของบุคคลลึกลับผู้นั้น ทั้งสิบคนได้สาบานร่วมกันไว้ ปณิธานคือการรุกและถอยร่วมกัน ทั้งยังเอ่ยว่าจะร่วมมุ่งหน้าสู่เส้นทางจักรพรรดิาไปด้วยกัน…”
“ครั้งนั้นหนานกงเฉิงดื่มจนเมามายแล้ว จึงได้พูดจามากมายเช่นนี้ ตลอดหลายปีมานี้ สิบราชันกระทบกระทั่งกันหลายครั้ง ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง แต่มิเคยได้ยินว่ามีผู้ใดได้รับาเ็ระหว่างการต่อสู้ คนอย่างราชันอสูร กงซุนจื้อและราชันปีศาจประเภทนั้น ต่อสู้กับผู้อื่นจะสามารถยั้งมือไว้ไมตรีได้อย่างไร? ทุกครั้งที่สิบราชันจัดอันดับรายชื่อ ไม่เคยมีคนนอกเข้าร่วมมาก่อน ล้วนเป็การจัดอันดับกันภายในกลุ่มทั้งสิ้น ถึงแม้จะได้ยินมาว่าต่อสู้กันอย่างดุเดือดรุนแรง แต่กลับไม่เคยได้ยินว่าสิบราชันถูกถอดออกจากอันดับเพราะสาเหตุนี้ ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ไพศาล มีคนเก่งปรากฏขึ้นจำนวนมากมาย คนที่เหนือกว่าสิบราชันมิใช่จะไม่มี แต่บุคคลภายนอกไม่มีโอกาสเข้าร่วมการต่อสู้ เพราะคนที่มีโอกาสและคุณสมบัติทั้งหมดล้วนถูกสิบราชันสังหารสิ้นชีวิต เื่นี้ผิดปกติอย่างยิ่ง”
“ในหมู่ราชันทั้งสิบจะต้องมีความลับที่มิอาจให้ผู้อื่นทราบอย่างแน่นอน และความลับนี้ทำให้ยามที่พวกเขาถูกคุกคาม เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะร่วมมือกัน ดังนั้น พี่จ้านจะต้องพึงระวังสิบราชันให้ดี” เชียนเชียนวิเคราะห์ทุกอย่างที่นางทราบให้จ้านอู๋มิ่งฟัง พลันทำให้จ้านอู๋มิ่งตระหนักถึงวิกฤตชนิดหนึ่งขึ้นมาทันใด
เฉวียนหรูเซิน ราชันสัตว์ร้ายจะไม่ลงมือกับตนจริงๆ หรือ? หากตนได้รับการโปรดปรานจากบุคคลระดับสูงในสำนักบริบาลเดรัจฉานเหมือนเช่นเคย ย่อมจะต้องคุกคามต่อตำแหน่งของเฉวียนหรูเซินในสำนักบริบาลเดรัจฉานอย่างแน่นอน คนเหล่านี้ล้วนใส่ใจต่อชื่อเสียงของสิบราชันมากถึงเพียงนี้ เฉวียนหรูเซินก็ย่อมจะต้องใส่ใจต่อตำแหน่งในสำนักบริบาลเดรัจฉานอย่างยิ่งเช่นกัน เมื่อเป็เช่นนี้แล้ว เฉวียนหรูเซินจะลงมือเล่นงานตน ก็มิใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
จู้เชียนเชียนมิมีความจำเป็ต้องโกหกตน เวลานี้สิบราชันทั้งหมดล้วนมีฐานบ่มเพาะระดับราชันาสูงสุด การร่วมมุ่งหน้าสู่เส้นทางจักรพรรดิาด้วยกันก็เป็ไปได้อย่างแน่นอน ตำนานเล่าขาน เส้นทางจักรพรรดิาเป็ดินแดนสำหรับฝึกฝนขัดเกลาขนาดใหญ่มหึมา เชื่อมโยงกับแผ่นดินของอีกหลายแผ่นดินใหญ่ในใต้หล้านี้
ชาติภพที่แล้ว จ้านอู๋มิ่งรู้แล้วว่า ใต้หล้านี้มีแผ่นดินใหญ่รวมทั้งสิ้นเก้าแผ่นดิน แผ่นดินพั่วเหยียนที่ตนอาศัยอยู่เป็เพียงดินแดนที่ถูกปิดผนึกและทอดทิ้ง เป็สถานที่ซึ่งไม่สามารถดูดซับพลังแก่นแท้จิติญญาของอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ เส้นทางจักรพรรดิาจำเป็ต้องใช้พลังแก่นแท้จิติญญามหาศาลเพื่อเปิดออก สิบราชันนำลูกแก้วพลังแก่นแท้จิติญญาจำนวนมากมาจากอาณาจักรเร้นลับเสวียนเทียน จำนวนครึ่งหนึ่งใช้สำหรับเปิดเส้นทางจักรพรรดิา
จ้านอู๋มิ่งจำได้ ชาติก่อนมีคนบุกเข้าไปในแผ่นดินพั่วเหยียนผ่านเส้นทางจักรพรรดิแห่งา ช่องทางนั้นเฉพาะผู้มีฐานบ่มเพาะต่ำกว่าจักรพรรดิาเท่านั้นจึงมีโอกาสเข้าไปได้ มิฉะนั้นจะถูกทำลายโดยกฎเกณฑ์ฟ้าดิน
“คิดไม่ถึงว่าสิบราชันยังมีความลับอันยิ่งใหญ่เพียงนี้” สีหน้าจ้านอู๋มิ่งไม่แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ เขากำลังขบคิดเกี่ยวกับความเป็ไปได้ของเื่ราว ผ่านประสบการณ์ที่ถูกพี่น้องทรยศในชาติภพที่แล้ว เขาทราบว่าการเฝ้าจับตาให้มากขึ้นก็มิใช่เื่เลวร้ายแต่อย่างไร
“พี่จ้านไม่อาจไม่มีจิตใจที่คิดจะระแวงระวังผู้อื่น ถึงแม้น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกจะสะกดข่มพลังของนักบ่มเพาะ แต่ราชันทั้งสิบล้วนเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ แม้แต่ในราชันาระดับต้น ก็ไร้ผู้เทียมทานในระดับเดียวกัน อย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาด ถ้าหากสิบคนร่วมมือกัน เกรงว่าในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกคงมิมีผู้ใดสามารถต้านทานได้ หากว่าเป็ไปได้ เชียนเชียนหวังว่าพี่จ้านอย่าได้ไปเกลือกกลั้วกับปลักน้ำครำนี้” จู้เชียนเชียนพูดอย่างห่วงใย
นางมีข่าวสารของเมืองวันสิ้นโลก สถานะสูงส่งยิ่งนักภายในหัวใจของบรรดาชายหนุ่มมากความสามารถ ผู้คนจำนวนมากชอบมายอดเขาเยว่ซิ่วเฟิงเพื่อสนทนากับนาง แม้กระทั่งสิบราชัน มาถึงเมืองวันสิ้นโลกต่างล้วน้าพบหน้านางสักครั้ง ดังนั้นนางจึงทราบข้อมูลข่าวสารมากมายที่คนภายนอกมิทราบ
จ้านอู๋มิ่งเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกๆ คราหนึ่ง พูดอย่างทระนงองอาจว่า “ขอบคุณเชียนเชียนสำหรับความใส่ใจและคำเตือน หากเป็เช่นนี้จริงๆ ข้ายิ่งต้องไปลองพบปะกับราชันแห่งอัจฉริยะเหล่านี้ มิว่าผู้ใด คิดจะเล่นงานข้า มันผู้นั้นจะต้องจ่ายค่าตอบแทนที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่า เชียนเชียนเ้าวางใจเถิด หากว่าครั้งนี้มีผู้เดียวที่สามารถรอดชีวิตกลับมาจากน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลกแล้วละก็ คนผู้นั้นจะต้องเป็ข้าอย่างแน่นอน แต่มิใช่สิบราชัน”
จู้ชิงขวงหัวเราะแล้ว มิใช่หัวเราะความเย่อหยิ่งของจ้านอู๋มิ่ง แต่ชื่นชมความเชื่อมั่นในตนเองของจ้านอู๋มิ่งอย่างจริงใจ พลางกล่าวว่า “หาก้ามุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ไร้เทียมทาน จำต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งไร้ผู้ทัดเทียม! ตอนนี้เองข้าจึงได้เข้าใจแล้วว่าเ้ามิได้พูดคำพูดนี้ออกมาโดยบังเอิญ ข้าและเชียนเชียนจะคอยเ้าในเมืองวันสิ้นโลก ขอเพียงออกมาจากสถานที่พำนักของคุนเผิง เ้าสามารถติดต่อกับคนของเมืองวันสิ้นโลกได้ตลอดเวลา” จู้ชิงขวงกล่าวและหยิบป้ายคำสั่งหยกขาวอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ มอบให้จ้านอู๋มิ่งและกล่าวว่า “ขอเพียงเป็คนของเมืองวันสิ้นโลก ล้วนรู้จักป้ายคำสั่งนี้ ผู้ที่มีป้ายคำสั่งนี้คือแขกคนสำคัญของเมืองวันสิ้นโลก พวกเขาจะพยายามปกป้องอย่างสุดกำลังความสามารถ”
“ขอขอบพระคุณท่านอาจู้ อู๋มิ่งจะกลับมาให้เร็วที่สุด หวังว่าเวลานั้นท่านจะคิดวิธีการรับมือเรียบร้อยแล้ว” จ้านอู๋มิ่งก็รับไว้อย่างมิเกรงใจแล้ว
จ้านอู๋มิ่งหันศีรษะมองไปทางนอกหน้าต่าง แล้วพูดว่า “ราตรีกาลคล้อยดึกแล้ว ข้าก็สมควรกลับได้แล้ว”
“ประเสริฐ เชียนเชียนจะไปส่งพี่จ้าน” จู้เชียนเชียนยิ้มอย่างสัตย์ซื่อจริงใจ
ภายใต้สายตาของจู้ชิงขวง หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมุ่งหน้าไปด้านนอกด้วยกัน บนใบหน้าจู้ชิงขวงปรากฏรอยยิ้มเปี่ยมเมตตาขึ้น บุตรสาวไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายและไม่เคยมีความสุขเช่นนี้มาก่อน ภายในคืนเดียว จ้านอู๋มิ่งคล้ายดั่งได้แก้ปมอันหนักอึ้งในหัวใจบุตรสาวออกแล้ว ถึงแม้จู้เชียนเชียนยังคงเป็จู้เชียนเชียนคนนั้น แต่ว่าผู้รู้ใจบุตรีมิเท่าบิดา เขารับรู้ได้ว่าจิตใจของบุตรสาวหวั่นไหวแล้ว
……
จากยอดเขาเยว่ซิ่วเฟิงมา อารมณ์ของจ้านอู๋มิ่งยังคงยากที่จะสงบลง มีเื่ราวบางประการที่ตนคิดรวบรัดเกินไป ถ้ามิใช่เดินทางมาเยว่ซิ่วเฟิงในครั้งนี้ เขายังคงประเมินความแข็งแกร่งของตระกูลโม่ต่ำไป ประเมินพลังเื้ัผู้ที่มีดวงชะตาเก้าชีวิตผู้นั้นต่ำไป แม้แต่ในชาติภพก่อน เขาก็เพียงติดต่อกับโม่เทียนจี คนของตระกูลโม่เพียงคนเดียวเท่านั้น ตระกูลโม่เฉกเช่นสัตว์ประหลาดที่หมอบซุ่ม ซ่อนตัวอยู่ในม่านหมอก เขาไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของตระกูลโม่อย่างชัดเจนมาก่อน
ชาติที่แล้ว เขามิเคยสงสัยโม่เทียนจีมาก่อนเลย เช่นเดียวกับจู้ชิงขวงที่เชื่อถือโม่ฉางชุนเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว
เช่นนี้แล้ว คนจากตระกูลโม่เพียงติดต่อกับคนบางคนที่หมายตาเป็พิเศษเท่านั้น คนที่ถูกเลือกจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่มีจำนวนตัวเลขชีวิตพิเศษอย่างแน่นอน ยิ่งเข้าใจลึกซึ้งมากขึ้น จ้านอู๋มิ่งก็ยิ่งรู้สึกครั่นคร้ามต่อตระกูลโม่มากยิ่งขึ้น
ยี่สิบปีก่อน ฐานบ่มเพาะของจู้ชิงขวงและโม่ฉางชุนใกล้เคียงกัน ตอนนี้เขาก็สมควรจะมีฐานบ่มเพาะขอบเขตจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน อาศัยโม่ฉางชุนคนเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะก่อตั้งตระกูลที่รุ่งโรจน์ขึ้นมาตระกูลหนึ่ง แต่เขากลับไม่ได้ทำ โม่ฉางชุนไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างแน่นอน ถ้าเช่นนั้นตระกูลที่อยู่เื้ัมีอำนาจแข็งแกร่งเพียงใด? ในแผ่นดินนี้ ไม่มีตระกูลสำคัญหรือโดดเด่นที่แซ่โม่ เื่นี้ทำให้อดคิดอย่างลึกซึ้งมิได้
ตระกูลที่ซ่อนเร้นแอบแฝงอย่างแท้จริงคือตระกูลโม่ ถึงแม้เขาเองก็้าที่จะเดินในเส้นทางนี้ ให้ตระกูลจ้านซ่อนเร้นในที่มืด แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลโม่ขึ้นมา ไพ่ตายของตนกลับอ่อนด้อยเกินไป
เวลานี้ มีเ้าเมืองวันสิ้นโลกเข้ามาร่วมด้วย สำหรับคนดวงชะตาเก้าชีวิตที่มิรู้จักผู้นั้น บางทีความมั่นใจของเขาอาจจะมีมากขึ้นบ้าง ผลลัพธ์อีกอย่างของจ้านอู๋มิ่งก็คือ ได้รับทราบข่าวสารที่สิบราชันแห่งพั่วเหยียนจะลงมือเล่นงานเขาในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก หากเป็ไปตามที่จู้เชียนเชียนพูดจริง ปัญหาก็ยังค่อนข้างหนักหนาสาหัสอยู่ ถ้าเฉวียนหรูเซิน ราชันสัตว์ร้ายก็เป็หนึ่งในจำนวนนั้นด้วย เช่นนั้นแล้วเขาจำเป็จะต้องมีการเตรียมตัวให้รอบคอบจึงจะดีกว่า ครั้งนี้เฉวียนหรูเซินไม่ได้ร่วมเดินทางมาเมืองวันสิ้นโลกพร้อมกับคณะหลัก แต่เขากลับเป็หัวหน้ากลุ่มที่จะเข้าสู่น่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก ศัตรูภายนอกไม่ค่อยน่าพรั่นพรึง ศัตรูจากภายในน่ากลัวที่สุด จะลอบทำร้ายจนเสียชีวิตเมื่อใด เวลาไหน ล้วนมิอาจทราบได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้