จี้เซี่ยงตงและจี้เซี่ยงหนานไม่ทราบความคิดในใจเจิ้งอวี้ฟู ตอนนี้จี้เซี่ยงตงยังคงคิดอย่างไร้เดียงสา ถ้าได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์นี้มา แม้จะต้องแบ่งปันกับตระกูลเจิ้ง ในอนาคตก็จะมีโอกาสสร้างยอดยุทธ์จักรพรรดิาให้กับตระกูลมากขึ้น ถึงเวลานั้นตระกูลจี้ก็จะสามารถผงาดขึ้นเป็ตระกูลชั้นหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนได้ทันที แม้แต่ในแคว้นของมหาจักรพรรดิชางเหยียนก็จะมีสถานภาพที่มั่นคงแน่นอนเช่นกัน
“จะต้องหาคนผู้นี้ให้พบ บางทีบุคคลผู้นี้อาจแค่เดินทางผ่านเมืองมู่เหย่ จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการตามหาดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์” จี้เซี่ยงหนานหายใจหอบถี่กล่าวขึ้น
“บุคคลผู้นี้สังหารหลานชายข้าเสียชีวิต ข้าสาบานจะต้องฆ่ามัน หวังว่าพี่จี้จะพาข้าร่วมทางไปตามล่าคนผู้นี้” เจิ้งอวี้ฟูรีบพูดจาสอดแทรกขึ้นมา เขามีข้ออ้างดีๆ เช่นนี้ย่อมมิยอมปล่อยให้ผ่านไป
ที่นี่คือเมืองมู่เหย่ มีเพียงสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ของตระกูลจี้เท่านั้นที่สามารถตามหาเบาะแสฝ่ายตรงข้าม หากมีเวลามากพอ เขายอมกลับไปเมืองหลวงระดมกำลังยอดฝีมือของตระกูลมาสมทบที่นี่ แต่ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมให้เวลาเขาแล้ว ดังนั้นจึงต้องร่วมมือลงเรือลำเดียวกันกับตระกูลจี้ชั่วคราวก่อนแล้ว
“นายท่านสามเจิ้งเป็แขกผู้มีเกียรติของตระกูลจี้เรา ภายภาคหน้าตระกูลจี้เรายังคงต้องพึ่งพาตระกูลเจิ้งอีก ดังนั้นข้าจึงมิได้มีเจตนาปิดบังนายท่านสามเจิ้งั้แ่แรก หวังเช่นกันว่านายท่านสามเจิ้งจะสามารถไปเสาะแสวงหาสมบัติวิเศษนี้พร้อมกับพวกเรา พวกเรายินดีแบ่งปันครึ่งหนึ่งกับท่าน ร่วมกันเสพสุขสมบัติวิเศษนี้ แน่นอนว่าฆาตกรที่สังหารชีวิตหลานชายท่าน จะมอบให้ท่านมีอำนาจสิทธิ์ขาดในการจัดการ” จี้เซี่ยงตงยิ้มอย่างสงบกล่าวขึ้น
“เมื่อเป็เช่นนี้ อวี้ฟูจะจดจำมิตรภาพส่วนนี้ของพี่จี้ไว้ อนาคตตระกูลเจิ้งจะรุกและถอยพร้อมกับตระกูลจี้แน่นอน” เจิ้งอวี้ฟูปีติยินดียิ่ง ในใจกลับคิดว่า ขอให้ได้ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์มาอยู่ในมือก่อนค่อยว่ากันอีกที “ครั้งนี้ผู้ติดตามที่มาพร้อมข้ายังมีอีกสองสามคน ล้วนเดินทางไปด้วยกันเถอะ สมบัติวิเศษปรากฏขึ้นจะต้องมีสัตว์ประหลาดคอยปกป้อง เตรียมพร้อมไว้จะได้ไม่มีปัญหา”
“นายท่านสามเจิ้งกล่าวถูกต้องแล้ว น้องสอง เ้ากลับไประดมกำลังคนมาเพิ่ม ข้าจะพาสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้และนายท่านสามเจิ้งล่วงหน้าไปก่อน ระหว่างทางพวกเราจะทิ้งเครื่องหมายไว้ เ้าจงตามมาโดยเร็วที่สุด” จี้เซี่ยงตงพยักหน้าตอบว่าถูกต้องแล้วหันไปพูดกับจี้เซี่ยงหนาน
จี้เซี่ยงหนานพยักหน้าเล็กน้อย หันหน้ากลับจวนตระกูลจี้ไปเพื่อระดมพล ทางด้านนี้จี้เซี่ยงตงและเจิ้งอวี้ฟูร่วมทางกัน ตามหลังสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้มุ่งไปข้างหน้าทันที
……
จ้านอู๋มิ่งเดินทางมุ่งไปข้างหน้าอย่างสำราญใจ ความรู้สึกที่ได้เย้าหยอกจี้เซี่ยงตงเล่นนี่ช่างวิเศษจริงๆ ตอนที่เขาเห็นจี้เซี่ยงตงก็ทราบทันทีว่าตระกูลจี้ได้พบแผนที่ชำรุดแผ่นนั้นแล้ว ไม่ว่าภาพแผนที่จะจริงหรือเท็จ เป็ไปไม่ได้ที่ตระกูลจี้จะปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไป ต้องไล่ตามอย่างแน่นอน ขั้นตอนต่อไปก็คือจะทำให้คนเ่าั้พอใจเช่นไร สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ของตระกูลจี้เป็สิ่งประเสริฐอย่างแท้จริง เพียงแต่ไม่ทราบว่ารสชาติจะเป็อย่างไร จ้านอู๋มิ่งแทบจะน้ำลายไหลแล้ว
นึกถึงความโกลาหลเมื่อครั้งดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ปรากฏในชาติภพที่แล้ว จ้านอู๋มิ่งลอบเตือนตนเองในใจ ถึงแม้ตนจะมีความทรงจำของชาติภพที่แล้ว แต่ก็มิอาจชะล่าใจ มิฉะนั้นมิเพียงทำลายผู้อื่นไม่สำเร็จแล้ว ยังทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง โชคดีที่ยังไม่ถึงวันเวลาที่ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์เบ่งบาน ในหุบเขามีสัตว์อสูรไม่มากเกินไปนัก เขาจึงมีความมั่นใจอย่างยิ่ง
ก่อนออกเดินทาง จ้านอู๋มิ่งยังตั้งใจนำแหวนจักรวาลของมารดาติดตัวมาด้วย คิดว่าน่าจะบรรจุสิ่งของต่างๆ ได้มากมายหลายอย่าง
……
แนวเทือกเขาสัตว์อสูรครอบคลุมพื้นที่ความกว้าง ความยาวทั้งในแนวตั้งและแนวนอนหลายหมื่นลี้
มีคนพูดว่าอาณาเขตพื้นที่ของป่าสัตว์อสูรทั้งหมดยังกว้างใหญ่ไพศาลกว่าดินแดนแคว้นของราชวงศ์ต้าเหยียนเสียอีก น้อยคนยิ่งนักที่หาญกล้าล่วงล้ำเข้าไปในส่วนลึกของเทือกเขาสัตว์อสูร
แม้แต่ตระกูลจ้าน ผู้พิทักษ์เทือกเขาสัตว์อสูรมานานหลายร้อยปี ก็เข้าไปในเทือกเขาสัตว์อสูรไกลที่สุดเพียงหนึ่งพันลี้ ยิ่งล่วงลึกเข้าไปจำนวนสัตว์อสูรระดับสูงก็ยิ่งมากขึ้น ตามเื่เล่าขาน ส่วนลึกที่สุดของเทือกเขาสัตว์อสูร มีสัตว์อสูรระดับเทพเ้าาขั้นที่เก้าซึ่งสามารถแปลงร่างได้ พลังในระดับขอบเขตเดียวกันแต่กลับแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ เพราะพละกำลังทางกายภาพและเนื้อหนังของมันแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มากมายนัก สัตว์อสูรสายเืแข็งแกร่งบางตัวยังกอปรด้วยพลังเหนือธรรมชาติที่เป็พร์ ทักษะการต่อสู้ของมันมิได้ด้อยไปกว่ามนุษย์พลังปราณระดับฟ้า
เจิ้งอวี้ฟูและยอดฝีมือตระกูลจี้ถูกสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้พาเข้าไปในเทือกเขาสัตว์อสูร ชั่วอึดใจเดียวก็ล่วงลึกเข้าไปในเทือกเขานับหลายร้อยลี้ อีกฝ่ายยังคงไม่มีทีท่าจะหยุดแต่อย่างไร ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรมากมายยิ่งนัก เดินทางพลางต่อสู้ไปพลาง ยังโชคดีที่ล่วงล้ำเข้าไปในป่าสัตว์อสูรไม่ลึกนัก นักยุทธ์ระดับราชันาหลายคนเป็ผู้นำกลุ่ม สัตว์อสูรจึงไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้มากนัก ทุกคนเริ่มล่วงล้ำเข้าไปในป่าสัตว์อสูรลึกขึ้นเรื่อยๆ สัตว์อสูรที่พบเจอก็ต่อสู้ยากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ความเร็วในการติดตามก็เริ่มช้าลงตามลำดับ ฆาตกรลึกลับที่อยู่ข้างหน้ากลับไม่สนใจสัตว์อสูรกลางป่า เส้นทางที่พวกเขาเดินทางผ่านแม้แต่ร่องรอยการต่อสู้ก็ไม่มีให้เห็น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามิได้ปะทะกับสัตว์อสูรโดยตรง
เพราะเหตุนี้เองทุกคนยิ่งตื่นตัวมากขึ้น ฝ่ายตรงข้ามมุ่งหน้าตลอดทางไม่มีหยุด วัตถุประสงค์ชัดเจนอย่างยิ่ง อีกฝ่ายมิได้ถูกสกัดกั้นโดยสัตว์อสูรแต่อย่างไร ยิ่งทำให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามมีการเตรียมพร้อมมาก่อน ทั้งหมดนี้แสดงอย่างชัดเจน ข่าวของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์น่าจะจริงแท้แน่นอน ดังนั้นขอเพียงติดตามบุคคลนี้ให้พบ ก็จะสามารถพบสมบัติวิเศษ ยามนี้ทุกคนกลับไม่เร่งรีบติดตามอีกฝ่ายแล้ว อย่างน้อยที่สุดก่อนถึงจุดหมายปลายทาง พวกเขายังไม่คิดส่งผลกระทบต่อผู้นำทางที่อยู่ข้างหน้า
“จี๊ด…” เสียงเบาๆ ของสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ ทำให้คณะเดินทางอย่างเร่งรีบรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ติดตามมานานร่วมหนึ่งวัน ในที่สุดฝ่ายตรงข้ามก็หยุดลงแล้ว
“ข้างหน้าคือหุบเขาค่างปีศาจ” จี้เซี่ยงตงขมวดคิ้วเล็กน้อย หุบเขาค่างปีศาจเป็สถานที่อันตรายรอบนอกของป่าสัตว์อสูร ไม่ใช่เพราะมีสัตว์อสูรราชันวานรระดับสี่ตัวหนึ่งแต่อย่างไร แต่เป็เพราะธรรมชาติของสัตว์อสูรลิงค่างมักอยู่ร่วมกันเป็ฝูงตลอดมา ไปตอแยพวกมันในนั้นเพียงตัวเดียว ก็จะต้องเผชิญหน้ากับพวกมันทั้งฝูงทันที ดังนั้นนักเสี่ยงโชคจำนวนมากล้วนหลีกเลี่ยงเส้นทางหุบเขาค่างปีศาจ แต่เป้าหมายของคนข้างหน้าน่าจะเป็หุบเขาค่างปีศาจ จี้เซี่ยงตงหยิบแผนที่หนังแกะชำรุดออกมาอีกครั้ง เปรียบเทียบกันอย่างละเอียดอีกครั้ง พลันพูดขึ้นอย่างยินดีปรีดา “กลับเป็ที่นี่จริงๆ”
“ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์แท้จริงแล้วอยู่ในหุบเขาค่างปีศาจ ดีจริงๆ ประเสริฐมาก!” จี้เซี่ยงหนานปีติยินดียิ่งนักเช่นกัน ถึงจุดหมายปลายทางเสียที ในที่สุดทุกคนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ทุกคนระวังตัวให้พร้อม สัตว์อสูรราชันวานรแห่งหุบเขาค่างปีศาจมิใช่รับมือง่ายๆ” จี้เซี่ยงตงกล่าวเตือนทุกคน ยอดฝีมือตระกูลจี้ที่ติดตามมาพากันเตรียมพร้อมอย่างรีบเร่ง ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานมากกว่าสามสิบคน ทุกคนล้วนหยิบหน้าไม้อันกะทัดรัดออกจากอกเสื้อ บางครั้งการต่อสู้กับสัตว์อสูรไม่จำเป็ต้องใช้ทักษะการต่อสู้ โดยเฉพาะต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับต่ำ อาวุธเป็สิ่งที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า
สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ส่งเสียงตรงต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง กรงเล็บเล็กๆ ทั้งคู่ตะกุยขุดคุ้ยอย่างรวดเร็วตรงบริเวณใต้ต้นไม้ ภายใต้การเตรียมพร้อมอย่างระมัดระวังของทุกคน กลับขุดหม้อดินเปื้อนเืออกมาใบหนึ่งจริงๆ สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ดึงหม้อดินอย่างตื่นเต้น พอหม้อดินถูกขยับ ทันใดนั้นเกิดเสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง หม้อดินแตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย ควันที่มีกลิ่นฉุนชนิดหนึ่งห่อหุ้มสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ไว้ภายในทันที
“อ๊าาา…” สัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้กรีดร้องเสียงดังน่าอนาถ ร่างขนาดเล็กเท่าลูกสุนัขหดตัวเป็ก้อนชักกระตุกขึ้นมาทันใด
สีหน้าจี้เซี่ยงหนานเขียวคล้ำ ภายในหม้อดินกลับบรรจุผงพริกแห้งไว้เต็ม ยังผสมด้วยผงกระตุ้นรุนแรงยิ่งชนิดหนึ่ง ปราณถูกอัดเข้าไปภายในหม้อดิน ถ้าไม่แตะต้องถูกหม้อดินจะไม่เสียหาย เมื่อโดนขยับความสมดุลของปราณถูกทำลายทันที ส่งผลให้หม้อดินะเิขึ้นมา ฝุ่นผงระคายเคืองก็กระจายออกมาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนพากันไออยู่พักหนึ่ง ฝุ่นผงส่งกลิ่นฉุนเฉียว แต่ไม่มีพิษ กลับทำให้รู้สึกอึดอัดโพรงจมูกยิ่งนัก แต่สำหรับสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ที่จมูกไว ระบบดมกลิ่นดีเยี่ยม กลิ่นฉุนรุนแรงเช่นเป็ดั่งใบมีดคมนับไม่ถ้วนแทรกเข้าไปในโพรงจมูก ความเ็ปรุนแรงเสียจนสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ร้องโหยหวนอย่างน่าอนาถ
จี้เซี่ยงตงสีหน้าเขียวคล้ำ พอถึงที่หมายก็หลงกลถูกเล่นงานไปตลบหนึ่ง เกิดเงามืดทะมึนขึ้นในใจ เห็นได้ชัดว่าหม้อดินนี้อีกฝ่ายจงใจทิ้งไว้ เป้าหมายก็คือสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้ หรือว่าฝ่ายตรงข้ามรู้แต่แรกแล้วว่ามีคนติดตาม กล่าวอีกนัยหนึ่งคืออีกฝ่ายจงใจชักนำพวกตนให้มาที่นี่
“ไม่ได้การแล้ว!” พลันสีหน้าเจิ้งอวี้ฟูแปรเปลี่ยน เขาได้ยินเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวกราดแว่วมาคราหนึ่ง รังสีอันดุร้ายหลายสายกำลังพากันมุ่งหน้ามาอย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆ กลางหุบเขา
จี้เซี่ยงตงก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในหุบเขาค่างปีศาจ มีบางสิ่งบางอย่างแหย่ให้พวกสัตว์อสูรลิงค่างเฒ่าบันดาลโทสะแล้ว
“ถอยกลับ!” จี้เซี่ยงตงตวาดเสียงต่ำ ถึงแม้ด้วยความแข็งแกร่งพวกเขาไม่ได้กลัวสัตว์อสูรฝูงค่างในหุบเขาค่างปีศาจ แต่นึกถึงอีกฝ่ายที่จงใจชักนำพวกเขามาที่นี่ คงต้องมีแผนตามหลังมาอีก มิสู้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว ฝ่ายตรงข้ามมีเพียงคนเดียว เป็ไปไม่ได้ที่จะคว้าดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์จากสัตว์อสูรฝูงลิงค่างในหุบเขาค่างปีศาจได้สำเร็จ
……
ยามนี้ จ้านอู๋มิ่งกำลังซมซาน วิ่งหนีอย่างหัวซุกหัวซุนเหมือนสุนัขหลงทางไร้เ้าของ สัตว์อสูรวานรกลุ่มนี้ฉลาดกว่าที่คิดไว้ ก่อนที่ตระกูลจี้จะมาถึง เขาก็เข้ามาในหุบเขาค่างปีศาจแล้ว ทั่วทั้งเมืองมู่เหย่มิมีผู้ใดรู้จักรอบนอกของป่าสัตว์อสูรดีไปกว่าเขาแล้ว เขาหยิบมูลค่างเพียงส่วนหนึ่งมาเช็ดตามตัว ก็สามารถย่องเข้าไปในส่วนลึกของหุบเขาค่างปีศาจได้อย่างง่ายดาย
น้อยคนนักที่กล้าเข้ามาในหุบเขาค่างปีศาจ แต่จ้านอู๋มิ่งก็มาเยือนแล้ว เพราะมีของดีอยู่ในหุบเขาค่างปีศาจจริงๆ ยังไม่ต้องพูดถึงดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ฟีนิกซ์์ เพียงแค่พูดถึงเมรัยรสเลิศของสัตว์อสูรวานรนั่น ก็เรียกได้ว่าเป็สมบัติล้ำค่าแล้ว เป็โอสถบำรุงชั้นเลิศ ไม่เพียงแต่มีผลดีต่อการแปรสมรรถภาพร่างกายเท่านั้น ยังสามารถเร่งอัตราความเร็วการบ่มเพาะพลังจิติญญาแห่งการต่อสู้อีกด้วย โดยทั่วไปเมรัยสัตว์อสูรวานรไม่ได้ซ่อนอยู่ในถ้ำพวกมัน แต่อยู่ในโพรงต้นไม้ที่ปิดอย่างสนิทมิดชิด สิ่งนี้ทำให้จ้านอู๋มิ่งได้ใช้แผนโห่ร้องทางทิศตะวันออกโจมตีทางทิศตะวันตก ได้โอกาสชักนำภัยพิบัติไปทางทิศตะวันออก
ไม่ต้องแฝงตัวเข้าไปในถ้ำสัตว์อสูรวานร เพียงแค่ต้องหาโพรงต้นไม้ที่พวกมันซ่อนเมรัยไว้เท่านั้น ซึ่งง่ายกว่ามาก จ้านอู๋มิ่งใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วยาม ก็สามารถหาต้นไม้ใหญ่มากต้นหนึ่ง จ้านอู๋มิ่งแกะโคลนที่พอกออกอย่างระมัดระวัง ก็เห็นเมรัยสัตว์อสูรวานรใส่ไว้ในโพรงต้นไม้จนเต็มเปล่งประกายสีสันเหมือนหยกเขียวก็มิปาน ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมา ทำให้เขารู้สึกสดชื่นยิ่งนัก เขาไม่เกรงใจอีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งแหวนจักรวาลของท่านแม่ก็คร้านจะใช้ หยิบยืมถุงเก็บของจักรวาลของเจิ้งซื่อหรงมาใช้อย่างมีความสุข บุตรหลานของตระกูลใหญ่นี้เงินหนาจริงๆ กระเป๋าจักรวาลคือสิ่งที่ต้องเตรียมอย่างขาดไม่ได้ แม้ว่าจะไม่สวยงามเท่าแหวนจักรวาล ขนาดพื้นที่ความจุก็ไม่มากเท่าแหวนจักรวาล แต่กระเป๋าจักรวาลใบเล็กๆ ใบหนึ่งก็มีพื้นที่กว้างขวางแล้ว ซึ่งเพียงพอให้เขาบรรจุเมรัยสัตว์อสูรวานรเข้าไปจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือหลอ จ้านอู๋มิ่งอิ่มอกอิ่มใจ เมรัยสัตว์อสูรวานรในโพรงต้นไม้ั์ต้นนี้ อย่างน้อยก็มีมากกว่าหนึ่งพันชั่งแล้ว ไม่ทราบเหมือนกันว่าพวกมันได้รวบรวมสิ่งของล้ำค่ามากมายเพียงใดจึงสามารถกลั่นเป็เมรัยอยู่ในโพรงต้นไม้ั์นี้ ต่อให้เอามาอาบน้ำก็เพียงพออาบได้สักสิบวันครึ่งเดือนเลยทีเดียว
หลังจากจ้านอู๋มิ่งเก็บเมรัยสัตว์อสูรวานรจนหมดแล้ว ก็จงใจทำเมรัยเล็กน้อยหกลงแถวใต้ต้นไม้ ทันใดเมรัยก็ส่งกลิ่นหอมเข้มข้น มันฟุ้งกระจายออกมาทันที จ้านอู๋มิ่งรีบเข้าไปในสถานที่ที่เขาเลือกไว้นานแล้วและซ่อนตัวไว้ เหตุการณ์ดำเนินไปตามที่จ้านอู๋มิ่งคำนวณไว้ กลิ่นหอมเมรัยฟุ้งกระจาย พลันชักนำสัตว์อสูรวานรน้อยที่ชื่นชอบเมรัยเข้ามา มันแวะมาดูคราหนึ่ง แล้วโง่งมเหมือนไก่ตาแตก โพรงต้นไม้ของสัตว์อสูรราชันวานรว่างเปล่าแล้ว หลงเหลือเมรัยเพียงไม่กี่คำที่ส่งกลิ่นอยู่ในนั้น สัตว์อสูรวานรน้อยไหนเลยยังจะกล้าดื่มอีก รีบส่งเสียงร้องแหลมเล็กออกมาดังลั่น
สัตว์อสูรราชันวานรเร่งรีบมาถึงแล้ว บันดาลโทสะเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใด ตัวมันทำงานหนักมาเกือบร้อยปีเพื่อสะสมเมรัยไว้ในโพรงต้นไม้นี้ ทุกอย่างหายไปในชั่วพริบตา โจรลักขโมยผู้นี้ใจกล้าและโหดร้ายเกินไปแล้ว หัวขโมยเมรัยมิรู้จักความยากลำบากแสนเข็ญของคนหมักเมรัย
สัตว์อสูรราชันวานรที่กำลังโมโห แผ่สภาวะพลังกระจายไปทุกทิศทางเหมือนกระแสน้ำหลาก ค้นหาร่องรอยศัตรู โชคดีที่จ้านอู๋มิ่งมีการเตรียมพร้อมอยู่ก่อน มิใช่แค่สกัดกั้นปิดลมหายใจ แม้แต่รังสีปราณพลังชีวิตก็ยังเก็บงำจนถึงจุดต่ำสุด ยามนี้เองเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรแสวงหาควันพันลี้แว่วจากนอกหุบเขามาให้ได้ยินถึงหุบเขาค่างปีศาจ สัตว์อสูรราชันวานรแผ่รังสีสุดแสนโกรธเคืองฉายแววแสนเกลียดชังออกมา มันรีบมุ่งหน้าออกจากหุบเขาไปทันทีโดยไม่ยั้งคิด ในหุบเขาค่างปีศาจแห่งนี้ ยังไม่มีสัตว์อสูรตัวใดกล้าท้าทายความยิ่งใหญ่ของสัตว์อสูรราชันวานร ตอนนี้มีเผ่ามนุษย์มาขโมยเมรัยถึงบนหัวตน ราชันวานรที่ปราดเปรื่องอยู่บ้างมืดแปดด้าน เพราะถูกครอบงำด้วยเพลิงโทสะแล้ว ทะยานออกไปพร้อมด้วยสัตว์อสูรวานรั์ที่ห้อมล้อมอีกกว่าร้อยตัว
เทพสังหารเคลื่อนพลแล้ว ครั้งนี้ตระกูลเจิ้งและตระกูลจี้สองตระกูล เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง แต่กลับต้องเอากระดูกมาแขวนคอ[1]เสียอย่างนั้น
[1] หมายถึง ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากสิ่งนั้น แล้วยังต้องมารับผิดชอบอีกด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้