ค่ายกลระดับสูงที่กลายเป็ตำนานเล่าต่อกันมาเหล่านี้ นักเดินหมากธรรมดาสามัญไม่กล้าไปแตะต้อง เพราะค่ายกลเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย จำเป็จะต้องใช้การวางแผนและวางค่ายกลที่แข็งแกร่งจึงจะสามารถนำค่ายกลเหล่านี้มาใช้ได้ หาไม่แล้วมีความเป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะพาตัวเองลงไปในวังวนที่หาทางออกไม่ได้ ตนเองต้องมาลิ้มรสค่ายกลที่ตนเองสร้าง! นี่เป็เหตุผลว่าเหตุใดนักเดินหมากธรรมดาไม่กล้าไปแตะต้องค่ายกลเจดีย์คู่ กระทั่งถึงขั้นที่แทบจะไม่พบค่ายกลดังกล่าวปรากฏขึ้นในการประลองนัดตัดสิน!
ทว่าค่ายกลที่ล้ำเลิศเช่นนี้ เหตุใดจึงมาปรากฏในการเดินหมากของแม่นางเฟิงท่านนี้ได้ ช่างเหลือเชื่อ!
ยอดฝีมือเช่นนี้ เหตุใดจึงเป็เพียงนักเดินหมากมือสมัครเล่นกัน
พวกเขายังคงประเมินศัตรูต่ำไปอยู่นั่นเอง!
ลู่ซงเทาถึงกับมีท่าทีทึ่มทื่อเช่นกัน ถึงกับเป็ค่ายกลเจดีย์คู่ ค่ายกลโบราณที่ยอดฝีมือระดับเก้าเท่านั้นที่จะกล้านำออกมาใช้ นางที่เป็มือสมัครเล่นคนหนึ่งถึงกับใช้ค่ายกลนี้ นี่มันะเืใจเกินไปแล้ว!
ต่อมา เขากลัดกลุ้มคิดไม่ตก
หากมิใช่เพราะเขาเป็คนเสนอความคิดนั้น เลือกที่จะสังเกตการณ์ในขณะที่เวลานั้นเป็่เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุด อีกฝ่ายคงไม่อาจสร้างค่ายกลเจดีย์คู่สำเร็จอย่างราบรื่นเช่นนี้!
ฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงคำนวณการเดินหมากทุกก้าวไว้อย่างแม่นยำ แต่ยังรวบรวมเอาความคิดของพวกเขาคำนวณเข้าไปด้วย เมื่อใคร่ครวญถี่ถ้วนแล้วถึงกับทำให้คนรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง!
คนๆ หนึ่งถึงกับเอาชนะเมื่อประมือกับยอดฝีมือระดับเจ็ดสามคนในเวลาเดียวกัน!
พวกเขาแพ้แล้ว พวกเขาแพ้อย่างราบคาบ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเดินหมากต่อไปอีก!
เพราะความสามารถในการเดินหมากของพวกเขาไม่อาจทำลายค่ายกลเจดีย์คู่ได้
“ท่านาุโหาน ยอมแพ้เถิด!” เขาพูด
หานไท่ฟู่บันดาลโทสะทันที!
“ยอมแพ้หรือ ให้ตาแก่เช่นข้ายอมรับความพ่ายแพ้หรือ เป็ไปไม่ได้!”
หานหลินเยว่ยิ้มเฝื่อน “ท่านปู่ กระทั่งค่ายกลเจดีย์สามเหลี่ยมพวกเราก็ทำลายไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงค่ายกลเจดีย์คู่ พวกเรายอมรับความจริงเถิดเ้าค่ะ!”
ร่างของหานไท่ฟู่โอนเอนไปมา เขาดูแก่ลงไปเป็สิบปีในชั่วพริบตา
ในห้องโถงชั้นล่างเกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันที!
“ค่ายกลเจดีย์คู่หรือ ถึงกับเปลี่ยนเป็ค่ายกลนี้?!”
“ค่ายกลที่ยอดฝีมือระดับเก้าเท่านั้นที่กล้านำออกมาใช้ นางถึงกับสร้างค่ายกลนี้”
“นางทำได้อย่างไรกัน”
“เกินไปแล้ว! ข้าหมดคำพูด!”
“ท่านาุโหานแพ้แล้ว! แก้ไขอะไรไม่ได้!”
“คู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไป!”
“ท่านาุโหานเปรียบเทียบกับนางแล้วเป็เช่นมือนักเดินหมากขั้นสองกับนักเดินหมากขั้นหนึ่ง ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน!
“ข้าถูกแม่นางเฟิงทำให้เลื่อมใสอย่างศิโรราบ!”
“ต่อไปแม่นางเฟิงก็คือบุคคลตัวอย่างในใจข้า”
“บุคคลตัวอย่างในใจเ้าอันใดกัน เป็บุคคลตัวอย่างในใจข้า!”
“เป็บุคคลตัวอย่างในใจข้า!
“เป็บุคคลตัวอย่างในใจข้า!
มู่ชิงหว่านเห็นผู้คนรอบกายตื่นเต้นดีใจ นางถึงกับแอบเบ้ปาก พวกเขาแต่ละคนเสียสติไปแล้วกระมัง หมากยังเดินไม่จบกระดาน แพ้ชนะยังไม่แน่นอน! จำเป็ต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ยังมีบุคคลในดวงใจอีก คนที่เห็นแล้วอยากจะอาเจียนมากกว่า
ด้วยความสามารถของนางไม่มีทางดูออกว่าที่จริงแล้วหมากกระดานนี้ได้เดินมาถึงจุดที่เห็นผลแพ้ชนะอย่างแน่นอนแล้ว หมากดำสูญเสียกำลังและไม่อาจแก้ไขวิกฤติการณ์ได้
กระทั่งมีคนผลักหน้าต่างของห้องพิเศษ เสวียน ออกมาหานไท่ฟู่ปรากฏตัวที่หน้าต่างบานนั้นด้วยสีหน้าดำทะมึน พูดอย่างมิเต็มใจว่า “หมากดำยอมแพ้แล้ว”
มู่ชิงหว่านจึงคล้ายเพิ่งตื่นจากความฝัน ที่แท้...แพ้แล้วจริงๆ!
เฟิงเฉี่ยนชนะท่านาุโหานที่เป็ยอดฝีมือระดับเจ็ดจริงๆ
เป็ไปได้อย่างไร
สาวใช้เห็นนางตัวแข็งกลายเป็หิน จึงแตะร่างของนาง “คุณหนู ท่านไม่เป็ไรอะไรกระมัง”
มู่ชิงหว่านสะบัดหน้าแรงๆ แล้วล้างสมองตัวเองด้วยเหตุผลข้างๆ คูๆ “ก็แค่ชนะหมากกระดานหนึ่งมิใช่หรือ มีอะไรเก่งกาจกัน”
สาวใช้พลันพูดขึ้นว่า “คุณหนูดูเหมือนท่านจะพูดผิดแล้วเ้าค่ะ มิใช่ชนะหมากล้อมกระดานหนึ่ง ดูเหมือนแม่นางเฟิงจะต่อสู้กับนักเดินหมากถึงสามคน”
มู่ชิงหว่านหน้าเขียวทันที นางถลึงตาใส่สาวใช้ “บอกว่าชนะแค่หมากกระดานหนึ่งก็คือชนะแค่หมากกระดานหนึ่ง! ใครใช้ให้เ้าปากยืดปากยาวกัน”
สาวใช้หวาดกลัวจนต้องหดคอหนีแล้วพยักหน้าถี่ๆ “ถูกต้องๆๆ คุณหนูว่าอย่างไรก็เป็อย่างนั้นเ้าค่ะ!”
ในวังหลวง องค์ไท่จื่อน้อยดีใจจนลุกขึ้นมาะโโลดเต้น “เสด็จแม่ชนะแล้ว! เสด็จแม่ชนะแล้ว! เสด็จแม่ทรงพระเจริญหมื่นปี!”
จ้าวกงกงที่อยู่ด้านข้างทักท้วง “องค์ไท่จื่อน้อยผิดแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮานั้นพันปีพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าาจึงจะหมื่นปี!”
องค์ไท่จื่อน้อยลอบชำเลืองมองเสด็จพ่อแวบหนึ่ง ั์ตากลมโตนั้นกลอกไปมา ร้องะโว่า “เสด็จแม่ทรงพระเจริญหมื่นปี! เสด็จพ่อทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี!”
จ้าวกงกงอดยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะไม่ได้
เซวียนหยวนเช่อที่เป็คนเก็บงำความรู้สึกและรักษาท่าทีมาตลอด ถูกความไร้เดียงสาขององค์ไท่จื่อน้อยทำให้ยิ้มออกมา ริมฝีปากที่เ็านั้นยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้
นาทีนี้ เขาขมวดคิ้วจ้องมองหมากบนกระดาน หมอกบางๆ ชั้นหนึ่งพาดผ่านแววตาของเขา ยากที่จะคาดเดา...
ณ ชุมนุมเดินหมาก หน้าต่างของห้องพิเศษ หวง เฟิ่งเฉี่ยนเอนกายพิงกรอบหน้าต่างด้วยท่าทางเกียจคร้าน นางมองหานไท่ฟู่ที่อยู่ห้องตรงข้ามด้วยแววตายิ้มแย้ม “ไท่ฟู่ ท่านาุโแพ้อีกแล้ว! ครั้งนี้ ท่านควรจะทำตามคำพูดที่กล่าวไว้กระมัง”
หานไท่ฟู่หน้าตาบึ้งตึง เขาถลึงตาใส่นาง “ใครบอกว่าข้าแพ้แล้ว การประลองเดินหมากล้อมนั้นต้องใช้ระบบการเก็บสะสมคะแนน มิใช่ตัดสินแพ้ชนะด้วยการเดินหมากเพียงกระดานเดียว!”
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกไป คนที่อยู่ในห้องโถงชั้นล่างส่งเสียงฮือฮา
“ท่านาุโหานช่างรู้จักกล่าววาจาชวนขัน คิดว่าเป็าานักเดินหมากจอมเผด็จการเสียอีก”
“หากว่าด้วยเื่พาลพาโลแล้ว ท่านาุโหานถือเป็ที่สอง ไม่มีใครกล้าเป็ที่หนึ่ง”
เฟิ่งเฉี่ยนโมโหจนต้องหัวเราะออกมา นางคิดอยู่เสมอว่าตนเองนั้นหน้าหนา แต่เมื่อเทียบกับหานไท่ฟู่แล้ว นางเป็เช่นแม่มดตัวเล็กกับพ่อมดตัวเอ้เลยทีเดียว!
“ท่านผู้าุโพ่ายแพ้การเดินหมากสามกระดาน เหตุใดจึงยังดื้อดึงเช่นนี้อีก”
หานไท่ฟู่เถียงคอเป็เอ็น “สองกระดานก่อนหน้านี้มีการต่อให้ ไม่นับว่าเป็การแข่งขันที่ยุติธรรม การสะสมคะแนนเพิ่งจะเริ่มจากตอนนี้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหงุดหงิด หากยึดตามที่เขากล่าว ต้องนำคะแนนสะสมจากทุกๆ กระดานมารวมกันทั้งหมดจึงจะรู้ว่าฝ่ายใดแพ้ชนะ เช่นนั้นจะต้องประลองกันไปถึงเดือนไหนปีไหนกัน นางมีเวลาเพียงห้าวัน วันนี้นางเสียเวลาอยู่กับเขาที่นี่ทั้งวันแล้ว เขาเอ่ยเพียงคำพูดส่งๆ ว่า “ระบบสะสมคะแนน” ก็สามารถทำให้เื่ราวยืดเยื้อออกไป นี่มันหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!
นางทำหน้าเคร่ง พูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็มิตร “ไท่ฟู่ ข้าไม่มีเวลามาเล่นเป็เพื่อนท่านมากมายเช่นนั้น พวกเราเปิดอกพูดจากันจะดีกว่า ตกลงว่าต้องทำอย่างไรท่านจึงจะยอมขายแมวเทพให้กับข้า”
หานไท่ฟู่แค่นเสียงเย็นอย่างลำพองใจ “ข้าจะพูดกับเ้าตามตรงก็แล้วกัน! อยากได้แมวเทพหรือ ฝันไปเถอะ! ข้ายอมฆ่าแมวเทพให้ตายคามือก็ไม่มีทางขายให้กับเ้า!”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าดำทะมึน “เพราะเหตุใด เพราะข้าทำให้กระดานหมากขาวหุนหยวนของท่านเสียหายหรือ แต่ข้าได้ขอขมากับท่านแล้ว และยินดีชดใช้ เหตุใดท่านจึงไม่ยอมจบ ทำเช่นนี้ทำเกินไปหรือไม่!”
หานไท่ฟู่มีสีหน้าถือดีอย่างที่สุด “แมวเทพเป็ของข้า ข้าจะทำอย่างไรกับมันก็จะทำอย่างนั้น!”
“ท่านปู่!” หานหลินเยว่ที่อยู่ด้านหลังทนดูไม่ได้อีกต่อไป
“เ้าห้ามพูดจา!” หานไท่ฟู่ตะคอกใส่นาง “เื่แมวเทพ ข้าเป็คนตัดสินใจ!”
หานหลินเยว่อ้าปากคิดจะพูดแล้วเปลี่ยนใจปิดปากเหมือนเดิม
ท่านปู่ทำเช่นนี้ ชัดเจนเหลือเกินว่าจะทำให้ความบาดหมางเลวร้ายลงอีก นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
นางไม่เข้าใจ
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินเช่นนั้นยิ่งเกิดโทสะ “ไท่ฟู่ ข้าให้ความเคารพด้วยเห็นท่านเป็ผู้าุโ ดังนั้นจึงอดทนอดกลั้นกับพฤติกรรมของท่านครั้งแล้วครั้งเล่า! หากท่านมีความจำเป็ที่ไม่อาจอธิบายได้ ไม่ยอมขายแมวเทพ เช่นนั้นข้าจะเคารพการตัดสินใจของท่านและไม่มารบกวนท่านอีก แต่หากท่านทำเพื่อ้าเอาชนะ เพื่อระบายโทสะ เช่นนั้นดูจะเป็การ...เป็การไม่ให้เกียรติตนเองที่เป็ผู้าุโหรือไม่!”
“อะไรนะ ใครกล้าบอกว่าข้าไม่ให้เกียรติตนเองที่เป็ผู้าุโ” หานไท่ฟู่โมโหจนหน้าแดงก่ำ เขาถลึงตาจนหนวดเครากระดิก “เ้ามันนางเด็กเมื่อวานซืน! อย่าคิดว่าชนะข้ากระดานหนึ่ง ก็จะสามารถขึ้นมาขี่คอข้าได้! หากว่าด้วยลำดับาุโแล้ว เ้าไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเดินหมากกับข้า! ตาแก่เช่นข้าอ่อนข้อให้เ้า ยอมให้เ้าชนะการเดินหมาก เ้ารู้หรือไม่ หากตาแก่เช่นข้าไม่อ่อนข้อให้ เ้าจะเอาชนะได้หรือ”