เซี่ยโม่ก้มดูคูปองที่ซ่งมู่ไป๋ให้มา มีสารพัดคูปองเลยทีเดียว
มีทั้งคูปองสำหรับซื้อข้าวและธัญพืช คูปองซื้อเนื้อ และคูปองสำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
หือ นี่อะไร? คูปองสำหรับซื้อผ้าอนามัย?
หน้าเธอขึ้นสีแดงเรื่อในทันใด พี่ซ่งถึงกับให้คูปองสำหรับซื้อผ้าอนามัยแก่เธอ นี่มันน่าอายเกินไปแล้ว!
เธอเพิ่งจะอายุสิบสี่ ประจำเดือนยังไม่มา เธอจำได้แม่นว่า ชาติที่แล้วเป็เพราะทำงานหนัก อายุสิบเจ็ดถึงได้มีประจำเดือน
หลังจากนั้นร่างกายก็ไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด ดังนั้นชาตินี้เธอเลยอยากดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองให้ดี ซึ่งอีกหลายปีกว่าเธอจะได้ใช้คูปองนี้
ทว่าถึงตอนนั้นก็ไม่จำเป็ต้องใช้คูปองนี้แล้ว
ด้วยอายุของคุณยายในเวลานี้ ไม่จำเป็ต้องใช้คูปองนี้แล้วเช่นกัน จะคืนให้ก็อย่างไรอยู่ คงได้แต่ต้องเก็บเอาไปให้คนอื่น
เธอเอามือกุมใบหน้าที่ยังคงร้อนผ่าวของตัวเอง หากกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยตอนนี้ อาจารย์ต้องดูออกแน่ เดินเล่นอยู่แถวนี้สักพักก่อนดีกว่า
เซี่ยโม่เดินไปตามทางเรื่อยๆ ก่อนสายตาจะหันไปเห็นร้านเก่าๆ ร้านหนึ่ง ป้ายไม้หน้าร้านมีตัวอักษรโย้เย้เขียนเอาไว้ว่า ร้านของเก่า
เธอชะงัก ั้แ่กลับชาติมาเกิดใหม่ เธอยุ่งวุ่นวายอยู่ทุกวัน ทำให้ลืมไปสนิทเลยว่า ยุคนี้ยังมีร้านของเก่าอยู่
ชาติที่แล้ว เธอเคยได้ยินคนในวัยเดียวกันพูดว่า เก็บสมบัติล้ำค่าได้ในร้านขายของเก่า
ทั้งยังเคยได้ยินคนพูดอีกว่า ได้เจอหนังสือ คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และเคมีที่จะทำให้อนาคตเปลี่ยนไปในร้านของเก่า
แม้การสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยจะมีในอีกสองปีข้างหน้า หากโบราณกล่าวไว้ว่า ลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ
หากมีเวลาว่าง เธอมาเดินดูในร้านของเก่าบ่อยๆ ดีกว่า ไม่แน่อาจได้เจอของดีหรือไม่ก็หนังสือเรียน อันที่จริงเธอควรหมั่นไปร้านหนังสือซินหวาด้วย เผื่อได้เจอหนังสือเกี่ยวกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะได้ซื้อมาอ่านตอนมีเวลา
ฤดูร้อนมีงานที่ต้องทำมากมาย แต่ในฤดูหนาวเธอไม่ได้มีงานให้ทำนัก เป็โอกาสดีที่จะได้ใช้เวลานี้อ่านหนังสือเรียน
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าไปในร้านของเก่า
บนเก้าอี้หน้าร้านมีชายชราผิวคล้ำแดดนั่งอยู่ “สาวน้อย เธอจะทำอะไร”
“คุณปู่ ฉันเป็นักเรียน อยากเข้าไปหาหนังสือสักหน่อยค่ะ” เซี่ยโม่ตอบอย่างมีมารยาท
ชายชรามองเธออย่างพิจารณาอยู่นาน ราวกับจะมองทะลุให้เห็นถึงความคิดในจิตใจของเธอ หากเป็คนขี้ขลาดคงจะหันหลังวิ่งหนีไปแล้ว
เซี่ยโม่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ นานกว่าชายชราจะเอ่ย “เข้าไปสิ หนังสืออยู่ในห้องเก็บของข้างหลังร้าน อย่าค้นจนเละแล้วกัน”
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ
เธอเดินเข้าไปข้างใน ภายในร้านมีกองอยู่สองกอง กองหนึ่งเป็ของจำพวกเหล็ก ส่วนอีกกองเป็ของจำพวกไม้
ไม่รู้ทำไมของทั้งสองกองถึงมีจำนวนไม่มาก เธอเดินต่อไปอย่างผิดหวัง
เด็กสาวมองกองหนังสือซึ่งมีไม่มากเช่นกัน หากถูกจัดเรียงอย่างเป็ระเบียบ
เธอรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน ความคิดที่จะได้เจอสมบัติหายวับไปไม่มีเหลือ แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว แวะดูสักหน่อยแล้วกันว่ามีหนังสืออะไรบ้าง
กองนี้คือกองหนังสือพิมพ์เก่าๆ ไม่มีประโยชน์ มีประโยชน์แค่ไว้ใช้แปะกำแพง
กำแพงที่บ้านคุณตาคุณยายกระดำกระด่าง ถ้าราคาไม่แพงเธอค่อยซื้อกลับไป
ส่วนกองนี้คือหนังสือเรียน หลายวันที่ผ่านมามีเื่ที่ต้องทำมากมาย เธอเลยไม่มีเวลาทบทวนบทเรียน ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะสอบข้ามชั้น เช่นนั้นควรต้องทบทวนความรู้ในชั้นมัธยมต้นปีสองกับชั้นมัธยมปลายให้ดี
แม้ในสมองของเธอจะยังพอมีความทรงจำเกี่ยวกับความรู้พวกนั้นอยู่บ้าง แต่อย่างไรเสียมันก็ผ่านมาเป็สิบปีแล้ว ให้จำแม่นเหมือนเพิ่งเรียนคงเป็ไปไม่ได้
เซี่ยโม่ไล่สายตาดู ไม่นานก็เจอหนังสือเรียนของชั้นมัธยมต้นปีที่สอง กับหนังสือเรียนของชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งและปีสอง
หนังสือเรียนของชั้นมัธยมต้นปีสองมีครบหมดทุกวิชา แต่ของชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งขาดวิชาภาษาและวรรณคดี ส่วนมัธยมปลายปีสองขาดวิชาคณิตศาสตร์ไป
หยิบทั้งหมดมาวางกองรวมกันเอาไว้ ก่อนจะไล่ดูเล่มอื่นต่อ
ทันใดนั้นเอง สายตาหันไปเห็นหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์เก่าๆ สองเล่ม แม้ปกจะขาด แต่เนื้อหาข้างในยังพอดูออกว่าเกี่ยวกับการแพทย์
เธอตัดสินใจแล้วว่าหากมีเวลาว่างจะเรียนรู้เื่สมุนไพรและการแพทย์ ดังนั้นเธอจะซื้อสองเล่มนี้กลับไปให้อาจารย์ด้วย
นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว เซี่ยโม่เอาหนังสือการแพทย์สองเล่มและหนังสือเรียนวิชาต่างๆ มาถือเอาไว้
ในนี้มีหนังสือไม่มาก เธอเลยไม่อยากเดินเข้าไปในห้องเก็บของข้างหลังร้าน ตัดสินใจเอาเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน
ถ้าชายชราไม่อนุญาตให้เอาหนังสือเรียนไป เธอจะเอาแค่หนังสือการแพทย์เก่าๆ สองเล่มนี้ก็พอ
เธอคิดอยู่ครู่ ก่อนจะหยิบกระดาษหนังสือพิมพ์ปึกหนึ่งมาทับปิดเอาไว้ คิดในใจว่าหลังจากนี้จะหาโอกาสไปที่ร้านของเก่าในอำเภอบ่อยๆ ไม่แน่เผื่อจะได้เจอของดี
ร้านของเก่าในตำบล เธอดูทั่วหมดแล้ว ไม่เจอของดีอะไรเลย
เซี่ยโม่ถือหนังสือเดินออกจากร้าน เมื่อมาถึงด้านหน้าร้าน เธอหันไปส่งยิ้มให้ชายชรา “คุณปู่คะ ฉันนึกว่าจะมีหนังสือเก่าๆ เยอะกว่านี้ซะอีก ข้างในมีหนังสือแค่นี้เหรอคะ”
“ไม่กี่วันก่อนเพิ่งมีคนเอารถมาขนไป เธอมาช้าไป”
เธอทำหน้าเสียดาย “งั้นคุณปู่คะ เมื่อไรถึงจะมีหนังสือมาเพิ่มอีกเหรอคะ”
“วันที่ยี่สิบของทุกเดือนจะมีหนังสือเก่าๆ มาเพิ่ม เธอจำให้ดีล่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวพร้อมกับยิ้มหวาน
“งั้นหนังสือที่เธอเลือกพวกนั้นฉันคิดสองเหมาก็แล้วกัน ี้เีจะชั่งแล้ว”
ถูกขนาดนี้เลย!?
เซี่ยโม่นึกดีใจ สงสัยเป็เพราะเธอปากหวาน คุณปู่เลยคิดราคาถูกให้เธอ
เธอควักเงินสองเหมาออกมาจากในกระเป๋า ทั้งยังให้ลูกอมนมอีกสองเม็ด
“คุณปู่กินลูกอมค่ะ”
คุณปู่ยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็มิตร “สาวน้อย เธออยากได้หนังสืออะไรล่ะ ฉันจะได้ช่วยเก็บเอาไว้ให้”
“คุณปู่คะ ฉันได้ยินว่ามีชุดเรียนวิชาคณิตฯ ฟิสิกส์ และเคมีที่ดีมากอยู่ชุดหนึ่ง แต่ฉันไม่มีเงินซื้อ หากเป็ไปได้ ช่วยเก็บไว้ให้ฉันได้ไหมคะ อีกประมาณสิบวันฉันถึงจะมาใหม่” เธอรีบเอ่ย นึกไม่ถึงเลยว่าลูกอมนมสองเม็ดจะมีอานุภาพถึงขนาดนี้
“ฉันเคยเห็นชุดเรียนนี้อยู่นะ เธอวางใจได้ ถ้าเจอฉันจะเก็บเอาไว้ให้”
“รบกวนคุณปู่แล้วค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง ก่อนจะอุ้มหนังสือหันหลังเดินออกไป
เธอออกมานานแล้ว ป่านนี้อาจารย์กับน้องชายคงเป็ห่วงแย่แล้ว
พอเห็นว่าแถวนี้ไม่มีคน เธอเอาหนังสือพิมพ์และหนังสือที่ยังไม่ใช้เข้าไปเก็บในโกดังสินค้า เหลือไว้แค่หนังสือการแพทย์เก่าๆ สองเล่ม กับหนังสือเรียนของชั้นมัธยมต้นปีสองอีกสองเล่มเท่านั้น
เธอลองคิดดูอีกที หยิบกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งออกมาจากในโกดังสินค้า นำมาห่อหนังสือการแพทย์ทั้งสองเล่มเอาไว้
ไปถึงหน้าห้องพักผู้ป่วย เธอเห็นอาจารย์เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องอย่างร้อนใจ
“โม่โม่ กลับมาสักที ฉันร้อนใจแทบแย่”
เซี่ยโม่รู้สึกผิด รีบอธิบายให้อาจารย์ฟัง “พอพี่ซ่งกลับไปแล้ว ไม่ไกลฉันเห็นร้านของเก่าเลยเข้าไปดูพวกหนังสือ ได้หนังสือเรียนกับหนังสือการแพทย์กลับมาด้วยค่ะ”
“ไหนมาให้ฉันดูสิ…”
เมื่อเห็นหนังสือการแพทย์ทั้งสองเล่ม สีหน้าของเหล่าจ้าวตะลึงงันไปทันที หันไปมองรอบๆ ก่อนจะเอากระดาษหนังสือพิมพ์ห่อไว้เหมือนเดิม แล้วกระซิบกับเธอว่า “เธอนี่โชคดีจริงๆ เจอสมบัติล้ำค่าแล้วรู้ตัวไหม”
เธอตาโตอย่างไม่เข้าใจ หนังสือเก่าสองเล่มที่ปกแหว่งนี่น่ะหรือคือสมบัติล้ำค่า?
“ไว้มีเวลาฉันค่อยอธิบายให้ฟัง” เหล่าจ้าวบอกเมื่อเห็นเด็กสาวทำหน้างุนงง
คือเื่จริงหรือเนี่ย?
เซี่ยโม่รู้สึกดีใจ เดิมทีนึกว่าจะเข้าร้านของเก่าเสียเที่ยวเสียแล้ว ไม่นึกว่าจะโชคดีแบบนี้
ตามทางเดินเธอเห็นผู้คนถือถุงใส่กล่องข้าวจากโรงอาหารของโรงพยาบาล เธอเลยเอ่ยกับอาจารย์ว่า “อาจารย์คะ ฉันลงไปซื้อข้าวที่โรงอาหารก่อนนะคะ ตอนเที่ยงกินน้อย ตอนนี้เลยเริ่มหิวแล้ว”
“ได้ อ้อ แล้วก็ตอนนี้เฉินเฟิงต้องกินอาหารจืดๆ ยังกินเนื้อไม่ได้”
เซี่ยโม่หันไปมองน้องชาย พบว่าสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “เฉินเฟิงท้องเสียเหรอคะ”
เหล่าจ้าวพยักหน้า “เด็กคนนี้ไม่ค่อยได้กินเนื้อสัตว์ พอกินเข้าไปเยอะกระเพาะก็เลยย่อยไม่ทัน ไม่ต้องไปว่าน้องล่ะ”
ดวงตาคู่โตกะพริบปริบๆ อย่างสงสัย ดูท่าระหว่างที่เธอออกไปข้างนอก อาจารย์กับเฉินเฟิงจะสนิทสนมกันขึ้นไม่น้อย
“เฉินเฟิงยังอายุน้อย ต้องโทษฉันเองที่ไม่รอบคอบ” เธอกล่าวโทษตัวเองอย่างรู้สึกผิด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้