เมื่อกลับถึงจวนก็เป็เวลาพลบค่ำแล้ว
เพียงแต่ด้วยสถานะของไป๋เซี่ยเหอในตอนนี้ จึงไม่มีผู้ใดกล้าพูดลับหลังนางอีก
ตลอดทางที่กลับมายังเรือนสุ่ยฉิง
“บ่าวคารวะคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ”
สาวใช้ล้วนยืนเรียงแถวทำความเคารพอยู่หน้าประตูโดยไม่กล้าล่าช้าแม้แต่น้อย
ตอนนี้ทุกคนในจวนรู้กันทั่วแล้วว่าคุณหนูใหญ่ไม่ใช่คุณหนูใหญ่คนเดิมในวันวานอีกแล้ว
“มีเื่อะไรหรือ?”
สาวใช้คนหนึ่งที่ดูเฉลียวฉลาดก้าวออกมาด้านหน้า ก่อนจะทำความเคารพอย่างมีมารยาท “ตอบคุณหนูใหญ่ ไป๋เหล่าฮูหยินให้พวกเรามาที่นี่ โดยบอกว่าจะให้คุณหนูใหญ่เลือกสาวใช้ด้วยตนเองเ้าค่ะ”
“ไม่จำเป็ ข้าชอบความสงบ”
หลังกล่าวจบนางก็เดินเข้าไปในเรือน วิธีการสอดแนมพรรค์นี้ช่างต่ำช้าเสียจริง นางไม่มีเวลาสำหรับเื่นี้อีกต่อไป
นางยังมีธุระที่ต้องทำอีกมากมาย!
ฝูเอ๋อร์เบะปาก “ไม่ได้ยินที่คุณหนูใหญ่พูดหรือ?”
สาวใช้เ่าั้แยกย้ายกันไป คำซุบซิบจำนวนมากล่องลอยอยู่กลางอากาศ
นางอ่านสมุดบันทึกทั้งสองเล่มจบแล้ว เพียงแต่เล่มที่หนาเตอะนั้นเห็นได้ชัดว่ายังมีเล่มต่อไปอีก นางต้องค้นหาให้ดี
นางวางสมุดบันทึกไว้ในกล่อง ทำให้กลไกกลับมาทำงานตามปกติ
ทันใดนั้นไป๋เซี่ยเหอก็นึกถึงรูปภาพที่ไป๋เสียนอันเอ่ยถึงขึ้นมา
บางทีมารดาอาจทิ้งสิ่งของอะไรไว้อีกที่ยังไม่ถูกค้นพบ นางต้องรีบหาให้พบก่อนไป๋เสียนอันให้จงได้!
“คุณหนู รับประทานอาหารได้แล้วเ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์เคาะประตูเบาๆ นับั้แ่คุณหนูใหญ่เปลี่ยนไป ก็ดูเหมือนจะชอบความสันโดษมากขึ้นเรื่อยๆ
“ได้”
เมื่อเก็บกล่องเก่าๆ ใบนี้เรียบร้อยแล้ว ไป๋เซี่ยเหอก็เดินมาที่ห้องโถงด้านหน้า
ระหว่างที่ฝูเอ๋อร์จัดสำรับ ก็เล่าเื่ซุบซิบที่ได้ยินมาวันนี้ให้ไป๋เซี่ยเหอฟัง
“คุณหนูใหญ่ บ่าวได้ยินมาว่าซู่เนี่ยนตายแล้วเ้าค่ะ”
“ผู้ใดคือซู่เนี่ยน?”
สาวใช้ในจวนสกุลไป๋มีมากมายนัก นางคร้านที่จะจดจำชื่อของสาวใช้ที่ไม่ได้สลักสำคัญจริงๆ
“นางคือ...สาวใช้ข้างกายของอี๋เหนียงรองเ้าค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหอคีบผักใส่ปาก
“นางตายอย่างไร?”
“ฆ่าตัวตายเ้าค่ะ ได้ยินมาว่านางทิ้งคำสั่งเสียไว้ว่านาง้าตายตามอี๋เหนียงรองไปเ้าค่ะ”
ผิดปกติ
ลู่เป๋าเหยาตายมาหลายวันแล้ว แม้ว่าใน่แรกนางจะมีความกล้ามากพอที่จะตายตามเ้านาย แต่ความกล้านั้นก็คงจืดจางไปเนิ่นนานแล้ว
เหตุใดถึงได้ฆ่าตัวตายอย่างกะทันหันเช่นนี้?
“่นี้นางติดต่อกับผู้ใดบ้างหรือไม่? อย่างเช่นไป๋หว่านหนิง”
“ไม่เลยเ้าค่ะ ว่ากันว่านับั้แ่อี๋เหนียงรองจากไป นางก็ขังตนเองอยู่ในเรือนทุกวันไม่ออกไปไหน กระทั่งวันนี้มีคนได้ยินการเคลื่อนไหวถึงได้เรียกคนมาพังประตูเข้าไปเ้าค่ะ”
ในจวนสกุลไป๋นั้น ถือเป็เื่ปกติมากที่สาวใช้ระดับหนึ่งจะมีห้องพักเป็ของตนเอง
“เ้าไปสอบถามมาว่าร่างของลู่เป๋าเหยาถูกฝังไว้ที่ใด”
เดิมทีลู่เป๋าเหยาเป็เพียงอนุภรรยา จึงไม่มีคุณสมบัติที่จะถูกฝังไว้ในหลุมศพของบรรพชน กอปรกับนางตายอย่างน่าอับอายขายหน้า ได้ยินมาว่าร่างของนางถูกทิ้งอย่างส่งๆ
“เ้าค่ะ”
ฝูเอ๋อร์ไม่ได้ถามมากความ แม้นางจะรู้สึกว่าการกระทำของคุณหนูใหญ่ออกจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย
ไป๋เซี่ยเหอมองอาหารรสเลิศเบื้องหน้า จู่ๆ นางก็หมดความอยากอาหาร ราวกับมีลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ
กิ่งไม้ถูกสายลมเย็นะเืพัดผ่านจนสั่นไหวอย่างรุนแรงที่นอกหน้าต่าง นางรู้สึกว่าฝนกำลังจะตก
ม่านราตรีมาเยือน
เงาร่างสีดำสายหนึ่งย่อตัวเคลื่อนที่ไปตามกำแพงอย่างรวดเร็วราวกับแมวดาวก็ไม่ปาน เพียงชั่วพริบตาก็กระโจนข้ามกำแพง ก่อนจะอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คนเคาะยาม[1]กำลังหาว เมื่อเงาสายหนึ่งแวบผ่านไป เขาก็ใเสียจนลืมเตือนภัย
ณ บ่อนพนันว่านก้วน
“คุณหนูจะมาจริงหรือ?”
จิ่วหานเป่าลมหายใจไปที่มือทั้งสองข้าง ก่อนจะนำมือมาถูกัน เขามองตรงไปยังความมืดมิดเบื้องหน้าด้วยความสงสัยเล็กน้อย
เงาสองสายยืนอยู่หน้าประตู แต่ละคนตัวสั่นงันงกจากความหนาวเย็น
นับั้แ่เซี่ยถิงรู้ว่าบ่อนพนันว่านก้วนคือกิจการของไป๋เซี่ยเหอ เขาก็ตกอยู่ในความสับสน
ข้อมูลนี้ออกจะมากเกินไป เขารับไม่ไหวอยู่เล็กน้อย
หากบุรุษมีความสามารถเช่นนี้ เขาจะไม่ตกตะลึงเลย ทว่าเ้านายของเขาดันเป็สตรีเสียนี่
สตรีประหลาดนางหนึ่ง!
“มาแล้ว”
สายตาอันคมกริบของเซี่ยถิงมองเห็นเงาสายหนึ่งเคลื่อนที่เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่านางจะสวมชุดดำรัดรูป แตกต่างจากเมื่อกลางวันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม
ถึงอย่างนั้นเขาก็มองออกในปราดเดียว
“ข้าน้อยคารวะนายท่าน”
เซี่ยถิงทำความเคารพอย่างมีมารยาท
ทว่าจิ่วหานรุดออกมาต้อนรับด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์น่ารัก เขายิ้มตาหยี “นายท่านมาแล้ว”
อุปนิสัยของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างชัดเจน
คนหนึ่งใจเย็น
อีกคนกระตือรือร้น
“เข้าไปคุยกันด้านใน”
บ่อนพนันในยามราตรีครึกครื้นยิ่งกว่ายามกลางวันไม่รู้กี่เท่า ทั้งสามคนเดินผ่านฝูงชนขึ้นไปยังชั้นสามโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
ห้องพักด้านในสุดบนชั้นสามได้ถูกปรับปรุงใหม่ตามคำสั่งของไป๋เซี่ยเหอ มันได้กลายเป็ห้องของไป๋เซี่ยเหอโดยเฉพาะ
เมื่อเดินเข้ามาในห้องและปิดประตู
ภายในก็เงียบสงบ แตกต่างจากเสียงเอะอะโวยวายที่ชั้นล่าง
“่นี้บ่อนพนันเป็อย่างไรบ้าง?”
ไป๋เซี่ยเหอชิงถามก่อน
“ไม่เลวขอรับ ข้าได้หาคนที่น่าเชื่อถือมาจัดการ ข้าเพียงต้องจับตาดูเป็ครั้งคราวเท่านั้นขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอมีสีหน้าแปลกประหลาด “เ้าหามาได้อย่างไร?”
“ข้าหาเรือนหลังใหม่ให้เขา เขาซาบซึ้งใจจนหลั่งน้ำตา เมื่อเป็เช่นนั้น เขาย่อมกระทำการสิ่งต่างๆ แทนข้าด้วยใจจริงเป็แน่”
ไป๋เซี่ยเหอกระตุกมุมปากเล็กน้อย สามารถเอ่ยถ้อยคำเช่นนี้ได้อย่างสง่าผ่าเผยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ก็นับว่าน่านับถือมาก
นั่นคือการกุมจุดอ่อนของผู้อื่นชัดๆ!
ทว่าในเมื่อนางมอบบ่อนพนันให้จิ่วหานรับผิดชอบแล้ว เขาจะใช้วิธีการใดก็เป็เื่ของเขา
ทุกคนย่อมมีวิธีการที่แตกต่างกัน นางไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย
ยิ่งไปกว่านั้น หากคนที่จิ่วหานใช้งานไม่มีเจตนาร้าย
ก็ย่อมเป็ผลดีกับเขา ไม่ใช่เื่แย่แต่อย่างใด
“เ้าจะทำอย่างไรก็แล้วแต่เ้า”
จิ่วหานยิ้มยิงฟันอีกครา เขามองคนไม่ผิดจริงๆ
“นายท่าน แล้วจะให้ข้าทำอะไรหรือขอรับ?”
สีหน้าของเซี่ยถิงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
“ติดตามข้า”
“อะไรนะขอรับ!”
จิ่วหานร้องเสียงหลงทันที ใบหน้าอันอ่อนเยาว์และน่ารักมีคำว่าน้อยอกน้อยใจแปะอยู่บนนั้น
“เหตุใดข้าถึงไม่ได้ติดตามท่านเล่า? วรยุทธ์ของข้าสูงกว่าเขา รูปโฉมก็ดูดีกว่า ทั้งยังรับใช้ท่านมานานกว่าด้วย!”
เมื่อถูกเปรียบเทียบเช่นนี้ ใบหน้าของเซี่ยถิงก็แดงก่ำทันที เขายิ่งรู้สึกว่าไป๋เซี่ยเหอเป็เทพธิดาลงมาจุติมากยิ่งขึ้น
เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามีลูกน้องที่ดีกว่าเขาทุกอย่าง ทว่ายังเต็มใจช่วยเหลือเขา
เขารู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง
“เ้ายังมีเื่อื่นต้องทำ ยิ่งไปกว่านั้น วรยุทธ์ของเ้าเอาชนะข้าได้หรือไม่?”
จิ่วหานเงียบไป
ความนับถือที่เซี่ยถิงมีต่อไป๋เซี่ยเหอยิ่งมากขึ้นไปอีก
“เช่นนั้นข้าต้องทำอะไรหรือขอรับ?”
“อยู่ข้างนอกและคอยติดต่อผู้คนให้ข้า ถึงอย่างไรสถานะของข้าก็ไม่สะดวกที่จะเคลื่อนไหวไปตามที่ต่างๆ”
ทั้งสองคนเข้าใจเื่นี้และไม่โต้แย้งอีก ทว่าจิ่วหานยังคงรู้สึกอิจฉาอยู่เล็กน้อย
เขาเองก็อยากติดตามอยู่ข้างกายของเ้านายเหมือนกัน
เขาพบว่ายิ่งเขาเข้าใกล้นางมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่านางลึกลับมากขึ้นเท่านั้น เขา้าเห็นว่านางยังมีความสามารถอะไรอีกบ้าง
“คืนนี้นายท่านอยากให้ข้าทำอะไรหรือขอรับ?”
เปลวเทียนลุกโหม แสงเทียนสาดส่องใบหน้าด้านข้างของไป๋เซี่ยเหอและสะท้อนจนเกิดเป็เงาสายหนึ่ง แววตาของนางดูคาดเดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ซื้อเรือนหลังหนึ่ง ข้า้าเรือนหลังใหญ่”
“้าเรือนไปทำอะไรหรือขอรับ? ข้าจำเป็ต้องกะขนาด หากไม่สะดวกท่านไม่ต้องบอกก็ได้ ขอเพียงบอกขนาดคร่าวๆ ก็ได้ขอรับ”
แม้ว่าจิ่วหานจะมีใบหน้าอ่อนเยาว์ ทว่าเมื่อถึงคราวจริงจังขึ้นมาก็ดูเด็ดเดี่ยวเป็อย่างยิ่ง
“วันหน้าข้าจะอาศัยอยู่ที่นั่น เรืองหลังนั้นต้องมีลานขนาดใหญ่ด้านหลัง เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมคน”
สีหน้าของบุรุษตัวใหญ่ทั้งสองคนดูจริงจังขึ้นมา เืสูบฉีดไปทั่วร่าง
พวกเขามีลางสังหรณ์บางอย่าง
เ้านายของพวกเขาเป็บุคคลที่มีความทะเยอทะยาน!
“จิ่วหาน ข้าอยากให้เ้าช่วยข้าสะสางเื่ราวบางอย่าง”
หลังจากครุ่นคิดอยู่หลายรอบ ไป๋เซี่ยเหอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เพราะฉะนั้นสืบเื่นี้ให้กระจ่างย่อมดีกว่า
“นายท่านโปรดสั่งมาได้เลยขอรับ”
ไป๋เซี่ยเหอพรรณาเกี่ยวกับสถานที่สองแห่งที่ฝูเอ๋อร์สอบถามมาได้ให้จิ่วหานฟัง ทั้งยังหาภาพเหมือนเก่าๆ ของลู่เป๋าเหยาจากในจวนมาด้วย
สำหรับซู่เนี่ยนนั้น ฝูเอ๋อร์บอกว่ามีรอยขนาดครึ่งฝ่ามือที่หลังหูของนาง ซึ่งทำให้การระบุตัวนางไม่ใช่เื่ยาก
------------------------
[1] คนเคาะยาม หมายถึง ระบบบอกเวลา เตือนประชาชนให้ป้องกันไฟและการโจรกรรมในสมัยโบราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้