เหล่าผู้าุโคนอื่นๆ ต่างพูดคุยและทำงานกันไปพลาง ส่วนเหล่าผู้น้อยอย่างกู้เจิงก็กินเมล็ดแตงโมและดื่มชาคุยกัน ส่วนเด็กๆ ก็ออกไปเล่นกันที่สนาม โดยมีชุนหงคอยดูแลอยู่
มีเสียงประทัดที่พวกเด็กๆ เล่นดังมาจากหน้าประตูเป็ครั้งคราว
กู้เจิงกินเมล็ดแตงโมไปพลางและฟังเหล่าสะใภ้พูดคุยกันไปด้วย นางมองเสิ่นเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกล เขากับเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ หรือก็คือเสิ่นฉินกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง
นายท่านเสิ่นกับเหล่าท่านลุงยกชั้นวางเตาขนาดใหญ่ออกมาจากในห้อง พวกเขาจุดไฟแล้ววางหม้อเหล็กใบใหญ่ไว้้า จากนั้นก็นำเนื้อแกะที่สุกแล้วใส่ในหม้อเหล็กเพื่อต้มต่อ
กลิ่นหอมของเนื้อแกะโชยมา กู้เจิงท้องร้องขึ้นมาทันที
ในขณะเดียวกัน ป้าใหญ่ก็หิ้วหม้อเหล็กออกมา พลางร้องเรียกให้ทุกคนมาตักน้ำแกง “ทุกคนมาตักน้ำแกงไก่ไปดื่มกัน”
“น้ำแกงไก่หอมมาก ไก่ของบ้านพี่สะใภ้ดีกว่าไก่บ้านอื่นเสียอีก” ป้าสามกล่าวยิ้มๆ
“เต้าหู้ที่เ้าทำก็อร่อยที่สุด” ป้าใหญ่ก็เอ่ยชมกลับ
“ก็แค่น้ำแกงไก่ พวกเ้าจะชมกันไปมาทำไม?” ป้าสองแบ่งชามให้แต่ละคน
ทุกคนต่างหัวเราะขำขัน
กลิ่นหอมของน้ำแกงซุปไก่อันเข้มข้น ได้ดื่มสักชามในวันที่อากาศหนาวเช่นนี้ กู้เจิงรู้สึกว่าทั้งร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก น้ำแกงไก่ที่ต้มด้วยธัญพืชจนเป็สีเหลืองใส รสชาติละเอียดอ่อนและมีกลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์
กู้เจิงดื่มไปพลางเอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะไปเรียกชุนหงกับเด็กๆ มานะเ้าคะ”
ยังไม่ทันที่กู้เจิงจะพูดจบ ชุนหงก็วิ่งเข้ามาในห้องอย่างร้อนรน “เสี่ยวฝูทะเลาะกับเด็กคนอื่นเ้าค่ะ แถมยังไปข่วนคนอื่นจนได้เืด้วย”
เสิ่นต้าสือและภรรยาของเขาถงซื่อรีบเดินเข้ามาถาม เสี่ยวฝูเป็บุตรคนโตของพวกเขา “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเสี่ยวฝูถึงไปทะเลาะกับเด็กอื่นได้?”
“รีบไปดูกันก่อน" ลุงใหญ่กล่าว
กู้เจิง เสิ่นเยี่ยนและคนอื่นๆ ที่ไม่มีงานต้องทำอะไร จึงตามพวกท่านลุงไปดู
ช่างบังเอิญเสียจริง คนที่ถูกเสี่ยวฝูข่วนไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็หลานชายของบ้านเต๋อซิงที่เอาประทัดมาโยนใส่ไก่และเป็ดของป้าใหญ่จนตาย เด็กคนนี้เดินผ่านมาเห็นเสี่ยวฝูกำลังกินปิ่งกันอยู่ก็เกิดอยากกินขึ้นมาบ้าง แต่เสี่ยวฝูไม่ให้เขาก็เลยจะมาแย่ง เสี่ยวฝูถึงได้ข่วนเขา
“ก็แค่ปิ่งกันไม่กี่ชิ้นเท่านั้น มีอะไรพิเศษกัน?” คนที่พูดเป็หญิงชรา เด็กจากตระกูลเต๋อซิงหลบอยู่ด้านหลังของนาง หญิงชราทำหน้าหยามใส่เสี่ยวฝูและคนอื่นๆ “แต่เ้าข่วนใบหน้าของหลานชายข้า เ้าต้องชดใช้”
“ในเมื่อปิ่งกันในมือข้าไม่ได้พิเศษอะไร แล้วทำไมเขาต้องมาแย่งด้วยล่ะขอรับ?” เสี่ยวฝูอายุเจ็ดขวบ เป็เด็กรู้ความ ฝีปากไม่แพ้ใคร น้ำเสียงอันหนักแน่นบอกทุกคนว่าเขาไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ “เขาแย่งของของเรา เราก็ต้องสู้เขากลับ”
หญิงชราเมื่อเห็นคนจากตระกูลเสิ่นเดินเข้ามาดู ก็ดึงหลานชายออกมา และชี้ไปยังรอยแดงที่เสี่ยวฝูข่วนพร้อมกล่าวเสียงเข้มว่า “เด็กที่คนตระกูลเสิ่นอย่างพวกเ้าสั่งสอนมา ข่วนหน้าหลานชายข้าจนเป็รอยไปหมดแล้ว พวกเ้าจะชดใช้ยังไง”
คนในตรอกที่สัญจรไปมา เมื่อเห็นคนกำลังมีปากเสียงกันจึงมามุงดูอย่างสนใจ
ลุงใหญ่ต่อรองกับหญิงชราคนนั้น ทว่าหญิงชรากลับไม่ฟังเหตุผลเลย นางเอาแต่ก่นด่าเด็กตระกูลเสิ่น
ขณะนั้นเอง มีบุรุษจำนวนหนึ่งเบียดตัวออกมาจากฝูงชน หญิงชราเมื่อเห็นพวกเขาก็รีบทักขึ้น “ตาเฒ่า พวกเ้ามาได้เหมาะเจาะพอดี คนตระกูลเสิ่นรังแกหลานของพวกเราอีกแล้ว”
“คนไร้ยางอายเช่นนี้ ข้าเพิ่งได้เห็นเป็ครั้งแรก” กู้เจิงกล่าวขึ้นด้วยความโมโห
“คุณหนู ควรทำยังไงดีเ้าคะ?” ชุนหงถามเสียงเบา คนรอบข้างยิ่งมามุงดูมากขึ้นเรื่อยๆ
กู้เจิงมองไปยังสามี นางคิดว่าเื่นี้เสิ่นเยี่ยนต้องเข้ามาแทรกแซงแน่
“รายงานทางการ ข่วนหน้าหลานชายข้าจนเป็เช่นนี้ ต้องรายงานทางการเท่านั้น” เต๋อซิงเอ่ยขึ้น เขามองไปยังรอยแดงบนใบหน้าของหลานชายด้วยความเ็ป และเอ่ยกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เขาด้วยความโกรธว่า “เ้าไปที่จวนเซี่ยกงเจวี๋ยแจ้งกับอาของเ้า บอกว่าพวกเราถูกคนรังแก ให้เขามาที่นี่”
“ขอรับ”
ลุงใหญ่รู้สึกหวาดกลัว จึงรีบเข้าไปดึงชายคนนั้นเอาไว้ “เื่เล็กน้อยเช่นนี้ ไยต้องไปรบกวนท่านลุงของเ้าด้วยเล่า? เด็กๆ แค่แย่งขนมกัน ทำไมต้องทำให้เป็เื่ใหญ่ด้วย!”
“ถ้ารอยข่วนบนหน้าลูกชายข้าทิ้งรอยแผลเป็เอาไว้จะทำยังไง?” ชายหนุ่มเบ่งอำนาจ
“แค่รอยข่วนเล็กๆ ทายาขี้ผึ้งสักหน่อยก็หายแล้ว” ลุงใหญ่เอ่ยด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ได้ ถ้าเ้ายอมจ่ายค่าเสียหายมาสองตำลึง ข้าก็จะไม่เอาเื่” ชายคนนั้นเอ่ยอย่าง
เป็ต่อ
กู้เจิงทนฟังต่อไปไม่ไหว นางเอานิ้วสะกิดเสิ่นเยี่ยน “หากท่านไม่ออกหน้า ครั้งนี้ท่านลุงใหญ่จะต้องทนรับความไม่เป็ธรรมอีกรอบนะเ้าคะ”
เสิ่นเยี่ยนยิ้มบางๆ “ถึงลุงใหญ่จะนิสัยดี แต่ครั้งเดียวก็ยังคงพอทน ส่วนครั้งที่สองนี้คงจะถึงขีดจำกัดแล้ว”
กู้เจิงกะพริบตาปริบๆ นางได้ยินลุงใหญ่แค่นเสียงเย็น “เต๋อซิง เ้าอย่ารังแกคนมากเกินไปหน่อยเลย เ้าไปเรียกท่านอาอะไรนั่นของเ้ามาสิ พวกเราจะได้นับบัญชีของคราวก่อนด้วย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าแม่ทัพเซี่ยเทพาแห่งต้าเยว่ของเราจะช่วยลูกพี่ลูกน้องของเ้ารังแกชาวบ้าน หากแม่ทัพใหญ่เซี่ยรู้เข้า ไม่แน่ว่าญาติผู้พี่ของเ้าที่เป็เ้าหน้าที่บัญชีคนนั้นอาจได้จบสิ้นในวันนี้ก็ได้”
“ใช่ พูดได้ดี” ท่ามกลางฝูงชนมีคนให้กำลังใจ
คนจากทั้งสองตระกูลต่างมองกันไปมาด้วยสีหน้าปั้นยาก
“รีบไปเรียกมาสิ” ลุงใหญ่ท้า
“ไปเรียกมาสิ” คนที่มามุงดูช่วยะโสำทับ
“ไปก็ไป พวกเ้ารอได้เลย” เต๋อซิงะโเสียงดังและเบียดเสียดฝูงชนออกไป ส่วนหญิงชราคนนั้นก็จูงมือหลานชายและรีบตามไป
“อย่าไปกันหมดสิ ไปเรียกแค่คนเดียวก็พอแล้ว” มีคนะโว่า “คิดจะหนีชัดๆ”
“หนีหรือ? ปอดแหกขนาดนั้นเชียว?” ลุงใหญ่ตบเข่าฉาด ก่อนจะพูดอย่างเสียดายว่า “ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกเขาปอดแหกขนาดนี้ วันนั้นข้าน่าจะให้พวกเขาชดใช้เงินเื่ไก่มาก่อน”
“ดูเหมือนว่าญาติของบ้านเต๋อซิงคนนั้นจะเป็แค่หน้าฉากเท่านั้น” กู้เจิงพึมพำ “ท่านพี่ ท่านรู้ไหมเ้าคะว่าเซี่ยกงเจวี๋ยคนนั้นเป็คนเช่นไร?”
“ข้าไม่เคยพบเขามาก่อน” เสิ่นเยี่ยนตอบเสียงเรียบ
กู้เจิงรู้สึกว่าตอนเสิ่นเยี่ยนพูดประโยคนี้เหมือนจะเยือกเย็นกว่าปกติ
หลังจากจบเื่ เมื่อป้าใหญ่ได้ฟังเื่ราวที่เกิดขึ้น นางก็ด่าบ้านเต๋อซิงอย่างสาดเสียเทเสียด้วยความโมโห
อาหารมื้อกลางวันแบ่งเป็โต๊ะกลมสองโต๊ะใหญ่ บนโต๊ะอาหารมีเนื้อแกะ เนื้อไก่ และเนื้อเป็ดที่เพิ่งเอาออกมาจากหม้อวางอยู่บนโต๊ะหลายชาม อาหารของป้าใหญ่ไม่ได้พิถีพิถันเหมือนของนายหญิงเสิ่น แต่ดูจากหน้าตาแล้วรสชาติน่าจะดีไม่น้อย
เสิ่นเยี่ยนกินอาหารพร้อมกับจับตามองพ่อแม่ของเขา ท่านพ่อกำลังฉีกเนื้อแกะใส่ไว้ในชามใบเล็กให้ท่านแม่ ข้างชามใบเล็กมีจานเล็กอยู่ ในจานเป็เกลือผสมงาคั่ว ท่านพ่อใส่ใจท่านแม่เช่นเคย ท่านแม่เองก็มองท่านพ่ออย่างอ่อนโยนมาก
“พี่สะใภ้รอง ทำไมท่านไม่กินเนื้อล่ะเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นเหอซื่อกินแต่ผัก ไม่แตะเนื้อเลย
เหอซื่อลูบท้องอันใหญ่โตพลางหัวเราะ “กินอีกไม่ได้แล้ว กลัวลูกจะตัวใหญ่เกินไป ตอนคลอดต้องทรมานแน่”
“ตอนที่คลอดฝูเอ๋อร์ นางต้องทนทรมานไม่น้อย” ญาติผู้พี่คนรองสงสารภรรยามาก “ลูกคนนี้ หวังว่าตอนคลอดจะราบรื่นขึ้น”
“พูดถึงเื่คลอดลูก” ป้าใหญ่มองไปทางเสิ่นเยี่ยนแล้วยิ้ม “อาเยี่ยน เ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็คนทำคลอดให้?”
“ไม่ใช่ว่าท่านแม่คลอดเองหรอกหรือเ้าคะ?” กู้เจิงถาม
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” ป้ารองขำ “อาเยี่ยนน่ะน้องสี่เป็คนทำคลอดให้เอง”
นอกจากเหล่าผู้าุโแล้ว เหล่าผู้เยาว์ต่างก็มองเ้าตัวด้วยความประหลาดใจ พอนายท่านเสิ่นถูกทุกคนรุมมองเช่นนี้ก็เริ่มทำตัวไม่ถูก
นายหญิงเสิ่นยิ้มพลางพยักหน้า นางมองสามีอย่างรักใคร่ “อาเยี่ยนต้องขอบคุณท่าน ไม่อย่างนั้นจะมีเขาในตอนนี้ได้ยังไงกัน”
“ท่านพ่อ ข้าขอดื่มให้ท่านหนึ่งจอกขอรับ” เสิ่นเยี่ยนหยิบจอกเหล้าขึ้นมา
“ได้ๆ”
คนตระกูลเสิ่นล้วนพูดถึงความเก่งกาจของนายท่านเสิ่น แต่กู้เจิงกลับรู้สึกว่าถ้อยคำเมื่อครู่ของแม่สามีช่างแปลกนัก แปลกตรงไหนก็บอกไม่ถูก มีหมอทำคลอดกลับไม่เชิญ ให้สามีทำคลอดเองน่ะหรือ? จุดนี้ก็แปลกมาก บางทีตอนนั้นอาจจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นกระมัง
กู้เจิงคิดเื่พ่อสามีได้ไม่นาน ก็ถูกอาหารในจานดึงดูดความสนใจไป นางก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่ออย่างเอร็ดอร่ย
เื่ที่เกิดขึ้นในตอนเช้า ทำให้เด็กๆ ไม่ได้ออกไปเล่นหน้าบ้านตอนบ่าย พวกเขาเลยมาเล่นอยู่ในลานบ้านแทน โดยมีชุนหงทำหน้าที่คอยดูแล
อาหารมื้อเย็นก็กินกันที่บ้านป้าใหญ่เช่นเดิม เหล่าท่านป้าต่างช่วยกันทำอาหารล้างผักล้านจาน
“ดีจัง ถ้าทุกคนช่วยกันก็ไม่ต้องให้ท่านป้าใหญ่ต้องเหนื่อยคนเดียว” กู้เจิงมองการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างเหล่าสะใภ้ตระกูลเสิ่น ในใจก็รู้สึกอบอุ่นไม่น้อย
อีกด้านหนึ่ง เสิ่นกุ้ยกับเสิ่นเยี่ยนกำลังวางหมากกันอยู่ โดยมีเสิ่นต้าสือกับเสิ่นตงเถียนคอยดูอยู่ข้างๆ “ใช้ปืนใหญ่ะเิทหารตัวนี้เลย อากุ้ย ข้าดูเ้าเล่นหมากรุกจนรู้สึกอัดอั้นไปหมด”
กู้เจิงมานั่งลงข้างๆ พี่สะใภ้สองคนที่กำลังถักเสื้อกันหนาว นางเห็นเสิ่นเหมยเอ๋อร์ไปเก็บผักทางด้านหลังบ้าน จึงเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “พี่สะใภ้ทั้งสอง เหมือนข้าจะไม่เห็นสามีของถางเจี่ยเลย เขายุ่งมากเลยหรือเ้าคะ?”