อวี๋ฉี่เจ๋อเบี่ยงกายหลบ อวี๋เจียวก้าวเข้าไปในห้องของเขาอวี๋ฝูหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องโมโหจนอยากกระทืบเท้า นางเพิ่งบอกกับน้องชายว่าให้เขาอยู่ให้ห่างจากเมิ่งอวี๋เจียวสักหน่อยแต่คิดไม่ถึงสักนิดว่าเขาจะสอนนางคัดอักษร
สีหน้าของอวี๋ฝูหลิงยิ่งย่ำแย่ลงเมื่อนึกถึงวาจาที่อวี๋ฉี่เจ๋อเอ่ยในห้องโถงก่อนกินข้าวลอบคิดในใจว่าน้องเล็กคงไม่ได้ถูกมารยาจิ้งจอกของเมิ่งอวี๋เจียวยั่วยวนจนคิดว่านางเป็ภรรยาของเขาจริงๆแล้วกระมัง?
เมื่อเห็นอวี๋ฝูหลิงเอาแต่ยืนอยู่หน้าประตูอวี๋ฉี่เจ๋อหันไปมองนางแล้วเอ่ยถามว่า"ท่านพี่ก็อยากฝึกคัดอักษรด้วยหรือขอรับ?
อวี๋ฝูหลิงส่ายหน้าอย่างโมโหนางเกลียดการอ่านตำราและคัดอักษรเป็ที่สุดแต่ก็ไม่อยากให้อวี๋ฉี่เจ๋อกับอวี๋เจียวอยู่ในห้องด้วยกันตามลำพัง หลังคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงหันกายกลับห้องไปหยิบตะกร้าเย็บปักตามด้วยยกเก้าอี้เตี้ยตัวหนึ่งมานั่งตรงหน้าประตูห้องจะได้จับตาดูพวกเขาสองคนให้ดี
อวี๋ฉี่เจ๋อหยิบกระดาษใยปอสามแผ่นที่เขียนแบบคัดตัวอักษรเอาไว้มาวางบนโต๊ะตามด้วยหยิบกระดาษเซวียนจื่อ[1]ออกมาอีกไม่กี่แผ่นแล้วยื่นให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวกวาดตามองกระดาษใยปอ ตัวอักษรบนนั้นเต็มไปด้วยชื่อสมุนไพรเห็นได้ชัดว่าอวี๋ฉี่เจ๋อจะสอนนางคัดอักษรจริงๆ ไม่ใช่แค่รับปากไปลมๆ ลอยๆ เท่านั้นแต่เตรียมพร้อมเอาไว้อย่างใส่ใจจริงๆ
อวี๋เจียวอารมณ์ดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก หัวคิ้วและริมฝีปากแย้มยิ้มอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อยนางหยิบพู่กันขนหมาป่าด้ามบางที่วางไว้บนแท่นวางพู่กันทาบกระดาษเซวียนจื่อลงบนกระดาษใยปอที่เป็แบบคัดตัวอักษร นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะตำราจุ่มหมึกเล็กน้อยแล้วเริ่มขีดเขียนทีละเส้น
อวี๋ฉี่เจ๋อเหลือบมองท่าจับพู่กันของนางก่อนจะเบี่ยงสายตากลับมาหยิบตำรานิพนธ์แปดตอนมานั่งก้มหน้าก้มตาอ่านอยู่บนเตียง
อวี๋ฝูหลิงพอใจไม่น้อยเมื่อเห็นคนทั้งสองไร้ซึ่งบทสนทนาต่อกันแต่ก็ยังไม่กล้าประมาท มือเย็บชุดมงคล แต่ยังคงเงยหน้ามองคนทั้งสองเป็ครั้งคราวราวกับกลัวเหลือเกินว่าหากตนไม่ทันระวังเมิ่งอวี๋เจียวจะใช้วิธีการไม่ซื่อยั่วยวนอวี๋ฉี่เจ๋อ
ภายในห้องเงียบสงัดยิ่งนักมีเพียงเสียงพลิกหน้าตำราและเสียงกรอบแกรบจากการฝึกคัดอักษรของอวี๋เจียวยามสตรีแซ่ซ่งกลับถึงห้อง นางมองเข้าไปในห้องด้านในครู่หนึ่งเอ่ยกับอวี๋เมิ่งซานเสียงเบาสองประโยค จากนั้นสะพายตะกร้าไปเก็บเห็ดที่ตีนเขา
ตอนแรกอวี๋ฝูหลิงยังคงจับตาดูพวกเขา แต่หลังจากเห็นทั้งสอง ผู้หนึ่งอ่านตำราผู้หนึ่งคัดอักษรโดยไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ จิตใจจึงจดจ่ออยู่กับการชุดปักมงคลจนกระทั่งสอดด้ายไม่เข้าเข็ม อวี๋ฝูหลิงเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างถึงพบว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดลงเสียแล้ว
นางลูบข้อมือที่ปวดเมื่อยแล้ววางตะกร้าเย็บปักในมือลงเมื่อเห็นว่าอวี๋เจียวยังนั่งถือพู่กันคัดอักษรอยู่หน้าโต๊ะอย่างตั้งใจจึงเปลี่ยนความคิดอยู่บ้างเดิมทีนางคิดว่าการอ่านตำราและคัดอักษรเป็เื่ที่น่าเบื่ออย่างมากหากปล่อยให้นางเขียนตลอดทั้ง่บ่ายเช่นนี้ เกรงว่าคงจะเหนื่อยเจียนตายไปแล้ว
อวี๋ฉี่เจ๋อเอนกายพิงเตียงยังคงรักษาอิริยาบถจดจ่ออยู่กับการอ่านตำราเช่นก่อนหน้าอวี๋ฝูหลิงลุกขึ้นจุดเทียนในห้องด้วยตะบันไฟ
ครั้นมีแสงไฟส่องสว่างกะทันหันทำให้คนทั้งสองที่จดจ่อกับการคัดอักษรและอ่านตำราต่างสะดุ้งเมื่อเห็นว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดสลัวหลังจากอวี๋เจียวเขียนคำสุดท้ายเสร็จจึงวางพู่กันขนหมาป่าในมือลงนึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยเพราะคิดไม่ถึงว่าตนจะนั่งคัดอักษรตลอดทั้งบ่ายเช่นนี้
เมื่อก่อนตอนท่านปู่ให้นางเรียนคัดอักษร นางมักจะนั่งไม่ติดแต่ยามนี้เปลี่ยนเป็อีกโลกใบนับว่ายากนักที่จิตใจจะสงบลงและััได้ถึงความสนุกจากการเรียนรู้ตัวอักษรการฝึกคัดอักษรสามารถทำให้คนสงบใจและสมองโล่ง ว่างเปล่าได้ดีจริงๆ
นางลองนับจำนวนดูแล้ว ตลอดทั้งบ่ายเขียนตัวอักษรใหญ่ไปสิบตัวนับได้ว่าไม่เสียเวลาเปล่า แสงสว่างเบื้องหน้าถูกบดบังด้วยเงามืดเมื่ออวี๋เจียวเงยหน้าขึ้น อวี๋ฉี่เจ๋อได้เดินมาถึงโต๊ะตำราแล้วแม้เงาของร่างเด็กหนุ่มจะผอมบาง แต่พอขยับเข้าใกล้อวี๋เจียวถึงพบว่าร่างของเขาโปร่งบาง แม้อายุยังน้อย แต่ก็สูงกว่านางประมาณหนึ่งศีรษะ
………………
เชิงอรรถ
[1] กระดาษเซวียนจื่อคือกระดาษชนิดที่ได้รับการยอมรับจากชาวจีนว่าดีและเหมาะสมมากที่สุดสำหรับการวาดภาพและเขียนตัวอักษร เป็หนึ่งใน “สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ” (ในภาษาจีนเรียกว่า “เหวินฝางซื่อเป่า” ประกอบไปด้วย พู่กัน กระดาษหมึก และจานฝนหมึก)