โลกแห่งภพจิตั!
เมื่อหลัวเลี่ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาก็ยืนอยู่ในจัตุรัสขนาดใหญ่แล้ว
จัตุรัสนี้ใหญ่มาก มองแวบแรก เห็นเพียงเสาัล้อมรอบเป็วงกลมอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร
เสาันี้จำแลงมาจากัตัวจริงที่หายากของเผ่าั ซึ่งเป็ลวดลายเกาะอยู่บนเสาในอิริยาบถต่างๆ และยังปล่อยพลังกลิ่นอายของัจางๆ ออกมาราวกับว่ามันเป็ัตัวจริง
เท่าที่หลัวเลี่ยรู้ มีัมากมายในภพจิตั และัที่สูงส่งที่สุดคือัตะวันออกที่เขาเคยเห็นในยุคปัจจุบัน มันคือัที่มีเขาคล้ายกวาง มีหน้าคล้ายม้า และลำตัวคล้ายงู จำนวนของัชนิดนี้มีน้อยมาก ในขณะที่จำนวนัตัวอื่นๆ มีมากมาย และมีหลากหลายอย่างมาก ทว่าัทั้งหมดถูกปกครองโดยัชนิดนี้
ในจัตุรัสมีผู้คนมากมาย บางคนมาที่นี่โดยผ่านทางตราหยกเชื่อมิญญา
จัตุรัสนี้เป็ทางเข้าสู่ภพจิตั
เมื่อเดินออกจากจัตุรัส จะเห็นโลกที่แท้จริงของภพจิตั
ที่เรียกว่าภพจิตั เป็เพราะที่นี่เป็โลกระหว่างความจริงกับภาพลวงตา ในสถานที่พิเศษนี้ แม้ว่ามันจะถูกผู้คนทำลายพื้นที่ แต่มันก็สามารถประกอบขึ้นใหม่ให้กลับสู่สภาพเดิมได้ สามารถเสียพลังงานและเืได้เสมือนจริง และนอกเหนือจากภาพลวงตาแล้ว ที่แห่งนี้ยังมีข้อจำกัดต่างๆ ในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้และการเลื่อนระดับ และทุกอย่างสามารถดำเนินการได้จริง เช่นสามารถนำสิ่งของที่ค้าขายภายในโลกนี้กลับไปในโลกความจริงได้ เช่นเดียวกับหลัวเลี่ยที่สามารถนำสิ่งของทุกอย่างในกระเป๋าเฉียนคุณออกมาใช้ได้
ในโลกของภพจิตั เป็ศูนย์รวมบุคคลอัจฉริยะนับไม่ถ้วนของดินแดนเหยียนหวงไว้ ว่ากันว่า สิ่งที่มีอยู่ในโลกแห่งความจริงก็มีอยู่ที่นี่เช่นกัน เ้าจะได้ทุกสิ่งที่เ้า้าตราบเท่าที่เ้ามีความสามารถนำสิ่งนั้นมา
อาจกล่าวได้ว่า ภพจิตัเป็โลกที่เต็มไปด้วยโอกาส
ใบหน้าของหลัวเลี่ยถูกปกคลุมด้วยแสงและหมอก ทำให้คนอื่นไม่สามารถมองเห็นรูปร่างหน้าตาของเขาได้อย่างชัดเจน ซึ่งความพิเศษนี้ถูกโดยตราหยกเชื่อมิญญาระดับสูงเท่านั้น ต่อให้เป็ภพจิตัก็ไม่อาจมองทะลุทะลวงได้
แน่นอนว่าหากไม่้าความพิเศษเช่นนี้ ก็สามารถลบออกได้เช่นกัน
ั้แ่เขาปรากฏตัวที่นี่ เขาก็ตั้งใจปกปิดรูปลักษณ์ของตนเอง หลัวเลี่ยรู้ว่าต้องเป็หลิวหงเหยียนที่ไม่้าให้เขาเปิดเผยตัวตน
เมื่อคิดเกี่ยวกับเื่นี้ อาจไม่มีใครในแคว้นเป่ยสุ่ยรู้ได้ว่าเขามีพฤติกรรมอย่างไรในภพจิตันี้ เพราะนี่คือโลกของภพจิตัที่แม้แต่เทพก็เคยปรากฏตัวมาก่อน ดังนั้นหากเขาฝึกฝนที่นี่ ก็อาจมีบางคนจำได้ว่าเขาฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ และเมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย เขาจะตกอยู่ในอันตราย
สำหรับอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ได้ พวกผู้มีอิทธิพลเ่าั้จะต้องชวนเข้าร่วมพรรคพวกอย่างแน่นอน และหากว่าพวกเขาไม่สามารถนำไปเข้าพวกตนเองได้ เขาอาจถูกฆ่าตาย
เขาไม่อยากเสี่ยง
ดังนั้นเขาจึงยอมรับการฝึกแบบปิดหน้าด้วยแสงและหมอก
มีเสียงหัวเราะเกิดขึ้นข้างหูของเขา ทำให้หลัวเลี่ยตระหนักได้ว่า เขาอาจจะมีปัญหา
“ฮ่าๆ ดูเร็วๆ เ้าหน้าตายนี่คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว แม้ไม่ได้ใช้ชื่อจริง แต่กลับใช้คำคำหนึ่งว่ามีัอยู่ที่เป้า นี่เป็การยั่วยุเผ่าัที่แท้จริง”
“มันไม่เป็ไรที่จะถือว่าสิ่งนั้นที่เป้ากางเกงเป็ั แต่อย่าพูดออกมาอย่างนั้น มีใครไม่รู้บ้างว่านี่เป็ความอัปยศอดสูของเผ่าั”
“พวกเผ่าัที่หยิ่งยโสนั้นทนไม่ได้แน่ๆ พวกเขาจะมาสอนบทเรียนให้เด็กคนนี้อย่างแน่นอน”
“ข้าจำได้ว่า เคยมีอัจฉริยะระดับสูงในอาณาจักรโจวอันยิ่งใหญ่ เขาคิดว่าตนเองไม่ธรรมดา จึงดูแคลนชื่อของเผ่าั ผลลัพธ์คือทุกครั้งที่เขามาที่ภพจิตั เขาจะถูกโจมตีอย่างรุนแรงโดยเผ่าั แม้จะเปลี่ยนชื่อให้แล้ว แต่เผ่าัก็ไม่เคยปล่อย หลังจากไล่ล่าและทุบตีเขามากกว่าร้อยครั้งติดต่อกัน เขาก็สะพรึงจนไม่กล้ามาที่ภพจิตัอีก และเด็กคนนี้ก็น่าจะไม่มีข้อยกเว้น”
หลัวเลี่ยมองไปที่ชื่อที่ปกติจะแสดงอยู่เหนือหัวของผู้ที่หัวเราะ แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองชื่อของเขาเอง
ชื่อของเขาเร้าใจเกินไป
มีัอยู่ในเป้า!
ใบหน้าของหลัวเลี่ยเปลี่ยนเป็สีเขียว เขากล้าพนันได้เลยว่า มันไม่ได้เกิดจากหลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงแน่นอน เพราะผู้หญิงสองคนนั้นไม่ได้มีรสนิยมแย่ขนาดนี้
แต่เขาไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนชื่อได้อย่างไร
เกี่ยวกับภพจิตันี้ แม้ว่าเขาจะเคยได้ยินเื่ราวจากเสวี่ยปิงหนิง และได้อ่านในหนังสือ แต่ล้วนเป็แค่เื่ทั่วไป และเขาไม่รู้รายละเอียดมากนัก
หลัวเลี่ยไม่สนใจเื่การตกเป็เป้าหมายการโจมตีของเผ่าั เขาเดินออกจากจัตุรัสอย่างรวดเร็ว พยายามหาทางเปลี่ยนชื่อของเขาในภพจิตั
เมื่อเขาเดินออกมา ข่าวของใครบางคนที่ใช้ชื่อ ‘มีัอยู่ในเป้า’ ได้แพร่กระจายออกไปแล้ว
มีผู้ชมจำนวนมากแห่มาดูเื่ตื่นเต้น
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าหลัวเลี่ยจงใจมายั่วยุเผ่าั และต้องมีเหตุการณ์น่าสนุกให้ดูเป็แน่ นับเป็เื่ปกติที่จะมามุงดูความตื่นเต้น
เป็เื่ธรรมดาที่เผ่าัจะตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาก็มีคนฝีมือดีของเผ่าัสิบกว่าคนมาถึงตัวเขา พวกเขาโกรธมาก จึง้าท้าประลองกับหลัวเลี่ยทันที นอกจากนี้ยัง้าลงโทษหลัวเลี่ยอย่างรุนแรง และพาเขากลับไปรับโทษต่อ
“ฮึ่ม มีัอยู่ในเป้า ในที่สุดเ้าก็มาถึงแล้ว”
เสียงเยือกเย็นดังขึ้น ทำให้เสียงรอบข้างเงียบลง
ฝูงชนเคลื่อนตัวออกไปโดยอัตโนมัติ
ในขณะที่กระโปรงยาวสีแดงกวัดแกว่งเบาๆ ลวดลายเมฆบนกระโปรงก็พลิ้วไหว ทำให้นางดูเหมือนนางฟ้าที่เคลื่อนไหวไปตามลม โดยมีโบสีแดงผูกเอวเรียวเล็กและปกปิดหน้าอกอวบอิ่ม ขณะเดินก็แสดงเสน่ห์อันเย้ายวน ทำให้ผู้ชายหลายคนอยากจะเข้าไปจับ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำท่าทางนี้อย่างชัดเจน ทุกคนต่างกลืนน้ำลาย
แขนขาวเรียบเนียนราวหยกคู่หนึ่งโผล่มาจากแขนเสื้อครึ่งหนึ่ง และมีกำไลัสองวงที่ข้อมือ มีกระดิ่งเล็กๆ อยู่บนกำไลั เมื่อแกว่งแขน มันจะส่งเสียง ‘กรุ๋งกริ๋ง’ ที่ไพเราะมาก ทุกคนต่างรู้ว่ากำไลันี้เป็สมบัติวิเศษของเผ่าั
ภายใต้เมฆดำและเส้นผมที่สวยงาม คือใบหน้าเนียนดั่งหยกสลักไร้ที่ติ คิ้วดกดำราวกับูเาที่มีต้นไม้หนาทึบ ขนตายาว ดวงตาลึกสีดำและเป็ประกายสดใส แก้มบอบบางคาดว่าจะนุ่มเมื่อได้จับ ริมฝีปากสีดอกกุหลาบแย้มเล็กน้อย เผยให้เห็นความขาวของฟัน เพียงแต่สิ่งที่แสดงออกบนใบหน้าที่มีเสน่ห์และน่ารักนั้น เป็สีหน้าเ็าที่แสดงถึงความรังเกียจ
“องค์หญิงสาม!”
“คารวะองค์หญิงเหยียนหรัน”
คนจากเผ่าัทำความเคารพทีละคน
หลังจากฟังไปครู่หนึ่ง หลัวเลี่ยก็ได้รับข้อมูลว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงคนนี้คือหลงเยียนหรัน เ้าหญิงองค์ที่สามของเผ่าั
“จากคำพูดของเ้า ดูเหมือนว่าเ้ากำลังรอให้ข้ามา” หลัวเลี่ยกล่าว
“แน่นอน หึ! ตราหยกเชื่อมิญญาระดับสูงอันนั้นของเ้า เป็ข้าที่ให้ไป” หลงเยียนหรันกล่าวอย่างเ็า
หลัวเลี่ยกะพริบตา นี่เป็สิ่งที่เกินความคาดหมายเล็กน้อย เขาชี้ไปที่ชื่อของเขา “เป็เ้าที่ตั้งชื่อหยาบคายนี้ให้ข้าหรือ”
ัที่อยู่รอบๆ แสดงความโกรธและะโออกมา
หลงเยียนหรันตะคอกอย่างเ็าและพูดว่า “เ้าโง่จริงๆ ข้าเป็องค์หญิงสามของเผ่าั แต่เ้ากลับคิดว่าข้าจะตั้งชื่อที่ดูิ่เผ่าัของข้า? ชื่อที่ข้าคนนี้ตั้งให้เ้าคือเ้านุ่มนิ่มตรงเป้า แต่นางกลับเปลี่ยนชื่อให้เ้า นี่ดูเหมือนว่านางจะเป็ห่วงเ้ามาก นางตั้งชื่อเช่นนี้เพื่อเ้า หึๆ นางไม่รู้หรือว่านี่จะทำให้เ้าตกเป็เป้าของเผ่าั”
คนอื่นไม่รู้ว่าหลงเยียนหรันกำลังพูดถึงใคร แต่หลัวเลี่ยสามารถเดาได้ว่าน่าจะเป็หลิวหงเหยียน
เพียงแต่เขาไม่ล่วงรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างหลิวหงเหยียนกับองค์หญิงสามแห่งเผ่าัเป็อย่างไร ดูเหมือนว่าจะมีมิตรภาพ ขณะเดียวกันก็ดูเหมือนว่าพวกนางทั้งสองมีความอาฆาตกัน มิฉะนั้นนางจะยั่วยุตระกูลเผ่าัด้วยชื่อที่หยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร
“ตกเป็รอง?” แม้ว่าหลัวเลี่ยจะไม่้าสร้างปัญหา แต่เขาก็ไม่กลัวที่จะตอบโต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าหลงเยียนหรันได้ตั้งชื่อเขาว่าเ้านุ่มนิ่มตรงเป้า ทำให้เขาอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น “ยังไม่แน่ว่าใครจะตกเป็รอง”