สุดยอด! เคอโยวหรานอดมิได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้มารดาสกุลต้วนนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อครู่นางยังคิดอยู่ว่าทำอย่างไรหยวนซื่อถึงจะไม่ได้กินน้ำพุิญญาของสระบัวเจ็ดสี นึกไม่ถึงว่ามารดาสกุลต้วนจะมอบความน่าประหลาดใจครั้งใหญ่ให้นางเช่นนี้
เย็นนี้ใช้น้ำสระบัวทำหมูสามชั้นตุ๋นน้ำแดงเสียเป็ดี จะได้เลี้ยงฉลองให้ตนเองสักหน่อย ฮ่าๆๆ!
หยวนซื่อทอดมองไปทางต้วนต้าหลางอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ คิดอยากจะใช้ความงามอ่อนช้อยของตนทำให้เขาเห็นใจ
กลับไม่รู้เลยสักนิดว่าบนใบหน้าของตนเต็มไปด้วยฝุ่น ทั้งจมูกยังมีเืกำเดาสองสาย อยากจะสกปรกเท่าใดก็สกปรกได้เท่านั้น เห็นแล้วชวนให้สะอิดสะเอียนยิ่งนัก
ต้วนต้าหลางหันหลังเดินเข้าไปในห้องเก็บฟืน จัดการแบกขวานไปผ่าฟืนโดยไม่แยแสหยวนซื่อที่อยู่ในลานเรือนแม้แต่น้อย
เคอโยวหรานเองก็เข้าไปในห้องครัว ใช้น้ำในสระบัวทำอาหารเย็นแสนอุดมสมบูรณ์จำนวนนับไม่ถ้วน
ทางด้านผู้เฒ่าทั้งสองที่เพิ่งเข้ามาในลานเรือน พลันถูกกลิ่นหอมลอยออกมาจากห้องครัวดึงดูดความสนใจไปจนหมดสิ้น
“แม่นางน้อย เ้าทำอันใด หอมเหลือเกิน แค่ได้กลิ่นก็แทบจะกลืนลิ้นลงไปเสียแล้ว”
“ใช่แล้ว! แม่นางน้อย อาจารย์หิวเจียนตายแล้ว รีบจัดสำรับเร็วเข้า!”
ผู้เฒ่าทั้งสองมีใจเป็หนึ่งเดียวด้วยเื่อาหาร รีบไปล้างมือและผลัดเสื้อผ้าก่อนจะมายังโต๊ะอาหารอย่างพร้อมเพรียง
รวดเร็วเสียยิ่งกว่าเด็กเจ็ดแปดขวบ มีหรือจะเหมือนผู้เฒ่าอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบปี?
บางครั้งเคอโยวหรานก็สงสัยว่าผมและเคราของผู้เฒ่าทั้งสองล้วนแต่ย้อมเอาหรือไม่?
เคอโยวหรานพาน้องสาวทั้งสองจัดสำรับให้เหล่าผู้เฒ่าเป็อันดับแรก ส่วนกับข้าวอื่นๆ ยังอุ่นไว้ในหม้อเพื่อรอต้วนเหลยถิงกลับมากิน
ครั้นเห็นว่าท้องฟ้ามืดลง มารดาสกุลต้วนก็เอาแต่เดินวนไปมาอยู่ในลานเรือน คอยสอดส่องมองไปทางด้านนอกประตูไม่ยอมหยุด
สองผู้เฒ่าดื่มสุรากินอาหารจนอิ่มหนำ หลังจากรับประทานเสร็จ พลันรู้สึกว่าร่างทั้งร่างผ่อนคลายและเบาหวิวลงไม่น้อย
นอกจากนี้อาหารยังอร่อยจนเกินไปอยู่บ้าง อาหารเต็มโต๊ะเช่นนั้น นึกไม่ถึงว่าพวกเขาสองคนจะกินจนกระทั่งน้ำแกงก็ไม่เหลือ
เมื่อก่อนรู้สึกว่าอาหารกับสุรารสเลิศอย่างน่าประหลาด แต่ก็ดื่มเพียงสองสามอึกเท่านั้น
ผู้เฒ่าทั้งสองต่างพากันจิ๊ปาก รู้สึกว่ามีบางสิ่งแปลกประหลาด แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคือสิ่งใด?
ครั้นยิ่งคิดไม่กระจ่าง สิ่งที่คิดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ทันใดนั้นเซียนพิษก็รู้สึกเสียดายสิ่งของที่มอบออกไปเมื่อเช้าอยู่บ้าง เพราะล้วนเป็สิ่งของที่เขาสะสมมากว่าค่อนชีวิต
สิ่งของที่มอบออกไปแล้วยังจะเอากลับมาได้หรือไม่? หากขอคืนโดยตรงคงจะไร้เกียรติเกินไป ทันใดนั้นก็เอ่ยอย่างนึกบางสิ่งที่เฉียบแหลมขึ้นมาได้ “แม่นางน้อย ตำราที่อาจารย์มอบให้เมื่อเช้าเ้าอ่านไปถึงไหนแล้ว?”
เคอโยวหรานที่กำลังเตรียมจะออกไปรอรับต้วนเหลยถิงพลันชะงักฝีเท้า ก่อนจะเกาศีรษะเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ยังมิได้อ่านเ้าค่ะ”
ภายในใจของเซียนพิษราวกับจุดดอกไม้ไฟ ทว่ากลับพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หืม? ตำราที่อาจารย์มอบให้เ้าคือพื้นฐาน จะเอาแต่ห่วงเล่นจนละทิ้งการเรียนได้อย่างไร
อาจารย์ให้เวลาเ้าครึ่งชั่วยาม นำตำรา ‘รวมร้อยพืชพิษ’ ออกมาท่อง มิเช่นนั้นก็คืนข้าวของที่อาจารย์ยกให้เ้ากลับมาทั้งหมด
ไม่เรียนยังอยากจะได้รางวัล อาจารย์มิได้มีหลักเกณฑ์เช่นนั้น”
ดวงตาเรียวรีของหมอเทวะกลิ้งกลอก คาดเดาแผนการในใจของเซียนพิษได้ภายในเสี้ยววินาที เขาก็รู้สึกเสียดายยาวิเศษที่สะสมมาหลายชั่วอายุคนเช่นกัน จะได้ฉวยโอกาสเอาข้าวของกลับคืนมาพอดี
จึงตีหน้าขรึมเอ่ยว่า “แม่นางน้อย หากจะท่องตำราของตาเฒ่าพิษแต่ไม่เรียนวิชาของข้าก็นับได้ว่าช่างไร้เหตุผล จงท่องตำรา ‘รวมร้อยภาพสมุนไพร’ มิเช่นนั้นก็เอาข้าวของที่อาจารย์มอบให้เ้าคืนมาทั้งหมด”
หยวนซื่อที่รอชมเื่สนุกโดยไม่กังวลว่าจะเป็เื่ใหญ่เอ่ยเสริมหนึ่งประโยค “ไอ้หยา น้องสะใภ้สาม มอบข้าวของให้ผู้อื่นไปแล้วไม่น้อย หากท่องมิได้ เ้าจะเอาสิ่งใดไปคืนท่านปรมาจารย์ทั้งสองกันเล่า?”
ผู้เฒ่าทั้งสองถึงกับกระเด้งกายขึ้นสูงสามฉื่อ ดวงตาเบิกโพลง เอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า “กระไรนะ เ้าเอาไปมอบให้ผู้อื่นแล้วหรือ?”
เคอโยวหรานอุดหู ถอยหลังไปสองก้าวพลางเอ่ยปลอบโยนว่า “ใจเย็น ใจเย็นๆ ก่อนเ้าค่ะ ท่านอาจารย์ทั้งสองไม่ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้ สิ่งของที่มอบให้ข้าก็เป็ของข้า มิใช่หรือเ้าคะ?”
ผู้เฒ่าทั้งสอง “...?”
เหตุใดจึงรู้สึกคล้ายกับยกหินทับเท้าตนเองเลยเล่า?
เคอโยวหรานยังคงเอ่ยต่อ “ในเมื่อเป็ของของข้า ข้าอยากมอบให้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้น ถูกหรือไม่เ้าคะ?”
ผู้เฒ่าทั้งสอง “...?”
ศิษย์คนสุดท้ายผู้นี้พูดจามีเหตุผล นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะไร้คำโต้เถียง
เคอโยวหรานกล่าวต่อไป “หากท่านอาจารย์ทั้งสอง้าทดสอบ ควรจะให้ข้าอ่านตำราสักไม่กี่วันก่อนใช่หรือไม่เ้าคะ? ครึ่งชั่วยามกระชั้นชิดเกินไปแล้ว ศิษย์จำไม่ได้หรอกเ้าค่ะ!”
อาจารย์ทั้งสองดวงตาเป็ประกาย นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งก่อนจะเอ่ยเป็เสียงเดียวกันว่า
“แค่ครึ่งชั่วยาม หากจำมิได้ก็เอาข้าวของทั้งหมดมาคืนอาจารย์”
“เอ่อ...” เคอโยวหราน!!!
นางลูบจมูก ความคิดจมดิ่งเข้าสู่มิติและควานหาตำราที่อาจารย์ทั้งสองเอ่ยถึง
์ หมายถึงตำราเล่มนี้หรือ? หนาเท่ากับพจนานุกรมสุภาษิตขนาดมหึมาทีเดียว อย่าว่าแต่ท่องครึ่งชั่วยามเลย
ต่อให้หนึ่งปีก็ยังท่องไม่หมดกระมัง? ตาเฒ่าสองคนนี้คิดจะขุดหลุมฝังนางใช่หรือไม่?
ตอนรับตำราเอาไว้เหตุใดจึงไม่เห็นว่าหนาถึงเพียงนี้? ต้องโทษที่ตอนนั้นตนดีใจมากเกินไป จึงมิได้สนใจสิ่งเหล่านี้แม้แต่นิด
นางบุ้ยปากเดินกลับห้อง ก่อนออกมาพร้อมกับหอบตำราสองเล่มนี้มาด้วย
ตามด้วยเลือกออกมาหนึ่งเล่มอย่างไม่ใส่ใจ จัดการพลิกเปิดหน้าแรกแล้วกวาดตาอ่านหนึ่งรอบ
หลังจากนั้น นะ...นาง...เกิดอันใดขึ้นกับความจำของนางกัน?
ขณะหลับตาและนึกถึงเนื้อหาที่เพิ่งอ่านเมื่อครู่ สมองของนางราวกับเครื่องสแกนก็มิปาน เนื้อหาภายในหน้าตำราพลันปรากฏขึ้น ทั้งภาพและตัวอักษรชัดเจนหาใดเปรียบ
เคอโยวหรานถึงขั้นมุมปากกระตุก หรือว่าเป็ผลกระทบจากสระบัวเจ็ดสี อยากจะหัวเราะดังๆ สักสามทีได้หรือไม่?
ครั้นเห็นสีหน้าของนางแปลกประหลาด เซียนพิษจึงเอ่ยด้วยความดีใจสุดขีด “แม่นางน้อย ยากมากใช่หรือไม่? ไม่เป็อันใด หากมิอาจท่องจำได้ภายในครึ่งชั่วยาม เช่นนั้นก็เอาขวดศิลาดลเ่าั้ของอาจารย์คืนมาเป็พอ
เ้าท่องตำราเหล่านี้ต่อไป ท่องได้คล่องแคล่วเมื่อใดก็ค่อยมาให้อาจารย์ทดสอบเมื่อนั้น”
หมอเทวะเอ่ยพลางเผยสีหน้าเฉลียวฉลาด “แม่นางน้อย ท่องได้เท่าใดก็เอาเท่านั้น หากท่องได้ไม่หมดภายหน้าก็ท่องต่อไป
เพียงแต่จำต้องมีบทลงโทษ ยังต้องนำยาวิเศษเ่าั้ของอาจารย์คืนมา”
เคอโยวหรานสำรวมสีหน้าและหยิกฝ่ามือตนเองอย่างแรง ฝืนพยายามทำให้ตนสงบสติอารมณ์ลง ใจเย็น ใจเย็นอีกสักนิด จะหัวเราะมิได้ มิอาจเผยไต๋ได้เป็อันขาด
หลังจากสูดจมูกครู่หนึ่ง มิใช่เื่ง่ายกว่าจะเตรียมอารมณ์ให้เหมาะสมแล้วเอ่ยอย่างกล้ำกลืนความไม่เป็ธรรมว่า
“ท่านอาจารย์ทั้งสองเ้าคะ มีบทลงโทษย่อมต้องมีรางวัลกระมัง? หากภายในครึ่งชั่วยามนี้ข้าท่องตำราทั้งสองเล่มได้ รางวัลจะคือสิ่งใดเ้าคะ?”
“ฮ่าๆๆ...” สองผู้เฒ่าตบต้นขาหัวเราะจนน้ำตาไหลเสียแล้ว
ในที่สุดหมอเทวะที่กำลังกุมท้องก็หยุดหัวเราะลงได้ เขาล้วงหยิบขวดศิลาดลสีทองออกมาหนึ่งขวดและเอ่ยว่า
“นี่คือยาคืนิญญาผ่านการกลั่นเก้าครั้งที่สำนักของพวกเราเก็บรักษาเอาไว้ หากเ้าท่องได้ ข้าจะมอบมันให้เ้า”
ดวงตาของเคอโยวหรานเป็ประกาย ฟังดูเหมือนจะเป็ของชั้นเลิศ กระทั่งยาลูกกลอนยังพิถีพิถันเช่นนี้ นางได้กำไรเสียแล้ว
หยวนซื่อถึงกับเืทั้งกายเดือดพล่านขณะจดจ้องขวดศิลาดลสีทองนั่น
ตำนานกล่าวว่านี่ก็คือยาอายุวัฒนะ ขอเพียงศพยังอุ่นก็สามารถใช้ยากลั่นเก้าครั้งคืนิญญา หากผู้ที่ร่างกายแข็งแรงกินเข้าไปจะทำให้อายุยืนยาว ทั้งทั่วหล้ายังมีเพียงเม็ดเดียวอีกด้วย
ฮ่องเต้พระองค์ก่อนใช้เงินทองไปกว่าครึ่งท้องพระคลังเพื่อยาอายุวัฒนะนี้ ท้ายที่สุดยังคงมิอาจได้มา นึกไม่ถึงว่าหมอเทวะกลับเอามาเดิมพันกับเด็กบ้านนอกเช่นเคอโยวหราน เพราะเหตุใดกัน?
เซียนพิษลูบหนวดเขี้ยว ล้วงหยิบคัมภีร์หนึ่งปึกออกมาจากอกเสื้อ ตบลงบนโต๊ะพลางเอ่ยว่า
“แม่นางน้อย หากเ้าท่องได้ อาจารย์จะมอบคัมภีร์ลับวิทยายุทธ์ที่ผู้คนในยุทธภพต่างปรารถนาจะให้เ้า”
ว่าอย่างไรนะ? เคล็ดวิชาลับฝึกวิทยายุทธ์? ตนมิได้มีพร์ในด้านนั้น ไม่รู้ว่าต้วนเหลยถิงจะไหวหรือไม่? ฮ่าๆๆ!
ขณะต้วนต้าหลางกับต้วนเอ้อร์หลางเห็นเคล็ดวิชาลับวิทยายุทธ์ชุดนั้น ดวงตาก็แทบจะถลนจนกระเด็นลงพื้น
หากพวกเขาจำไม่ผิด เคล็ดวิชาลับชุดนี้หายสาบสูญไปนานแล้ว หลงเหลือไว้เพียงตำนานเท่านั้น
ตามตำนาน เมื่อหลายพันปีก่อน มีคนผู้หนึ่งได้ครึ่งแรกของคัมภีร์เล่มนี้มา หลังจากฝึกฝนจนสำเร็จได้ขนานนามตนเป็เ้ายุทธภพ ยุทธจักร กระทั่งคนผู้นั้นเร้นกายจากยุทธภพก็ยังไม่มีใครโค่นล้มลงได้
เคล็ดวิชาลับเช่นนี้ หากปรากฏขึ้นมาหนึ่งเล่มก็เพียงพอให้ผู้คนในใต้หล้าเสียสติ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหนึ่งชุดครบถ้วนสมบูรณ์เลยทีเดียว
คาดไม่ถึงว่าเซียนพิษจะนำออกมาเดิมพันกับแม่นางน้อยจริงๆ? คงมิใช่ว่าเป็ของปลอมหรอกกระมัง?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้