ไป๋จื่อเยว่นำบัตรผลึกสีน้ำเงินออกมาสามใบ ก่อนจะนำมันไปวางเดิมพันกับเ้ามือ
“หนึ่งพันสามร้อยคะแนน!”
ชายในชุดคลุมสีฟครามที่เป็เ้ามือร้องขึ้นด้วยน้ำเสียงใ เขามองหน้าไป๋จื่อเยว่อย่างคาดไม่ถึง แม้แต่ผู้ชมที่อยู่โดยรอบก็ยังจับจ้องไปทางไป๋จื่อเยว่ด้วยความประหลาดใจเช่นกัน
“เ้าหนู เ้ายังสติดีอยู่หรือเปล่า เ้าจะวางเดิมพันฝั่งบัณฑิตหน้าใหม่ด้วยคะแนนหนึ่งพันสามร้อยคะแนนเชียวรึ!”
ชายในชุดคลุมสีครามมองไป๋จื่อเยว่อย่างคาดไม่ถึง
“ถูกต้อง ข้าจะวางเดิมพันด้วยคะแนนทั้งหมดในบัตรผลึกสามใบนี้”
ไป๋จื่อเยว่ตอบกลับในทันที
“โอ้์ เขาจะทำแบบนั้นจริงหรือ”
“เขายังเป็บัณฑิตหน้าใหม่ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะยังไม่รู้กฎ”
ในมุมมองของผู้คนที่อยู่โดยรอบ พวกเขาต่างก็คิดว่าไป๋จื่อเยว่นั้นโง่เขลาเป็อย่างยิ่ง
ตอนนี้เหล่าผู้ชมต่างก็วางเดิมพันกันเรียบร้อยแล้ว และพวกเขากำลังตั้งตารอชมการต่อสู้ระหว่างมู่เฟิงและหลี่ฮวน
หลี่ฮวนชำเลืองมองมู่เฟิง ก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็นว่า “พวกเขาสองคนคงจะเป็สหายของเ้าสินะ ดูเหมือนว่าสหายของเ้าจะเชื่อมั่นใจในตัวเ้ามากทีเดียว”
มู่เฟิงยกยิ้ม ก่อนจะตอบกลับไปเพียงว่า “ศิษย์พี่เชิญก่อน”
“หึ จัดการกับเด็กใหม่อย่างเ้า ไม่จำเป็ต้องใช้ถึงสิบกระบวนท่าหรอก”
หลี่ฮวนแค่นเสียงตอกกลับอย่างเ็า ฉับพลันนั้นร่างกายของเขาก็แผ่คลื่นพลังปราณออกมา ทันทีที่เขาเริ่มเคลื่อนไหว เขาก็ส่งฝ่ามือไปทางมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือนี้ของเขาเปล่งประกายแสงสีทองสว่างจ้าบาดตา ก่อนที่มันจะถูกควบแน่นขึ้นเป็ตราฝ่ามือสีทอง
“ฝ่ามือทองคำทลายล้าง!”
ฝ่ามือทองคำทลายล้างเป็ทักษะพลังปราณระดับธาตุทองขั้นกลาง และเป็ทักษะพลังปราณที่หลี่ฮวนฝึกฝนจนบรรลุระดับสมบูรณ์แล้ว ดังนั้นความรุนแรงของพลังฝ่ามือนี้จึงสามารถทำลายได้แม้กระทั่งศิลาหินเลยทีเดียว
ฝ่ามือพุ่งทะลวงแหวกอากาศจนเกิดเป็เสียงหวีดหวิด ในขณะเดียวกันคลื่นพลังอันรุนแรงก็สาดซัดไปด้านหน้า
มู่เฟิงยังคงยืนเอามือไพล่หลังและไม่มีท่าทีว่าจะหลบหลีก แต่ระหว่างนั้นพลังปราณจากมวลคลื่นพลังทั้งแปดลูกภายในร่างกายของเขาก็เดือดพล่านขึ้น
“จงหมอบลงไปเสีย”
หลี่ฮวนแผดเสียงคำรามออกมาอย่างดุดัน ฝ่ามือของเขาก็กำลังมุ่งตรงไปที่ทรวงอกของมู่เฟิง
แต่พริบตานั้นมู่เฟิงกลับเริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน เขาชกหมัดออกมาอย่างดุดัน เสียงกระดูกแขนลั่นดังขึ้นติดต่อกันสิบสองครั้ง โดยหมัดนี้ของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยประกายแสงสีขาว
“จองหองนัก คิดอย่างไรถึงได้ใช้ทักษะพลังปราณขั้นพื้นฐานแบบนั้นมารับมือกับหลี่ฮวน”
เหล่าผู้ชมต่างก็มองภาพนี้ด้วยความไม่ชอบใจ บัณฑิตหน้าใหม่ผู้นี้เหมือนจะเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว
เปรี้ยง...!
เมื่อหมัดและฝ่ามือพุ่งเข้าปะทะกัน พลังปราณระหว่างทั้งสองฝ่ายก็เกิดการะเิออกมา ตราฝ่ามือสีทองตรงใจกลางฝ่ามือของหลี่ฮวนถูกพลังหมัดสีขาวของมู่เฟิงทำลายลงอย่างง่ายดาย สิ่งนี้ทำให้หลี่ฮวนต้องก้าวถอยออกไปหลายก้าวด้วยความใ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองมู่เฟิงด้วยแววตาตื่นตะลึง
“เป็ไปได้อย่างไร!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าทักษะพลังปราณขั้นพื้นฐานแบบนั้นจะบีบให้หลี่ฮวนต้องถอยออกไปได้”
เสียงฮือฮาพลันดังขึ้นในกลุ่มฝูงชน ทุกคนล้วนเบิกตากว้างด้วยคามใ
“เป็ไปไม่ได้ ต้องลองใหม่อีกครั้ง”
หลี่ฮวนไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น คราวนี้เขาใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างควบแน่นตราฝ่ามือสีทองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ก่อนจะพุ่งทะยานร่างเข้าหามู่เฟิงอีกรอบ
คราวนี้มู่เฟิงก็รวบรวมพลังปราณไว้ที่หมัดทั้งสองข้างเช่นกัน จากนั้นเขาก็ทะยานหมัดทั้งสองไปยังตราฝ่ามือที่กำลังพุ่งเข้ามาของหลี่ฮวน ทำให้มันก็ปะทะกันในทันที
เปรี้ยง! เปรี้ยง! ปัง...!
เสียงการปะทะดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ คาดไม่ถึงว่าฝ่ามือทองคำทลายล้างของหลี่ฮวนจะถูกหมัดทะลวงลมปราณของมู่เฟิงที่เป็เพียงทักษะพลังปราณระดับพื้นฐานสยบลงอย่างง่ายดาย
เมื่อตราฝ่ามือของหลี่ฮวนถูกทำลาย มู่เฟิงก็ย่อตัวลงก่อนจะปล่อยหมัดออกไปกระแทกท้องน้อยของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง
ปัง...!
หลี่ฮวนกระอักเืออกมาคำโต การะเิพลังของหมัดทะลวงลมปราณที่ใช้พลังปราณจากเส้นลมปราณทั้งสิบสองจุดนั้นทรงพลังมาก ร่างของหลี่ฮวนถูกกระแทกอย่างแรงจนปลิวกระเด็นตกจากสังเวียน
มู่เฟิงเก็บหมัดลงก่อนจะพรูลมหายใจออกมา ใบหน้าของเขายังคงเรียบนิ่งไม่มีอาการเหนื่อยหอบให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
ภาพเมื่อครู่ทำให้กลุ่มผู้ชมต่างก็ตกตะลึง
“เอาชนะหลี่ฮวนได้ด้วยหมัดทะลวงลมปราณ! เอ่อ...”
“เขาเป็บัณฑิตหน้าใหม่จริงหรือ? เหตุใดจึงแข็งแกร่งนัก!”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ได้คะแนน ได้คะแนน”
ไป๋จื่อเยว่เปล่งเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น เขารับเอาบัตรผลึกสีน้ำเงินที่ได้รับคะแนนเรียนเพิ่มขึ้นคืนกลับมาอย่างอารมณ์ดี
ในขณะเดียวกัน ฝั่งผู้แพ้พนันนั้นก็มีสีหน้าบูดบึ้งจนดูน่าเกลียด
ด้านเ้ามือเองก็มีสีหน้าไม่น่าดูเช่นกัน เพราะเขาต้องเสียคะแนนหนึ่งพันสามร้อยคะแนนให้กับไป๋จื่อเยว่
“เป็ไปได้อย่างไร บัณฑิตหน้าใหม่นั่นสามารถเอาชนะหลี่ฮวนได้จริงหรือ”
ชายหนุ่มในชุดสีขาวที่เดิมพันกับไป๋จื่อเยว่ก่อนหน้านี้เบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนที่เขาก็เหลือบมองไปทางไป๋จื่อเยว่ และลอบหลบหนีออกไป หากเขาไม่รีบจากไปในตอนนี้ เกรงว่าต่อไปเขาคงต้องเรียกขานอีกฝ่ายว่าท่านปู่แล้ว
ด้านมู่เฟิงที่ยืนอยู่บนสังเวียนกำลังประสานมือกำหมัดคำนับ และกล่าวว่า “ยังมีศิษย์พี่ท่านใด้าให้คำชี้แนะข้าอีกหรือไม่?”
“ให้ตายเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าบัณฑิตหน้าใหม่อย่างเ้าจะเก่งกาจจริงๆ”
ชายหนุ่มในชุดสีดำะโขึ้นไปบนสังเวียน จากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าจางเจิ้ง วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด มู่เฟิง เ้ากล้ารับคำท้าของข้าหรือไม่?”
มู่เฟิงพยักหน้า จากนั้นการเดิมพันจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ในครั้งนี้เริ่มมีคนวางเดิมพันทางฝั่งมู่เฟิงมากขึ้นแล้ว และแน่นอนว่าคนที่วางเดิมพันทางฝั่งจางเจิ้งเองก็มีไม่น้อยเช่นกัน
จางเจิ้งเคยท้าทายหลี่ฮวนมาก่อน แต่เนื่องจากระดับวรยุทธ์ของเขาสูงกว่าหลี่ฮวนหนึ่งขั้น อีกฝ่ายจึงปฏิเสธเขา
หลังจากวางเดิมพันเรียบร้อยแล้ว การต่อสู้ระหว่างจางเจิ้งและมู่เฟิงก็เริ่มต้นขึ้น
“หมัดพยัคฆ์สั่นะเื”
จางเจิ้งปล่อยหมัดที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยลำแสงสีเหลืองออกมา เมื่อหมัดพุ่งทะลวงผ่านอากาศก็บังเกิดเป็เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น คลื่นลมกระโชกซัดสาดเข้ามาพร้อมกับเงาร่างสีเหลืองของพยัคฆ์
สีหน้าของมู่เฟิงเคร่งขรึมลงเล็กน้อย อานุภาพพลังของหมัดนี้ไม่ใช่สิ่งที่หมัดทะลวงลมปราณจะสามารถรับมือได้ ฉับพลันนั้นเด็กหนุ่มก็ใช้ดรรชนีนิ้วทั้งสองของเขาออกมาทันที ดรรชนีนิ้วทั้งสองปลดปล่อยลำแสงสีทองออกมาต้านทานการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้
ปัง! ปัง!
ลำแสงสีทองทั้งสองสายพวยพุ่งออกมาจากปลายนิ้วและทะยานเข้าหาหมัดตรงหน้าในทันที ทำให้หมัดพยัคฆ์สั่นะเืถูกสกัดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์
มู่เฟิงดีดปลายเท้าก่อนจะกระโจนร่างขึ้นไปกลางอากาศ ฉับพลันนั้นพลังปราณภายในร่างกายของเขาก็ปะทุออกมา ทำให้วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นแปดของเขาถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน
เด็กหนุ่มบิด่เอวเล็กน้อย ก่อนจะปล่อยลูกเตะอันดุดันออกมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม เมื่อเห็นฉากนี้สีหน้าของจางเจิ้งพลันเปลี่ยนไปทันที เขารีบยกแขนขึ้นไขว้กันเพื่อป้องกันการโจมตีนี้
เปรี้ยง!
กำลังขาอันแข็งแกร่งกระแทกโจมตีเข้าอย่างจัง จางเจิ้งแผดเสียงร้องออกมาอย่างเ็ป ร่างของเขาลอยกระเด็นไปไกลจนตกสังเวียน และพ่ายแพ้ในที่สุด
ร่างกายของมู่เฟิงร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง ผลลัพธ์ของการต่อสู้เป็ที่ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน
“วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นแปด!”
ผู้คนโดยรอบต่างก็ร้องอุทานจนเกิดเป็เสียงฮือฮาขึ้นมา เมื่อครู่พวกเขาล้วนััได้ถึงพลังปราณที่ะเิออกมาจากร่างของมู่เฟิง ทำให้พวกเขารับรู้ถึงระดับวรยุทธ์ของเด็กหนุ่มในทันที
“บัณฑิตหน้าใหม่ล้วนมีอายุไม่เกินสิบแปดปี แต่เด็กหนุ่มผู้นี้กลับมีวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ขั้นแปดแล้ว ด้วยอายุของเขา เขาสามารถฝึกฝนมาถึงระดับนี้ได้อย่างไร มิน่าเล่า ทั้งหลี่ฮวนและจางเจิ้งถึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยสักคน”
เหล่าผู้ชมพากันส่งเสียงฮือฮาออกมา คนที่เดิมพันทางฝั่งจางเจิ้งทำได้เพียงตบปากตัวเอง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็นึกเกลียดชังมู่เฟิงขึ้นมา บัณฑิตหน้าใหม่ผู้นี้ช่างเ้าเล่ห์นัก อาศัยภาพลักษณ์เด็กใหม่ของตัวเองหลอกลวงผู้อื่น ทำให้พวกเขาวางเดิมพันผิดฝั่ง
“ฮ่าๆ ๆ ๆ คะแนน คะแนน”
ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข วิธีนี้ทำให้พวกเขาได้รับคะแนนรวดเร็วยิ่งนัก
ใบหน้าของชายผู้ที่เป็เ้ามือดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เขาต้องเสียคะแนนให้กับไป๋จื่อเยว่และคนอื่นๆ ไปมากกว่าสามพันคะแนน
เ้ามือผู้นั้นหันไปขยิบตาให้กับชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินอีกคนที่อยู่ด้านข้าง อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนจะะโขึ้นไปบนสังเวียน
เมื่อชายผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นบนสังเวียน ผู้คนโดยรอบต่างก็ร้องอุทานออกมาทันที
“โจวเทา เขาเข้าศึกษาในสำนักศึกษาเทียนอวิ่นมานานกว่าหกปีแล้ว ทำไมเขายังขึ้นไปบนสังเวียนอีก”
“เ้าเด็กนั่นไม่ใช่คนโง่ ต่อให้โจวเทา้าจะลงมือ แต่เด็กนั่นคงไม่รับคำท้าหรอก”
ผู้คนด้านล่างต่างก็พูดคุยเสียงดังเซ็งแซ่
โจวเทาประสานมือกำหมัด ก่อนจะกล่าวกับมู่เฟิงว่า “ข้าโจวเทา วรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ในขอบเขตเทียนเว่ยระดับสูง ไม่ทราบว่าศิษย์น้องจะกล้ารับคำท้าของข้าหรือไม่?”
ทุกคนต่างก็จ้องไปทางมู่เฟิง และคนส่วนใหญ่ล้วนคิดว่ามู่เฟิงจะไม่รับคำท้านี้
“ตกลง!”
แต่ใครจะไปคาดคิดว่ามู่เฟิงกลับตอบตกลงในทันทีโดยไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้