เซียวเฉินมีท่าทางวางอำนาจบาตรใหญ่ ทำให้พวกเหลยเผิงใกลัว และเกรงกลัวเซียวเฉินที่มีฐานะองค์ชายแห่งแคว้นชางหวงปลอมขึ้นมาจริงๆ ทั้งสองฝ่ายต่างหยั่งเชิงกันตลอดเวลา
เหลยเผิงมองทั้งสองคนที่ถูกเซียวเฉินทำร้ายแล้วเอ่ยช้าๆ “พวกเ้าได้ยินแล้วว่าพี่ลั่วไม่ชอบพวกเ้าทั้งสองคน เช่นนั้น พวกเ้าออกไปเถอะ”
ทั้งสองคนมีสีหน้าอัปลักษณ์ แต่ยังปฏิบัติตาม
เซียวเฉินรู้สึกเย็นเยือก เหลยเผิงอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ส่วนตนเองยังอายุไม่ถึงยี่สิบปี เขากล้าพูดคำว่าพี่ลั่วออกจากปากได้อย่างไรกัน?
“พี่ลั่วรู้จักน้องสาวกับน้องชายได้อย่างไร?” เหลยเผิงจิบสุรา ถามแบบไม่กระโตกกระตาก
เซียวเฉินยิ้มกล่าว “เจอกันในเทือกเขาแห่งหนึ่ง สนทนากันแล้วกลายเป็สหาย ข้าออกจากสถานศึกษาชางหวงเพื่อมาหาประสบการณ์ จึงตามพวกเขามาที่หมู่บ้านเหลยถิงเสียเลย”
เหลยเผิงยิ้มเรียบเรื่อย
“เช่นนั้น ปีนี้พี่ลั่วก็มีความสามารถแข็งแกร่งมาก ต้องมีพร์อันน่าทึ่งแน่”
เซียวเฉินกล่าวว่า “เื่พร์ก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล บางคนมีพร์โดดเด่น อายุไม่ถึงยี่สิบปีแต่ไร้ผู้ต่อต้านในขั้นเสวียนฟ้า บางคนอายุเกือบสามสิบปีแล้วแต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในขั้นเสวียนฟ้า ทั้งยังกระหยิ่มใจด้วย ข้าแซ่ลั่วนับถือนัก”
คำพูดของเซียวเฉินบ่งบอกความหมายชัดเจนอย่างยิ่ง
เหลยเผิงสีหน้าไม่เปลี่ยน แววตาทอประกายเ็า แต่ไม่ช้าก็สลายไป
“ข้าแซ่ลั่วไม่กล้าคุยโว แม้พร์ของข้าไม่ถือว่าโดดเด่น แต่ยังสั่งสอนชนชั้นต่ำช้าได้อย่างไม่มีปัญหา จุดนี้ยังด้อยกว่าพี่เหลยอยู่บ้าง”
“ลั่วเฉินอวี่ เ้าโอหังเกินไปแล้ว”
ผู้มีพร์ของตระกูลเหลยคนหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตบโต๊ะ คำพูดของเซียวเฉินมุ่งเป้ามายังเื่ที่หมู่บ้านเหลยถิงพูดจารุนแรงกับเหลยอวิ๋นถิงและเหลยชิงโหรวอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่านี่เป็ความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง แต่ในฐานะคนของหมู่บ้านเหลยถิงก็ยอมให้คนอื่นมาตำหนิตระกูลของตนเองไม่ได้
เหลยเผิงไม่ได้ออกปากห้ามปรามเหลยเยี่ยพูดจา ทว่ามองดูเงียบๆ คนผู้นั้นถือเป็ผู้มีพร์ในหมู่บ้านเหลยถิงเช่นกัน มีความสามารถขั้นเสวียนฟ้าสี่ชั้นฟ้า ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
เซียวเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยนนิดๆ เขามองเหลยเยี่ยแล้วเอ่ยเรียบๆ “เ้าบอกมาสิว่าข้าโอหังอย่างไร? ข้าแซ่ลั่วจะล้างหูน้อมรับฟัง”
“คำพูดของเ้าให้ร้ายหมู่บ้านเหลยถิงเรายังมิใช่โอหังอีกหรือ พี่ชายของข้ามีเจตนาดีเชิญเ้ามาร่วมงานเลี้ยง แต่เ้ากลับพูดจาล่วงเกินต่างๆ นานา เ้าเห็นว่าหมู่บ้านเหลยถิงเรารังแกง่ายจริงๆ หรือ?”
แววตาของเหลยเผิงมีรอยยิ้มให้กับคำพูดของเหลยเยี่ย เพราะเหลยเยี่ยมีความสัมพันธ์อันดีกับเขา เวลานี้ คำพูดของเหลยเยี่ยยกหมู่บ้านเหลยถิงมาอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเซียวเฉิน ทำให้เซียวเฉินเป็ศัตรูกับหมู่บ้านเหลยถิงทันที
“ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น”
เหลยเยี่ยแค่นเสียง “แล้วเ้าคิดจะหมายความว่าอย่างไร?”
เซียวเฉินขมวดคิ้ว แบบนี้คือการคิดที่จะป้ายความผิดให้เขา “คำพูดประโยคนั้นของเ้าฟังออกว่าข้าหมายความเช่นนั้นหรือ?”
น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวนิดๆ
แม้เขาไม่คิดจะเผชิญหน้ากับหมู่บ้านเหลยถิง แต่เขาก็ไม่ยอมให้ผู้อื่นมารังแกเช่นกัน
“ข้าเหลยเยี่ยขอเป็ตัวแทนหมู่บ้านเหลยถิงท้าสู้เ้า หากเ้าแพ้ เ้าต้องขอโทษที่เอ่ยคำพูดเมื่อครู่”
เหลยเยี่ยมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าจริงจัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงชัดเจน
เซียวเฉินมีสีหน้าน่าเกลียด
เขามองเหลยเยี่ยด้วยสายตาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง แผนการของคนผู้นี้เรียกได้ว่าอำมหิตชั่วร้าย ถึงกับทำให้เขาและหมู่บ้านเหลยถิงเผชิญหน้ากัน ป้ายความผิดฐานหยามเกียรติหมู่บ้านเหลยถิงให้เขา หากตอนนี้เขาคิดจะถอยก็ถอยไม่ได้แล้ว
“หากเ้าแพ้เล่า”
เซียวเฉินถาม
เหลยเยี่ยเอ่ยด้วยความหยิ่งผยอง “ข้าจะไม่แพ้!”
เซียวเฉินหัวร่อหยัน “เงื่อนไขนี้ไม่ยุติธรรม เ้ามีสิทธิ์อะไรมาท้าสู้ข้า?”
เหลยเยี่ยมีสีหน้าแปรเปลี่ยน เขามองเซียวเฉินแล้วเอ่ยถามว่า “เ้าจะเอาอย่างไร?”
เซียวเฉินลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าช้าๆ
“หากเ้าแพ้ ข้า้าแขนข้างหนึ่งของเ้า”
เหลยเยี่ยมีสีหน้าน่าเกลียดทันที เขามองเซียวเฉินแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ลั่วเฉินอวี่ เ้าอย่าทำเกินไปนัก”
เซียวเฉินมองทุกคนที่นั่นด้วยสายตาเหยียดหยามดูแคลน “หึหึ หรือว่าชื่อเสียงของหมู่บ้านเหลยถิงยังเทียบกับแขนข้างหนึ่งของเ้าไม่ได้?” เอ่ยถึงตรงนี้ สายตาและน้ำเสียงของเซียวเฉินก็เปลี่ยนเป็เย็นเยียบ
“ในเมื่อไม่กล้าก็อย่าแสร้งวางท่าเป็ชายชาตรี แล้วบอกว่าต่อสู้เพื่อชื่อเสียงของหมู่บ้านเหลยถิงเลย ก็แค่มุสิกขี้ขลาดฝูงหนึ่ง ขายหน้าหมู่บ้านเหลยถิงจริงๆ”
เซียวเฉินเอ่ยด้วยเสียงดังกังวาน เขาพูดจนทุกคนมีสีหน้าน่าเกลียด ส่วนเหลยเยี่ยหน้าแดงเถือก อยากจะหาที่มุดลงดินใจแทบขาด
เหลยเยี่ยมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“ได้...ข้าเดิมพันกับเ้า!”
ประโยคนี้ทำให้เหลยเยี่ยวางใจโดยสมบูรณ์ แววตามีเจตนาต่อสู้คุกรุ่น
ศึกนี้ เขาแพ้ไม่ได้!
ส่วนใบหน้าของเซียวเฉินกลับมีรอยยิ้ม เขามองทุกคนแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ทุกท่านยินดีเป็ประจักษ์พยานให้ข้าหรือไม่”
“ได้” เหลยเผิงตอบรับ
ทุกคนออกจากหอวั่งเจียงมาที่เวทีประลองแห่งหนึ่ง เซียวเฉินและเหลยเยี่ยขึ้นเวทีพร้อมกัน ปลดปล่อยความคิดต่อสู้ออกมา ยิ่งใหญ่ทรงพลังดุจน้ำตกหมื่นจั้งเทลงมา
“ลั่วเฉินอวี่ ข้าต้องชนะเ้า!” เหลยเยี่ยคำรามอย่างบ้าคลั่ง แสงวิชชุปรากฏทั่วร่างเกิดเป็ฟ้าแลบแปลบปลาบ ราวกับกลายร่างเป็สายฟ้า
เซียวเฉินเห็นการโจมตีของเหลยเยี่ยแล้วก็ยิ้ม แข่งสายฟ้าหรือ...
พริบตา อัสนีสีม่วงครามลงจากฟากฟ้ามาสู่ร่างของเซียวเฉิน อัสนีแต่ละสายใหญ่เท่าปากชาม ว่ายเวียนไปมาบนร่างของเซียวเฉินดุจัวิชชุ ชั่วขณะนี้ เซียวเฉินประหนึ่งกลายร่างเป็เทพอัสนีลงสู่โลกหล้า
เขา เป็ตัวแทนการลงทัณฑ์แห่งเทพ!
“หัตถ์์สายฟ้าฟาด!” เซียวเฉินตวาด ราวกับสัตว์สายฟ้าั์ทะยานสู่นภา เกิดเสียงดังสนั่นไม่ขาดสาย มีหัตถ์์อันน่าสะพรึงจากเวิ้งนภากำราบลงมาในพริบตา อานุภาพแข็งแกร่งดับชีวิตปวงประชาได้
แต่เหลยเยี่ยไม่กลัว กล้าประลองวิชาควบคุมสายฟ้ากับคนของหมู่บ้านเหลยถิง นี่คือแส่หาความอัปยศใส่ตัวแท้ๆ
ตูม!
เหลยเยี่ยต่อยหมัดจู่โจม เงาหมัดขยายใหญ่ทันใด มีสายฟ้าหมุนวนโดยรอบ หมัดนี้โจมตีหัตถ์์อย่างทรงพลังดุจทำลายห้วงมิติได้
“กำราบ!”
เซียวเฉินเอ่ยด้วยเสียงเ็า หัตถ์์ตบหมัดสายฟ้าสลายภายใต้การจับจ้องของทุกคน ก่อให้เกิดฟ้าแลบนับพันนับหมื่น
เหลยเยี่ยมีสีหน้าแปรเปลี่ยน ขยับร่างล่าถอยไม่หยุด แต่เซียวเฉินจะให้โอกาสแก่เขาได้อย่างไร เซียวเฉินเคลื่อนไหวมาถึงเบื้องหน้าของเหลยเยี่ยในพริบตา เร่งเร้าแรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลก พละกำลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว ใช้แรงมหาศาลถึงหนึ่งแสนชั่งจู่โจมร่างของเหลยเยี่ยอย่างหนักหน่วง
ตูม!
“พรวด!” เหลยเยี่ยกระเด็นออกจากเวที เขากระอักโลหิต แม้แต่กระดูกก็หักไปหลายซี่ เมื่อร่วงพื้นก็ร้องโหยหวนไม่หยุด ทุกคนใจนปากอ้าตาค้าง
ผู้มีพร์ของหมู่บ้านเหลยถิงถูกเอาชนะในสองกระบวนท่า!
เซียวเฉินมองทุกคนที่อยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าราบเรียบ “เหลยเยี่ย เ้าแพ้แล้ว ตัดแขนของเ้าเสีย หรือจะให้ข้าช่วย?”
ประโยคเดียว ทำเอาทุกคนมีสีหน้าน่าเกลียด
ส่วนเหลยเยี่ยยิ่งมีสีหน้าพรั่นพรึง เขาไม่อยากถูกตัดแขน!
เหลยเผิงมองเซียวเฉินด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขารู้จักความสามารถของเหลยเยี่ยดี ขั้นเสวียนฟ้าสี่ชั้นฟ้า ต่อให้เป็ตนเองก็ไม่มีทางเอาชนะได้ในสองกระบวนท่า ทั้งยังทำให้เหลยเยี่ยแพ้อเนจอนาถได้ขนาดนี้
ลั่วเฉินอวี่มีความสามารถแข็งแกร่งเพียงใด?
เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าจะเหนือกว่าตนเอง!
นั่นคือความสามารถขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าขึ้นไป!
คิดถึงตรงนี้ เหลยเผิงก็ซ่อนแววตาไว้อย่างลึกล้ำ
มีคนของหมู่บ้านเหลยถิงพยุงเหลยเยี่ยที่ได้รับาเ็ขึ้นมา มองลั่วเฉินอวี่แล้วเอ่ยอย่างมีโทสะ “ลั่วเฉินอวี่ เ้าแข็งแกร่งกว่าเหลยเยี่ยมาก การประลองครั้งนี้ไม่ยุติธรรม ไม่นับ”
“ใช่ ไม่นับ!”
คนของหมู่บ้านเหลยถิงเอ่ยสอดประสานกัน
เื่นี้ทำให้สีหน้าของเซียวเฉินเย็นเยียบ สายตาที่มองพวกเขาให้ความรู้สึกหนาวเหน็บเสียดกระดูก “การประลองครั้งนี้ข้าเป็คนเสนอหรือ? พวกเ้าเป็คนพูดเื่ทั้งหมดเอง คนที่ท้าสู้ข้าก็คือพวกเ้า ตอนนี้คนที่คิดจะเบี้ยวก็ยังเป็พวกเ้าอีก ทำไม? คนของหมู่บ้านเหลยถิงแพ้ไม่ได้หรือ?”
คำพูดนี้ทำเอาทุกคนมีสีหน้าอัปลักษณ์สุดๆ
“ใครบอกว่าหมู่บ้านเหลยถิงเราแพ้ไม่ได้?” มีคนเอ่ยเถียง
เซียวเฉินมองคนผู้นั้นแล้วกล่าวว่า “ถ้าคนของหมู่บ้านเหลยถิงพูดจาเชื่อถือได้ ชนะก็ชนะได้ แพ้ก็แพ้ได้ ตอนนี้แขนข้างหนึ่งของเหลยเยี่ยก็ไม่น่าจะยังอยู่บนร่างของเขา แต่อยู่ในมือข้า”
“เพราะนับจากวินาทีที่เขาแพ้เป็ต้นมา แขนของเขาก็ไม่ได้ใช้แซ่เหลยอีก ทว่าใช้แซ่ลั่ว!”