บทที่ 2 ความหนาวเหน็บแห่งตำหนักเย็น
ลมหนาวพัดกรีดผิว เนื้อตัวสั่นเทิ้มจนไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ หลินชิงซานห่มผ้าห่มผืนบางๆที่เก่าและขาดวิ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่อาจต้านทานความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านเข้ามาจากผนังที่แตกร้าวได้ นางนอนอยู่บนเตียงไม้ที่แข็งกระด้าง เสียงฟันกระทบกันกึกกักดังมาจากมุมห้อง นั่นคือเสียงของหลานหลานและชุนเทียน สองสาวใช้ที่ซื่อสัตย์ซึ่งยังคงติดตามนางอย่างไม่ละทิ้ง
“พระชายา…ท่านหนาวหรือไม่เพคะ” ชุนเทียนถามเสียงแ่เบา น้ำเสียงของนางสั่นเครือด้วยความหนาว
“ข้าไม่เป็ไร” หลินชิงซานตอบกลับไป ใบหน้าของนางถูกซ่อนไว้ใต้ผ้าห่มผืนบางเพื่อไม่ให้สาวใช้ทั้งสองต้องเป็กังวล “แต่เ้าทั้งสองต้องทนให้ได้”
หลานหลานขยับเข้ามาใกล้ชุนเทียนแล้วกอดกันไว้เพื่อแบ่งปันความอบอุ่น “พระชายาโปรดดูแลตัวเองเถอะเพคะ พวกหม่อมฉันทนได้”
หลินชิงซานในร่างของ ซ่งหลิงเฟย นักธุรกิจสาวผู้ประสบความสำเร็จในโลกปัจจุบัน ไม่เคยต้องเผชิญกับความยากลำบากเช่นนี้มาก่อนในชีวิต อาหารทุกมื้อที่ได้มาจากโรงครัวหลวงนั้นเป็เพียงข้าวแข็งๆ กับผักต้มเปื่อยๆ ที่ไร้รสชาติ แถมยังมีกลิ่นเหม็นเน่าเหมือนของเหลือจากโต๊ะอาหาร ความจริงแล้วอาหารเหล่านี้ไม่ได้มาจากโรงครัวหลวงโดยตรง แต่มาจากความเห็นอกเห็นใจของบ่าวรับใช้บางคนที่แอบนำของเหลือจากโรงครัวมาให้นาง
“ทำไมถึงไม่ส่งข้าวของดีๆ ไปให้หลินชิงซานสักที!” หยวนหลิง หัวหน้าขันทีในโรงครัวะโใส่บ่าวรับใช้ที่กำลังล้างจานอย่างไม่พอใจ
“ท่านหัวหน้า…พระสนมชุยิเซียงสั่งกำชับไว้ว่าให้จัดสำรับอย่างง่ายที่สุด และหากมีใครนำอาหารอื่นไปให้นางจะต้องถูกลงโทษถึงขั้นปะาเพคะ” บ่าวรับใช้คนหนึ่งตอบกลับมาด้วยความหวาดกลัว
“พระนางชุยิเซียงผู้นี้ช่างอำมหิตยิ่งนัก” หยวนหลิงส่ายหน้าด้วยความสมเพช “ไม่น่าเชื่อว่าท่านอ๋องจะหลงเชื่อคำพูดของนางได้อย่างสนิทใจ”
ในห้องนอนที่เย็นะเื หลินชิงซานลุกขึ้นนั่ง จ้องมองไปยังกำแพงที่เก่าแก่ นางไม่ได้คิดถึงความทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญ แต่กำลังคิดหาวิธีที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ จี้หยก ที่แขวนอยู่ที่คอของนางเรืองแสงออกมาเล็กน้อย ปมที่โยงไปสู่คดีวางยาพิษฮ่องเต้ยังคงเป็เื่ที่หลอกหลอนนาง
“ต้องมีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติแน่…” นางพึมพำกับตัวเองเบาๆ
จี้หยกนี้เป็ของวิเศษที่ติดตัวนางอยู่แล้วั้แ่ตอนทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้แล้วเมื่อใดที่นาง้าอ่านความคิดของคนอื่น จี้หยกจะเรืองแสงขึ้น และนางจะสามารถได้ยินเสียงความคิดของคนเ่าั้ได้อย่างชัดเจน แต่พลังนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ และ้าพลังจิตที่สูงมาก ซึ่งนางค้นพบว่าสามารถอ่านใจคนได้ ซึ่งในร่างเดิมไม่เป็แบบนี้ อาจจะยังไม่ถูกที่ถูกคนก็ได้
“เราจะใช้มันได้ก็ต่อเมื่อมีสมาธิและไม่มีใครรบกวน…” หลินชิงซานคิดในใจ
เช้าวันรุ่งขึ้นแตะละวัน แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ เข้ามาในห้อง หลานหลานและชุนเทียนตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย ใบหน้าของพวกนางซีดเซียวและดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด หลินชิงซานมองดูพวกนางด้วยความสงสาร นางรู้ดีว่าหากต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปนานๆ พวกนางคงจะทนไม่ไหว
“พวกเ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ข้ายังมีทางออกเสมอ”
ชุนเทียนเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความหวัง “พระชายายังมีทางออกหรือเพคะ”
หลินชิงซานพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่…ข้าจะหาทางออกให้พวกเ้าเอง”
ขณะเดียวกันในตำหนักเฉิงกวนของไทเฮา พระองค์กำลังนั่งนิ่งอยู่ในห้องบรรทม ใบหน้าของพระองค์เต็มไปด้วยความกังวลและเศร้าหมอง มู่หลิง ขันทีคนสนิทของไทเฮาถวายชาให้พระองค์ด้วยความเคารพ
“ฝ่าา…ทรงกังวลเื่ของท่านชายาหลินอยู่หรือพะยะค่ะ” มู่หลิงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
ไทเฮาพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่…ข้ากังวลใจนัก หลินชิงซานเป็เด็กดี นางไม่เคยทำเื่ชั่วร้าย หากนางไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเื่นี้จริงๆ แล้วใครกันที่อยู่เื้ั”
“พระสนมชุยิเซียงพะยะค่ะ” มู่หลิงตอบทันที “บ่าวได้ยินมาว่านางวางแผนการนี้มาเป็เวลานานแล้ว”
“แต่เราไม่มีหลักฐาน…เราไม่สามารถไปกล่าวโทษนางได้” ไทเฮากล่าวอย่างเ็ป “หยางเทียนหลงก็หลงเชื่อในคำพูดของนางจนไม่ลืมหูลืมตา”
“บ่าวจะพยายามสืบสวนให้พะยะค่ะ” มู่หลิงกล่าวอย่างมุ่งมั่น “แต่คงต้องใช้เวลา”
ในตำหนักเย็นเป่ยอิง หลินชิงซานใช้เวลาทั้งวันในการพยายามควบคุมพลังของจี้หยก นางรู้สึกได้ถึงความยากลำบากที่ต้องใช้สมาธิอย่างมาก ใน่แรกๆ นางได้ยินเพียงเสียงความคิดที่สับสนวุ่นวาย แต่เมื่อนางพยายามทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง เสียงเ่าั้ก็เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ในที่สุด…ข้าก็จะกำจัดนางได้แล้ว…”
เสียงความคิดของใครคนหนึ่งดังขึ้นในหัวของหลินชิงซาน นางเบิกตากว้างด้วยความใ มันเป็เสียงของชุยิเซียง
“นางผู้โง่เขลา…กล้าดียังไงมาเป็ชายาเอกของท่านพี่…” เสียงความคิดนั้นเต็มไปด้วยความชิงชัง “ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว…ที่ข้าจะส่งนางไปนรกภูมิ”
หลินชิงซานถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธและความเ็ป นางไม่เคยคิดว่าชุยิเซียงจะโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้ ไม่ใช่แค่วางแผนใส่ร้าย แต่ยังคิดที่จะฆ่านางอีกด้วย
ในคืนนั้นขณะที่ทุกคนหลับไปแล้ว หลินชิงซานใช้จี้หยกอ่านความคิดของหลานหลานและชุนเทียน นาง้าจะรู้ว่าพวกนางคิดอะไรอยู่
“พรุ่งนี้เราจะออกไปข้างนอก…ไปหาของกินที่ตลาด…จะดีกว่าไหมนะ” เสียงความคิดของหลานหลานดังขึ้น
“สงสารพระชายาที่สุด ท่านอ๋องใจร้ายมาก เราจะช่วยพระชายาอย่างไรดี…” เสียงความคิดของชุนเทียนเต็มไปด้วยความกังวล
“ถ้าท่านอ๋องมาเห็นสภาพของพระชายาตอนนี้…ท่านคงจะเสียใจ” เสียงความคิดของหลานหลานดังขึ้น นางกำลังกังวลใจถึงความหนาวเย็นที่กัดกินร่างกายของเ้านาย “เราจะช่วยให้พระชายามีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้อย่างไรนะ…”
“ท่านอ๋องทรงไม่เคยเหลียวแลพระชายา…นางต้องเ็ปเพียงใดกันนะ” เสียงความคิดของชุนเทียนเต็มไปด้วยความสงสาร “ถ้าเราสามารถทำให้พระชายายิ้มได้อีกครั้ง…คงจะดีไม่น้อย”
“วันนี้ท่านอ๋องยังคงดื่มเหล้าจนเมามาย” เสียงความคิดของ หลี่กงกง ขันทีคนสนิทของอ๋องดังขึ้นในหัว “สงสารท่านอ๋องยิ่งนัก…ท่านคงจะเสียใจที่ลงโทษท่านชายาหลินไป”
หลินชิงซานรู้สึกประหลาดใจ นางไม่เคยคิดว่าฉินอ๋องจะรู้สึกผิดในเื่นี้ และนางยังได้ยินเสียงความคิดของ หลี่จี๋ หัวหน้าขันทีในโรงครัวด้วย
“พรุ่งนี้ข้าจะแอบซ่อนอาหารดีๆ ไว้ให้ท่านชายาหลิน” เสียงความคิดของหลี่จี๋ดังขึ้น “หวังว่านางคงจะได้กิน…นางเป็คนดีเกินกว่าจะถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้”
หลินชิงซานยิ้มออกมาเล็กน้อย นางรู้แล้วว่านางจะต้องทำอะไรในวันพรุ่งนี้ นางจะต้องออกจากตำหนักนี้เพื่อไปใช้ชีวิตใหม่ด้วยตัวเอง นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ถูกกำหนด นางจะต้องพลิกชะตาให้กลับคืนมาอยู่ในมือของตัวเองให้ได้
และจี้หยกนี้จะเป็เครื่องมือที่จะช่วยให้นางได้สิ่งที่นาง้า
หลินชิงซานยิ้มออกมาเล็กน้อย นางรู้แล้วว่านางจะต้องทำอะไรในวันพรุ่งนี้ นางจะต้องออกจากตำหนักนี้เพื่อไปใช้ชีวิตใหม่ด้วยตัวเอง นางไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาที่ถูกกำหนด นางจะต้องพลิกชะตาให้กลับคืนมาอยู่ในมือของตัวเองให้ได้
และจี้หยกนี้จะเป็เครื่องมือที่จะช่วยให้นางได้สิ่งที่นาง้า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินชิงซานตื่นขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น นางบอกกับหลานหลานและชุนเทียนว่านางจะออกไปจากตำหนักเย็นเพื่อหาทางเอาชีวิตรอด ทั้งสองคนพยายามคัดค้าน แต่นางก็ยืนยันในเจตนารมณ์
“เชื่อข้า…นี่คือทางเดียวที่เราจะรอด” นางพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว
ทั้งสามคนแต่งกายด้วยชุดที่มิดชิดที่สุดแล้วก็แอบออกจากตำหนักเย็นในยามที่ทหารยามเปลี่ยนเวร การเดินทางในความมืดนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่หลินชิงซานก็ไม่หวั่นไหว
เมื่อมาถึงนอกตำหนัก ทั้งสามคนก็ได้พบกับความหนาวเย็นที่กัดกินไปทั่วทั้งร่าง แต่ความหนาวนี้ก็เทียบไม่ได้เลยกับความหนาวเย็นที่แผ่ซ่านอยู่ในหัวใจของหลินชิงซาน
“จากนี้ไป…ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเราได้อีกแล้ว…”
นางมองไปยังแสงไฟที่ริบหรี่ในเมืองหลวง ซื่อจิง นั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ของนาง ชีวิตที่เต็มไปด้วยความท้าทายและการต่อสู้
การตัดสินใจของหลินชิงซานในครั้งนี้จะนำพานางไปสู่การเผชิญหน้ากับโชคชะตาที่คาดไม่ถึง และการได้พบกับใครบางคนที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตของนางไปตลอดกาล หรืออาจจะนำพานางไปสู่ความอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ติดตามได้ในตอนต่อไป…
***///***
