ในระหว่างการต่อสู้ฉินโจ้วได้รับรู้ถึงพลังที่แข็งแกร่งขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้คล้ายกับว่าอยู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า โดยหาแหล่งที่มาไม่ได้เมื่อผ่านไปชั่วครู่ พวกซากศพเริ่มฟื้นฟูตัวเองอย่างรวดเร็วในขณะที่เขามองดูผีดิบพวกนั้นในหัวของเขายังจำได้อย่างชัดเจนว่าค่าสถานะของพวกผีดิบลดลง 10%เนื่องจากการตายของนางฟ้าผีดิบ แต่ในขณะนี้ดูเหมือนว่ามันฟื้นกลับมาเพิ่มขึ้น 1%แล้ว
แสดงให้เห็นว่าตอนนี้บอสของเทือกเขาชางซานได้กลับมาเกิดใหม่แล้ว
ฉินโจ้วพลันนึกถึงความคิดแรกสุดของเขาจุดประสงค์ที่มาที่นี่นั้นก็ได้สัมฤทธิผลไปเรียบร้อยแล้วทักษะเวทพื้นฐานก็ได้เพิ่มระดับมาจนถึงสุดทางส่วนเวทระดับกลางนั้นอาจจะต้องหาพื้นที่บริเวณที่มีมอนสเตอร์เลเวลสูงๆเพื่อทำการฝึกฝนจึงจะได้ผลดีขึ้นซึ่งประจวบเหมาะกับที่ตอนนี้ค่าสถานะของฝูงผีดิบเพิ่งจะฟื้นคืนมาพลังชีวิตก็เพิ่มขึ้นพร้อมกับพลังโจมตีที่ดูดุดันขึ้นด้วยแต่ทว่าค่าประสบการณ์กลับได้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงดูแล้วไม่ค่อยน่าสนใจที่จะเพิ่มระดับที่นี่ต่อเลยสักนิด
ความคิดที่อยากจะออกจากที่นี่ยังไม่ทันจางหายเสียงแผดเล็กแหลมดังใกล้เหมือนกับอยู่ข้างตัว คล้ายกับมีฟ้าผ่าในฤดูใบไม้ผลิอึกทึกไปทั่วบริเวณ เมื่อมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าบอสกำลังใกล้เข้ามาแล้ว ลักษณะท่าทางโเี้คล้ายกับว่าชีวิตนี้ของมันเกิดมาคิดแต่เพียงเื่กินเนื้อเท่านั้นอันที่จริงก็ไม่ต้องมาแบบเปิดตัวแรงขนาดนี้ก็ได้ ผีดิบขนาดใหญ่ตัวโตกว่าผีดิบทั่วไปประมาณสองเท่า พุ่งตรงมาจากฟ้าด้วยความเร็วสูงเพียงแค่ชั่วพริบตาก็มาเกือบจะถึงตรงหน้าเสียแล้ว
น่าจะได้เวลาโยนมุกโจมตีเดิมๆแบบนี้ทิ้งไปแล้ว
นางฟ้าผีดิบ: บอส เลเวล 35 พลังชีวิต 1,150,000 หน่วยเพราะว่า่ต้นได้ดูดเืไปเป็จำนวนมากเลยก่อเกิดเมล็ดโลหิตขึ้นมาอยู่ในร่างกาย หลังจากผ่านมาเป็พันปีก็ก่อเกิดปัญญาขึ้น และหลังจากดูดซึมแสงจันทร์ ก็กลายร่างเป็ผีดิบโลหิตบิน ทักษะ: บินได้,ดูดเื, แพร่พิษ
ทุกอย่างคล้ายเดิมเพิ่มเติมคือ เืเยอะขึ้นมาอีกหน่อย อีก 100,000 หน่วยเท่านั้นเอง
ฉินโจ้วรู้ดีว่าการเป็ฝ่ายเริ่มก่อนน่าจะให้ผลดีที่สุดเขาจึงอัญเชิญอัศวินปฐีออกมา เนื่องจากนางฟ้าผีดิบนั้นเคลื่อนไหวไปมาได้เหมือนลมเขาคงไม่สามารถรับมือได้ถ้าปราศจากผู้ช่วยที่ทรงพลัง แต่เขากลับคาดผิดนางฟ้าผีดิบไม่สนใจเขาเลยสักนิด กลับบินผ่านข้ามหัวของเขาไปก่อนจะตรงไปหาชุดขาวลอยล่องแทน
ฝากไว้ก่อนเถอะ...
ถ้าให้สรุปจากที่เขาเห็นในตอนนี้มันต้องเป็ตัวผู้อย่างแน่นอน ก่อนที่เขาจะฝังความคิดนี้ลงไปในตอนนี้เขารู้สึกอดห่วงชุดขาวลอยล่องไม่ได้ เพราะบอสตัวนี้ไม่ใช่บอสธรรมดาทั่วไปมันค่อนข้างแกร่งมากเลยทีเดียว ในขณะที่เขากังวลอยู่ก็พลันนึกถึงท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งก่อนหน้านี้ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเ้าเล่ห์ในเมื่อเธอไม่สนใจก็ดีแล้ว ถ้าถึงเวลาเดือดร้อนก็อย่ามาขอให้พี่ชายคนนี้ช่วยก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าในหัวจะคิดแบบนั้นแต่สายตาของเขากลับจับจ้องอยู่ที่ชุดขาวลอยล่อง
ขณะที่บอสปรากฏตัวแต่เหมือนว่าคราวนี้จะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนก่อนผีดิบผมดำและผีดิบผมขาวที่ปกติแทบไม่เคยปรากฏตัวออกมาให้เห็นถึงตอนนี้โผล่ออกมามากมายราวกับแมลงวันได้กลิ่นของเน่าผีดิบดินก็มาให้เห็นก่อนจะมุดดินหายไป อย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสามรอบดูท่าชุดขาวลอยล่องคราวนี้กำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอนและครั้งนี้ดูท่าน่าจะหนักหนาอยู่ไม่น้อย ในขณะที่แสงสว่างไม่ชอบความมืดฉันใดพวกผีดิบก็เกลียดธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกายของชุดขาวลอยล่องฉันนั้นพวกมันอยู่เป็ะไม่มีวันตายมาได้ตั้งนมนานจนกระทั่งได้มาเจอเธอเข้าต่างคนก็ต่างไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่ต่างเห็นอีกฝ่ายเป็ศัตรูคู่อาฆาต
ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในอันตรายแต่สีหน้าของชุดขาวลอยล่องก็ไม่มีอาการตื่นตระหนกให้เห็นดวงตาเฉยชาคู่นั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาเลยแม้สักนิด ทักษะแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกร่ายออกมาอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งร่างส่องประกายราวแสงจันทร์กระจ่างให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และบริสุทธิ์ผุดผ่องท่ามกลางรัศมีแห่งแสงที่แผ่ออกมาโดยรอบ เมื่อแสงสีขาวนวลสาดกระทบถูกพวกผีดิบก็พลันเกิดเป็ควันสีฟ้าพวงพุ่งออกมา ตามมาด้วยเสียงชี่ๆ ราวกับเอาเหล็กร้อนจุ่มลงในน้ำเย็นก่อนที่ผีดิบจะส่งเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวนส่วนใดของผีดิบที่โดนแสงก็เริ่มเน่าเปื่อยย่อยสลายลง ส่งกลิ่นเน่าเหม็นคลุ้งกลิ่นคล้ายกับอาหารที่หมักอยู่ในกระเพาะหลายชั่วโมงก่อนจะถูกขย้อนออกมาทำให้ฉินโจ้วถึงกับรู้สึกพะอืดพะอมตามไปด้วยทั้งที่อยู่ห่างออกมาตั้งหลายสิบเมตร
พวกผีดิบที่ระดับเลเวลไม่สูงเมื่อถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ก็จะเคลื่อนไหวได้ช้าลงพลังโจมตีก็เบาลงไปด้วยคล้ายกับผีดิบป่วยในส่วนของผีดิบที่ระดับเลเวลสูงขึ้นก็สามารถขยับตัวได้ดีขึ้นแต่การเคลื่อนไหวก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดมีเพียงแค่ผีดิบผมขาวและผีดิบผมดำที่ได้รับผลกระทบบ้างแต่ก็สามารถทนต่อแรงกดดันของแสงศักดิ์สิทธิ์ได้และยังสามารถโจมตีได้รุนแรงเหมือนเดิม
"ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์"
เสียงของชุดขาวลอยล่องเอ่ยออกไปอย่างแ่เบาก่อนจะมีดาบั์ที่เปล่งประกายแสงสีขาวปรากฏขึ้นอยู่บนท้องฟ้าแผ่กระจายแสงศักดิ์สิทธิ์ที่มีความบริสุทธิ์ยากที่จะหาอะไรมาเปรียบได้ความเร็วของดาบแสงเล่มนี้รวดเร็วมิใช่น้อย ฟิ้วว... สิ้นเสียงดาบแสงก็พุ่งทะลุผีดิบผมดำก่อนที่มันจะสลายกลายเป็ควันสีฟ้าถูกสังหารภายในพริบตาโดยไม่ได้ยินแม้แต่เสียงดูเหมือนว่าพลังของดาบแสงยังไม่ได้ลดลงเลยก่อนจะพุ่งทะลวงเข้าใส่ฝูงผีดิบราวกับมีดร้อนตัดผ่านมันหมูทำให้ผีดิบห้าตัวที่อยู่ด้านหน้าร่างสลายหายไปพลัน และมีผีดิบผมขาวที่ถูกตัดผ่านครึ่งร่างไปอีกตัวก่อนที่ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ถึงจะหมดพิษสง คืนสภาพสลายกลายเป็อากาศธาตุไป
ฉินโจ้วถึงกับอิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันใดทำไมเขาถึงไม่มีทักษะเจ๋งๆ แบบนี้บ้างนะนี่ถ้าเขาไม่ได้มีอาชีพนักอัญเชิญิญญาธาตุ และมีทักษะอัญเชิญ เขาเองคงไม่ต่างจากหัวกะหล่ำปลีที่ไร้ค่าดีๆนี่เอง
นางฟ้าผีดิบยังคงเคลื่อนไหวรูปแบบเดิมมันพุ่งตรงมาจากฟากฟ้าคล้ายกับูเา มันช่างดูน่าหวาดกลัวเสียจริงผู้คนทั่วไปจำนวนมากก็มักจะถูกสังหารด้วยแก๊สพิษจากซากศพ
"ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์"
ดาบแสงถูกยิงตรงออกไปซึ่งความเร็วนั้นมากอย่างเหลือเชื่อ ทำให้นางฟ้าผีดิบเองไม่สามารถหลบหลีกได้ทันทันทีที่เข้าปะทะกัน ก็พลันเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นนางฟ้าผีดิบถึงกับสั่นไปทั้งตัวเหมือนโดนไฟช็อต ความเสียหายอย่างรุนแรง -9,950ได้ลอยขึ้น ก่อนที่มันจะล้มลง
"ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์"
ชุดขาวลอยล่องยังคงใช้ดาบแสงอีกครั้งลำแสงสีนวลพุ่งเข้าใส่นางฟ้าผีดิบ ค่าความเสียหาย -9,970 นี่ก็ใกล้เคียง 10,000หน่วยแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยพลังโจมตีค่อนข้างสูงมากกว่าผู้เล่นทั่วไปแต่นางฟ้าผีดิบก็ไม่ใช่มอนสเตอร์ปกติทั่วไป ซึ่งแตกต่างจากผีดิบประเภทอื่นทั้งแข็งแกร่งกว่าและยังมีพลังชีวิตมากกว่าหนึ่งล้านหน่วยก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนจำนวนมากหวาดกลัวได้แล้ว
ถึงแม้ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์จะมีพลังโจมตีที่รุนแรงแต่ก็ไม่สามารถคงสภาพนี้ไว้ได้ตลอดเวลาทำให้ในเวลานี้จิตใจของชุดขาวลอยล่องเริ่มไม่สงบเยือกเย็นเหมือนก่อนเนื่องจากการโจมตีสวนกลับของนางฟ้าผีดิบเองนั้นเริ่มสร้างความกดดันให้เธอขึ้นมาบ้างแล้วในการจู่โจมครั้งที่สามของผีดิบผมขาวที่พุ่งเข้ามาก่อนที่เธอจะพุ่งตัวหลบได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ที่บริเวณต้นขาก็พลันมีตัวเลข -300ลอยขึ้น
"ฝนธนูธาตุแสง"สีหน้าของชุดขาวลอยล่องเปลี่ยนไปเล็กน้อยเธอต้องรีบจัดการกับพวกปลาซิวปลาสร้อยพวกนี้ก่อน
ถึงจะบอกว่าเป็ฝนแต่ความจริงแล้วก็คือลูกธนูขนาดประมาณตะเกียบดีๆ นี่เองคล้ายกับหยาดฝนยิงออกไปใส่ฝูงผีดิบที่อยู่โดยรอบ เกรงว่ามีไม่ต่ำกว่า100-200 ดอกพวกผีดิบผมดำสามตัวกับผีดิบผมขาวสองตัวนั้นถูกสังหารกลายเป็แสงในทันทีส่วนฝูงผีดิบทั่วไปล้มตายลงเป็วงกว้าง
นางฟ้าผีดิบสบโอกาสจึงใช้เวลาเปลี่ยนท่าทางการโจมตีโดยเปลี่ยนจากที่ใช้เท้าโจมตีมาเป็หัวพุ่งเข้าใส่แทนร่างกายที่แข็งแกร่งก็เปรียบเหมือนอาวุธชิ้นหนึ่งที่สามารถบินโฉบเฉี่ยวไปมาได้มันมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ชั่วพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าของชุดขาวลอยล่องเสียแล้วฉับพลัน ''ดาบแห่งแสง'' ก็พุ่งสวนออกไปพลันก่อนที่ดาบแห่งแสงจะแทงเข้าไปที่หัวของนางฟ้าผีดิบ จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงชี่ๆของเหล็กร้อนเวลาโดนน้ำ ก่อนจะมีกลิ่นเหม็นฉุนตามมา ก่อนค่าความเสียหาย -23,000จะลอยขึ้น แต่ชุดขาวลอยล่องเองก็สภาพดูไม่ต่างกันสักเท่าไรเนื่องจากถูกเล็บของนางฟ้าผีดิบที่แหลมคมราวกับมีดสั้นถากเข้าไปเล็กน้อยแม้ว่าจะเป็เพียงแค่แผลเล็กๆ แต่เป็การโจมตีของนางฟ้าผีดิบก็สามารถทำความเสียหายทันที-2,000 หน่วย พลังชีวิตเริ่มลดลงไปเกือบถึงจุดต่ำสุดเหลือติดไว้เพียงแค่เล็กน้อย
ทันใดนั้นพวกผีดิบดินก็โผล่พรวดออกมาจากพื้นดินชุดขาวลอยล่องในเวลานี้ตกอยู่ใน่เวลาอันตรายเสียแล้ว เวท ''ฝนธนูธาตุแสง'' สังหารพวกมันได้ภายในพริบตาแต่ถึงสังหารพวกมันไปตัวแล้วตัวเล่า ผีดิบผมขาวและผีดิบผมดำหาได้มีความหวาดกลัวไม่ ก่อนจะพยายามเข้ารุมล้อมซึ่งเป็เวลาเดียวกันกับนางฟ้าผีดิบที่พุ่งตรงมาจากท้องฟ้าด้วยเหล่าพี่น้องผีดิบทั้งหลายที่อยู่รายรอบก็กรูเข้าหา ในขณะนี้ชุดขาวลอยล่องตกอยู่ในวงล้อมอีกครั้ง
ถึงจะตกอยู่ในสภาวการณ์นี้ชุดขาวลอยล่องก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ ก่อนที่ไม้เท้าเวทจะกะพริบส่องแสงอันดับแรก ก็ร่ายเวท ''รักษาชีพ'' ให้กลับมาเต็มเหมือนเดิมอีกครั้งก่อนจะใช้ ''ดาบแห่งแสง'' โจมตีใส่นางฟ้าผีดิบให้ถอยไปและใช้ ''ฝนธนูธาตุแสง'' เพื่อขับไล่ฝูงผีดิบให้ถอยกลับไปนั่นคือการใช้สามทักษะในคราเดียวกัน แต่ถึงแม้ว่าชุดขาวลอยล่องจะมีพละกำลังมากกว่าปกติแต่ค่าพลังจิตนั้นกลับลดลงจนแทบจะหมดแล้ว คงมีพอใช้ยิง ''ฝนธนูธาตุแสง''ได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้นในขณะนั้นผีดิบผมขาวและผีดิบผมดำต่างเห็นช่องสบโอกาส จึงบุกเข้าโจมตีอีกครั้งดูท่าเธอคงจะทนการบุกได้อีกสามครั้ง พลังชีวิตเพิ่งจะเพิ่มจนเต็มดูแล้วคงจะลดลงไปที่จุดต่ำสุดอีกครั้ง
เมื่อได้เห็นอย่างนี้ฉินโจ้วถึงกับต้องชื่นชมความแข็งแกร่งของชุดขาวลอยล่องเพียงคนเดียวสามารถรับมือกับผีดิบได้ 7-8 ตัว แถมยังมีบอสระดับเลเวล 35 อีกตัวถ้าเป็ตัวเขาเองเกรงว่าไม่น่าจะอยู่รอดเกิน 3 วินาทีเป็แน่เขาเป็สไตล์พวกเยอะไว้ก่อน ซึ่งแน่นอนกว่าจะออกไปตัวต่อตัวหรือจะให้ออกไปเดี่ยวกับทั้งกลุ่มมันก็ไม่ใช่
หลังจากถูกจู่โจมหลายต่อหลายครั้งจากนางฟ้าผีดิบพลังจิตและพลังชีวิตของชุดขาวลอยล่องนั้นก็เหลือไม่มากดูท่าว่าเธอคงเข้าตาจนเสียแล้ว จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีก ยาก็ถูกใช้ไปจนหมดเกลี้ยงและพลังชีวิตที่มีก็เหลือน้อยนิดมาก ที่ใช้ได้ก็มีแค่ทักษะพื้นฐานอย่างบอลแสง ส่วน''รักษาชีพ'' ตอนนี้ไม่สามารถเรียกใช้ได้แล้วแต่ชุดขาวลอยล่องก็ไม่เลือกที่จะหลบหนี ไม่ใช่เพราะว่าถูกล้อมด้วยกองทัพ ผีดิบแต่เพราะว่าเธอไม่สามารถวิ่งได้ไวกว่านางฟ้าผีดิบต่างหาก
เมื่อนางฟ้าผีดิบได้โจมตีทางอากาศอีกครั้งชุดขาวลอยล่องได้ทำให้ฉินโจ้วถึงกับประหลาดใจ ด้วยการที่เธอหมุนตัวปล่อยให้ฉินโจ้วมองดูแผ่นหลังที่งามงดก่อนจะพุ่งเข้าจู่โจมผีดิบผมขาวและผีดิบผมดำด้วยพลังจิตที่เหลือเพียงน้อยนิดสำหรับการโจมตีของนางฟ้าผีดิบนั้น ก็ทำเหมือนว่าไม่สำคัญปล่อยไว้อย่างนั้นโดยไม่สนใจแต่อย่างใด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้