สามเดือนผ่านไป
“เจอตัวหรือไม่ไคเฉิง”ไคเฉิงก้มหน้าประสานมือ
“ไม่พบตัวเลยพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยตามไปจนทั่วเขตวังหลวงและนอกเขตจนเกือบจะถึงด่านชายแดนล้วนไม่มีใครพบเห็นหญิงคนนั้น ”
“นางหายไปไหนนี่ก็สามเดือนแล้วที่ข้าให้ท่านหานางแต่ไร้วี่แวว”
หลี่หลงเซียวฮ่องเต้ถอนหายใจ
“ฝ่าา ฝ่าา พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยสองคนอยากให้ฝ่าาทรงตัดสินเื่ความขัดแย้งของเราทั้งสอง”ขุนนางวัยกลางคนเกือบชราเดินเข้ามาประสานมือตรงหน้า
“มีเื่เร่งด่วนใดกันฝ่าาทรงกำลังดื่มชายามบ่าย” ขันทีข้างกายส่งเสียงปรามขุนนางทั้งสอง
“ใต้เท้าเหวินผู้ดูแลกรมคลังสองสามวันมานี้อคติกับข้าไม่ยอมเพิ่มเบี้ยหวัดและเงินตามที่ข้าขอสำหรับเหล่านางในห้องเครื่องที่ทำงานเหนื่อยหนัก”
“อคติ มีอะไรให้ต้องอคติข้าเห็นว่านางในห้องเครื่อง กินอิ่มกว่าใครไม่จำเป็ต้องใช้เงินซื้ออาหารเพิ่มได้น้อยกว่านางในที่ทำหน้าที่อื่นเพียงน้อยนิดเท่านั้นจะเพิ่มไปเพื่ออะไรกัน”
“ท่านอย่างไรก็ไร้เหตุผลเอาเื่ส่วนตัวมาพัวพันกับเื่งาน”ใต้เท้าเหวินยิ้มหยันลอยหน้าลอยตา
“ท่านทั้งสองบาดหมางกันเื่อะไร”หลี่หลงเซียวถามขึ้นดังๆ
“ข้าน้อยมิได้บาดหมางพ่ะย่ะค่ะ มีแต่ใตเท้ากู้ที่เลอะเลือนคิดว่าข้าน้อยคิดเล็กคิดน้อยเพียงนั้น”
“พูดมาอย่าอ้อมค้อม กู้เฉวียนพูดมาเดี๋ยวนี้”
“ เอ่อ เอ่อข้าน้อยกับใต้เท้าเหวิน เราแข่งขันกันเพื่อที่จะชนะใจเฒ่าแก่เนี๊ยของหอโคมแดงสุริยันจันทรา”
“ไร้สาระสิ้นดี แค่เพียงหญิงงามทำให้พวกท่านบาดหมางถึงกับต้องให้ข้าตัดสิน งานในราชสำนักต้องอาศัยความสามัคคี เหตุใดจึงทำตัวราวกับนักรบพเนจรใส่ใจแต่เื่รักใคร่”
หลี่หลงเซียวตวาดดังลั่น
“ฝ่าาข้าน้อยไม่เคยบาดหมางกับกู้เฉวียนเป็เขาที่คิดไปเองลำพัง”ออกตัวไปก่อนเพราะหลี่หลงเซียวกำลังโมโห จะบอกอย่างไรว่าขุนนางน้อยใหญ่ใครบ้างไม่รู้จักหอสุริยันจันทราที่กำลังเป็ที่พูดถึงมาไม่ต่ำสองเดือนที่ผ่านมา
“ท่านเหวินก่อนหน้านั้นเราสองคนรักใคร่ร่วมกินดื่มแต่พอข้า เป็บุรุษเพียงคนเดียวที่ท่านแม่ของหอสุริยันจันทราอยากจะเจอหน้าท่านก็หาเื่ข้ามาตลอด”
“นี่พวกท่านเลอะเลือนชั่วขณะหรือไรลงทุนแย่งชิงนางโลมเช่นนั้นหรือ ท่านทั้งสองมีฮูหยินที่งดงามและยังมาจากตระกูลสูงส่งเหตุใดจึงเลอะเลือนเช่นนี้ หญิงคณิกาต่ำชั้นควรค่าให้แย่งชิงหรือไร”
ทั้งสองคนก้มหน้าสำนึกผิด
“ท่านแม่หอสุริยันจันทรา ผู้นั้นมิแก่หงำเหงือก มีอะไรให้พวกท่านแย่งชิง”ไคเฉิงเอ่ยปากยิ้มๆ
“นางงดงามยิ่งกว่านางคณิกาอันดับหนึ่ง และนางยังถูกขนานนามว่ารู้ใจบุรุษยิ่งกว่าใครนางจึงสอนสั่งหญิงงามในหอสุริยันจันทราของนางให้รู้จักเอาใจเหล่าบุรุษที่แวะเวียนที่นั่นให้สำราญในทุกค่ำคืน หอสุริยันจึงเป็หอนางโลมอันดับหนึ่งในตอนนี้ที่มีคำหล่าวว่าแม้แต่เทพยามทุกข์ตรมหรืออยากผ่อนคลายก็ต้องแวะไปที่หอสุริยันจันทรา แล้วยังมีคนพูดกันว่านางเองไม่ยินยอมร่วมแท่นนอนกับใครไม่ว่าจะมีคนเสนอเงินกี่มากน้อยก็ไม่เคยมีใครได้พบหน้านาง จึงมีคน้าที่จะพบนางสักครั้งนานๆ เข้าจึงกลายเป็การแย่งชิง ได้พบได้พูดคุยไม่กี่คำจะมีสักกี่คนได้ร่วมดื่มสุรากับท่านแม่ท่านนี้”
หลี่หลงเซียวถอนหายใจ
“ข้าที่ไม่เข้าใจพวกท่านว่านางมีดีตรงไหน แค่เพียงเฒ่าแก่เนี๊ยหอนางโลมคนหนึ่งเท่านั้น”
ขุนนางทั้งสองต่างโล่งใจที่ฮ่องเต้หนุ่มไม่เข้าใจ หากมีวันไหนที่หลี่หลงเซียวมาเป็คู่แข่งลงสนามแย่งชิงพวกเขาคงพ่ายแพ้ยับเยิน ก็ทั้งรูปงามทั้งทรัพย์หนาใครจะกล้าไปต่อกร ดีแค่ไหนแล้วที่ฝ่าาไม่เข้าคลุกวงในด้วย
“ข้าขอให้ยุติเื่บาดหมางเสียั้แ่วันนี้ แม้ว่าตอนนี้แคว้นเป่ยเหลียงของเราจะสงบร่มเย็นไร้การศึกา ชาวบ้านล้วนซื้อง่ายขายคล่อง แต่พวกท่านที่รับใช้ราชสำนักก็ไม่ควรเอาเวลาที่จะต้องดูแลทุกข์สุขรับใช้ชาวบ้านไปทำเื่เช่นนี้”
สองขุนนางก้มหน้าสำนึกผิด
“น้อมบัญชาฝ่าาต่อไปข้าน้อยทั้งสองจะเลิกทะเลาะเบาะแว้งกันเอาเวลาที่บาดหมางไปหาทางทำให้นางหันมองจะดีกว่า”ใต้เท้าเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น กู้เฉวียนเองก็พยักหน้าขึ้นลงเห็นด้วยกับคำพูดของใต้เท้าเหวิน
หลี่หลงเซียวถอนหายใจยาว เตือนแล้วเหมือนจะเชื่อฟังแต่สุดท้ายก็วกไปที่การชนะใจหญิงเช่นเคย
สองขุนนางกลับไปแล้ว เพียงไม่กี่อึดใจ
“ฝ่าา ฝ่าาจะต้องให้ความเป็ธรรมกับพวกเรา”ขุนนางวัยหนุ่มสองคนเข้ามาประสานมือตรงหน้าพร้อมกัน
“มีเื่ใดเร่งด่วนกันฝ่าากำลังจิบชายามบ่าย”ไคเฉิงเอ่ยขึ้นดังดัง
“เื่…เื่…”องครักษ์ตู้ก้มหน้าพูดเบาๆ แทบจะกลายเป็กระซิบ
“รีบพูดมา”หลี่หลงเซียวพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“เ้าโง่ จ้านฟงบังอาจปรามาสข้าน้อยว่าไร้น้ำยา นั้นยังไม่น่าโมโหเท่ากับบอกว่าไร้น้ำยาจนแม่นางจูเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราไม่ชายตาแล”
“เฒ่าแก่เนี๊ยสุริยันจันทรา… อีกแล้วหรือ”ไคเฉิงส่ายหน้าไปมา
“พวกเ้านำพาแต่เื่เหลวไหลมากวนพระทัยฝ่าา”
“ความจริงเื่เหล่านี้ข้าไม่ควรต้องมาตัดสิน ข้ามีเพียงหนทางเดียวที่ยุติเื่นี้เลย ข้าจะบัญชาให้จับตัวเฒ่าแก่เนี๊ยคนนี้มาปะาเสียจะได้ไม่ต้องเกิดปัญหาเหล่านี้ตามอีก”
“ฝ่าาโปรดไต่ตรองแม่นางจูไม่ได้ผิดอะไร”ทั้งจ้านฟงและตู้เล่ย รีบคุกเข่าตรงหน้าทัดทานพร้อมกัน
“เช่นนั้นเื่ราวน่าปวดหัวเหล่านี้อย่าให้ข้าได้ยินอีก”
“ฝ่าาถึงจะพูดว่าไม่อยากได้ยิน แต่ตอนนี้ในวังหลวงและเหล่าขุนนางต่างมีเื่ของแม่นางจูให้บาดหมางกันรายวัน….มิใช่แค่เพียงเราสองคน”ก้มหน้าพูดอ้อมแอ้ม
“ดีมาก หากต่อไปข้าได้ยินใครพูดถึงเฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราอีกข้าจะ ข้าจะ….”
“ฝ่าาโปรดไตร่ตรอง ข้าน้อยผิดไปแล้วทำให้แม่นางจูต้องเดือดร้อนฝ่าาโปรดลงทัณฑ์ข้าน้อยสองคนที่นำเื่เหลวไหลมากวนใจแต่ได้โปรดอย่าลงทัณฑ์แม่นางจู”
“พอแล้ว ไม่ต้องแล้ว แค่ยุติเื่ราวที่ข้าไม่สู้ชอบใจเหล่านี้เสียแล้วตั้งหน้าตั้งตาช่วยเหลืองานราชสำนัก ต่อไปเอาล่ะข้าจะถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้นหากข้าได้ยินว่า มีใครบาดหมางกันเพราะ…เฒ่าแก่เนี๊ยของหอสุริยันจันทราอีกละก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนหัวของนางตอนนี้ฟาดอยู่บนแท่นปะาแล้วรอแค่เพรชฆาตลงดาบก็เท่านั้น”
“ไปได้แล้ว”ไคเฉิงส่งเสียงเตือนขุนนางทั้งสอง หนักใจแทนหลี่หลงเซียวไม่น้อย
หอสุริยันจันทรา
“ท่านแม่ขา คืนนี้ข้าจะได้นั่งบัลลังก์หญิงงามอันดับหนึ่งถูกต้องไหมเ้าค่ะ”
จูอันเล่อที่งดงามราวกับดอกไม้ในเหมันตฤดูที่หาดอกไม้งามได้ยากยิ่งนั่งไขว่ห้าง ร่างอรชร เพราะเคยต้องมือชายมาแล้วจึงยิ่งอวบอิ่มเข้ารูปเข้ารอย เนินถันที่ดันอาภรณ์บางเบาแม้แต่หญิงงามในหอคณิกายังอดชื่นชมไม่ได้ อกอวบปากอิ่มผ่านมือชายก็ยิ่งอวบยิ่งอิ่มท้าทายทุกสายตาหลอกล่อให้บุรุษน้อยใหญ่มาหลงใหลได้ไม่ยาก
หญิงในหอคณิกาสองคนบีบนวดอีกคนก็พัดให้อย่างเอาใจ
เงยหน้ามอง ชิงหรูพร้อมกับหยิบองุ่นเข้าปากเคี้ยวช้าๆ ริมฝีปากแดงแม้ยามงับเอาผลองุ่นยังยั่วยวนราวกับงานศิลปะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้