นางคิดไปมาหลายรอบก็ยังหาเหตุผลไม่ได้แอบตำหนิตนเองในใจว่าเลินเล่อเสียเหลือเกิน ตัวอยู่ในค่ายของข้าศึกแต่ก็ยังไตร่ตรองไม่รอบคอบนางเห็นหั่วอี้มองนางอย่างตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ หากไม่พูดสิ่งใดบ้างคงจะไม่ได้แล้ว
หลิ่วจิ้งช้อนตามองหั่วอี้พลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพทานอาหารเช้าแล้วหรือยังเ้าคะ ข้าหิวจนพูดไม่ออกแล้วอยากทานอาหารเหลือเกินเ้าค่ะ”
“หา!” อวี้จิ่นฟังแล้วงงนักจนเผลอร้องออกมา ดีที่นางสะกดความสงสัยเอาไว้ทันจึงไม่ได้ถามออกมาแต่ในใจกลับคิดว่านี่เป็คำตอบอะไรของหลิ่วจิ้งกันนี่
หลิ่วจิ้งหันไปถลึงตาใส่อวี้จิ่น ส่งสัญญาณด้วยสายตาว่าอย่าเอ่ยปากส่งเดช
พออวี้จิ่นได้รับสัญญาณจึงรีบคำนับหลิ่วจิ้งบอกจะไปเตรียมอาหารให้นางแล้วรีบถอยออกไปทันที
หั่วอี้เองก็นิ่งงันไปด้วยเช่นกันหิวกับร้องไห้เสียใจนี่เกี่ยวข้องกันด้วยหรือ? เขามองหลิ่วจิ้งอย่างไม่เข้าใจ อยากเห็นรอยยิ้มบนใบหน้านาง
“พอเถิดเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ท่านก็อย่าเอาแต่จ้องข้าอยู่เลยข้าก็แค่คิดถึงบ้านเท่านั้น แต่ความปรารถนาใหญ่หลวงที่สุดของข้าในเวลานี้ก็คืออยากทานอาหารมื้อใหญ่สักมื้อเ้าค่ะ”หลิ่วจิ้งเอ่ยพลางลงจากเตียงมาล้างหน้า ปล่อยให้หั่วอี้งุนงงอยู่ที่ข้างเตียงเพราะตั้งสติไม่ได้อยู่อย่างนั้น
หลิ่วจิ้งบิดผ้าเปียกมาปิดหน้าไว้ ใช้ผ้าเช็ดหน้าปกปิดอาการและหายใจลึกๆพลางเอาแต่บอกตนเองว่าห้ามนึกถึงอดีตอีก มิเช่นนั้นยังไม่ทันได้ทำการใดเห็นทีความลับคงได้เผยออกมาเสียก่อน
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งหลิ่วจิ้งก็สร่างเต็มตาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้านางหันมาเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับหั่วอี้ว่า “ในจวนแม่ทัพมีกฎว่าห้ามตื่นสายหรือไม่เ้าคะข้าลืมไถ่ถามถึงกฎของจวนแม่ทัพ ขอให้ท่านแม่ทัพชี้แนะด้วยเ้าค่ะ มิเช่นนั้นหากข้าทำสิ่งใดผิดไปโดยไม่รู้ตัวแล้วจะไปควบคุมดูแลบ่าวได้อย่างไรเ้าคะ”
มองใบหน้าแดงก่ำที่เพิ่งร้องไห้มาของหลิ่วจิ้ง ไม่รู้เพราะเหตุใดหั่วอี้จึงเอ่ยออกไปว่า“กฎของฮูหยิน ก็คือกฎในจวนแม่ทัพ”
มือที่หลิ่วจิ้งกำลังล้างหน้าอยู่หยุดลงทันใดนางเงยหน้าขึ้นมองหั่วอี้ แววตาแวววาวมีประกายอ่อนโยนเพิ่มขึ้นมาเหมือนท่วงทำนองแห่งความสุขที่ถาโถมเข้าในหัวใจของหั่วอี้ทำใจเขาผ่อนคลายเหลือเกิน
สองคนประสานสายตากันกลางอากาศกลายเป็ความอ่อนโยนบางเบาที่ประทับอยู่ในดวงตาของคนทั้งคู่แล้วส่งกลับไปยังดวงใจของแต่ละคน
รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของหลิ่วจิ้งนางจ้องหั่วอี้ด้วยแววตาเ้าเล่ห์เอ่ยอย่างซุกซนว่า “ท่านแม่ทัพพูดเองนะเ้าคะ ถึงยามนั้นอย่ามาเสียใจภายหลังเสียเล่า”
ยามนี้ดวงอาทิตย์ที่เผยออกมาจากชั้นเมฆสาดแสงเข้ามาภายในห้องอีกคราลำแสงสีทองส่องมาที่ตัวหลิ่วจิ้งพอดี พลันมีแสงทาบอยู่บนตัวนางบางๆ ชั้นหนึ่งจนหั่วอี้ต้องมองจนเหม่อราวกับเห็นเทพธิดาผู้ลงมาจากสรวง์กำลังยืนอยู่ตรงนั้นและจับจ้องเขาด้วยความสนอกสนใจ
สายตาของหลิ่วจิ้งจ้องตรงเข้าไปในดวงตาแสนเฉียบคมของหั่วอี้คล้ายถูกเขาดึงดูดให้ตกลงในหุบเหวไร้ก้นบึ้ง นางอยากถอนตัวออกมาแต่กลับตัดใจมิได้ จึงได้แต่นิ่งเหม่อมองหั่วอี้อยู่เช่นนั้น
“ฮูหยินเ้าคะอาหารเตรียมเสร็จแล้วเ้าค่ะ ฮูหยินจะทานตอนนี้เลยหรือไม่เ้าคะ”เสียงของอวี้จิ่นดังขึ้น พร้อมกันนั้นยังมีพ่อบ้านหวังตามเข้ามาด้วย
อวี้จิ่นเข้ามาในห้องได้ก็รีบวางอาหารลงบนโต๊ะ ส่วนพ่อบ้านหวังหันไปคารวะหั่วอี้กับหลิ่วจิ้งก่อนจะเอ่ยกับหั่วอี้ว่า “ท่านแม่ทัพขอรับ นายกองเฉินพาคนมาจำนวนหนึ่งบอกว่าพามาตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพโปรดชี้แนะว่าจะจัดแจงคนเหล่านี้เช่นใดขอรับ”
หั่วอี้เก็บสายตากลับมาจากตัวหลิ่วจิ้งเขาหันไปพูดกับพ่อบ้านหวังว่า“เ้าเตรียมประวัติของทุกคนในจวนไว้ชุดหนึ่งและนำมามอบให้ฮูหยินก่อนจากนั้นให้พาคนที่นายกองเฉินพามาไปรอที่โถงรับแขก เมื่อฮูหยินทานอาหารเช้าเสร็จแล้วข้ากับฮูหยินจะไปพบ”
พ่อบ้านหวังแอบใอยู่ในใจให้เอาประวัติของทุกคนในจวนมอบให้ฮูหยิน นี่นับว่าเป็สัญญาณอย่างหนึ่งทีเดียวแต่ไรมาบ่าวในจวนล้วนเป็นายหญิงผู้ปกครองเรือนเป็คนควบคุมดูแลจวนแห่งนี้ยังไม่มีนายผู้หญิงตัวจริงเป็การชั่วคราวเขาจึงเป็คนดูแลเื่นี้เรื่อยมา เวลานี้ท่านแม่ทัพให้เขามอบแก่ฮูหยินเช่นนั้นเื่นี้กำลังบ่งบอกถึงสิ่งใด?
เขาหยุดคิดคาดเดาไปต่างๆ นานาตั้งใจฟังเื่ที่หั่วอี้สั่งความอย่างละเอียดก่อนถอยออกไป
หลิ่วจิ้งได้ยินหั่วอี้สั่งความพ่อบ้านหวังไว้เรียบร้อยคิดในใจว่าคงเป็คนที่หั่วอี้ส่งเข้ามาตรวจสอบไส้ศึกในจวนกระมัง
หั่วอี้เห็นว่าหลิ่วจิ้งล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วจึงมานั่งที่โต๊ะกับนางลงมือทานอาหารและบอกนางไปด้วยว่า “คนที่นายกองเฉินพามาล้วนเป็พี่น้องที่เชื่อใจได้ฮูหยินมีความคิดเห็นใดก็สามารถบอกกล่าวกับพวกเขาได้เลยจะต้องกำจัดไส้ศึกในจวนออกไปให้หมดหาไม่แล้วทุกการเคลื่อนไหวของพวกเราจะต้องอยู่ในสายตาของผู้อื่นคิดแล้วก็ไม่อาจนอนหลับสบายได้”
“ข้าบอกกล่าวกับทางฮูหยินผู้เฒ่าไว้เรียบร้อยแล้วอย่าให้ต้องไปรบกวนฮูหยินผู้เฒ่าเป็อันขาด”หลิ่วจิ้งไม่สบายใจทันทีเมื่อนึกถึงฮูหยินผู้เฒ่าขึ้นมาแต่นางก็ไม่อาจไม่ข้องแวะกับอีกฝ่าย คิดสักพักจึงบอกกับหั่วอี้ว่า “ท่านแม่ทัพยังมีอีกเื่เ้าค่ะ ก็คือปัญหาเื่ฐานะของเฉินเหยียน ควรให้เขาเข้าร่วมในครานี้หรือไม่จะได้ไม่ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเกิดความสงสัยเ้าค่ะ”
เดิมทีเื่ที่เฉินเหยียนไปอยู่ในเรือนมู่หยวนก็เป็เื่ใหญ่แต่หลิ่วจิ้งก็ไม่ได้รายงานต่อฮูหยินผู้เฒ่าเรื่อยมา เพราะไม่ว่าอย่างไรที่นั่นก็เป็เรือนพักซึ่งไม่ใช่ที่ที่บ่าวคนหนึ่งจะเข้าไปอยู่ได้
หั่วอี้นิ่งคิดครู่หนึ่งจึงบอกว่า “เื่นั้นจัดการได้ง่ายดายนักเอาตามที่ฮูหยินว่า ถึงเวลานั้นให้ข้ากับฮูหยินเป็คนออกปากเป็ใช้ได้แล้ว”
เมื่อจัดการเื่ของเฉินเหยียนเรียบร้อยแล้วก็นับว่าหลิ่วจิ้งสามารถยกหินก้อนใหญ่ในใจลงได้เสียทีขอเพียงจัดการให้เฉินเหยียนมาอยู่ในที่แจ้ง ก็ถึงเวลาที่นางจะเริ่มวางแผนต่างๆได้แล้ว
หั่วอี้ให้คนไปบอกกับพ่อบ้านหวังก่อนว่าให้พาบ่าวทุกคนในจวนมารวมกันที่ลานหน้าโถงหลังจวนและเขาเองก็อดทนรอจนหลิ่วจิ้งทานอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงค่อยไปที่โถงหลังจวน
ในขณะที่กำลังก้าวเท้าใกล้เข้าไปเรื่อยๆหลิ่วจิ้งก็มองเห็นว่าที่โถงหลังจวนมีหัวคนที่มารออยู่เต็มไปหมดนี่เป็ครั้งที่สองนับั้แ่นางเข้าจวนมาที่ทุกคนมารวมตัวกันในที่แห่งเดียวเช่นนี้
วันนี้หลิ่วจิ้งสวมชุดกระโปรงยาวระพื้นสีชมพูอ่อนปักลายหงส์เนื้อผ้าอ่อนละมุนแนบกับตัวนาง ยิ่งขับให้เรือนร่างไร้ที่ติของนางปรากฏแก่สายตาทุกคน
ครั้งแรกที่หลิ่วจิ้งได้พบทุกคนในจวนยังได้ยินเสียงด่าทอดังมาจากท่ามกลางผู้คนที่มา หลังจากอยู่มาหนึ่งเดือนกว่าทุกคนเห็นความรักใคร่ที่หั่วอี้มีต่อหลิ่วจิ้งอย่างชัดเจนจึงไม่มีใครกล้าพูดจาไม่ให้ความเคารพต่อหน้านางอีก
แม้แต่นางจ้าวและอาหนูก็ยังมารวมตัวที่ลานบ้านแต่โดยดีอยู่นานแล้วพวกนางยืนอยู่ภายในรั้วรอบลานบ้านเหมือนกับคนอื่นๆ รอให้หั่วอี้กับหลิ่วจิ้งมา
อาหนูต้องสูดหายใจลึกคราหนึ่งยามเห็นหั่วอี้กับหลิ่วจิ้งสองคนจับมือเดินมาด้วยกันชายองอาจหญิงงดงาม นางเอาความริษยาฝังลงในใจ ก่อนเผยรอยยิ้มบนใบหน้ายามมองหั่วอี้
นับั้แ่หลิ่วจิ้งไปบอกอาหนูว่าท่านแม่ทัพยกเลิกโทษกักบริเวณนางในคืนนั้นนางก็ไม่ได้พบกับหลิ่วจิ้งอีก เมื่อได้พบกันอีกครั้งในวันนี้ นางมองเห็นความพึงพอใจและความสบายใจจากรอยยิ้มของหลิ่วจิ้งรอยยิ้มเช่นนี้นางคุ้นเคยเป็ที่สุดเพราะนั่นคือความพึงพอใจและได้ใจที่ได้รับความรักใคร่จากหั่วอี้
สองมือของอาหนูกำแน่นอยู่ในแขนเสื้อ ใจชิงชังแต่กลับออกแรงที่มือจนเล็บมือทั้งสองข้างเกือบปักเข้าไปในฝ่ามือแต่ความเ็ปเช่นนี้ก็ไม่ได้เจ็บไปกว่าความเ็ปในใจนาง
ทุกสิ่งที่หลิ่วจิ้งเป็ เดิมทีล้วนเป็ของนาง แต่น่าชังนักที่นับั้แ่สตรีผู้นี้มาถึงก็ดึงเอาความสนใจของหั่วอี้ไปจนหมดจนตอนนี้นางแทบจำความอ่อนโยนที่หั่วอี้มีต่อนางไม่ได้แล้ว
_____________________________
