ตอนที่สนทนากับเซียนภาพหลิวอวี่หลางนั้น เ่ิูได้ข้อมูลมามากทีเดียว
หากจะมีส่วนใดที่เขาสนใจแล้วล่ะก็ คงเป็เื่กองทัพของอาณาจักรและทัพโยวเยี่ยนกำลังสุมกำลังเพื่อบุกกลับเผ่าปีศาจ ้าเปลี่ยนแปลงความเสื่อมโทรมที่มีมาั้แ่หลายสิบปีก่อน บุกโจมตีชนิดประจันหน้ากับเผ่าปีศาจแดนหิมะ
ไม่ต้องสงสัยเลย นี่คือเื่ใหญ่ที่ผูกติดกับชะตากรรมของอาณาจักร และก็เป็าที่เกี่ยวพันกับคนทุกหมู่เหล่าของอาณาจักรั้แ่สูงสุดถึงล่างสุด าที่ราวกับขบคิดจากสมองของกองทัพทั้งอาณาจักร หากฆ่าล้างเผ่าปีศาจแดนหิมะให้หมดสิ้นไปได้จริง เช่นนั้นอาณาจักรเสวี่ยก็จะไร้คู่ต่อสู้ที่สูสีในภพไทวะ แทบหลอมรวมภพไทวะให้เป็หนึ่งเดียว
เ่ิูมองออกรางๆ ว่า ยุคสมัยใหญ่ที่เกลียวคลื่นกว้างใหญ่ไพศาลนั้น มาแง้มเปิดออกช้าๆ ตรงหน้าเขา
เขาไม่ชอบาแน่อยู่แล้ว
แต่มีบางเื่ที่ตัวเขามิใช่คนตัดสินใจ
ตอนนี้สิ่งที่ควรกระทำคือรีบยกระดับพลังให้เร็วที่สุด ก่อนหน้าที่าจะเยื้องกรายเข้ามา เพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเอง นี่ต่างหากคือเื่สำคัญ
สำหรับคำตัดสินสุดท้ายเื่แต่งตั้งตำแหน่งนั้น เ่ิูไม่สนใจแต่แรกอยู่แล้ว
ความจริงนั้น เขาไม่ค่อยให้ความสนใจกับเื่ฐานันดรในกองทัพสักเท่าใด
สาเหตุที่เขาสมัครเป็ทหารมาประจำการที่ด่านโยวเยี่ยนก็เพราะ หนึ่ง เขาไม่อยากเห็นการ่ชิงไร้สาระระหว่างชนชั้นสูงกับชนชั้นล่างในสำนักกวางขาว สองก็เพื่อใช้ความเป็ทหารลับตัวเขาให้แหลมคม
ในมุมมองของเ่ิู มีเพียงพลังของคนๆ หนึ่งเท่านั้น ถึงจะเป็มาตรฐานในการตัดสินชะตาชีวิตและจุดยืนของตน
เมื่อครู่ตอนสนทนากับหลิวอวี่หลางนั้น เ่ิูเล่าว่าตนหลุดพ้นความยากลำบากมาได้อย่างไรไปอย่างคร่าวๆ แน่นอนว่า เื่ร่างมายาลึกลับ หลุมศพัหิมะ เพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ ทนต์ัอาบเือะไรเทือกนั้นเขาไม่ได้บอก นี่มิได้ส่งผลกระทบอะไรต่อประโยชน์ของกองทัพโยวเยี่ยน อีกทั้งเ่ิูแอบคิดว่า เื่เหล่านี้ให้เขารู้เพียงคนเดียวไปก่อนจะดีที่สุด
สำหรับเื่ที่ท่านหลิวจะเชื่อหรือไม่เชื่อเขา เชื่อมากเท่าใดนั้น ไม่ใช่เื่ที่เ่ิูใส่ใจเลย
กลับกันไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะไม่ลังเลในความตั้งใจของตัวเอง
เขาจัดการอารมณ์อันยุ่งเหยิงอย่างค่อยเป็ค่อยไป ใจของเ่ิูจึงค่อยๆ สงบนิ่งลง
เขาเริ่มโคจรวิชาลมหายใจไร้ชื่อ กำกับและชุบเลี้ยงพลังภายใน
หลังลุเข้าน้ำพุิญญาตาที่ยี่สิบแล้ว ภายใต้ความกดดันของเด็กหนุ่มเอง คัมภีร์ทองแดงโบราณท่วงทำนองยุคเทพมารที่ยังไม่ได้ทำการสำรอก ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว
เ่ิูเพ่งประสาทกับการมองเห็นภายใน
ในโลกตันเถียนนั้น น้ำพุิญญายี่สิบตาแบ่งแยกอยู่ในทะเลทรายอันกว้างไกล ราวกับไข่มุกเพริศแพร้วประดับทะเลทราย ประกอบกันเป็ทะเลสาบขนาดเล็ก มีหมอกสีเงินพวยพุ่งขึ้นมาจากน้ำพุิญญาไม่ขาดสาย ราวกับัม้วนกายสู่เวหา ท้ายสุดก็กลายเป็พลังภายในยี่สิบสายไหลผ่านทุกสัดส่วนของร่างกายของเ่ิู เส้นปราณพิศวงและเส้นปราณธรรมดา ดั่งห้วยหนองคลองบึงหลั่งไหลเป็สาย ให้ความชุ่มชื้นร่างกายเ่ิู ปรับสภาพร่างกายเขาให้ดียิ่งขึ้นเป็ลำดับ
และศูนย์กลางของโลกตันเถียนนั้น เปลวเพลิงสีเงินเสมือนพระอาทิตย์กำลังแผดเผาเจิดจ้า ส่องสว่างไปทั่วทิศทาง
นี่คือเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์
“ชายลึกลับมายาผู้นั้นลงมือช่วยข้าหลอมเข้ากับเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์ขั้นแรก ทว่าเขาเพียงทำให้รูปกายของข้าเข้ากันกับมันได้ดีเท่านั้น ไม่ให้มันทำอันตรายต่อร่างกายของข้า ทว่าไม่ได้หมายความว่าข้าได้ใช้ประโยชน์จากเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์นี้เต็มที่แล้ว ยังต้องใช้เวลากลั่นกรองช้าๆ อีก รอจนเพลิงยอดยุทธ์หลอมเข้ากันกับกำลังภายในของข้าได้ จึงจะได้ใช้ประโยชน์จากเพลิงอย่างเต็มคราบ สำแดงอานุภาพแห่งความเย็นอันเป็นิรันดร์ออกมาให้เห็น”
เ่ิูระลึกได้
แต่ไม่รีบร้อน
ฝึกยุทธ์ก็เหมือนแล่นเรือ เร่งความเร็วไม่ได้แปลว่าจะถึงไว
ประสาทการรับรู้เคลื่อนจากโลกทะเลทรายตันเถียน เ่ิูมองทะเลห้วงความคิดของเขาแทน
ได้เวลาให้ท่วงทำนองยุคเทพมารเพิ่มระดับความบริสุทธิ์ให้กำลังภายใน สำรอกมันกลับมาหาเขาแล้ว
คัมภีร์ทองแดงเปล่งแสงสว่างไสว มันล่องลอยดิ่งลึกอยู่ในทะเลห้วงความคิด
เขากระตุ้นกำลังภายใน ขจัดการยับยั้งและเปิดใช้งานคัมภีร์ทองแดง
คัมภีร์ทองแดงราวกับตื่นจากนิทรา หน้ากระดาษสั่นะเืเล็กน้อย ปลดปล่อยสีสันสีทองแดงออกมา ฉับพลันก็ปล่อยแรงดึงดูดมหาศาล ดึงเอาพลังภายในของเ่ิูเข้าไปรวมตัวในคัมภีร์อย่างบ้าคลั่ง คัมภีร์โบราณประดุจมีชีวิต มันสูบเอาพลังราวกับวาฬเพชฌฆาตสูบน้ำทะเล เ่ิูไม่ต้องมองก็รู้สึกถึงมันได้อย่างแจ่มชัด พลังปราณในเส้นปราณพุ่งเข้าหาอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก
เ่ิูรวมพลังที่จุดศูนย์กลาง วิสัยทัศน์อันเงียบเชียบเปลี่ยนแปลงไป
เื่พวกนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว เขาจึงเข้าใจมันดีและมองเื่แปลกให้เป็เื่ปกติไปได้
ครึ่งชั่วยามต่อมา คัมภีร์โบราณก็สูบเอาพลังปราณของเ่ิูจนเหือดแห้ง
จากนั้นจึงเริ่มสำรอก
พลังปราณบริสุทธิ์หาใดเสมอเหมือนไหลนองออกมาจากคัมภีร์ทองแดง กลับสู่ทั่วร่างกายของเ่ิูตามทางที่มันจากมา คลอกับเสียงร้องหวนยามะโไปตามเส้นลมปราณ
กระบวนการนี้ ทำให้ร่างกายของเ่ิูเกิดเสียงโครมครามราวกับมหานทีที่เดือดพล่าน เสียงอึกทึกดังสนั่นจากพลังหลั่งไหลราวกับดวงดาว ตำนานกล่าวไว้ว่ามีเพียงผู้ฝึกฝนจนแข็งแกร่งเข้าอาณาทะเลระทมเท่านั้น จึงจะบังเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ เ่ิูกลับทำได้ เห็นถึงการไหลเวียนของพลังปราณในร่างกายของเขาว่าพรั่งพรูทรงพลังระดับไหน
กระบวนการนี้ดำเนินไปหนึ่งชั่วยาม
การสำรอกเสร็จสิ้น
เ่ิูรู้สึกสบายกายอย่างบอกไม่ถูก
พลังลมปราณไหลเวียนอยู่ในร่างอย่างเป็ธรรมชาติ ดั่งแม่น้ำที่กรีดร้องยามไหลเข้าสู่เส้นปราณปกติทั้งสิบสองและเส้นปราณพิศวงทั้งแปด ไหลตามกันไปไม่มีหยุดพัก กลายเป็วงจรอัตโนมัติใหญ่น้อย แม้พลังของเขาไม่ได้เกิดจากการฝึกฝนแต่ก็จะเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ ร่างกายได้ประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกันกับการฝึกฝน
เ่ิูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วขานเรียกคัมภีร์ทองแดง เพื่อเปิดหน้าต่อไป
ทุกคราหลังการสำรอก คัมภีร์ทองแดงจะมีเนื้อหาส่วนใหม่ถูกเปิดผนึก
“ไม่รู้ว่าคราวนี้คัมภีร์ทองแดงจะเปิดผนึกส่วนไหนกันนะ เป็วิชาหรือว่าของวิเศษ?”
เ่ิูวาดหวังอยู่ในใจ
เขาเริ่มเปิดหน้ากระดาษอ่านอย่างจริงจัง
สิบนาทีต่อมา เ่ิูจึงปิดหน้านั้นลง
“ที่ข้าจุดประกายได้คือวิชาแขนงหนึ่งนามว่าวิชาปราณฟ้าพฤกษา ใช้ควบคุมพืชในการต่อสู้ ท่าทางไม่เลวเลย แต่ไม่มีประโยชน์อะไรกับข้า วิชาปราณธาตุไม้จากห้าธาตุไม่เหมาะกับการฝึกของข้า อีกทั้งต่อสู้ในสภาพแวดล้อมเช่นทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ วิชาควบคุมพืชเป็ได้แค่ไก่กาเท่านั้น พืชในแดนหิมะมันน้อยแสนน้อย”
เ่ิูผิดหวังไปบ้าง
แต่ว่าคิดไปคิดมาก็เป็เื่ปกติ
ในคัมภีร์ทองแดงโบราณนั้น แอบซ่อนวิชาแปลกๆ ที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ไม่แน่นอนว่าทุกครั้งที่จุดประกายจะเป็เนื้อหาที่เหมาะสมกับตัวเขา ยังไม่เอ่ยถึงเื่ที่เ่ิูปลุกิญญาสำเร็จและเรียกปราณธาตุน้ำแข็งไปแล้ว การฝึกวิชายิ่งจะยากเย็นขึ้นไปอีก ขอบเขตที่เลือกได้ต้องลดน้อยลงอย่างช่วยไม่ได้
“วิชานี้ล้มเลิกแล้วกันนะ”
เ่ิูตัดสินใจไม่ฝึกวิชาปราณฟ้าพฤกษา
เขาเก็บคัมภีร์กลับทะเลสำนึกไป เขากำลังจะฝึกฝนต่อ ทันใดนั้นของบางอย่างก็ชนด้านหลังเขาเบาๆ
เ่ิูหันกลับไปมอง เขาใแทบะโ
แต่กลับเป็เ้าหมาบื้อเสียวจิ่ว ไม่รู้มันปีนมาตรงหลังเขาลับๆ ล่อๆ ั้แ่เมื่อไร
เ้าตัวกินล้างกินผลาญนอนแผ่อยู่บนพื้นอย่างยากลำบาก สี่ขากระตุกไม่หยด มุมปากมีฟองสีขาวไหลออกมา ตาโตๆ เหลือกเหมือนถูกพิษ มันพ่นฟองสีขาวพลางอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง แต่กลับไม่มีอะไรออกมาเลย ตัวมันงอจนโค้งเหมือนคันธนู ขาคู่หลังกระตุกพลางตะเกียกตะกายพลาง...
“เป็อะไร?” เ่ิูรีบไปอุ้มมัน
“รู้สึกไม่ดีเลย อยากอ้วก...” หมาบื้อเสียวจิ่วตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “เ้านาย ข้าปวดท้อง”
“ทำไมเป็อย่างนี้ไปได้?” เ่ิูมองเสียวจิ่วสภาพนี้แล้วทั้งปวดใจและจับต้นชนปลายไม่ถูก “ก่อนหน้านี้เ้ายังดีๆ อยู่เลย...หรือเป็ไข้? หรือกินของผิดสำแดง?”
เ้าตะกละเดิมทีกินไม่เลือกอยู่แล้ว กระทั่งัวานรแดนหิมะยังถูกมันเขมือบทั้งเป็ แต่ไม่เคยเห็นมันเป็สภาพอย่างนี้มาก่อน
“ไม่รู้ ปวดท้อง...” เสียวจิ่วเอ่ยสิ้นเรี่ยวแรง มันกระอักเอาน้ำสีขาวออกมา
เ่ิูไม่รู้จะทำเช่นไรดี
“ไป ไปหาหมอ ไม่รู้ว่าในเมืองนี้มีหมอรักษาสัตว์อยู่หรือเปล่า!” เ่ิูร้อนรน
แม้ว่าปกติเขาจะเคร่งครัดและไม่ค่อยถูกกับเ้าตะกละนี้เท่าไร ทว่าอยู่ด้วยกันมานานนมนัก ความจริงแล้วเขาเกิดความรู้สึกลึกซึ้งกับมันมานานแล้ว มองมันเหมือนเป็ญาติสนิท พอเห็นเสียวจิ่วตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว เ่ิูก็ปวดใจจนทนไม่ไหว
“ไม่ไหวแล้ว...โอ๊ก...” เสียวจิ่วอาเจียนเอาของเหลวสีเขียวอ่อนออกมาฉับพลัน
กลิ่นหอมประหลาดอบอวลไปทั่วห้อง
ฉ่าๆๆ!
เสียงประหลาดดังแว่วมา
พลันเห็นพื้นที่ของเหลวนั่นละเลงอยู่เกิดเสียงฉ่าๆ จากพื้นหินที่ถูกกัดกร่อนเหมือนโดนกรดเผา หินมีควันขาวตลบ บนพื้นปรากฏเป็หลุมขนาดใหญ่หลุมแล้วหลุมเล่า
เ่ิูรู้สึกหลังมือเจ็บจี๊ด
หลังมือเขาถูกของเหลวสีเขียวที่เสียวจิ่วอาเจียนออกมานิดเดียวเท่านั้น เนื้อหนังก็ถูกกัดกร่อนจนมองเห็นกระดูกขาวๆ ด้านใน
“นี่มันอะไรกัน?” เ่ิูใ “น้ำย่อยหรือ? น่ากลัวไปแล้วนะ นี่มันกรดแยกทองชัดๆ เนื้อหนังกับกระดูกข้าแกร่งมาก อาวุธิญญายังยากจะตัดผ่านได้ กลับถูกน้ำสีเขียวนี่กัดจนทะลุหรือ?”
เขารีบกระตุ้นเพลิงน้ำแข็งยอดยุทธ์เข้าปกคลุมหลังมือ ถึงขจัดของเหลวสีเขียวนั่นออกไปได้
เสียวจิ่วยังหายใจรวยริน อาเจียนว่างเปล่าอย่างสุดแรง
“เ้านาย ข้าเจ็บ เจ็บเหลือเกิน...” หนุ่มน้อยมองเ่ิูอย่างน่าเวทนา
“อดทนไว้ ข้าจะพาเ้าไปหาหมอ!” เ่ิูเอ่ยพลางจะกระตุ้นปีกอาชาขาวบินออกไปนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้นเอง
“โอ๊ก!”
เสียวจิ่วอาเจียนเป็บ้าเป็หลัง
ของเหลวสีเขียวพรั่งพรูออกมาจำนวนมาก
ตามมาด้วยเสียงตึงตัง และของบางอย่างสีขาวออกมาจากปากของมันแล้วตกอยู่บนพื้น กลิ้งหลุนในน้ำย่อยสีเขียว มันปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน ไม่ถูกกัดกร่อนแม้เพียงน้อย กลับกันมันเปล่งแสงเงินขาวจางๆ พร้อมกับกลิ่นอายเย็นเยือกประหลาดฟุ้งตลบไปทั่วห้อง
เ่ิูอึ้ง
เขารู้สึกว่าของทรงรีสีขาวนี่ช่างคุ้นตา
พอมองดูดีๆ
“หา? นี่ไม่ใช่ไข่ัหิมะฟองนั้นหรอกหรือ?”
เ่ิูใเล็กน้อย
ของทรงรีสีขาวนั่นเป็ไข่ัหิมะลึกลับที่เขาพบในหลุมศพัหิมะอย่างแน่นอน
เ่ิูจำได้ว่าตอนนั้นเขาคืนไข่ักลับในรังนกผลึกน้ำแข็งในโลงผลึกน้ำแข็งไปแล้วนี่ ไฉนเ้าหมาบื้อเสียวจิ่วถึงอาเจียนมันออกมาได้เล่า?
อย่าบอกนะว่า
เมื่อหันกลับไปมองเสียวจิ่วอีกครั้งก็พบว่ามันฟื้นคืนชีพแล้ว ของเหลวสีขาวตรงมุมปากมลายหาย มันะโปึ๋งปั๋งขึ้นมาจากพื้นทันใด อาการรุมเร้าอย่างทรมานเมื่อครู่หายไปจนหมด มันเห่าเสียงดังอย่างยินดี แล้วส่ายหางไปมา จากนั้นจึงส่ายหัวแล้วเห่าด้วยอารมณ์ “โฮ่งๆ โฮ่ง? ไม่เจ็บแล้ว? โฮ่งหายแล้ว? น่าแปลกจริงๆ ท้องหายดีแล้ว...เ้านาย ขอบพระคุณท่าน!”
มันถูไถหัวกับขาเ่ิู ทำน่ารักอย่างสุดกำลัง
เ่ิูกลับหน้าดำคร่ำเครียด เขามองมันแล้วชี้ไข่ัหิมะฟองนั้นก่อนเอื้อนเอ่ย “บอกมา นี่มันเื่อะไร?”