ในขณะที่ภารกิจของโลก 1 หมุนรอบตัวไฮยาซินท์เ้าของร่าง ภารกิจในโลกที่ 2 กลับหมุนรอบตัวหยางเจี๋ยหรือก็คือผู้กล้าในจินตนาการของผู้เขียน
ภารกิจหลักคือการเปลี่ยนบทบาทบนเตียงของหยางเจี๋ยให้กลายเป็ฝ่ายรุก ส่วนภารกิจรองเพียงแค่เรียกเสียงหัวเราะของหยางเจี๋ยกลับคืนมา ฟังดูแล้วช่างเป็ภารกิจที่ง่ายดาย โดยเฉพาะภารกิจหลัก ขอเพียงแค่พูดคุยกันดี ๆ น่าจะได้พบทางออกที่เหมาะสม
[ท่านดูิ่โลกของสาววายเอเชียมากเกินไปแล้ว รู้มั้ยว่าการที่สาววายวางบทบาทบนเตียงมาแล้วและจู่ ๆ จะไปเปลี่ยนบทบาทนับว่าเป็เื่คอขาดบาดตาย ชนิดฟ้าถล่มดินทลาย นักอ่านนักเขียนสามารถบีบคอให้ตายกันไปข้าง หากบทบาทบนเตียงไม่ตรงใจ เชื่อผมเถอะว่าภารกิจนี้ยากเสียยิ่งกว่า โลก 1 แน่นอน]
[แต่ละโลกก็มีวัฒนธรรม กฎหมาย ความเชื่อที่แตกต่างกัน โปรดศึกษาให้ดี]
วันนี้มีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของอันซูฮวา บุตรสาวคนเล็กของตระกูล เ้าของโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงที่สุดในต้าลู่
อีกทั้งยังเป็ตัวร้ายของแฟนฟิกชั่นเื่นี้
งานเลี้ยงวันเกิดถูกจัดขึ้นในสวนหน้าบ้านของคฤหาสน์ตระกูลอัน ประดับประดาไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวแซมชมพู ลูกโป่งสีหวานผูกตกแต่งไว้ทั่วทั้งงาน ตอนที่ไฮยาซินท์มาถึง ผู้เข้าร่วมงานก็มากันเยอะมากแล้ว
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าในงานเลี้ยงจะเกิดอะไรขึ้น และไฮยาซินท์ก็เตรียมแนวทางป้องกันเื่ฉาวที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว แต่เขาก็อดที่จะใจสั่นไม่ได้ โลกโอเมก้าเวิร์สทิ้งประสบการณ์ในงานเลี้ยงให้ท่านจอมมารไว้อย่างมากมายจริง ๆ
ไฮยาซินท์ปรากฏตัวเข้างานพร้อมกับชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เนื่องจากติดธุระสำคัญในการเชื้อเชิญชายผู้นี้ ตนจึงไม่ได้เข้างานมาพร้อมพ่อและแม่เลี้ยง
คุณชายสกุลจ้าวมีใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาราวรูปสลักที่พระเ้าตั้งใจปั้น เรือนผมสีเงินตัดสั้นถูกจัดเป็ทรงประณีต ดวงตาสีแดงก่ำโดดเด่นบนดวงหน้าขาวนวล ทั้งดึงดูดสายตา ขณะเดียวกันก็ชวนให้หวาดหวั่นจนไม่กล้าสบตาด้วยความยำเกรง แม้จะอายุเพียง 18 ปีแต่ก็มีรูปร่างสูงโปร่งเหนือกว่าเด็กวัยเดียวกัน ชุดสูทเข้ารูปพอดีตัวขับเน้นแขนขาเรียวยาวให้ยิ่งน่ามอง และสุดท้ายเสื้อคลุมขนสัตว์ที่สวมทับร่างอีกชั้นหนึ่งยิ่งทำให้รูปร่างสูงโปร่งนั้นดูองอาจ
จ้าวเสวี่ยอิงมีรสนิยมอย่างหนึ่งที่ท่านจอมมารไม่อาจเข้าถึง นั่นคือการสวมใส่เสื้อคลุมที่คอเสื้อเป็แผงขนสัตว์ ั้แ่วันแรกที่ไฮยาซินท์เข้าร่าง จ้าวเสวี่ยอิงในชุดสถาบันโรงเรียนก็ต้องคลุมทับด้วยเสื้อขนสัตว์ แม้แต่วันนี้ที่สวมใส่ชุดสูททางการก็ต้องมีเสื้อคลุมขนสัตว์ติดมาด้วย
ไฮยาซินท์ขอสาบานด้วยเกียรติยศแห่งธานาทอส ก่อนออกจากคฤหาสน์สกุลจ้าว เขาจัดการโยนเสื้อคลุมนี้ทิ้งไปแล้วจริง ๆ แต่ในเสี้ยววินาทีก็ราวกับมีิญญาร้ายสิงร่าง บังคับให้มือเผลอหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์นี้มาสวมใส่จนได้
เหตุการณ์นั้นระบบ 666 ปลอบใจท่านจอมมารด้วยเหตุผลว่ามันคือยูนิฟอร์มประจำของตัวละคร หากไฮยาซินท์ ลูเซียโน่คือชุดสตรี จ้าวเสวี่ยอิงก็คือเสื้อคลุมคอขนสัตว์
แต่ชุดสตรีนั่นโอเมก้าทั่วไปก็สวมใส่กันเป็ปกติไม่ได้ผิดแปลกอย่างใด แต่ในโลกนี้ไฮยาซินท์พยายามกวาดสายตามองแล้วกลับไม่เคยเจอผู้ใดสวมใส่เสื้อคลุมบ้าบอนี่เลย
นี่คือ่ฤดูใบไม้ผลิ อากาศร้อนเล็กน้อย ผู้ใดจะสติไม่สมประกอบขนาดสวมใส่เสื้อคลุมขนฟู ๆ
และคนสติไม่ดีผู้นั้นคือจ้าวเสวี่ยอิง แต่ทั้งที่แปลกประหลาดขนาดนี้ ตัวละครรอบกายก็ไม่มีใครเคยเอ่ยทักชุดของตน นับเป็เื่น่าพิศวงอย่างยิ่ง
“อาจารย์เติ้งเชิญทางนี้ครับ” ไฮยาซินท์ที่สวมเสื้อขนสัตว์แม้ในวันที่อากาศ 24องศาผายมือเชื้อเชิญชายวัยกลางคนข้าง ๆ ให้เดินเข้างานพร้อมกัน
บริเวณซุ้มประตูทางเข้างาน มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักในชุดเดรสกระโปรงสีชมพูฟูฟ่อง ผมยาวสวยจนถึงกลางหลังสีดำสนิทถูกรวบเป็ทรงหางม้าคู่ ดวงตาสีดำกลมโตสุกใส แม้สีตาและสีผมจะเป็เฉกเช่นเดียวกับตัวประกอบทั่วไป แต่รูปลักษณ์ของเธอกลับดูโดดเด่นขึ้นมาเหนือผู้คน บ่งบอกว่านี่เป็อีกหนึ่งตัวละครหลักที่สำคัญของโลก
ทันทีที่ไฮยาซินท์เห็นใบหน้าของเธอก็ทำให้เขาชะงักไป
“อิงอิง” ส่วนหญิงสาวพลันเผยรอยยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขา ตรงเข้ามาสวมกอดพร้อมหอบเอากลิ่นหอมสดชื่นของต้นสนติดมาด้วย “ดีใจจังที่นายมา วันนี้นายแต่งตัวหล่อมากเลย”
หากเป็ยามปกติไฮยาซินท์คงนึกเหยียดหยามประโยคนั้นในใจว่าเสื้อคลุมขนสัตว์นี่นับว่าหล่อเหลามากกว่าแปลกประหลาดงั้นหรือ ทว่าเพราะตนยังติดใจเื่อื่นจึงไม่ได้เกิดความคิดนั้น
ไฮยาซินท์ดันตัวออกจากอ้อมกอดของหญิงสาว มองใบหน้าของเธออีกครั้ง
“ซูฮวา?”
“อื้ม”
“...”
ฮิโนกิมีน้องสาวด้วยอย่างนั้นหรือ…
[ไม่ใช่น้องสาวแต่นี่คือฮิโนกิจริง ๆ เพียงแค่รูปลักษณ์เปลี่ยนเป็ผู้หญิง! ผมถึงได้บอกไง ขอเพียงแค่ผู้เขียนต้องการ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ในแฟนฟิกชั่น!]
จากโลกที่แล้วต้องมาตบตีกับไฮยาซินท์เพื่อแย่งผู้ชายของเขา ใครจะไปคิดว่าในโลกถัดมาไฮยาซินท์จะต้องกลายมาเป็ผู้ชายที่ฮิโนกิตบตีกับคนอื่นเพื่อแย่งตน
“แล้วคนผู้นี้… อาจารย์เติ้งงั้นเหรอคะ!” อันซูฮวาหันไปให้ความสนใจกับชายวัยกลางคนข้าง ๆ “นึกว่าอาจารย์ยังติดทัวร์อยู่ที่นอร์ธแลนด์เสียอีก”
“ผมเพิ่งบินมาถึงเมื่อเช้านี้เลยครับ การได้มาเล่นเปียโนในงานคนสำคัญของคุณชายจ้าวนับว่าเป็เกียรติมากครับ” อาจารย์เติ้งจับมือกับอันซูฮวาอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณอาจารย์เติ้งมากเลยนะครับ เธอเป็หนึ่งในเพื่อนที่สำคัญสำหรับผมน่ะครับ” ท่านจอมมารส่งรอยยิ้มเย็นเยียบ ความหมายแฝงโดยนัยถึงการไม่ให้อีกฝ่ายพูดอะไรที่ชวนคลุมเครือ
“ขอบคุณนะอิงอิง!” แต่ดูเหมือนว่าอันซูฮวาจะไม่ได้ฟังประโยคอันแสนห่างเหินนั้นเลย เธอฉวยโอกาสเข้ามาสวมกอดเขาอีกรอบ “นายคงลำบากมากกว่าจะขอร้องอาจารย์มาได้ ขอบคุณจริง ๆ นะรักที่สุด”
ไฮยาซินท์ขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเธออย่างแเี ท่านจอมมารยังไม่อาจทำใจสนิทสนมกับคนที่ชาติปางก่อนตั้งตนเป็ศัตรู แต่ชาตินี้มาทำท่าคลั่งรักเขาเสียอย่างนั้น
“พ่อของฉันก็ชอบอาจารย์เติ้งมากเช่นกัน หวังว่าอาจารย์จะเป็คนได้เล่นเปียโนก่อนเธอเป่าเค้กวันเกิดนะ”
อันซูฮวาชะงักไป เธอมีท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อยหลังฟังประโยคนั้น
“แน่นอนสิ… นี่เป็ของขวัญจากอิงอิงเลยนะ”
“อิงอิง แต่งตัวหล่อขนาดนี้ซูฮวาไม่ยิ่งตกหลุมรักนายหัวปักหัวปำเลยหรือ" ฟางเสี่ยวหมิงเอ่ยทักจ้าวเสวี่ยอิงที่เดินตรงมา
ขนสัตว์จากแผงคอเสื้อคลุมกำลังปลิวไสวตามแรงลม นี่คือภาพที่ไฮยาซินท์เห็นทางหางตามาตลอดหลายสิบนาทีั้แ่ใส่คอสตูมของพระเอก
“นายไม่สนใจลองใส่บ้างเหรอ” คุณชายสกุลจ้าวพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แฝงนัยถึงการประชดประชัน
“นะ… นายหมายถึงเสื้อคลุมขนสัตว์น่ะเหรอ!!!” คู่สนทนามีสีหน้าแตกตื่นทันที ประหนึ่งเขาได้เอ่ยคำต้องห้ามที่มีอานุภาพมากพอจะทำลายล้างโลก “ไม่ได้เด็ดขาด!!ยังไงก็ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้… วันหลังนายห้ามล้อเล่นแบบนี้อีกนะอิงอิง”
ฟางเสี่ยวหมิงรีบเดินตัวสั่นงันงกจากไป ทิ้งให้ท่านจอมมารงุนงงอยู่ตรงนั้น
[เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์นี่มีไว้เพื่อคนที่เป็ตัวเอกของโลกนี้เท่านั้นไงล่ะ! สิ่งนี้ก็ไม่ต่างจากเกราะอาชานิรนามของผู้กล้า สิ่งนี้เกิดมาเพื่อจ้าวเสวี่ยอิงเท่านั้น พวกตัวประกอบน่ะไม่มีสิทธิ์!!!]
เสื้อคลุมขนสัตว์ไม่ได้มีขายทั่วไปแบบปกติงั้นหรือ…
[แน่นอนว่ามีขายทั่วไป ทว่ามนุษย์ธรรมดาย่อมไม่มีใครอาจหาญซื้อ มีเพียงจ้าวเสวี่ยอิงและผู้ที่จะมาเป็สามีตัวน้อยในอนาคตเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ หากไม่เชื่อก็ลองถอดเสื้อคลุมขนสัตว์นี่ไปใส่ให้ตัวประกอบสักคนสิ รับรองว่าอาจจะมีเื่ที่น่ากลัวเกิดขึ้น ก็… เป็… ได้]
“...”
ขณะที่ไฮยาซินท์กำลังนึกอยากสอบถามเื่ความลี้ลับของเสื้อคลุมขนสัตว์ต่อ ตอนนั้นก็ได้ยินเสียงบทสนทนาจากตัวประกอบชายสองคนที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“พวกผู้หญิงไปยุ่งวุ่นวายกับเด็กทุนอีกแล้ว ยัยพวกโรคจิตเอ๊ย”
“ยัยพวกนั้นปากบอกว่าทำเพราะโกรธแทนเสวี่ยอิง แต่ฉันดูก็รู้แล้วว่าเป็เพราะอิจฉา ดูหน้าตาเด็กทุนนั่นสิเป็ผู้ชายแท้ ๆ แต่หน้าสวยกว่าผู้หญิงอีก ตัวเล็ก ผิวขาว แถมตัวยังหอมอีก”
“ดูนายพูดเข้า อย่าบอกนะว่า่นี้ของขาดถึงได้เปลี่ยนรสนิยมฮ่าฮ่า”
“หรือนายคิดว่าไม่จริง หน้าแบบนั้นก็พอฝืนใจเอาได้ แต่ให้ทำเป็เมียนี่ขอบาย”
ไฮยาซินท์มองตามสายตาของทั้งคู่แล้วจึงได้พบกับเป้าหมายของภารกิจในครั้งนี้
หยางเจี๋ยอยู่ในชุดบริกร มือข้างหนึ่งถือถาดเสิร์ฟไวน์ รอบกายเต็มไปด้วยเหล่าหญิงสาวที่กำลังยืนกอดอก หนึ่งในนั้นเอ่ยพูดอะไรบางอย่างกับหยางเจี๋ย ระบบ 666 แนะนำว่าหญิงสาวเ่าั้เป็เพื่อนร่วมชั้นของเขา
ไฮยาซินท์ก้าวเดินตรงไปยังกลุ่มทิศทางดังกล่าว เพียงการปรากฏกายของตัวเอกฝ่ายรุก ก็ดึงดูดทุกความสนใจและความยำเกรงให้ไปตกที่ตนเอง
“เสวี่ยอิง” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็เพื่อนสนิทของซูฮวารีบเอ่ยเรียกชื่อของจ้าวเสวี่ยอิงด้วยท่าทางกระตือรือร้น ใบหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย
“หยางเจี๋ยมานี่” ไฮยาซินท์จ้องมองคนตัวเล็กในชุดบริกร
“...”
หยางเจี๋ยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เม้มริมฝีปากน้อย ๆ ขณะมองตาเขาคล้ายไม่ยอมจำนน
ท่านจอมมารไม่ใช่คนมีน้ำอดน้ำทนนัก ดังนั้นในการเอ่ยเรียกครั้งที่สองน้ำเสียงจึงเย็นเยียบ ั์ตาสีแดงกำลังวาววับขณะจ้องมองเหยื่อที่ยังไม่รู้ประสาดี
“ฉัน - บอก - ให้ - มา - นี่”
เป็หญิงสาวในกลุ่มนั้นที่ผลักหยางเจี๋ยให้เดินออกไป ไฮยาซินท์ฉวยข้อมือของหยางเจี๋ยมาคว้าไว้กึ่งลากกึ่งจูงอีกฝ่ายตรงไปยังบริเวณลับตาคน หยางเจี๋ยตระหนกกับการััอันอุกอาจนั้นจึงพยายามสะบัดแขนขัดขืน
“ปล่อยนะ! เสวี่ยอิงใจเย็นหน่อยได้มั้ย วันนี้นายเป็อะไรของนายเนี่ย!”
“ฉันเป็ลูกคนเดียว!”
หลังเอ่ยออกไปแล้วไฮยาซินท์จึงค่อยนึกได้ว่าจะบอกกล่าวภูมิหลังตนเองทำไม ฝ่ามือใหญ่รีบปล่อยแขนบอบบางนั้นก่อนจะกลับเข้าเื่
“วันนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามนายไปเล่นดนตรี หรือพูดอะไรใส่ไมค์เด็ดขาด”
“ฉะ… ฉันจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวกับนาย งานนี้ไม่ใช่ของนายหรือตระกูลจ้าวสักหน่อย”
ด้วยส่วนสูงที่แตกต่างกันทำให้ยามสนทนาไฮยาซินท์ต้องก้มหน้าลงน้อย ๆ ใบหน้าของผู้กล้าที่ปกติมักหล่อเหลาคมคาย เวลานี้อ่อนเยาว์และถูกแต่งแต้มให้น่ารักน่าชังขึ้น ผิวสีแทนเปลี่ยนเป็โทนขาวสว่างน้ำนม ั์ตาสีอำพันที่เคยมีอานุภาพรุนแรงราวกับแสงตะวันพร้อมแผดเผาทุกสิ่งกลับกลายเป็เพียงดวงตาสีทองกระจ่างใส
ไฮยาซินท์กลอกตาไปมา ยิ่งหางตามองเห็นขนสัตว์เส้นเล็ก ๆ ที่ปลิวไสวก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เขาชักคิดถึงผู้กล้าในร่างดีเลียน อย่างน้อยเ้าสุนัขนั่นเวลาสั่งให้ทำสิ่งใดก็ยอมทำตามอย่างซื่อสัตย์โดยไร้คำถาม
“พวกนั้นกำลังหลอกนาย มันเป็แผนที่จะทำให้นายขายหน้า”
“นายต้องการอะไรกันแน่ ตั้งใจจะกลั่นแกล้งอะไรฉันอีก” หยางเจี๋ยยิ้มหยัน จงใจก้าวถอยห่างจากเขาไปหนึ่งก้าว แสดงออกถึงเจตนาความรังเกียจ “ทำไม? หรือแค่จะปล่อยให้ฉันมีเพื่อนก็ยังทนไม่ได้”
‘เพื่อน’ ที่หยางเจี๋ยกล่าวหมายถึงกลุ่มของอันซูฮวา ตามเนื้อเื่หลังจากหยางเจี๋ยไปแตะจุดย้อนเกล็ดของจ้าวเสวี่ยอิงเข้าจนถูกคนทั้งโรงเรียนกลั่นแกล้ง มีเพียงกลุ่มของอันซูฮวาเท่านั้นที่แอบยื่นมือคอยช่วยเหลือ ปลอบประโลมลับ ๆ
แน่นอนว่านั่นไม่ใช่การกระทำจากใจจริง ขึ้นชื่อว่าตัวร้ายแล้วย่อมเป็ตัวร้ายอยู่วันยังค่ำ และวันนี้คือวันที่ตัวร้ายจะแผลงฤทธิ์ ทำให้หยางเจี๋ยต้องตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากและน่าอับอาย
นี่ข้าต้องพลิกโพซิชั่น… กับคนนี้?
ไฮยาซินท์กวาดสายตาจ้อมองอีกฝ่ายั้แ่หัวจรดเท้า สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ หยางเจี๋ยหน้าชาไปเล็กน้อย เพราะตีความการแสดงออกทางสีหน้านั้นเป็อื่น
“คุณชายจ้าวมีเื่จะพูดเพียงเท่านี้ใช่มั้ย เช่นนั้นผมขอตัว พอดีผมไม่ได้มีเงินทองมากมายจะซื้อเวลาได้เช่นคุณ”
หยางเจี๋ยเดินกระแทกเท้าตึงตังจากไป
ไฮยาซินท์หลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ทีตอนอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย อีกฝ่ายทำตัวราวกับเป็กระต่ายป่า ตัวสั่นงันงกจำยอมทุกคน ในขณะที่ยามอยู่ต่อหน้าเขา กลับกล้าต่อปากต่อคำ ทำตัวราวงูจงอางแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อไม่หยุด
[นี่ก็คือพลังของตัวเอกฝ่ายรับอย่างไรละ I’m not like other people จุดที่ทำให้จ้าวเสวี่ยอิงเกิดความรู้สึกสนใจหยางเจี๋ยกว่าผู้ใดก็เป็เพราะอีกฝ่ายไม่เหมือนผู้อื่น! หึ… ั้แ่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับฉันขนาดนี้ เธอนี่มันน่าสนใจจริง ๆ ยัยบ๊องหึหึหึฮ่าฮ่าฮ่าวะฮาฮ่าฮ่า… ประมาณนี้ครับ] ระบบ 666 รีบอธิบาย หวังว่าพอจะระงับอารมณ์ที่เริ่มมีน้ำโหของไฮยาซินท์ได้
แต่กลับกลายเป็ว่าท่านจอมมารยิ่งมีใบหน้าดำคล้ำ บริเวณสันกรามปรากฏขดเส้นเืขึ้นจาง ๆ อันมาจากการกัดฟันกรอด
บัดซบ นี่แม่งเหตุผลเดียวกับไอ้เซฟิรอสที่มันนอกใจไฮยาซินท์ชัด ๆ
[…]
ขณะที่ไฮยาซินท์กำลังนึกงุ่นง่าน ในที่สุดเื่ที่ตนกังวลใจก็เกิดขึ้น อันซูฮวาเดินมาตามไฮยาซินท์ด้วยท่าทางร่าเริง เธอควงแขนก่อนจะพาเขาเดินกลับเข้างาน ใบหน้าสวยปรากฏรอยยิ้มร่า ขณะที่ดวงตาก็มีประกายวิบวับ
“อิงอิงมัวทำอะไรอยู่ ตอนนี้อาจารย์เติ้งจะขึ้นแสดงแล้วนะ”
แล้วเมื่อไฮยาซินท์เดินมาจนถึงบริเวณไม่ใกล้ไม่ไกลจากลานแสดง เขาก็เห็นหยางเจี๋ยเดินเข้าไปหยุดยังบริเวณหน้าเปียโน โน้มตัวรับเสียงปรบมือจากแขกด้วยสีหน้าประหม่า
“นี่นักเรียนทุนของปีนี้สินะ”
“ใช่ครับ แม้จะน่าเสียดายไปหน่อยที่พ่อแม่ยังอยู่ครบ แต่ฐานะยังนับว่าด้อยอยู่ หน้าตาดี ผลการเรียนโดดเด่น คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ในอนาคต”
เสียงบทสนทนาระหว่างพ่อของจ้าวเสวี่ยอิงและพ่อของจางหนิงเหอที่เป็หนึ่งในผู้บริหารโรงเรียนเอกชนซีฮันดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล
“เดี๋ยวนะ! แล้วทำไมหมอนั่นถึงขึ้นไปตรงนั้นได้” เสียงของคนข้าง ๆ ดึงดูดความสนใจของเขา อันซูฮวากำลังทำสีหน้าลำบากใจ “อิงอิงทำยังไงดี”
ไฮยาซินท์เพียงแค่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย กอดอก ดวงตาจ้องมองตัวเอกที่กำลังก้าวเท้าเข้าสู่หายนะ ได้ยินเสียงระบบ 666 เอ่ยถามอย่างประหลาดใจเพราะมันคิดว่าเขาจะกระวีกระวาดขึ้นไปห้าม
ไฮยาซินท์มีหน้าที่เพียงแค่มาทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่ได้มีหน้าที่ทะนุถนอมหัวใจใคร ในเมื่อมาจนถึงจุดนี้ก็ให้เป็ไปตามบทนิยาย หยางเจี๋ยเองก็จะได้รู้ว่าเพื่อนที่เอ่ยถึงแท้จริงมีเจตนาเช่นไร
หยางเจี๋ยมาทำงานที่นี่จากการชักชวนของอันซูฮวาและเพื่อน งานรายได้ดีใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั้งงานบริการและงานบรรเลงบทเพลง
หยางเจี๋ยเล่นเปียโนไม่เป็แต่ก็ซุ่มฝึกซ้อมมาเป็เวลาหลายเดือนเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่ระยะเวลาที่จ่ายไปมากมายจะไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า
คนตัวเล็กนั่งอยู่หน้าเปียโนแล้ว นิ้วมือเรียวขาวสะอาดเริ่มกดไล่ไปตามโน้ตทีละตัว หลอมรวมกลายเป็บทเพลงหนึ่งที่มีอานุภาพทำให้แขกติดตรึงอยู่ในห้วงอารมณ์หนึ่ง
หากเป็คนธรรมดาทั่วไปคงคิดว่าเป็การเล่นบทเพลงธรรมดา ๆ มีกดโน้ตไม่ทันบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดไม่น่าให้อภัย ทว่าเหล่าแขกที่อยู่ในงานล้วนเคยฟังบทเพลงต้นฉบับมานับครั้งไม่ถ้วน ย่อมรู้ว่าตอนนี้บทเพลงที่หยางเจี๋ยบรรเลงผิดแผกไปจากเดิมมากแค่ไหน
ในอนาคตหยางเจี๋ยจะสามารถเล่นเพลงนี้เพื่อเอาชนะใจคนสกุลจ้าว ซึ่งเป็เื่ที่ยังไม่เกิดในตอนนี้
เพล้ง!
“ใครให้ไอ้สารเลวนี่มันขึ้นมาเล่น!!!”
แก้วไวน์ถูกปาขึ้นไปบริเวณลานเปียโนจนแตกกระจัดกระจาย เสียงดังลั่นจากประมุขตระกูลจ้าวเพียงพอจะทำให้ ทุกคนในงานสะดุ้งเฮือก มีเสียงหลุดร้องออกมาด้วยความใแต่ทุกคนก็พลันรีบหุบปากฉับเพราะไม่ต้องการดึงดูดความสนใจของผู้ที่เปรียบดังเ้าป่าที่นี่
“รีบไปเอาหมอนั่นลงมาจากเวทีเร็วสิ!” อันซูฮวาหันไปเอ่ยสั่งการลูกน้องอย่างรีบร้อน ก่อนจะหันมาช้อนตามองไฮยาซินท์ เอ่ยพูดเสียงอ่อน “อิงอิง ขอโทษนะเป็เพราะฉันจ้าง…”
“นี่ฝีมือแกใช่มั้ย! แกคงเห็นฉันเป็ตัวตลกถึงได้มาปั่นหัวกันแบบนี้ใช่มั้ย!” ผู้เป็ประมุขตระกูลจ้าวเดินเข้ามาตะเบ็งเสียงใส่ไฮยาซินท์ ใบหน้าโกรธเกรี้ยวคล้ายอยากจะบีบคอลูกชายตนให้ตกตายไปเสียเดี๋ยวนี้
“...” ไฮยาซินท์เหลือบมองผู้เป็พ่อของร่างนี้เพียงเล็กน้อย ดึงสายตากลับไปมองหยางเจี๋ยที่หันมาทางนี้เช่นกันขณะถูกลูกน้องตระกูลอันสองคนหิ้วปีกพาออกจากงาน สีหน้าท่าทางของตัวเอกคล้ายไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ผู้อำนวยการจ้าวคะอย่าตำหนิอิงอิงเลยเขาไม่รู้เื่ด้วย การที่ปล่อยให้คนนอกขึ้นมาเล่นเป็ความผิดหนูเอง หนูแค่อยากสงเคราะห์คนด้อยโอกาสโดยให้มันแสดงความสามารถพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เด็กทุนนั่นคงไปสืบมาจากอินเทอร์เน็ต หวังอยากประจบเอาใจอิงอิงกับผู้อำนวยการน่ะค่ะ” อันซูฮวารีบร้อนช่วยแก้ตัวให้คนในดวงใจ “อีกอย่างวันนี้อิงอิงก็อุตส่าห์เชิญอาจารย์เติ้งมาเล่นในงานให้หนู…”
“สวัสดีครับผู้อำนวยการ ยังไงให้โอกาสผมได้บรรเลงบทเพลงเพื่อให้ท่านรื่นเริงด้วยเถอะครับ” อาจารย์เติ้งรีบเข้ามาไกล่เกลี่ย
ไฮยาซินท์มองสบตาผู้เป็พ่อที่ยังคงจ้องตนเองด้วยสายตาที่คล้ายกับมองเหลือบไร แล้วจึงเป็ฝ่ายหมุนตัว เดินหนีออกจากงานไปแทน
“อิงอิงจะไปไหนน่ะ!” อันซูฮวาะโไล่ตามหลังไฮยาซินท์ที่เดินจ้ำอ้าวออกจากงานไป “อิงอิง!”
‘My Lord’ คือชื่อบทเพลงที่แม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดจ้าวเสวี่ยอิงซึ่งเป็นักเปียโนที่มีชื่อเสียงของต้าลู่ประพันธ์ขึ้น มันเป็บทเพลงสุดท้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มเลิกอาชีพนักดนตรีเพราะแต่งงาน ดนตรีจังหวะไม่ช้าไม่เร็ว ทว่ากลับมีเนื้อหารุนแรง หนักแน่นเต็มไปด้วยห้วงอารมณ์แห่งความรักลึกซึ้ง บทเพลงที่บอกว่าจะอุทิศความเป็ภรรยาและแม่แก่ผู้ชายทั้งสอง บทเพลงที่แม่ของจ้าวเสวี่ยอิงมักนำมาเล่นในงานเลี้ยงจนกลายเป็บทเพลงประจำตัวของเธอที่รู้กันในหมู่ชนชั้นสูง และมันก็เป็บทเพลงสุดท้ายก่อนที่อีกฝ่ายจะจบชีวิตลงด้วยตนเอง พร้อมทิ้งจดหมายสารภาพว่าคงไม่อาจใช้ชีวิตต่อได้ในฐานะภรรยาและแม่ของใครสักคนได้อีกต่อไปแล้ว
‘I apologize to my lord’
นั่นคือประโยคทิ้งท้ายในจดหมาย เธอเปรียบเปรยสามีและบุตรชายว่าคือนายท่านของตนเอง
ด้วยเหตุนั้นการที่จู่ ๆ มีใครก็ไม่รู้มาเล่นเพลงนี้แบบผิด ๆ ถูก ๆ จึงไม่ต่างจากการดูิ่คนตาย รวมถึงยังเป็การกรีดแผลเก่าพ่อลูกสกุลจ้าว จากเหตุการณ์นี้จึงทำให้หยางเจี๋ยยิ่งได้รับความโกรธเคือง ถึงขนาดที่ในอนาคตหลังคบกับจ้าวเสวี่ยอิงแล้ว เ้าตัวก็ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะใจพ่อตาที่ยังขุ่นเคืองกับเื่นี้
ไฮยาซินท์วิ่งตามจนมาทันหยางเจี๋ยที่กำลังจ้ำอ้าวออกจากรั้วคฤหาสน์ตระกูลอัน
“หยางเจี๋ย” ตัวเอกฝ่ายรับหันหน้ามา บนใบหน้าน่ารักมีร่องรอยคราบน้ำตาปรากฏ ไฮยาซินท์ชะงักไปเล็กน้อย การต้องมาเห็นผู้มีใบหน้าคล้ายคลึงกับผู้กล้า และสามีในโลก 1 ของตนมีน้ำตาเช่นนี้ช่างดูแปลกตาไม่ใช่น้อย “จะกลับแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่ง ที่นี่อีกไกลกว่าจะถึงถนนใหญ่”
หยางเจี๋ยคล้ายไม่ได้ยินประโยคนั้น คนตัวเล็กเดินจ้ำมาหยุดตรงหน้าเขา เชิดหน้าจ้องมองไฮยาซินท์ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวทั้งน้ำตา
“นายจงใจใช่มั้ย! จงใจทำให้ฉันขายหน้าและต้องถูกไล่ออกมาเช่นนี้”
“ฉันว่าฉันเตือนนายไปแล้วว่าอย่าเล่นดนตรี” ไฮยาซินท์กล่าวเสียงเรียบ “คิดดูให้ดีว่าใครเป็คนสั่งนาย ฉันหรือไง?”
“นายกับคนในห้องมันก็พวกเดียวกันทั้งนั้น ถ้านายไม่สั่งคนพวกนั้นจะทำหรือยังไง!”
“หยางเจี๋ย ฉันไม่ได้ติดใจอะไรกับเื่ที่นายทำแล้ว อย่างไรมันก็คืออุบัติเหตุ ขอโทษที่ปล่อยให้นายต้องโดนรังแก พรุ่งนี้ที่โรงเรียนฉันจะ…”
“เลิกล้อเล่นสักที! คนอย่างพวกนายมันสารเลวทั้งหมดนั่นแหละ นายสนุกมากใช่มั้ยกับการได้เห็นฉันโดนเหยียบย่ำ นายทำแบบนี้ทำไม! นายเกลียดอะไรฉันนักหนา ฉันมันน่ารังเกียจมากนักเลยใช่มั้ย!”
ไฮยาซินท์เงียบไปอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยประโยคถัดมาด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“ฉันรักนายต่างหาก”
“...” หยางเจี๋ยนิ่งอึ้ง
[แค่ก… แค่ก…] ระบบที่กำลังนั่งฟังเรดิโอดราม่าพลางจกพ็อปคอร์นไปก็พลันสำลัก
เอาแต่มานั่งแก้ตัวทีละข้อก็ไม่มีประโยชน์ ไฮยาซินท์ตัดสินใจเอ่ยเื่ตรงประเด็นทันที การทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าร่างนี้มีใจ อย่างน้อยก็คงทำให้ในหัวของอีกฝ่ายมีเื่เชิงชู้สาวมาเกี่ยวข้องบ้าง
“หยางเจี๋ยฉันรักนาย”
ทว่าไฮยาซินท์กลับมองเห็นดวงตาสีอำพันที่เคยกระจ่างใสพลันขุ่นมัว ใบหน้าหยางเจี๋ยบิดเบี้ยวราวกับเขาได้เอื้อนเอ่ยคำพูดต้องห้าม
“แกไม่มีสิทธิ์พูดคำนั้นออกมาด้วยหน้าแบบนั้น!!!” ฝ่ามือเรียวเล็กแต่กลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลบีบแขนทั้งสองข้างของไฮยาซินท์จนรู้สึกเจ็บไปหมด
ไฮยาซินท์นิ่งอึ้งไป ขณะที่เขากำลังตื่นตระหนก ก็กลับกลายเป็ว่าดวงตาของหยางเจี๋ยกลับมากระจ่างใส แรงบีบที่ต้นแขนคลายลง อีกฝ่ายกะพริบตาปริบ ๆ คล้ายมึนงงไปชั่วขณะ
แล้วหยางเจี๋ยก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป ทิ้งไฮยาซินท์ได้แต่ยืนมึนงงอยู่ตรงนั้น
เมื่อได้สติเขารีบเอ่ยถามระบบว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น ระบบ 666 ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูแปร่งประหลาด
[ไม่รู้ครับ]
“...”
[เมื่อครู่… เอ่อไม่รู้สิครับ]