“นั่นหมายความว่าคนที่ทำร้ายเสี่ยวเทียนไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีพลังวิเศษงั้นเหรอถ้างั้นก็จัดการง่ายใหญ่เลย ในเมื่อไม่ใช่คนของกลุ่มผู้มีพลังวิเศษของพวกคุณงั้นพวกเราจะคิดวิธีเองล่ะนะ” ซย่าโหวหย่วนพูดด้วยสีหน้าอึมครึม “งั้นก็ขอบคุณน้องจงเฉิงที่มาเสียเวลาเปล่าที่หัวซย่าล่ะนะ ส่งแขก”
จางจงเฉิงเองก็ไม่ได้โมโห เขามองซย่าโหยวหย่วนยิ้มๆจากนั้นก็หมุนตัวออกไปจากบ้านตระกูลซย่าโหวเขาข่มใจไม่ได้จึงพูดออกมาว่าต่อให้เป็ยอดฝีมือ่ระยะหลังเซียนเทียนก็ทำลายมันสมองของซย่าโหวเทียนได้เถอะ
“ซย่าโหวซานเหอ ซย่าโหวเฟิ่ง ซย่าโหวเฉิง ซย่าโหวอู่พวกเธอไปเมืองอู่เฉิงเดี๋ยวนี้เลย ไปสืบหาความจริงเื่ที่เสี่ยวเทียนถูกทำร้ายพาคนร้ายกลับมาให้ได้ จะเป็ตายได้หมด” ซย่าโหวหย่วนพูดเสียงดังผู้อยู่ระดับเซียนเทียนระยะกลางสองคน ผู้อยู่ระดับเซียนเทียนระยะต้นสองคนจากนั้นก็ส่งยอดฝีมือเซียนเทียนอีกสี่คนตระกูลที่ใช้ยอดฝีมือเซียนเทียนได้เยอะขนาดนี้ ทั้งหัวซย่ามีไม่เยอะ
“เสี่ยวไฮว่แกฉลาดออกขนาดนี้น่าจะรู้ใช่ไหมว่าทำไมปู่ถึงให้แกไปอยู่ที่ทางใต้่หนึ่ง” กัวเจิ้งหยางปิดโปรเจคเตอร์พลางพูดขึ้นเบาๆ
“ผมเข้าใจความหมายของปู่ดีครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นแกก็ตกลงแล้วสินะ เดี๋ยวปู่โทรหาปู่เหวินเซวียนแล้วให้แกไปวันนี้เลย” กัวเจิ้งหยางพูดยิ้มๆ “เมื่อตกอยู่ในที่นั่งลำบากย่อมต้องยอมถอยเพื่อที่จะไม่ได้เป็เบี้ยล่างไม่ว่าเื่เด็กตระกูลซย่าโหวนั่นจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับแกแต่แกก็ไปอยู่ทางใต้สักระยะหนึ่งฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าตระกูลซย่าโหวของมันจะกล้าไปหาแกที่บ้านตระกูลเว่ย”
“ผมเข้าใจความหมายของปู่ดีครับ แต่ผมหมายความว่าผมอยู่ที่อู่เฉิงจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ในบ้านมีคนแก่จะจากไปไกลไม่ได้ปู่กับย่าอายุปูนนี้แล้ว ผมอยู่ข้างกายปู่ย่าน่าจะดีกว่า สี่ยอดฝีมือแดนเซียนเทียนก็ไม่เท่าไหร่หรอก”
“แค่กๆๆ เสี่ยวไฮว่ ฉันไม่มีลูกชายแล้ว มีแค่หลานชายอย่างแกคนเดียวครั้งนี้แกไม่ไปก็ต้องไป” กัวเจิ้งหยางพูดเสียงดัง “ถ้าเกิดแกเป็เื่อะไรอีก ฉันตายไปจะมีหน้าพบพ่อแม่แกได้ยังไง”
“ดูปู่พูดเข้า ตระกูลซย่าโหวมียอดฝีมือแดนเซียนเทียนอยู่อันที่จริงอาจารย์ผมก็ส่งยอดฝีมือแดนเซียนเทียนมาปกป้องผมอยู่เหมือนกันปู่วางใจเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อย่าว่าแต่ทำร้ายผมเลย สี่คนนั่นสู้อวี้เอ๋อร์ไม่ไหวหรอก”
“เสี่ยวไฮว่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาล้อเล่นนะปู่รู้นะว่าแกกังวลว่าหลังจากแกไปตระกูลซย่าโหวจะมาหาเื่ปู่แต่เื่นี้แกวางใจได้ ตระกูลซย่าโหวไม่กล้าทำอะไรปู่หรอก” กัวเจิ้งหยางพูดขึ้น
“แปะ!” กัวไฮว่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกมาหินรูปหมูที่ตั้งอยู่ในห้องหนังสือชิ้นหนึ่งก็ลอยเข้ามาอยู่ในมือของเขาจาดนั้นก็แหลกเป็ผุยผง “คุณปู่ วางใจเถอะครับผมบอกปู่แล้วไม่ใช่เหรอ กัวไฮว่ไม่ใช่กัวไฮว่คนเดิมอีกต่อไปแล้วที่อวี้เอ๋อร์พูดไม่กี่วันก่อนหน้านี้ไม่เลวเลยนะ ที่ว่าคนอื่นไม่รังแกเราเราก็ไม่รังแกคนอื่น คนอื่นมารังแกเรา ให้จัดการทั้งโคตร ร้อยปีแดนมนุษย์อยากทำอะไรก็ทำ ต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ แม่มันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆส่วนกัวเจิ้งหยางก็มองเศษผงก้อนหินที่เต็มบนพื้นด้วยความตื่นใ
“เด็กบ้า ปู่รู้ว่าแกอาจจะเป็ศิษย์สำนักสันโดษสักแห่งหนึ่งแต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้แกจะเรียนรู้อะไรพวกนี้ แล้วก็เก่งขนาดนี้” ผ่านไปพักหนึ่งกัวเจิ้งหยางก็พูดพึมพำขึ้น “ตอนนี้แกอยู่ระดับไหนแล้วเหรอ”
“ประมาณระยะหลังเซียนเทียนมั้งครับ จะบอกปู่ไปก็ไม่เข้าใจหรอก พูดง่ายๆก็คือ คนที่ตระกูลซย่าโหวส่งมาแบบนั้นน่ะ แค่ผมโบกมือก็ตายไปเป็หมื่นแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไปกันเถอะถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมบำรุงร่างกายให้ปู่กับย่า ปู่กับย่าคอยดูแลหลานคนนี้ไว้ดีๆก็แล้วกัน”
“เด็กนั่นน่ะ คงไม่ใช้อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกนี่หรอกใช่ไหมพวกแกยังไม่บรรลุนิติภาวะกันเลยนะ” กัวเจิ้งหยางพูดเสียงดัง “่นี้แกเพลาๆ ลงหน่อย แกมีชื่อจากที่หนึ่งการแข่งวิชาการมาไม่น้อยแต่ต้นไม้ใหญ่ย่อมนำมาซึ่งลมแรง แกต้องระวังให้ดี”
“อะแฮ่มๆ ดูปู่พูดเข้า อย่าใสิครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อันที่จริงวันนี้ผมยังมีอีกเื่มาคุยกับปู่”
“ไปแหย่รังแตนที่ไหนมาอีกแล้วเหรอ” กัวเจิ้งหยางถามเบาๆ “เมื่อวานปู่ของหวังเซิงบอกว่าแกตามหวังเซิงเด็กบ้านั่นไปก่อเื่ที่สมาคมแพทย์แผนโบราณแกนี่ไม่ไว้หน้าปู่เลย ยังจะกล้าไปก่อนเื่ที่นั่นอีกต่อให้แกเป็ยอดฝีมือเซียนเทียนระยะหลัง แต่ตาแก่พวกนั้นจะมาหาเื่ง่ายๆ ไม่ได้”
“ดูท่าปู่ของหวังเซิงจะไม่ได้บอกปู่ให้ชัดๆ นะ ปู่ครับผมไม่ได้ให้บัตรเชิญปู่แล้วล่ะนะ เสาร์หน้าคลินิกไม่ตรงถนนใหญ่ซิ่งหลิน 388 จะเปิดทำการ กัวไฮว่ผู้เป็เ้าของคลินิกไม่ ขอเรียนเชิญคุณกัวไปด้วยช่วยไว้หน้ากันหน่อยนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้นายหญิงกัวมาด้วยกันนะครับ”
“คลินิกไม่? แกจะเปิดคลินิกเหรอ เด็กบ้าอย่าวุ่นวายจะได้ไหม ปู่แก่จนจะเข้าโลงอยู่แล้วแกทำให้ปู่ได้สงบสักวันจะได้ไหม” กัวเจิงหยางพูดพลางเบิกตาโพล่ง
“คุณปู่ ถ้าผมไม่เปิดกิจการ ตาแก่จากสมาคมแพทย์แผนโบราณจะเป็บ้าเอานะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ผมบอกปู่แล้วไงผมไม่ใช่กัวไฮว่คนเดิมอีกแล้ว เราต้องใช้สายตาก้าวหน้ามองปัญหาไม่ใช่เหรอ[1]”
“แกเปิดคลินิก สำนักแกส่งคนมาเป็หมอเหรอ” กัวเจิ้งหยางถามขึ้น
“ผมจัดการเื่ของผมเองได้ ไม่เห็นต้องรบกวนสำนักเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ถึงวันเสาร์แล้วปู่ก็จะรู้เองผมไม่คุยกับปู่แล้ว คุยกับปู่แล้วเสียแรงเปล่า ออกไปหาเมียผมดีกว่า” ในขณะที่พูด กัวไฮว่เองก็ไม่ได้ฟังว่ากัวเจิ้งหยางพูดอะไรเขาเดินตรงออกไปจากห้องหนังสือ
“จริงสิ หลานฉันไม่ใช่เด็กบ้าตัวอสรพิษคนเดิมแล้วนี่นา มันให้ของดีๆแบบนั้นกับฉันกับเมียได้ ก็น่าจะมีฝีมือในด้านวิชาแพทย์” กัวเจิ้งหยางมองแผ่นหลังของกัวไฮว่พร้อมกับพูดเบาๆ “อุบัติเหตุรถชนคราวก่อนยังไม่ตายเลย ฉันจะมากังวลอะไรอีกล่ะ ช่างเถอะให้เด็กบ้านี่ทำไปเถอะ” ในที่สุดกัวเจิ้งหยางก็คิดได้
ในมื้ออาหารเที่ยงที่แสนจะหอมอบอวลไร้ที่เปรียบคุณย่าเอาแต่ถามนู่นนี่กับอวี้เอ๋อร์ ทำเอาอวี้เอ๋อร์หน้าแดงก่ำไปหมดกัวไฮว่มองดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดยิ้มๆใครมันคิดจะมาขัดชีวิตในแดนมนุษย์ของฉัน ฉันไม่ปล่อยให้แกมีชีวิตบนแดนมนุษย์แน่
“เด็กบ้า ย่าจะบอกแกให้นะ อวี้เอ๋อร์ยังเด็กเื่บางเื่แกต้องระวังไว้ด้วย” ตอนที่กำลังจะกลับคุณย่าก็เรียกกัวไฮว่ไปด้านข้างแล้วพูดขึ้นเบาๆ “ย่าเคยผ่านมาแล้วเื่บางอย่างต้องระวังเอาไว้ อะไรที่เหมาะสมแล้วก็ควรหยุดไว้แค่นั้น”
“เข้าใจแล้วครับ ผมบอกปู่แล้วว่าเสาร์หน้าผมจะเปิดกิจการย่าต้องแต่งตัวมาให้สวยๆ เลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางมุดเข้าไปในรถราวกับหนีอะไรบางอย่างจากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว
“ฮ่าๆ เด็กบ้า น่าสนใจนะเนี่ย คราวหลังแกก็ระวังให้ดีล่ะฟังคำคุณย่าไว้ซะบ้าง” อวี้เอ๋อร์พูดพลางยิ้มหวานราวกับดอกไม้เธอย่อมต้องได้ยินที่นายหญิงพูดกับกัวไฮว่
“เธอจะกลับบ้านหรือจะตามฉันไปหาเจี่ยหยวน ฉันจะส่งของไปให้เขาแล้วก็ว่าจะแวะดูสักหน่อยว่าตกแต่งเป็ไงแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“กลับบ้าน นัดไว้แล้วว่าจะไปเล่นไพ่นกกระจอก สัญญาแล้วจะกลับคำไม่ได้” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ขโมยเงินเป็สุข อยู่เล่นสนุกเป็เพื่อนป้าๆ ก็ดีแล้ว แต่อย่าอินเกินไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เมื่ออวี้เอ๋อร์มาถึงบ้าน สาวๆ สามคนก็ตามมาส่วนกัวไฮว่ก็เรียกรถบรรทุกคันไม่เล็กมาแล้วให้คนค่อยๆ ขนเฟอร์นิเจอร์ขึ้นรถจากนั้นก็มุ่งหน้าไปถนนใหญ่ซิ่งหลิน
[1] เป็คำพูดของเหมาเจ๋อตงหมายความให้มองการณ์ไกล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้